พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

วิธีพัฒนาฝีมือตัวเอง
นักเล่นสควอท์ชระดับโลกบางคนเคยมาฝึกซ้อมที่คลับที่ผมเล่นอยู่ ผมจำดีได้ว่า ครั้งแรกที่ผมเห็นเกมที่เล่นกันในระดับสูง ผู้เล่นเป็นลูกชายของคนในกลุ่มผู้เล่นปรกติของเรา ตอนนั้นเขาอยู่ในมือวางอันดับ 11 ของโลก เขามาเพื่อซ้อมที่คลับของเรากับมือวางอันดับ 2 เราทุกคนล้วนเฝ้าดูด้วยความทึ่ง เราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ที่จริง ถ้านี่คือ ‘สควอท์ช’ ไอ้ที่เราเล่นอยู่ควรเรียกด้วยชื่ออื่น! การเฝ้าดูพวกเขาทำให้เราพัฒนาฝีมือการเล่นของเราได้เสมอ ทันใดนั้นเราตระหนักว่า มันเป็นไปได้ที่จะตีโต้ตอบลูกที่คู่แข่งเสิร์ฟมาทางคุณ ไม่ว่าเขาจะตีเก่งแค่ไหนก็ตาม เราได้เห็นถึงความสำคัญของการกลับไปที่ตรงกลางคอร์ทหลังจากตีแต่ละลูกไปแล้ว เราเฝ้าดูว่าพวกเขาตีลูกบอลแรงแค่ไหน เราสังเกตเห็นลูกที่พวกเขาเลี่ยงไม่ตี เมื่อเรากลับไปที่คอร์ทหลังจากนั้น เราต่างประหลาดใจว่าตัวเองเล่นได้ดีขนาดไหน แน่นอนว่าเราไม่ได้มีฝีมือการเล่นใกล้เคียงกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เราได้รับแรงบันดาลใจจากตัวอย่างการเล่นของพวกเขา มันทำให้เราเล่นได้ดีกว่าปรกติมาก ในช่วงชีวิตคริสเตียนของผม ผมพบรูปแบบแบบเดียวกันนี้ ตัวอย่างเช่น ผมได้รับสิทธิพิเศษในการทำงานร่วมกับแซนดี้ มิลล่าร์ เป็นเวลากว่าสิบเก้าปี ตลอดระยะเวลาในการเฝ้ามองชีวิตของเขา และฟังเขาเทศนา ผมได้รับแรงบันดาลใจจากตัวอย่างของเขา แม้ว่าอาจเป็นไปได้ยากที่จะไปให้ถึงระดับของคนที่เป็นตัวอย่างให้แก่เรา แต่หวังว่านี่จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราพัฒนาฝีมือของเรามากขึ้น คริสเตียนคือผู้ที่เชื่อในพระเยซู วางความเชื่อไว้ในพระองค์ รู้จักพระองค์ และดำเนินชีวิต ‘ในพระคริสต์’ รวมถึงบางคนผู้กระทำตามอย่างพระองค์ ในประวัติศาสตร์มนุษย์ไม่มีตัวอย่างใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าตัวอย่างของพระคริสต์ เปาโลเขียนไว้ว่า ‘ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำตามแบบอย่างของพระคริสต์’ (1 โครินธ์ 11:1)สุภาษิต 20:5-14
สำแดงชีวิตของคุณให้เป็นแบบอย่าง
ชีวิตของคุณส่งผลกระทบต่อคนอื่น ๆ อย่างไร คุณมองคนอื่นเพื่อให้เป็นแบบอย่าง คนอื่น ๆ ก็มองคุณว่าเป็นแบบอย่างเช่นกัน สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม
ไม่มีที่ไหนที่เปรียบกรณีแบบนี้มากไปกว่ากับพ่อแม่และลูก ๆ ผมสังเกตเห็นถึงพฤติกรรมแปลก ๆ หลายอย่างของพ่อที่ดูเหมือนผมหยิบมาทำตาม แน่นอนว่าทั้งพ่อแม่ต่างก็เป็นแบบอย่างในแบบที่จริงจังกว่านี้ด้วยเช่นกัน 'คนชอบธรรมดำเนินในความซื่อสัตย์ของตน ลูกหลานของเขาที่เกิดตามมาก็เป็นสุข’ (ข้อ 7)
