การนับถือตนเองในมุมมองพระคัมภีร์ (Self Esteem)ตัวอย่าง

ความคิดเห็นของใครที่สำคัญ
ตามพระคัมภีร์แล้ว สิ่งที่เป็นคำตอบสูงสุดต่อความต้องการฝ่ายวิญญาณของเรานั้น ก็ดีเกินพอที่จะช่วยเราให้หลุดพ้นจากบ่วงของการมองว่าตนเองด้อยค่า น่าแปลกที่วิธีแก้ปัญหาเดียวกันนี้สามารถช่วยเราให้พ้นจากการคิดถือตัวเกินที่ตนควรจะคิดนั้นได้เช่นกัน และขอย้ำอีกครั้งว่า เราต้องเห็นความแตกต่างระหว่างการมองตนเองและการประเมินตนเองตามมาตรฐานของมนุษย์ กับการประเมินตนเองตามมาตรฐานของพระเจ้า เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราจำเป็นต้องตัดสินใจว่าความเห็นของใครที่เราจะต้องพึ่งพาเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีคิดของเราที่มีต่อตัวเราเอง การวัดคุณค่าตามมาตรฐานของมนุษย์์ มีคนที่บอกว่าวิธีเดียวที่จะหลุดพ้นจากกับดักของการเห็นตนเองด้อยค่า คือการมองว่า ตัวเรา เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเราเอง มาตรฐานของมนุษย์กล่าวว่า “คำตอบอยู่ในตัวคุณ คุณต้องเข้าถึงส่วนลึกที่สุดของตนเอง เพื่อค้นหาแหล่งทรัพยากรที่จำเป็นในการเอาชนะการถูกปฏิเสธ การดูถูก ความไม่เป็นธรรม คุณสามารถทำได้ ถ้าคนอื่นมีคุณเองก็มีได้ คุณจะ เป็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากเป็น จงปรารถนาในสิ่งนั้น เชื่อในสิ่งนั้น บรรลุผลในสิ่งนั้น คุณเพียงแค่ต้องเชื่อ ในตัวเอง ไว้ใจตัวเอง และพึ่งตัวเอง อย่ารอใครคนอื่น คุณเป็นที่หนึ่ง อย่าไปยืนอยู่ท้ายแถว ผลักดันไปข้างหน้า คุณจะเป็นคนหยุดตัวเอง อย่ารอคำเชิญ อย่า ยอมให้ใครเหยียบย่ำ อย่าพอใจในสิ่งที่น้อยกว่าฝัน ของคุณ คุณคู่ควรกับสิ่งนั้น สิ่งนั้นกำลังมาถึงคุณ คุณคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ” สิ่งที่เป็นจริงจากมุมมองนี้คือ เราจำเป็นต้องมีความกล้าและความมุ่งมั่นที่ทรงพลังในการตัดสินใจเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับเราเอง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของเรื่องราว ยังมีวิธีที่ดีกว่านี้
การวัดคุณค่าตามมาตรฐานของพระเจ้า ตามที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ บุคคลที่สำคัญที่สุด ในชีวิตเราไม่ใช่ตัวเราเอง แต่คือพระองค์ผู้ที่ห่วงใยเรามากกว่าที่ใครคนใดจะจินตนาการได้ (ดู อฟ.3:14-21) สิ่งที่น่าทึ่งเหนือคำบรรยายคือ ในบทที่เปิดเผย ถึงเรื่องราวยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งเคยมีการเล่าขาน กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และพระผู้สร้างแห่งปฐมกาลทรงปรากฏในประวัติศาสตร์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของเรา หลังจากประทานชีวิตแก่เรา (ยน.1:1-4) พระเจ้าพระองค์เดียวกันนี้ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์อย่างอัศจรรย์เพื่อทรงช่วยเราทั้งหลายให้รอด (ยน.1:14) เมื่อรวมหนังสือพระกิตติคุณทุกเล่มเข้าด้วยกันคือพระธรรมมัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์นนั้น ทุกเล่มล้วนบอกว่า องค์พระผู้สร้างของเราทรงพระชนม์อยู่เพื่อ เราและอยู่ท่ามกลางเราในสถานะบุคคลคือพระเยซู คริสต์ และโดยเนื้อหาจากพระธรรมทุกเล่มที่เหมือน กันนี้ พระองค์ได้ทรงทำมากกว่าการดำรงพระชนม์อยู่เพื่อเรา แต่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเราด้วย สิ่งที่พระเจ้าทรงทำเพื่อเราผ่านพระบุตรของพระ องค์นั้นเพียงพอที่จะเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับตัวเราเองในวันนี้และตลอดไป ในพระชนม์ชีพของพระองค์ พระเยซูแสดงเหตุผลทุกอย่างให้เราวางใจว่าพระองค์เสด็จเข้ามาในนามของสวรรค์ ในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ พระองค์ทรงรับการลงโทษในสิ่งที่เรารู้สึกแย่ๆ ทุกอย่าง และในการฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่มีชัยเหนือศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเรา และทรงนำเราแต่ละคนไปสู่ศักยภาพสูงสุดที่เรามี ช่างเป็นเรื่องราวแสนดีเลิศ! เป็นรูปแบบการแลกเปลี่ยนนักโทษขั้นสูงสุด ประการแรก พระองค์ทรงเข้ามาแทนที่เราบนกางเขนเพชฌฆาต จากนั้นเมื่อทรงทำลายทุกสิ่งที่อาจทำร้ายเราได้ พระองค์ประทานการแลกเปลี่ยนที่ยอดเยี่ยมแก่เรา คือทรงยกโทษบาปของเรา ประทานความเข้มแข็งของพระองค์แทนที่ความอ่อนแอของเรา
ความประเสริฐของพระองค์แทนที่ความเสื่อมทรามของเรา เงื่อนไขของการแลกเปลี่ยนนี้ชัดเจนมาก เมื่อ เรายอมรับความผิดของเราและวางใจในพระองค์ พระ องค์จะประทานอัตลักษณ์ใหม่ อดีตใหม่ ที่อยู่ใหม่ และการงานใหม่แก่เรา กล่าวโดยสรุปคือพระองค์ทรงเสนอชีวิตใหม่ให้กับเรา และชีวิตใหม่นี้มาพร้อมกับวิธีคิดใหม่เกี่ยวกับตัวเราเอง ในพระคริสต์เรามีฐานะที่มั่นคง เมื่อเราวางใจพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว เราก็มีความสัมพันธ์กับพระองค์ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เราอยู่ในพระองค์ และพระองค์ทรงอยู่ในเรา นี่อาจฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้ แต่เนื่องจากพระคัมภีร์เชื่อถือได้ เรื่องนี้จึงเป็นความจริง พระ คริสต์ทรงต่อสู้และมีชัยชนะในการต่อสู้ที่เราไม่มีวัน จะสู้หรือชนะได้ด้วยตัวเราเอง นั่นจึงทำให้พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นชีวิต เป็นการให้อภัย เป็นความหวัง เป็นการปกป้อง และเป็นแหล่งของทุกสิ่งที่ดีที่สุดที่เราเคยร้องขอ และอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งนี้ทำให้พระองค์สำคัญมากและสำคัญยิ่งกว่าบุคคลใดๆในชีวิตเราอย่างสูงสุดในตลอดนิรันดร์กาล และนั่นคือเหตุผลทั้งหมดที่เราเชื่อในสิ่งที่พระองค์ตรัสเกี่ยวกับเรา ทั้งหมดนี้อาจดูเหมือนยากที่จะยอมรับ ทุกสิ่งภายในคุณอาจบอกว่าคุณอยากให้พ่อของคุณพอใจ ให้แม่รัก ให้ลูกเคารพ ให้คู่ครองรักอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่นั่นคือคำตอบจริงๆหรือ สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญขนาดไหนเมื่อเทียบกับพระองค์ผู้นั้นที่ทรงออกแบบคุณมาและได้สิ้นพระชนม์เพื่อคุณ “แต่” คุณอาจบอกว่า “ทั้งหมดนั่นดูเป็นทฤษฎีอย่างมาก จับต้องไม่ได้และฟังดูห่างไกลเหลือเกิน” ถ้าอย่างนั้นให้เรามาเริ่มกันด้วยเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น สมมติว่าคุณไม่มีอะไรให้พิจารณาดูมากนัก คุณมา จากครอบครัวที่พ่อติดเหล้า แม่ต้องวิ่งวุ่น และพี่น้องดูเหมือนจงใจทำให้ชีวิตของคุณไม่มีความสุข สมมติว่าคุณยากจน คุณมีอารมณ์ไม่มั่นคง และคุณกินยา กล่อมประสาทเพื่อช่วยให้คุณผ่านไปได้ แล้วพระคริสต์จะทรงทำอะไรให้คุณได้ในสภาพเช่นนั้นเล่า
