การนับถือตนเองในมุมมองพระคัมภีร์ (Self Esteem)ตัวอย่าง

โดยเนื้อแท้แล้วเราดีหรือเลว
ตามที่เราได้เห็นก่อนหน้านี้แล้วว่า พระคัมภีร์ได้พูดถึงมุมมองที่ถูกต้องตามความเป็นจริงของตัวเราว่าเป็นเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ด้านหนึ่งให้เหตุผลกับเราที่จะรู้สึกดีกับตัวเอง อีกด้านหนึ่งให้เหตุผลกับเราที่จะรู้สึกแย่ ถ้าเราพยายามให้ความสำคัญกับด้านใดด้านหนึ่งก็จะเป็นการละเลยอีกด้าน ในท้ายที่สุดแล้วเราก็จะมีความเห็นเกี่ยวกับ ตัวเองตามมาตรฐานของมนุษย์มากกว่ามาตรฐานของพระเจ้า การวัดคุณค่าตามมาตรฐานของมนุษย์ นักสังคมศาสตร์และนักการศึกษาบางคนกล่าว เอาไว้ว่ามนุษย์ไม่ได้เกิดมาเลวทราม เราได้รับความเสียหายจากสภาพแวดล้อมรอบตัวที่ส่งผลต่อการกำหนดความเป็นตัวเรา ถึงแม้ว่าพฤติกรรมของมนุษย์ที่ปรากฏในทุกวัฒนธรรมนั้นจะมีรูปแบบและแนวโน้มที่คล้ายๆกัน แต่หลายคนยังคงมองเห็นข้อบกพร่องในลักษณะนิสัยของมนุษย์ว่าเกิดขึ้นจากแรงกดดันทางสังคม โดยเปรียบแรงกดดันทางสังคมว่าเหมือนชอล์กที่ขีดเขียนลงบนกระดานซึ่งในตอนแรกนั้นว่างเปล่า ไร้มลทิน พวกเขาเชื่อว่าเราทุกคนเริ่มต้นจากกระดานที่ขาวสะอาด ซึ่งก็คือธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังไม่มี เรื่องของความถูกผิดจนกระทั่งเด็กเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ กับสังคม ผู้ที่มองว่ามนุษย์เป็นผลมาจากวิวัฒนาการทางธรรมชาตินั้นมีแนวคิดอีกทัศนะหนึ่ง พวกเขาเชื่อว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความซับซ้อนซึ่งเป็นเครือญาติกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆทั้งหมดในดาวเคราะห์ดวงนี้ อันเป็นผลมาจากกระบวนการความบังเอิญและการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติของมนุษย์ตามกรอบความคิดนี้ไม่ได้ดีหรือเลวแต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุด
การวัดคุณค่าตามมาตรฐานของพระเจ้า ตามทัศนะของพระคัมภีร์ในเรื่องธรรมชาติของมนุษย์นั้น เราถูกหล่อหลอมขึ้นอย่างตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงระหว่างศักดิ์ศรีฝ่ายวิญญาณและความเสื่อมทราม ทางศีลธรรม ตั้งแต่ปฐมกาลจนถึงวิวรณ์ เราพบคำอธิบายเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ของเราที่น่าชื่นชมและมีความสำคัญมากกว่าที่เราจะพบได้ในหนังสือเรียนสังคมศาสตร์เล่มอื่นใด ศักดิ์ศรีฝ่ายวิญญาณ ตามทัศนะของพระคัมภีร์ มนุษย์มีศักดิ์ศรีติดตัวมาแต่กำเนิด ปฐมกาลบรรยายว่าเราเป็นพงศ์พันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้า ซึ่งทรงแยกไว้โดยมีวัตถุประสงค์ อีกา จระเข้และจิ้งหรีดถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์ แต่สรรพ-สัตว์เหล่านั้นไม่ได้ถูกสร้างมาให้มีความสามารถที่จะเข้าใจ เพลิดเพลิน เชื่อฟัง และพูดคุยกับพระเจ้า สิ่งเหล่านั้นถูกสงวนไว้สำหรับเรา เราแต่ละคนถูกสร้าง ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ดังนั้นเราแต่ละคนจึงมีคุณค่าแห่งนิรันดร์กาล ที่มากกว่าสายพันธุ์สุนัข (แม้ว่าบางครั้งพวกมันจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าก็ตาม) มากยิ่งกว่าแม่น้ำ มหาสมุทร หรือภูเขา และมีค่ามากเกินกว่าทรัพย์สินที่รวมกันบนโลกนี้ เพราะเราเป็นผู้ผดุงพระฉายขององค์ผู้ทรงออกแบบ และเป็นเพราะ จุดมุ่งหมายที่เราถูกสร้างขึ้นมา จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราคนหนึ่งคนใดจะประเมินคุณค่าความเป็นบุคคลซึ่งคงอยู่ถาวรของเรานี้ได้ เพราะพระองค์ทรงปั้นส่วนภายในของข้าพระองค์ พระองค์ทรงทอข้าพระองค์เข้าด้วยกัน ในครรภ์มารดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์โมทนาพระคุณพระองค์เพราะพระองค์ทรงกระทำให้ข้าพระองค์แปลกประหลาดอย่างน่ากลัว พระราชกิจของพระองค์อัศจรรย์ พระองค์ทรงทราบข้าพระองค์ดี เมื่อข้าพระองค์ถูกสร้างอยู่ในที่ลับลี้ ประดิษฐ์ขึ้นมา ณ ภายในที่ลึกแห่งโลก โครงร่างของข้าพระองค์ไม่ปิดบังไว้จากพระองค์ พระเนตรของพระองค์ทรงเห็นส่วนประกอบของข้าพระองค์ วันทั้งหลายทุกๆ วันที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้น ก็ทรงจารึกไว้ใน พระตำรับของพระองค์ เมื่อครั้งยังไม่เกิดวันนั้นเลย (สดด.139:13-16)
