YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 233 OF 365

วิธีค้นพบและรักษาสันติสุข

ในปี 1555 นิโคลัส ริดลีย์ อดีตบิชอฟแห่งลอนดอน ถูกเผาที่เสาเข็มในเมืองอ๊อกซ์ฟอร์ด เพราะความเชื่อของเขา ในคืนก่อนการประหารชีวิตของริดลีย์ พี่ชายของเขาอาสาที่จะอยู่กับเขาในห้องขังเพื่อคอยช่วยเหลือและปลอบโยนเขา นิโคลัสปฏิเสธและตอบว่าเขาตั้งใจจะเข้านอนและนอนหลับอย่างสงบเหมือนอย่างที่เคยทำในชีวิต เพราะเขารู้จักสันติสุขของพระเจ้า เขาจึงสามารถพักผ่อนในอ้อมแขนนิรันดร์ของพระเจ้านี่คือความต้องการของเขา สันติสุขคือพระพรอันยิ่งใหญ่ ‘สันติสุข’ เป็นคำที่มีความสำคัญอย่างมากในพระคริสตธรรมคัมภีร์ คำภาษาฮีบรูของสันติสุข คือ *ชาโลม (Shalom)* แปลเป็นคำภาษากรีกว่า เอเรเน (eirene) มีความหมายมากกว่าการไม่มีสงครามหรือการไม่มีศัตรู ไม่ใช่แค่การไร้ซึ่งสถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้น แต่เป็นการทรงสถิตของพระเจ้าและการครอบครองพระองค์ ซึ่งหมายถึงความบริบูรณ์ ความเต็มเปี่ยม ความผาสุก ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า นั่นคือพระพรและความดีทุกประการ เพื่อนำสันติสุขมาสู่ผู้อื่น เราต้องค้นหาและยึดมั่นในสันติสุขภายในตัวของเราก่อน

สดุดี 101:1-8

สันติสุขในพระเจ้า

‘สันติสุข’ และ ‘ความเงียบสงบ’ มีความหมายไปในทิศทางเดียวกัน สดุดีบทนี้พูดถึงบุคคลผู้ใส่ร้ายและคนอธรรมถูก ‘ทำลายเสีย' (ข้อ 5–8)

ดาวิดร้องเพลงเกี่ยวกับ ‘ความจงรักภักดีและความยุติธรรม’ ของพระเจ้า (ข้อ 1ก) เราพูดกันมากมายเกี่ยวกับความรักของพระเจ้า แต่ด้านความยุติธรรมของพระองค์ เรากลับไม่ได้พูดถึงมากเท่า ซึ่งที่จริงแล้วสำคัญพอ ๆ กัน ความรักที่ไม่คำนึงถึงความยุติธรรมไม่ใช่ความรักที่แท้จริง เพราะความรักนั้นเรียกร้องความยุติธรรม

เฉพาะผู้ที่ ‘ดีพร้อม’ (ข้อ 2,6) เท่านั้นที่สามารถ ‘อาศัยอยู่’ กับดาวิดได้ (ข้อ 6ข) ‘ปรนนิบัติ’ เขา (ข้อ 6ค) และ ‘ยั่งยืน’ อยู่ ‘ต่อหน้า’ (ข้อ 7) การใส่ร้าย (ข้อ 5ก) ความยโสและจองหอง (ข้อ 5ข) และ ‘ล่อลวง’ (ข้อ 7) เป็นบาปของคำพูด จิตใจ และการกระทำ บาปเหล่านี้ทำให้เราอยู่ภายใต้การพิพากษาของพระเจ้า

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับไม้กางเขนที่ ‘ความรัก’ และ ‘ความยุติธรรม’ อยู่ด้วยกัน คือที่ที่ความจริงและความเมตตามาบรรจบกัน นี่คือที่ที่พระเจ้าเป็นทั้ง ‘ความยุติธรรม’ และทรงทำให้ผู้ที่เชื่อในพระองค์เป็นคนชอบธรรม (โรม 3:23–26) หากไม่มีไม้กางเขน เราจะต้องถูกตัดขาดจากพระเจ้า (สดุดี 101:8)

ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ โดยทางพระเยซูคริสต์ ข้าพระองค์ได้รับความชอบธรรมโดยความเชื่อและมีสันติสุขเฉพาะพระพักตร์พระองค์ (โรม 5:1) ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์นำถ้อยคำแห่งความรัก ความยุติธรรม และสันติสุขมาสู่โลกใบนี้ด้วย

