พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

เพลิดเพลินกับพระเจ้าอย่างไร
คุณและผมถูกสร้างมาเพื่อนมัสการพระเจ้า แต่ทำไมพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์เพื่อเพียงแค่ได้รับการสรรเสริญจากพวกเขา? นี่มิใช่ความไร้สาระอย่างที่บางคนบอกหรือ? หลายปีก่อน ผมถูกช่วยให้เข้าใจการนมัสการผ่านทางคำอธิบายของ ซี. เอส. ลูอิส ใน*การใคร่ครวญพระธรรมสดุดี* เขาเขียนว่า ‘ข้อเท็จจริงที่เห็นได้ชัดที่สุดเรื่องการสรรเสริญ… ซึ่งผมพลาดไปอย่างน่าประหลาด…ผมไม่เคยสังเกตว่าทุกความเพลิดเพลินล้วนหลั่งไหลออกมาทันทีเมื่อสิ่งนั้นได้รับการสรรเสริญ...รอบตัวของเราล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงแห่งการสรรเสริญ ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางที่สรรเสริญชีวิตชนบท ผู้เล่นที่สรรเสริญเกมโปรด ทั้งยังมีการสรรเสริญดินฟ้าอากาศ ไวน์ อาหารจานอร่อย นักแสดง ม้า วิทยาลัย บ้านเมือง บุคคลในประวัติศาสตร์ เด็ก ๆ ดอกไม้ ภูเขา แสตมป์ดวงที่หายาก หนังสือหายาก บางครั้งแม้กระทั่งนักการเมืองและนักวิชาการ… ‘ผมคิดว่า เราปีติยินดีที่ได้สรรเสริญกับสิ่งที่เราเพลิดเพลิน เพราะการสรรเสริญไม่เพียงแค่แสดงออก แต่*เติมเต็มความเพลิดเพลิน* เป็นความบริบูรณ์ที่ถูกกำหนดไว้ ไม่ใช่แบบคำชมที่คู่รักต่างบอกซึ่งกันและกันว่าพวกเขางดงามอย่างไร ความปีติยินดียังไม่สมบูรณ์จนกว่าจะถูกสำแดงออกมา’ พูดอีกอย่างก็คือ การนมัสการ คือ การบรรลุความชื่นชมยินดี ความชื่มยินดีของเราไม่อาจครบบริบูรณ์ได้จนกว่าสิ่งนั้นได้สำแดงออกมาผ่านทางการนมัสการ ซึ่งออกมาจากความรักของพระเจ้าที่มีต่อคุณในการที่พระเจ้าทรงสร้างคุณเพื่อนมัสการพระองค์ ตามหนังสือ T*he Westminster Shorter Catechism* ที่ว่าเบื้องปลายที่สำคัญของมนุษยชาติ คือการถวายเกียรติแด่พระเจ้าและเพลิดเพลินกับพระองค์ตลอดไป’สดุดี 98:1-9
การร้องเพลงและดนตรี
ผู้เขียนสดุดีเรียกผู้คนให้นมัสการพระเจ้าด้วยการร้องเพลงและดนตรี ‘จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระยาห์เวห์… จงโห่ร้องด้วยความยินดีและร้องเพลงสดุดี จงร้องเพลงสดุดีพระยาห์เวห์ด้วยพิณเขาคู่ ด้วยพิณเขาคู่ คลอด้วยเสียงเพลง’ (ข้อ 1,4–5)
สดุดีบทนี้เต็มไปด้วยสรรพเสียง เมื่อประชากรถูกขอให้ฉลองความดีงามของพระเจ้าในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย มีการเรียกให้ร้องเพลง โห่ร้องด้วยความยินดี เล่นเครื่องดนตรี และแม้แต่ปรบมือในการเฉลิมฉลองพระเจ้าของเรา
‘ทุกคน จงโห่ร้องสรรเสริญถวายแด่พระเจ้า!
|จงปล่อยวางและร้องเพลง! กระหน่ำเสียงเพลง!
จงตั้งวงดนตรีเพื่อเล่นแด่พระเจ้า
|พร้อมด้วยเสียงประสานนับร้อย
ด้วยเสียงแตรและแตรใหญ่
|เติมบรรยากาศให้เต็มด้วยเสียงสรรเสริญต่อกษัตริย์องค์จอมราชา
ให้ทะเลและปลาในทะเลส่งเสียงชื่นชม
|ให้ทุกสิ่งบนแผ่นดินโลกร่วมกันชื่นชม’ (ข้อ 4–7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
นี่ล้วนเป็นการตอบสนองต่อสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อเรา คุณถูกเรียกให้นมัสการพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด (ข้อ 1–3) พระมหากษัตริย์ (ข้อ 4–6) และองค์ผู้พิพากษา (ข้อ 7–9)