เราอาจไม่ได้มีรูปร่างหน้าตา ความสามารถ หรือสิทธิพิเศษทางสังคมอย่างที่เราอยากมี กระนั้นก็ตามเราดำรงอยู่โดยพระประสงค์และพระปัญญาของพระ เจ้าผู้ทรงสร้างเราเพื่อพระองค์เอง ไม่ว่าเราจะหน้าตาดีหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าเราจะรวยหรือจน ไม่ว่าเราจะเป็นคนแอฟริกัน คนเอเชียหรือคนยุโรป พระเจ้าทรงสร้างเราเพื่อที่จะรู้จัก ที่จะถวายเกียรติ และที่จะชื่นชมยินดีในพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ ความเสื่อมทรามทางศีลธรรม และเป็นที่ชัดเจนว่า ไม่มีสักคนในพวกเราที่ยังคงดำรงอยู่ในสภาพเหมือนต้นแบบจากโชว์รูม นักศาสน-ศาสตร์ใช้คำว่า ความเสื่อมทราม เพื่ออธิบายถึงขอบเขต ที่ทุกส่วนของความเป็นมนุษย์ได้รับความเสียหายจากการแยกขาดจากพระเจ้าในฝ่ายวิญญาณ ความเสื่อม ทรามทางศีลธรรมที่เรามีร่วมกันไม่ได้หมายความว่าเราทุกคนเลวทรามเท่าที่เราจะเลวได้ แต่มีความหมายว่าเราทุกคนล้มลงในบาป เป็นบุคคลที่แหลกสลายผู้ซึ่งบกพร่องฝ่ายวิญญาณอย่างมากตั้งแต่แรกเกิด จนเรามีแนวโน้มที่จะดำเนินชีวิตเพื่อตัวเองในวิถีทางที่ดื้อดึงโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เราต้องจ่ายราคาแสนแพงสำหรับสภาพฝ่ายวิญ-ญาณที่ตกทอดมานี้ เรามาถึงจุดที่รู้สึกดีกับสิ่งที่ไม่ดี และรู้สึกแย่กับสิ่งที่ดี เราทุกคนรู้สึกถึงแรงดึงดูดของการทดลองทางเพศ อำนาจทางสังคม และความหลงระเริงในทางวัตถุ บ่อยครั้งที่เราใช้วิธีที่ก้าวร้าวและฉุนเฉียวในการจัดการกับคู่แข่งในเรื่องทรัพยากรที่มี อยู่อย่างจำกัด เราแต่ละคนต่างก็ผลัดกันพิสูจน์สิ่งที่ พระคัมภีร์กล่าวไว้เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ (โรมบทที่ 1-3)
สภาพฝ่ายวิญญาณของเราเข้ากันได้อย่างเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของเราไหม เหมือนปลาที่เหมาะสมกับน้ำหรือไม่! เป็นเรื่องยากที่จะรู้สึกดีกับตัวเองเมื่อ เรารู้โดยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างผิดปกติกับตัวเรา ส่วนลึกภายในเราบอกว่าเราถูกสร้างมาเพื่อเดินบนที่ซึ่งสูงกว่านี้ สูดอากาศที่ดีกว่า และเพลิดเพลินไปกับความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรักมากกว่า และก็ไม่น่าแปลกใจที่ธรรมชาติอันบิดเบี้ยวและคดงอของเราเองจะเป็นอุปสรรคต่อวิธีแก้ปัญหา ความดึงดันที่จะพึ่งพาตนเอง เป็นลักษณะอาการอย่างหนึ่งของธรรมชาติมนุษย์ที่เสื่อมทรามลง ซึ่งจะทำให้ความรู้สึกด้อยค่าที่มีนั้นย่ำแย่ลง ด้วยความต้องการที่ซับซ้อนและคำนึงถึงความต้องการของตัวเองเป็นหลัก เรากำลังส่งสัญญาณให้โลกรู้ว่าเราไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เราคิดว่าเราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ เราโกรธที่เราไม่อาจมีรูปร่างหน้าตาหรือความสามารถ หรือความสัมพันธ์ หรือสภาพแวดล้อมเหมือนที่คนอื่นมีได้ เราไม่ชอบตัวเองในแบบที่เราเป็น เราอยากได้ สิ่งที่ดีกว่านี้ เราคิดว่าเราต้องพยายามเพิ่มคุณค่าในตนเอง แต่สิ่งที่เราไม่รู้คือสภาวะที่เสื่อมทรามลงอาจล่อลวงเราได้ เราไม่ได้ตระหนักว่า สิ่งที่เราคิดว่าเป็นความด้อยค่าอาจทำลายความเย่อหยิ่งลงได้ บางครั้งสิ่งนี้คือความเย่อหยิ่งที่เจ็บช้ำของเรา ที่กระตุ้นให้เราดิ้นรนต่อสู้ด้วยความโกรธและความอิจฉา นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยอมรับ แต่มันคือความจริง บางครั้งมันคือความเย่อหยิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ของเราที่ทำให้เราเชื่อว่าเพราะเราเจ็บเราจึงจำเป็นที่จะต้องทำให้คนอื่นเจ็บ แทนที่จะอยู่เหนือปัญหา เรากลับเข้าไปพัวพันกับปัญหานั้น เราทำกับคนอื่นในสิ่งที่เราถูกกระทำ
ข้อพระคัมภีร์
เกี่ยวกับแผนฯ