1 โครินธ์ 14:20-40

สันติสุขในคริสตจักร

‘พระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย แต่เป็นพระเจ้าแห่งสันติสุข’ (ข้อ 33) อัครสาวกเปาโลบอกชัดเจนว่าธรรมชาติและการงานของประทานแห่งพระวิญญาณนั้น ไม่ได้สร้างความวุ่นวายในการประชุมของคริสตจักร ‘เมื่อเรานมัสการอย่างถูกต้อง พระเจ้าจะไม่กวนใจเราให้สับสน พระองค์ทรงนำเราเข้าสู่ความปรองดองกัน’ (ข้อ 33 ,พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลบรรยายถึงวิธีการประชุมที่สงบสุข สามัคคี และเป็นระเบียบเรียบร้อยในคริสตจักร ‘แต่จงให้ทุกสิ่งมีความเหมาะสมและเป็นระเบียบเถิด’ (ข้อ 40) อาจหมายถึงการอยู่เงียบ ๆ (ข้อ 28) เพื่อให้ผู้อื่นได้พูด

สิ่งนี้ทำให้เราเข้าใจได้ว่าการประชุมของคริสตจักรเป็นอย่างไรในคริสตจักรยุคแรก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคาดหวังว่าของประทานของพระวิญญาณจะถูกใช้สม่ำเสมอ ‘เมื่อพวกท่านมาชุมนุมกัน แต่ละคนก็มีเพลงสดุดี มีคำสอน มีคำวิวรณ์ มีการพูดภาษาแปลกๆ มีการแปลภาษาแปลกๆ’ (ข้อ 26)

ของประทานต้องบริหารการใช้อย่างมีระเบียบ ไม่ควรที่จะมีอะไรแปลกหรือน่าตื่นตาเกี่ยวกับของประทานฝ่ายวิญญาณ นี่อาจทำให้บางคนแปลกใจที่นักร้อง เคที เพอร์รี เคยกล่าวไว้ว่า ‘การพูดภาษาแปลก ๆ เป็นเรื่องปกติสำหรับฉันเหมือนกับการที่คนอื่น “หยิบเกลือมาให้” มันเป็นความลับ เป็นภาษาการอธิษฐานที่ส่งตรงถึงพระเจ้า’

ความเห็นของเปาโลเกี่ยวกับการเผยพระวจนะและการใช้ภาษาแปลก ๆ เป็น ‘หมายสำคัญ’ มักทำให้เกิดความสับสน ดูเหมือนท่านจะพูดอย่างหนึ่งในข้อ 22 (ภาษาแปลก ๆ จึงไม่เป็นหมายสำคัญสำหรับพวกที่เชื่อ แต่การเผยพระวจนะนั้นสำหรับพวกที่เชื่อแล้ว) และในทางกลับกันในข้อ 23! ไม่น่าเป็นไปได้ที่เปาโลจะพูดขัดแย้งกับตัวเอง

สำหรับผม ดูเหมือนว่าเปาโลกำลังบอกว่าทั้งของประทานของการพูดภาษาแปลก ๆ และของประทานการเผยพระวจนะควรใช้อย่างเหมาะสมเท่านั้น ตลอดพระธรรมบทนี้ เปาโลได้ให้คำแนะนำในการใช้ภาษาแปลก ๆ และการเผยพระวจนะอย่างเป็นระเบียบในคริสตจักร เมื่อใช้อย่างไม่เหมาะสม ทั้งสองสิ่งอาจเป็นที่มาของความสับสนวุ่นวาย (ข้อ 6–12 และข้อ 29–33) ซึ่งผู้ไม่เชื่อจะคิดว่าเราเสียสติไปแล้ว

หากใช้อย่างเหมาะสมในบริบทของการประชุมคริสตจักร ทั้งภาษาแปลก ๆ และการเผยพระวจนะอาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้า (ข้อ 22-25) การเผยพระวจนะอาจเป็น ‘หมายสำคัญ’ ที่ทรงพลังสำหรับผู้ไม่เชื่อว่า ‘พระเจ้าสถิตอยู่ท่ามกลางพวกท่านอย่างแน่นอน!’ (ข้อ 25) เรามักจะเห็นกรณีนี้กันบ่อยๆ

