การนับถือตนเองในมุมมองพระคัมภีร์ (Self Esteem)ตัวอย่าง

เหตุใดการนับถือตนเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ที่โรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง พวกเขานั่งใกล้กันในชั่วโมงเรียนชีววิทยา แต่พวกเขาใช้ชีวิตราวกับอยู่คนละโลก ดูเหมือนเขาเกิดมาเพื่อได้ทุกอย่างในขณะที่เธอกลับต้องพยายามเอาชนะทุกสิ่ง เขามาจากครอบครัวที่หน้าตาดี เติบโตขึ้นในย่านของคนมีฐานะร่ำรวยและได้รับสิทธิพิเศษทางสังคมมากมายซึ่งมักเกี่ยวกับความมั่งคั่งและความสำเร็จ ในขณะที่เธอนั้นหน้าตาเรียบๆธรรมดา มาจากครอบครัวชนชั้นแรงงานที่ต้องทำงานหนักเพื่อยกระดับฐานะของครอบครัว ทั้งสองคนยังมีความแตกต่างกันในแง่มุมอื่นอีก เขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยความสงสัยในตัวเอง ไม่ชอบรูปร่างหน้าตาของตน และสงสัยว่าที่คนอื่นสนใจเขาก็เป็นเพราะฐานะทางการเงินของครอบครัวเขา ส่วนเธอกลับมีความสุขอย่างน่าประหลาด ปรับตัวเก่ง และมีความตั้งใจในการใช้ชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้ามากกว่าที่ผู้อื่นคาดคิดไว้ว่าเธอจะทำได้ ทั้งๆ ที่เธอมีข้อจำกัดมากมาย พวกเขาทั้งสองมีวิธีการมองตัวเองที่แตกต่างกัน สิ่งที่เขามีคือความได้เปรียบด้านวัตถุเงินทอง แต่สิ่งที่เธอมีคือการนับถือตนเองและการเห็นคุณค่าในตนเอง เขามีรูปร่างหน้าตาที่ดูดี แต่เธอมีการยอมรับตนเองจากภายใน เรื่องราวของพวกเขาทั้งคู่ย้ำเตือนให้รู้ว่า เราทุกคนต่างมีวิธีในการมองดูตัวเอง ซึ่งส่งผลทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองดีพอหรือไม่ดีพอ เป็นที่ชื่นชอบหรือไม่เป็นที่ชื่นชอบ และรู้สึกว่าตัวเรามีคุณค่าหรือว่าไร้ค่า อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากว่าความรู้สึกที่เรามีเกี่ยวกับตัวเองนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์หรือความสามารถที่เรามี หากแต่ขึ้นอยู่กับว่า เราเรียนรู้ที่จะ มองตัวเองตามมุมมองที่คนสำคัญในชีวิตของเรามองดูเรา ถ้า “คนสำคัญ” ในชีวิตของเราได้ช่วยเราให้รู้สึกว่าเรามีความสำคัญและเป็นที่รัก เราก็มีแนวโน้มที่จะ มีความคิดเห็นที่ดีเกี่ยวกับตัวเอง แต่ถ้าเขาเหล่านั้นทำให้รู้สึกว่าเราไม่ดีพอและไม่เป็นที่ต้องการ เราก็มีแนวโน้มที่จะมีความคิดดังนี้ว่า
• “ฉันมีบางอย่างที่ผิดปกติ”
• “ฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่”
• “ฉันไม่ชอบตัวเอง”
• “ฉันไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำสิ่งนั้น”
• “ฉันด้อยกว่าคนอื่น”
• “ฉันอยากหลบซ่อนตัว”
การไม่นับถือตนเอง (การไม่เห็นคุณค่าในตนเอง) นั้นเป็นเหมือนกับคำแช่งสาป หากคุณรู้สึกว่าคุณไม่มีอะไรดี ไม่มีความสามารถอะไร คุณก็จะทำตัวเสมือนว่าคุณไม่มีอะไรดีเลย หากคุณคิดว่าตัวเองน่าสงสาร คุณก็จะทำตัวน่าสงสาร หากคุณมีภาพว่าตัวเองต่ำต้อย คุณก็มีแนวโน้มที่จะถอยห่างจากความสัมพันธ์และปัญหาต่างๆที่มาพร้อมความสัมพันธ์นั้น และหากคุณแน่ใจว่าจะล้มเหลวคุณก็มักจะล้มเหลวตามนั้น การ ขาดความนับถือในตนเองก็เป็นเหมือนการทำให้คำทำนายนั้นสำเร็จด้วยตัวเอง นั่นคือหากคุณเชื่อว่าคุณไม่มีทางประสบความสำเร็จในชีวิต คุณก็มีแนวโน้มว่าจะทำให้คำทำนายนี้สำเร็จด้วยตัวเอง
เหตุใดความรู้สึกที่เรามีต่อตัวเองจึงไม่ได้ถูกกำหนดด้วยสิ่งที่เรามีหรือเป็นเสมอไป
ในทางตรงกันข้าม การนับถือตนเองอย่างถูกต้องนั้นเป็นเสมือนคำอวยพร ผู้ที่เชื่อว่าตนเองมีความสามารถก็มีแนวโน้มที่จะสร้างความแตกต่างในเชิงบวกให้กับชีวิตของผู้อื่น ผู้ที่มีความเคารพต่อตนเองอย่างถูกต้อง จะแสวงหาการมีสัมพันธภาพและกล้าเผชิญปัญหาที่ท้าทาย ผู้ที่มีความคิดเชิงบวกต่อตนเองก็มีแนวโน้มที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองมุ่งหวังไว้ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามการนับถือตัวเองก็มีข้อเสียเช่นกัน แม้เรารับรู้ว่าการเคารพตนเองอย่างเหมาะสมนั้นเป็นประโยชน์ แต่เราจำเป็นต้องทราบถึงอันตรายของการคิดเชิงบวกที่มักมีการส่งเสริมกันในแวดวงการศึกษา ตามสื่อต่างๆและแม้กระทั่งในแวดวงศาสนา เพื่อพยายามที่จะช่วยผู้อื่นขจัดความรู้สึกของการดูถูกตนเองและการปฏิเสธตนเอง ซึ่งความพยายามที่จะช่วยนั้นหลายครั้งส่งเสริมให้เกิดความหวังแบบผิดๆ การนับถือตนเองหรือการเห็นคุณค่าในตนเองอย่างถูกต้องเหมาะสมนั้นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่ใช่ การมีความมั่นใจในตนเองแบบที่บอกว่า
• “ฉันเป็นอะไรก็ได้ที่ฉันอยากเป็น”
• “ฉันสมควรได้มากกว่านี้”
• “ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร”
• “ฉันไม่เสียใจเลย”
• “ฉันไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น”
การเคารพตนเองอย่างเหมาะสมนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของเราได้ตามความเป็นจริง การเห็นคุณค่าในตัวเองอย่างถูกต้องจะกล่าวด้วยความเชื่อมั่นว่า
• “ชีวิตฉันมีจุดมุ่งหมาย”
• “ฉันเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่”
• “ฉันสามารถที่จะรักและได้รับความรัก”
• “ฉันต้องการคนอื่นเหมือนที่พวกเขาต้องการฉัน”
• “ฉันจะขอโทษในเรื่องที่ฉันทำผิด”
• “ฉันสามารถเป็นทุกสิ่งได้ตามที่พระเจ้าประทานความสามารถให้ฉันเป็น”
การประเมินตัวเองสูงกว่าความเป็นจริงนั้นก็แย่พอๆกับการทำลายตนเองและการคิดว่าตัวเองมีภาพลักษณ์ที่ต่ำต้อย ความหยิ่งทะนงตนทำให้เราเรียกร้องจากคนอื่นอย่างไม่ยุติธรรม ความหยิ่งทะนงตนนี้อาจทำให้เราเชื่อว่าเรามีสิทธิ์ในบางอย่างที่เราไม่มี รวมถึงกระตุ้นให้เราไม่ยอมรับรู้ว่า เราต้องการพระเจ้าและคนอื่นๆ
การเห็นคุณค่าในตัวเองอย่างถูกต้องนั้น ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ

เคยสงสัยไหมว่า… เราควรใช้ค่านิยมอะไรในการมองตนเอง? ความคิดเห็นของใครสำคัญ? เราจะเป็นทุกอย่างที่เราต้องการได้ไหม? ทำไมการเห็นคุณค่าในตนเองนั้นสำคัญ? การมองตัวเองในแง่ลบเกิดจากอะไร? 🤍การนับถือตนเองอย่างถูกต้องนั้นเป็นเสมือนคำอวยพร ผู้ที่เชื่อว่าตนเองมีความสามารถก็มีแนวโน้มที่จะสร้างความแตกต่างในเชิงบวกให้กับชีวิตของผู้อื่น ผู้ที่มีความเคารพต่อตนเองอย่างถูกต้อง จะแสวงหาการมีสัมพันธภาพและกล้าเผชิญปัญหาที่ท้าทาย ผู้ที่มีความคิดเชิงบวกต่อตนเองก็มีแนวโน้มที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองมุ่งหวังไว้ได้สำเร็จ เราไม่ต้องการที่จะเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนบางคนที่ยกย่องตัวเอง แต่เมื่อเขาเอาตัวของเขาเป็นเครื่องวัดกันและกัน และเอาตัวเปรียบเทียบกันและกันแล้ว เขาก็เป็นคนขาดความเข้าใจ…เพราะคนที่ยกย่องตัวเองไม่เป็นที่นับถือของผู้ใด คนที่น่านับถือนั้นคือคนที่พระเจ้าทรงยกย่อง (2 คร. 10:12, 18)
More
เราขอขอบคุณ Our Daily Bread Ministries - Asia Pacific ที่ให้แผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ thaiodb.org
แผนการอ่านที่เกี่ยวข้อง

วางใจแม้ไม่เข้าใจ

เรื่องอัศจรรย์: การจัดเตรียมของพระเจ้า

การพักผ่อนในพระเจ้า

การนับถือตนเองในมุมมองพระคัมภีร์ (Self Esteem)

ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงนิรันดร์

เรื่องอัศจรรย์: พระเยซูในฐานะมนุษย์

ปรับมุมมองให้สอดคล้องกับความจริง

เรื่องอัศจรรย์

ปลอดภัยในพระคริสต์