เคยสงสัยไหมว่า… เราควรใช้ค่านิยมอะไรในการมองตนเอง? ความคิดเห็นของใครสำคัญ? เราจะเป็นทุกอย่างที่เราต้องการได้ไหม? ทำไมการเห็นคุณค่าในตนเองนั้นสำคัญ? การมองตัวเองในแง่ลบเกิดจากอะไร? 🤍การนับถือตนเองอย่างถูกต้องนั้นเป็นเสมือนคำอวยพร ผู้ที่เชื่อว่าตนเองมีความสามารถก็มีแนวโน้มที่จะสร้างความแตกต่างในเชิงบวกให้กับชีวิตของผู้อื่น ผู้ที่มีความเคารพต่อตนเองอย่างถูกต้อง จะแสวงหาการมีสัมพันธภาพและกล้าเผชิญปัญหาที่ท้าทาย ผู้ที่มีความคิดเชิงบวกต่อตนเองก็มีแนวโน้มที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองมุ่งหวังไว้ได้สำเร็จ เราไม่ต้องการที่จะเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนบางคนที่ยกย่องตัวเอง แต่เมื่อเขาเอาตัวของเขาเป็นเครื่องวัดกันและกัน และเอาตัวเปรียบเทียบกันและกันแล้ว เขาก็เป็นคนขาดความเข้าใจ…เพราะคนที่ยกย่องตัวเองไม่เป็นที่นับถือของผู้ใด คนที่น่านับถือนั้นคือคนที่พระเจ้าทรงยกย่อง (2 คร. 10:12, 18)
More
เราขอขอบคุณ Our Daily Bread Ministries - Asia Pacific ที่ให้แผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ thaiodb.org
แผนการอ่านที่เกี่ยวข้อง

การนับถือตนเองในมุมมองพระคัมภีร์ (Self Esteem)

เรื่องอัศจรรย์: พระเยซูในฐานะมนุษย์

ปรับมุมมองให้สอดคล้องกับความจริง

ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงนิรันดร์

วางใจแม้ไม่เข้าใจ

ปลอดภัยในพระคริสต์

เรื่องอัศจรรย์

เรื่องอัศจรรย์: การจัดเตรียมของพระเจ้า

การพักผ่อนในพระเจ้า