เมื่อเราได้อ่านบทนี้ผ่านทางมุมมองของพระเยซู เราสามารถเห็นว่านี่เป็นสดุดีแบบเผยพระวจนะ พระเยซูทรงเป็นผู้เดียวที่เป็น ‘พระหัตถ์ขวา’ ของพระเจ้า ผู้ทรง ‘ให้ชัยชนะ’ (ข้อ 1) พระองค์ทรงทำให้ความรอดของพระเจ้าเป็นที่รู้จัก และ ‘เปิดเผยความชอบธรรมของพระองค์ต่อสายตาบรรดาประชาชาติ’ (ข้อ 2) (ดูโรม 3:21 ด้วย)
มีความคาดหวังอย่างปีติยินดีในการฟื้นฟูทุกสรรพสิ่งทั่วทั้งโลกาเมื่อพระผู้ช่วยให้รอดจะเสด็จมาพิพากษาโลก (สดุดี 98:9) จากนั้นทุกการทรงสร้างจะได้รับการรื้อฟื้น (ข้อ 7–8) ตามที่อาจารย์เปาโลเขียนไว้ว่า ‘เพราะสรรพสิ่งที่ทรงสร้างแล้ว คอยด้วยความปรารถนาอย่างยิ่งให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฎ...สรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย และจะเข้าในเสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งลูก ๆ ของพระเจ้า’ (โรม 8:19–21)
สดุดีบทนี้เป็นการสรรเสริญที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากชุมชนการนมัสการแห่งประชากรของพระเจ้า (สดุดี 98:1–3) สู่คนทุกคน (ข้อ 4–6) และสุดท้ายก็ไปสู่ทุกสรรพสิ่งแห่งการทรงสร้าง (ข้อ 7–9)
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์นมัสการพระองค์ ขอบพระคุณสำหรับการช่วยกู้ข้าพระองค์ ขอบพระคุณสำหรับความรักและความสัตย์ซื่อของพระองค์ ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์สามารถนมัสการพระองค์ด้วยความยินดี บทเพลงแห่งความปีติยินดี ดนตรี และการโห่ร้อง ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์สามารถมั่นใจได้ในความยุติธรรมของการพิพากษาของพระองค์ พระองค์จะทรงพิพากษาโลกนี้อย่างยุติธรรม และประชาชนด้วยความเที่ยงธรรม
1 โครินธ์ 11:2-34
ความยำเกรงและความขอบพระคุณ
เปาโลกล่าวถึงประเด็นการให้เกียรติและความเหมาะสมในการนมัสการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาได้พิจารณาบทบาทและสถานที่ของสตรีในการนมัสการ น้ำหมึกจำนวนมหาศาลหลั่งไหลออกมาเพื่ออภิปรายถึงความหมายของเนื้อหาตอนนี้
ความกังวลของเปาโลคือ ไม่ควรมีอะไรเป็นเหตุมาขัดขวางข่าวประเสริฐ มีข้อตกลงทั่วไปที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น มีคริสตจักรเพียงไม่กี่แห่งในปัจจุบันที่คาดหวังให้ผู้หญิงคลุมผม
สิ่งที่ชัดเจนคือ ทั้งชายและหญิงถูกคาดหวังให้อธิษฐาน และเผยพระวจนะในการประชุมนมัสการ (ข้อ 4–5) ชัดเจนด้วยว่า มีความเท่าเทียมกันในเรื่องเพศ และการพึ่งพาอาศัยกัน (ข้อ 11–12) 'ไม่ว่าทั้งผู้ชายและผู้หญิงก็ขาดกันและกัน หรืออ้างว่าตนสำคัญกว่าไม่ได้...ให้เลิกทำกิจวัตร "ใครมาก่อน" เหล่านี้กันเถิด’ (ข้อ 11–12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ถัดมา เปาโลอภิปรายต่อไปเรื่อง ‘งานเลี้ยงขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 20) หรือ “พิธีมหาสนิท - the Eucharist” ตามที่ท่านเรียกไว้ในที่อื่น ๆ (Eucharistéin เป็นคำกริยากรีกแปลว่า ‘เพื่อขอบคุณ’)
นี่อาจเป็นเรื่องราวแรกสุดขององค์ประกอบนี้ในการประชุมนมัสการของเรา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการนมัสการแบบคริสเตียนมาตลอด 2,000 ปี ซึ่งได้รับการเฉลิมฉลองอย่างกว้างขวางโดยคริสตจักรทั่วโลก อีกครั้ง มีการอภิปรายจำนวนมหาศาลว่า เปาโลหมายความว่าอะไรกันแน่ อย่างไรก็ตาม สำหรับผม มีหลายสิ่งที่ชัดเจนจากพระธรรมตอนนี้:
-
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
มีความคาดหวังว่า เมื่อพวกเขา ‘มาชุมนุม’ ใน ‘การชุมนุม’ ของพวกเขา (ข้อ 17,20) จะมีการจัด ‘งานเลี้ยงขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ -
นี่เป็นสิ่งสำคัญ
พระเยซูทรงบอกเราว่า ‘จงทำอย่างนี้’ (ข้อ 24) ผลสืบเนื่องของการไม่ทำสิ่งนี้อย่างเหมาะสมนั้นร้ายแรงมาก (ข้อ 27 เป็นต้นไป) ‘จงสำรวจแรงจูงใจของท่าน ทดสอบจิตใจของตนเอง ร่วมรับอาหารมื้อนี้ด้วยความยำเกรงอันบริสุทธิ์’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) -
นี่เป็นการประกาศ
นี่เป็นวิธีหนึ่งที่คุณจะประกาศพระกิตติคุณ ‘เพราะว่าเมื่อใดที่พวกท่านกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา’ (ข้อ 26) -
นี่เกี่ยวข้องกับทั้งการระลึกถึงพระเยซู (ข้อ 24–25) และ ‘ตระหนักถึงพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 29) จงคาดหวังที่จะพบพระเยซูเมื่อคุณรับขนมปังและเหล้าองุ่น
-
นี่เป็นการเข้าส่วนในพระกายและพระโลหิตของพระคริสต์ (10:14 เป็นต้นไป) คำกรีกที่ใช้ตรงนี้คือคำว่า คอยโนเนีย – koinonia ซึ่งอาจหมายถึง ‘การแบ่งปัน’ หรือ ‘การสามัคคีธรรม’ นี่เป็นวิธีสำหรับเราที่จะรับและแบ่งปันในประโยชน์แห่งการวายพระชนม์ของพระเยซู
-
นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของการขอบพระคุณ เราดื่มจาก ‘ถ้วยแห่งพร’ (10:16)
-
นี่เป็นการแสดงออกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน ‘แม้เราเป็นบุคคลหลายคน แต่เนื่องจากมีขนมก้อนเดียว เราจึงเป็นร่างกายเดียว เพราะว่าเราทุกคนรับประทานขนมก้อนเดียวกัน’ (ข้อ 17) หนึ่งในเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดของประวัติศาสตร์คริสตจักร คือ วิธีที่เป็นการแสดงออกอันยอดเยี่ยมของการเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ กลายเป็นเหตุให้แบ่งแยกกัน
-
นี่เป็นการคาดการณ์ถึงการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า คุณกำลังประกาศว่า ‘การวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา’ (11:26)
ขนมปังและเหล้าองุ่นคือพระกาย และพระโลหิตของพระเยซู (ข้อ 24–25) นี่เป็นหนึ่งในวิธีที่เราจะมีประสบการณ์กับการทรงสถิตของพระองค์ในปัจจุบัน แน่นอนว่าความหมายจริง ๆ ของสิ่งนี้คือเป็นหัวข้อแห่งการคาดการณ์ การโต้แย้ง และการทะเลาะวิวาท แนวทางหนึ่งอาจเป็นเพียงการยอมรับมันเป็นความลึกลับและไม่ขุดค้นเบื้องหลังของพระคริสตธรรมคัมภีร์ และคาดเดามากเกินไปถึงวิธีที่สิ่งนี้ทำงานอย่างไรกันแน่
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้นมัสการพระองค์ในแบบที่ถูกต้องและเหมาะสม และทำให้พระองค์พอพระทัย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้สนใจที่พระเยซู ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการนมัสการพระองค์ และเพลิดเพลินกับพระองค์ตลอดนิจนิรันดร์
2 พงศาวดาร 7:11-9:31
ความสัตย์ซื่อและความร้อนรน
ซาโลมอน ‘ทรงสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์และพระราชวังเสร็จ คือทุกอย่างซึ่งพระองค์ทรงดำริจะทำในเรื่องพระนิเวศของพระยาห์เวห์’ (7:11) เขาถวายเกียรติพระเจ้าผ่านทางสิ่งที่พระองค์ทรงทำสำเร็จ