บรรดาพ่อแม่ที่ดำเนินชีวิตในความสัตย์ซื่อจะนำเอาพระพรอันใหญ่หลวงมาสู่ลูกหลานของพวกเขา บิลลี่ เกรแฮม กล่าวว่า ‘ความสัตย์ซื่อเป็นเหมือนกาวที่ยึดเส้นทางแห่งชีวิตของเราเข้าไว้ด้วยกัน เราต้องพยายามรักษาความซื่อสัตย์ของเราให้คงอยู่โดยไม่บุบสลาย เพราะเมื่อสูญเสียความมั่งคั่ง เท่ากับว่าเราไม่ได้เสียอะไร เมื่อสูญเสียสุขภาพเท่ากับว่าบางสิ่งเสียไป แต่เมื่อสูญเสียคุณลักษณะชีวิตไป เท่ากับว่าทุกสิ่งล้วนสูญสลายไป’
ไม่มีใครเคยดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมเว้นแต่องค์พระเยซู ‘ใครในพวกเราจะเป็นที่เชื่อถือได้ว่า ขยันและสัตย์ซื่อเสมอ?’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่ถึงอย่างไร เราทุกคนสามารถพยายามดำเนินชีวิตเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีได้
พ่อแม่จำเป็นต้องแสดงความรักและสัตย์ซื่อต่อกัน ปฏิบัติต่อกันด้วยความอดทนและเคารพ แก้ไขความขัดแย้งด้วยพระคุณ สนับสนุนกันและกันในความยากลำบาก และไม่จมลงในความสัมพันธ์อันไม่เหมาะสมกับคนอื่น ๆ ‘คนมากมายป่าวร้องความจงรักภักดีของตัวเอง แต่ใครจะหาคนซื่อสัตย์พบเล่า?’ (ข้อ 6)
อีกด้านหนึ่งที่คุณสามารถเป็นตัวอย่างได้คือ ทำความเข้าใจความคิดของคนอื่น ๆ ‘ความประสงค์ในใจคนเหมือนน้ำลึก แต่คนที่มีความเข้าใจจะวิดมันออกมาได้’ (ข้อ 5)
บ่อยครั้งที่ผมคิดถึงข้อพระคริสตธรรมคัมภีร์ข้อนี้ในบริบทของการเป็นเจ้าภาพอัลฟ่ากลุ่มย่อย ที่ทำความเข้าใจความคิดของคนในกลุ่ม นี่เป็นศิลปะของการเป็นผู้อำนวยการสนทนาที่ดี นี่เป็นทักษะของผู้สัมภาษณ์ที่จะดึงเอา ‘น้ำลึก’ ที่อยู่ในคนที่ให้สัมภาษณ์
นี่เป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่งของพ่อแม่ต่อลูก ๆ ของพวกเขา และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเป็นเพื่อนกับคนอื่น มีความลึกอย่างมากในมนุษย์ทุกคน ทักษะนี้คือการดึงเอาความลึกนั้นออกมา
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยเราให้ดำเนินชีวิตที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คนอื่น ๆ ขอทรงช่วยเราให้สำแดงความบริสุทธิ์ ความสัตย์ซื่อ และการอุทิศตัว
1 โครินธ์ 10:14-11:1
แบบอย่างของเปาโล
‘คนทำตามอย่างที่พวกเขาเห็น’ เขียนไว้โดยจอห์น แม็กซ์เวล ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้นำกล่าว ‘ยิ่งพวกผู้ติดตามได้เห็น และได้ยินผู้นำของพวกเขามีความสม่ำเสมอในการกระทำและในคำพูด ความสม่ำเสมอและความภักดีของพวกเขาก็จะยิ่งทวีขึ้นเท่านั้น สิ่งที่พวกเขาฟัง พวกเขาเข้าใจ สิ่งที่พวกเขาเห็น พวกเขาเชื่อ!’
เปาโลเขียนไว้ด้วยสิ่งที่ดูเหมือนจะเปี่ยมด้วยความกล้าอย่างยิ่ง ‘ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำตามแบบอย่างของพระคริสต์’ (11:1) ครึ่งแรกของประโยคคือสิ่งที่ขึ้นอยู่กับครึ่งหลัง ตัวอย่างของเปาโลมีค่าควรแก่การติดตามในขอบเขตที่ท่านติดตามพระคริสต์ ท่านกล้าพอที่จะพูดและเชื่อในสิ่งที่ทำ ด้วยตัวมันเองจึงเป็นตัวอย่างที่น่าอัศจรรย์ที่จะทำตาม