ในขณะที่มีการพูดภาษาแปลก ๆ เป็นหมู่คณะ การพูดภาษาแปลก ๆ เป็นการกระทำส่วนตัวจำเป็นต้องมีการตีความ ดังนั้น ที่ประชุมจึง ‘จงให้พูดเพียงสองคนหรืออย่างมากที่สุดก็สามคน และให้พูดทีละคน แล้วให้อีกคนหนึ่งแปล แต่ถ้าไม่มีใครแปลได้ก็ให้เขาอยู่เงียบๆ ในที่ประชุมและให้พูดกับตัวเองและทูลต่อพระเจ้า’ (ข้อ 27–28)

ในทำนองเดียวกัน การเผยพระวจนะไม่ได้จำกัดอยู่กับจำนวนของคำเผยพระวจนะ ผู้พูดสามารถที่จะควบคุมตนเองได้: ‘จิตวิญญาณของพวกผู้เผยพระวจนะนั้น ย่อมอยู่ในบังคับพวกผู้เผยพระวจนะ’ (ข้อ 32) ในโลกของมาร ‘จิตวิญญาณ’ เข้าครอบงำบุคคลและพวกเขาสูญเสียการบังคับตน แต่ไม่ใช่เช่นนั้นกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ คนที่พูดภาษาแปลก ๆ หรือเผยพระวจนะนั้นมีสติและสามารถควบคุมได้เต็มที่ พวกเขาสามารถเลือกที่จะพูดและพวกเขาสามารถเลือกที่จะหยุดได้ ‘เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย แต่เป็นพระเจ้าแห่งสันติ’ (ข้อ 33)

มีคำอธิบายมากมายสำหรับคำแนะนำของอาจารย์เปาโลว่าผู้หญิงควรอยู่เงียบ ๆ ในคริสตจักร (ข้อ 34) สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าจุดเน้นของอาจารย์เปาโลที่นี่ไม่ได้อยู่ที่บทบาททางเพศแต่อยู่ที่ระเบียบการนมัสการในที่สาธารณะ อาจารย์เปาโลกำลังพูดถึงปัญหาเฉพาะที่เกิดขึ้นในคริสตจักรที่เมืองโครินธ์ เขาได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาได้คาดหวังให้ผู้หญิงพูดในที่ประชุม เขาเขียนว่า ‘แต่ผู้หญิงทุกคนที่อธิษฐานหรือเผยพระวจนะ...’ (11:5)

สิ่งที่ชัดเจนคือผู้คนทั้งชายและหญิงไม่ได้มาเพียงในฐานะผู้รับแต่ในฐานะผู้ให้ คำถามที่เราควรถามไม่ใช่ว่า ‘ฉันได้อะไรจากคริสตจักร’ แต่ ‘ฉันกำลังให้อะไรกับคริสตจักร’ พวกเขาไม่ได้มาเพียงเพื่อรับแต่เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นด้วย 'เมื่อพวกท่านมาชุมนุมกันเพื่อนมัสการ แต่ละคนก็เตรียมสิ่งที่จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน’ (14:26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) หากเราทุกคนมาคริสตจักรด้วยท่าทีของการเป็นผู้ให้ สิ่งนี้จะเปลี่ยนการนมัสการของเราโดยสิ้นเชิง

พระองค์เจ้าข้า โปรดทรงช่วยเราในการรับใช้และการประชุมในคริสตจักรเพื่อใช้ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อเสริมสร้างกันและกัน เมื่อผู้คนเข้ามาในคริสตจักรพวกเขาจะ ‘ทรุดตัวลงซบหน้านมัสการพระเจ้ากล่าวว่า พระเจ้าสถิตอยู่ท่ามกลางพวกท่านอย่างแน่นอน’ (ข้อ 25)

2 พงศาวดาร 13:1-15:19

สันติสุขในประเทศชาติ

สงคราม ได้ทำลายประเทศต่าง ๆ (15:5,6) มันนำมาซึ่งความตาย ความพินาศ และความยากจน ในทางกลับกัน สันติภาพช่วยให้ประเทศชาติถูกสร้างและเจริญขึ้น (14:7)

เมื่ออาสาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ ‘แผ่นดินสงบอยู่สิบปี' (ข้อ 1) สันติสุขนี้เป็นของประทานจากพระเจ้า ‘พระเจ้าประทานสันติสุข’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

สันติสุขและการหยุดพักนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ผู้เขียนพงศาวดารได้ตอบคำถามนี้ไว้สามสิ่ง:

1. แสวงหาพระเจ้าอย่างสุดใจ
เมื่อพวกเขา ‘ร้องทูลต่อพระยาห์เวห์’ (13:14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ว่าพระเจ้า ‘ทรงมอบพวกเขา’ ไว้ (ข้อ 16) กษัตริย์อาสา ‘บัญชาให้ยูดาห์แสวงหาพระยาห์เวห์’ (14:4) และกล่าวกับประชาชนว่า ‘เรามีแผ่นดินอันสงบสุขนี้เพราะเราแสวงหาพระเจ้า พระองค์ประทานการหยุดพักแก่เราทุกด้าน’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผู้เผยพระวจนะอาซาริยาห์กล่าวว่า ‘ถ้าพวกท่านแสวงหาพระองค์ ท่านก็จะพบพระองค์’ (15:2) ‘แต่เมื่อพวกเขาทุกข์ยาก เขาทั้งหลายหันมาหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลและแสวงหาพระองค์ เขาทั้งหลายก็พบพระองค์’ (ข้อ 4) ‘และเขาทั้งหลายทำพันธสัญญาที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา ด้วยสุดจิตสุดใจของพวกเขา’ (ข้อ 12)

พวกเขาแสวงหาพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจและ ‘พระเจ้าประทานสันติสุขแก่พวกเขาทั้งภายในและภายนอก –ช่างเป็นอาณาจักรที่สงบสุขที่สุด!’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2. เชื่อฟังพระเจ้าอย่างเต็มที่
เมื่ออาสาได้ยินคำเผยพระวจนะ ‘ก็ทรงมีพระทัยกล้าหาญขึ้น’ (ข้อ 8) อาสาพูดกับยูดาห์ว่า ‘ให้รักษาธรรมบัญญัติและพระบัญญัติ [ของพระเจ้า]’ (14:4) ผู้เผยพระวจนะอาซาริยาห์กล่าวว่า ‘ถ้าท่านทั้งหลายทิ้งพระองค์ พระองค์จะทรงละทิ้งพวกท่าน’ (15:2) เนื้อหาตอนนี้เป็นตัวอย่างของความสัตย์ซื่อที่พระเจ้ามีต่อเราเมื่อเราเลือกที่จะเชื่อฟังพระองค์อย่างเต็มที่

3. พึ่งพาพระเจ้าทุกเรื่อง
‘คนยูดาห์ก็ชนะเพราะพวกเขาพึ่งพาพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา’ (13:18) ‘พวกเขาวางใจในพระเจ้า’ (ข้อ 18 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อาสาร้องทูลพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาและตรัสว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ไม่มีใครช่วยได้เหมือนพระองค์ ในการสู้รบกันระหว่างพวกมีกำลังกับพวกไม่มีกำลัง ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย โปรดช่วยพวกข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายพึ่งพระองค์’ (14:11)

นี่คือสิ่งที่หมายถึงการ ‘อุทิศตัวอย่างเต็มที่เพื่อพระเจ้า’ (15:17) ผลที่ได้คือกิจการของอาสาได้รับบำเหน็จ (ข้อ 7) และพระเจ้าของเขาอยู่กับเขา (ข้อ 9) มีสันติสุขและได้หยุดพัก

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ต้องการแสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจ เชื่อฟังพระองค์อย่างเต็มที่และพึ่งพาพระองค์ในทุกเรื่อง ข้าพระองค์อธิษฐานเผื่อสำหรับการหยุดพักและสันติสุขในชีวิต ในคริสตจักร ในประเทศของเรา และระหว่างประเทศต่าง ๆ

Pippa Adds

2 พงศาวดาร 15:5

‘ใน​สมัย​นั้น ผู้ที่​ออก​ไป​หรือ​ผู้​ที่​เข้า​มา​ล้วน​ไม่​มี​ความ​สงบ​สุข เพราะ​เกิด​ความ​วุ่น​วาย​มาก​มาย​กับ​คน​ที่​อาศัย​บน​แผ่น​ดิน​นั้น’

เราได้รับการอวยพรที่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่การเดินทางทั่วสหราชอาณาจักรนั้นปลอดภัยเสียส่วนใหญ่ ทุกวันนี้มีหลายสถานที่ในโลกที่มี ‘ความวุ่นวายอย่างมาก’ ผู้คนหลบหนีจากการกดขี่ข่มเหง สงคราม และระบอบการปกครองที่โหดร้าย เราต้องอธิษฐานและสนับสนุนผู้ที่ทำงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงต่อไป

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More