ผู้เขียนพงศาวดารเน้นเรื่องราวของเขาไปที่รัชสมัยของดาวิด และซาโลมอน แวดล้อมด้วยอาคารซึ่งเป็นสถานนมัสการพระเจ้า พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างในรัชสมัยของพวกเขากลับกลายเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญ พวกเขาสร้างสถานนมัสการและพระเจ้าทรงอวยพรพวกเขาอย่างอุดมสมบูรณ์
ชื่อเสียงของซาโลมอนกระจายออกไป (ดังที่เราได้อ่านในบทที่ 8 และ 9) พระราชินีแห่งเชบา (น่าจะเป็นประเทศเยเมนในยุคปัจจุบัน) มาเยือนและทรงตกตะลึงในสิ่งที่พระนางได้ทอดพระเนตร (9:1–7) จนพระนางเองได้สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 8) (น่าสนใจว่าในแง่ของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เกี่ยวกับผู้หญิง ไม่มีคำถามใด ๆ ถูกยกมาในตอนนี้เรื่องที่กษัตริย์สตรีปกครองประเทศ)
ความอัจฉริยะของซาโลมอนนั้นยอดเยี่ยม หลังจากที่ซาโลมอนได้สร้างพระวิหาร องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงปรากฎแก่เขาและตรัสว่า '… ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยนามของเรานั้นจะถ่อมตัวลง อธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา ทั้งหันเสียจากทางชั่วของพวกเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย’ (7:14)
พระคริสตธรรมคัมภีร์ข้อนี้มีชื่อเสียงพอสมควร และบ่อยครั้งถูกใช้เพื่อเป็นแบบอย่างสำหรับการนมัสการและการอธิษฐาน ในจุดนี้เราได้เห็นเงื่อนไขในเรื่องความสัตย์ซื่อในการนมัสการ และยังมีเงื่อนไขในการฟื้นฟูอีกด้วย จากสถานการณ์โควิด-19 เป็นที่น่าสังเกตว่าบริบทก่อนและหลังมีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดโรคระบาดใหญ่ (‘โรคระบาด’ ข้อ 13) เราเห็นในข้อพระคริสตธรรมคัมภีร์นี้ว่า เราจำเป็นต้องทำสี่สิ่ง:
- ถ่อมตัวของเราลง
- อธิษฐาน
- แสวงหาพระพักตร์พระเจ้า
- หันเสียจากทางชั่วของเรา
จากนั้นพระเจ้าทรงสัญญาว่า พระองค์จะทรงกระทำสามสิ่ง ได้แก่
- ฟังจากสวรรค์
- ให้อภัยแก่บาปของพวกเรา
- รักษาแผ่นดินให้หาย
ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ ข้าพระองค์ต้องการจะถ่อมตัวลงและอธิษฐานและแสวงหาพระพักตร์พระองค์ และกลับใจจากความบาปของข้าพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานขอให้พระองค์ทรงฟังจากสวรรค์และทรงอภัยบาปของพระองค์และรักษาแผ่นดินของเรา ขอให้เราได้ถวายเกียรติแด่พระองค์และเพลิดเพลินกับพระองค์ตลอดนิจนิรันดร์
Pippa Adds
2 พงศาวดาร 8:11
‘มเหสีของเราไม่ควรอยู่ในวังของดาวิดพระราชาแห่งอิสราเอล เพราะว่าสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งหีบของพระยาห์เวห์ได้เข้าไปถึงนั้นล้วนบริสุทธิ์’
ฉันคาดว่านี่เป็นเพราะบุตรีของฟาโรห์ไม่ได้นมัสการพระเจ้า มากกว่าเหตุผลอื่นใดที่ทำให้พวกเธอไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Spiritual Portals

Victory Is Yours: Overcome Life’s Challenges God's Way

Helping Your Kids Know God's Good Design

Living LifeWise: The Good Samaritan

Be Fruitful

God With Us: Lessons From the Incarnation

Letting Go of Your Past

THE PRAYER of JABEZ

The Power of Generosity: Sharing God’s Abundance