ข้อพระคริสตธรรมคัมภีร์นี้รวมถึงตอนที่ท่านหนุนใจให้ชาวเมืองโครินธ์ที่จะ ‘หลีกหนีการนับถือรูปเคารพ' (10:14) พวกเขารักษาตัวเองให้บริสุทธิ์เมื่อพวกเขามีส่วนร่วม (ในพิธีมหาสนิท) ในพระกายและพระโลหิตของพระคริสต์ (ข้อ 16) นี่เป็นจุดมุ่งเน้นในการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเรา: ‘เพราะว่าเราทุกคนรับประทานขนมก้อนเดียวกัน’ (ข้อ 17)
‘เมื่อเราดื่มจากถ้วยแห่งพระพรแล้ว เราได้ทำให้ตัวเองเข้าส่วนในพระโลหิต ในชีวิตของพระคริสต์ไม่ใช่หรือ? และเหมือนกันกับขนมปังที่เราหักและรับประทานไม่ใช่หรือ? เราได้ทำให้ตัวเองเข้าส่วนในพระโลหิต ในชีวิตของพระคริสต์ไม่ใช่หรือ? เพราะว่ามีขนมปังก้อนเดียว ความหลากหลายของเราจึงกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน พระคริสต์ไม่ได้ทรงกระจายออกในตัวเรา กลับกันเรากลับเป็นหนึ่งเดียวกันในพระองค์ เราไม่ได้ลดทอนพระองค์ลงสู่สิ่งที่เราเป็น พระองค์ทรงยกเราขึ้นสู่สิ่งที่พระองค์ทรงเป็น’ (ข้อ 16–17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
แม้ว่าคุณจะเป็นอิสระที่จะ ‘ทำทุกสิ่งได้’ (ข้อ 23) จงระวังสิ่งที่ทำเพราะว่า ‘ไม่ใช่ทุกสิ่งทำให้เจริญขึ้น’ (ข้อ 23ค) ‘เราอยากดำเนินชีวิตให้ดี แต่ความพยายามแรกสุดของเราควรเป็นการช่วยเหลือคนอื่นให้ดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คุณมีเสรีภาพอันน่าทึ่งในพระคริสต์ แต่คุณต้องใช้เสรีภาพนั้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่คนอื่น ๆ และเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า ‘เพราะฉะนั้นเมื่อพวกท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า’ (ข้อ 31)
ทุกสิ่งที่เราทำควร ‘ถวายเกียรติแด่พระเจ้า’ เป้าหมายทั้งหมดในชีวิตของคุณคือควรใช้เสรีภาพของคุณในการพยายามที่จะถวายเกียรติพระเจ้าและเป็นการสิ่งดีต่อคนอื่น ๆ
นี่เป็นวิธีที่อัครสาวกเปาโลใช้นำชีวิตของตน แม้เมื่อพยายามที่จะ ‘ทำทุกสิ่งเพื่อให้พอใจทุกคน’ ‘ไม่ได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่เห็นแก่ประโยชน์ของคนมากมาย เพื่อให้เขาทั้งหลายได้รับความรอด’ (ข้อ 33) นี่เป็นบริบทในสิ่งที่เขาเขียนไว้ว่า ‘ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำตามแบบอย่างของพระคริสต์’ (11:1)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับตัวอย่างของพระเยซู ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ทำตามแบบอย่างของพระองค์ดังที่เปาโลได้ทำ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ด้วย พระองค์เจ้าข้า ไม่ว่าข้าพระองค์จะทำอะไร ให้ทำทุกสิ่งเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
2 พงศาวดาร 5:2-7:10
แบบอย่างของผู้นำ
เราล้วนถูกเรียกให้เป็นแบบอย่าง อย่างไรก็ตาม บางคนมีความรับผิดชอบพิเศษ ประชากรของพระเจ้าถูกเรียกให้เป็นแบบอย่างแก่โลก พวกเขาได้รับพระพรพิเศษจากพระเจ้า และถูกเรียกให้เป็นแบบอย่างแก่ชนชาติอื่น ๆ ที่จะถูกดึงดูดด้วยชื่อเสียงอันดีงามของพวกเขา ผลก็คือ คนจากทั่วโลกจะได้รู้จักกับองค์พระผู้เป็นเจ้า (6:32–33, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งถูกเลือกให้เป็นแบบอย่าง ‘เพื่อนามของเรา' (ข้อ 6) พระเจ้ายังทรงเลือกดาวิดและซาโลมอนไว้เป็นพิเศษเพื่อปกครองประชากรอิสราเอลของพระองค์ (6:6–7:10)