เอาล่ะ ถ้าคุณได้เชื่อวางใจให้พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคุณแล้ว ก็จงเปิดหน้าต่างและสูดอากาศบริสุทธิ์ อย่าจำกัดความเป็นจริงของคุณไว้กับอากาศอุดอู้ในสถานการณ์ที่จำกัดของคุณ ชีวิตยิ่งใหญ่กว่านั้น พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่มากยิ่งกว่านั้น และความเป็นนิรันดร์นั้นยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก จงยอมให้บุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตคุณเป็นผู้เกาะกุมหัวใจของคุณไว้ เชื่อในพระองค์เมื่อทรงบอกว่าสิ่งต่างๆกำลังจะดีขึ้นเพื่อคุณ เชื่อในพระองค์เมื่อทรงบอกคุณว่าสิ่งที่ดีที่สุดนั้นรออยู่ข้างหน้า! จงวางใจในสิทธิอำนาจที่เชื่อถือได้มากที่สุดในโลกคือพระคัมภีร์ที่บอกคุณว่าในพระคริสต์ คุณมีสิ่งต่อไปนี้ • อดีตใหม่ (รม.6:1-6) • อนาคตใหม่ (8:18-32) • ชื่อใหม่และอัตลักษณ์ใหม่ (กจ.11:26) • กรมธรรม์แห่งชีวิตใหม่ (2 คร.5:17) • ความสัมพันธ์ใหม่กับพระเจ้า (1 ยน.1:1-4) • การงานใหม่ (อฟ.6:5-9) • มรดกใหม่ (1:11) • แหล่งแห่งการจัดเตรียมใหม่ (ฟป.4:19) • ครอบครัวใหม่ (1 ยน.3:1) • ความเชื่อมั่นใหม่ (ฮบ.13:5) เนื่องจากฐานะของเราในพระคริสต์ ความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์และสถานะของเราในครอบครัวของพระองค์ เราจึงไม่ต้องสงสัยในความรักของพระองค์เลย และยังมีมากกว่านั้นอีกมาก สถานะในพระคริสต์นี้ไม่เพียงเป็นรากฐานสำหรับภาพลักษณ์ใหม่เท่านั้น แต่เป็นรากฐานของวิถีชีวิตใหม่อย่างครบบริบูรณ์อีกด้วย และยังเตรียมรากฐานสำหรับทัศนคติใหม่และแนวทางใหม่ในความสัมพันธ์ต่างๆ เมื่อเราเชื่อและดำเนินชีวิตตามนั้นก็จะทำให้เรารู้สึกดีและรู้สึกขอบพระคุณ ในพระคริสต์ เรามีความท้าทายในการดำเนินชีวิต
ในสองบทแรกของจดหมายถึงชาวโคโลสี อัครทูตเปาโลเขียนเรื่องฐานะของเราในพระคริสต์และความมั่งคั่งในทุกสิ่งที่เป็นของเราในพระองค์ จากนั้นเปาโลท้าทายให้เราดำเนินชีวิตตามฐานะของเรา ขณะที่ท่านกล่าวว่า ถ้าท่านรับการทรงชุบให้เป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งซึ่งอยู่เบื้องบนในที่ซึ่งพระคริสต์ทรงสถิตอยู่ คือประทับข้างขวาของพระ เจ้า จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งซึ่งอยู่ที่แผ่นดินโลก เพราะว่าท่านได้ตายแล้ว และชีวิตของท่านซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า เมื่อพระคริสต์ผู้ทรงเป็นชีวิตของเราทรงปรากฏ ขณะนั้นท่านก็จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในศักดิ์ศรีด้วย (คส.3:1-4) เราต้องคิดว่าตนเองเป็นคนที่พระเจ้าตรัสว่าเราเป็น เราต้องแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสเกี่ยวกับเรานั้นสำคัญกว่าสิ่งที่คนอื่นพูดหรือไม่พูดถึงเรา (อฟ. 4:17-32) สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราเปลี่ยนความคิดของเราใหม่อยู่เสมอด้วยความคิดของพระเจ้า เมื่อเราคิดโดยตระหนักดีว่าเราเป็นใครในพระคริสต์ และเมื่อเรารอคอยพระเจ้าอย่างคาดหวังในความสามารถของพระองค์ที่จะทรงเป็นและทรงทำทุกอย่างที่พระองค์ทรงต้องการให้เราเป็นและทำ (2 คร. 3:5; ฟป.4:10-13) มันไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน การเรียนรู้ที่จะประพฤติตามฐานะของเราในพระคริสต์นั้นเป็นกระบวนการ มันเป็นการต่อสู้ มันเป็นการเดินทางไกลที่ให้โอกาส กับเราครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับเรา เราจะเชื่อพระองค์หรือเราจะเชื่อความรู้สึก ศัตรูและสถานการณ์ของเรา
ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ

เคยสงสัยไหมว่า… เราควรใช้ค่านิยมอะไรในการมองตนเอง? ความคิดเห็นของใครสำคัญ? เราจะเป็นทุกอย่างที่เราต้องการได้ไหม? ทำไมการเห็นคุณค่าในตนเองนั้นสำคัญ? การมองตัวเองในแง่ลบเกิดจากอะไร? 🤍การนับถือตนเองอย่างถูกต้องนั้นเป็นเสมือนคำอวยพร ผู้ที่เชื่อว่าตนเองมีความสามารถก็มีแนวโน้มที่จะสร้างความแตกต่างในเชิงบวกให้กับชีวิตของผู้อื่น ผู้ที่มีความเคารพต่อตนเองอย่างถูกต้อง จะแสวงหาการมีสัมพันธภาพและกล้าเผชิญปัญหาที่ท้าทาย ผู้ที่มีความคิดเชิงบวกต่อตนเองก็มีแนวโน้มที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองมุ่งหวังไว้ได้สำเร็จ เราไม่ต้องการที่จะเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนบางคนที่ยกย่องตัวเอง แต่เมื่อเขาเอาตัวของเขาเป็นเครื่องวัดกันและกัน และเอาตัวเปรียบเทียบกันและกันแล้ว เขาก็เป็นคนขาดความเข้าใจ…เพราะคนที่ยกย่องตัวเองไม่เป็นที่นับถือของผู้ใด คนที่น่านับถือนั้นคือคนที่พระเจ้าทรงยกย่อง (2 คร. 10:12, 18)
More
เราขอขอบคุณ Our Daily Bread Ministries - Asia Pacific ที่ให้แผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ thaiodb.org
แผนการอ่านที่เกี่ยวข้อง

การนับถือตนเองในมุมมองพระคัมภีร์ (Self Esteem)

เรื่องอัศจรรย์: พระเยซูในฐานะมนุษย์

ปรับมุมมองให้สอดคล้องกับความจริง

ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงนิรันดร์

วางใจแม้ไม่เข้าใจ

ปลอดภัยในพระคริสต์

เรื่องอัศจรรย์

เรื่องอัศจรรย์: การจัดเตรียมของพระเจ้า

การพักผ่อนในพระเจ้า