แต่ผู้นำคนอื่น ๆ ก็ยังคงต้องรับผิดชอบที่จะนำด้วยการเป็นแบบอย่าง เผ่าเลวีมีบทบาทการนำที่เฉพาะเจาะจงในการนมัสการในพระวิหาร (5:2 เป็นต้นไป) พวกคนเป่าแตรและนักร้องก็มีบทบาทในการนำด้วยเช่นกัน (6:13)
ซาโลมอนนำด้วยการเป็นแบบอย่างในการนมัสการและอธิษฐาน 'พระองค์ทรงคุกเข่าลงต่อหน้าชุมนุมอิสราเอลทั้งหมด และกางพระหัตถ์ของพระองค์สู่ฟ้าสวรรค์ และอธิษฐาน’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ซาโลมอนบอกคนอื่น ๆ เรื่องความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และนมัสการพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ คำอธิษฐานในการอุทิศตัวของซาโลมอนแสดงให้เห็นว่า อิสราเอลล้มลงในบทบาทนี้บ่อยครั้ง เขาทรงอธิษฐานหลายครั้งว่า ขอพระเจ้าทรงอภัยให้พวกเขาเมื่อพวกเขาหันกลับมา (ข้อ 21,25,27,30,39)
หลังจากที่ซาโลมอนอธิษฐาน ‘พระเจ้าทรงทำให้พระวิหารนั้นเต็มด้วยพระสิริจนไม่มีที่สำหรับปุโรหิตทั้งหลาย เมื่อคนอิสราเอลทั้งหมดเห็นไฟลงมาและพระสิริของพระยาห์เวห์อยู่บนพระนิเวศ เขาทั้งหลายก็กราบซบหน้าติดพื้น และนมัสการ และขอบพระคุณพระเจ้า’ (7:3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
วันนี้ ภายใต้พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เราเป็นพระวิหารของพระเจ้า (1 โครินธ์ 6:19) ดังที่จอยซ์ ไมเยอร์เขียนไว้ว่า ‘พระเจ้าทรงอยากจะแสดงพระสิริของพระองค์ในเรา และผ่านเราอย่างมากเหมือนกับที่พระองค์ทรงกระทำให้พระวิหารทางกายภาพในยุคของซาโลมอน เมื่อพระสิริของพระเจ้าทรงสำแดงในชีวิตของคุณ คนอื่น ๆ จะมองมาที่คุณ และพูดว่า “ว้าว พระเจ้าที่คุณรับใช้อยู่นี่ยิ่งใหญ่จริง ๆ” เพราะว่าฤทธิ์อำนาจแห่งความดีงามของพระองค์ผ่านคุณนั้นเป็นหลักฐานที่มองเห็นได้สำหรับพวกเขา’
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงอยากจะสำแดงพระสิริของพระองค์ในข้าพระองค์ และผ่านทางข้าพระองค์ ขอทรงโปรดเติมเต็มข้าพระองค์ในวันนี้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ และทำให้ข้าพระองค์สามารถทำตามแบบอย่างของพระเยซู และเป็นแบบอย่างให้แก่คนอื่น ๆ
Pippa Adds
สุภาษิต 20:13
‘อย่ารักการนอน เกรงว่าเจ้าจะยากจน’ โอ๊ย ตายละ! ฉันชอบนอนมากกว่า!
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Spiritual Portals

Victory Is Yours: Overcome Life’s Challenges God's Way

Helping Your Kids Know God's Good Design

Living LifeWise: The Good Samaritan

Be Fruitful

God With Us: Lessons From the Incarnation

Letting Go of Your Past

THE PRAYER of JABEZ

The Power of Generosity: Sharing God’s Abundance
