พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

กล้าที่จะแตกต่าง
ครั้งหนึ่งผมเคยมีโอกาสได้พบและสัมภาษณ์ศิษยาภิบาลนาดาร์คานี ยูเซฟ เขาพบพระเยซูคริสต์เมื่ออายุได้สิบเก้าปี เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นศิษยาภิบาล และเป็นผู้นำของคริสตจักรในอิหร่าน ในปี 2010 เมื่อเขาอายุ 32 ปี ได้แต่งงานและมีลูกสองคน เขาถูกจับและถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหา ‘ละทิ้งความเชื่อ’ (เปลี่ยนศาสนาจากอิสลามเป็นคริสต์) แต่ในสองปีต่อมา หลังจากถูกแรงกดดันจากนานาชาติ ก็ทำให้การตัดสินนั้นถูกเปลี่ยนไป ในระหว่างการพิจารณาคดี ศิษยาภิบาลนาดาร์คานี ปฏิเสธที่จะละทิ้งความเชื่อของเขา ทั้งๆ ที่ต้องเผชิญกับโทษประหารชีวิต เขาบอกผู้พิพากษาว่า ‘ผมแน่วแน่ในความเชื่อและความเป็นคริสต์เตียนของผม และไม่วันล้มเลิกไป’ วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศของสหราชอาณาจักรในขณะนั้น ยกย่องความกล้าหาญของเขา หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนอธิบายว่าเขาเป็น ‘คริสเตียนผู้กล้าหาญที่สร้างแรงบันดาลใจ’ ศิษยาภิบาลนาดาร์คานีก็เหมือนกับคริสเตียนหลาย ๆ คนทั่วโลกในทุกวันนี้ ยังคงเผชิญกับการกดขี่ข่มเหงเพราะความเชื่อของเขา พระเยซูให้ภาพความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงแก่เรา กล้าที่จะแตกต่างด้วยการเป็นเหมือนพระองค์ อย่าทำตามสิ่งที่โลกบอกคุณว่าเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา แต่จงติดตามพระเจ้าด้วยการเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นสดุดี 119:17-24
เป็น ‘คนแปลกหน้า’ ของโลก
คุณเคยรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยเข้ากับคนรอบข้างทั้งในที่ทำงานหรือเพื่อนบ้านของคุณบ้างหรือไม่? ดูเหมือนว่าค่านิยมและลักษณะการดำเนินชีวิตของคุณจะแตกต่างกันอยู่บ้างหรือไม่? บางครั้งคุณก็เผชิญกับ ‘การเยาะเย้ย’ และ ‘การหมิ่นประมาท’ (ข้อ 22) หรือไม่?
ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า ‘ข้าพระองค์เป็นคนต่างด้าวบนแผ่นดินโลก’ (ข้อ 19) ชายหญิงที่ยิ่งใหญ่ทุกคนในพระภาคพันธสัญญาเดิมเป็น ‘คนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก’ (ฮีบรู 11:13) อัครสาวกเปโตรเขียนว่า ‘จงดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงในเวลาที่พวกท่านอยู่ในโลกนี้’ (1 เปโตร 1:17) เช่นเดียวกับผู้ประพันธ์เพลงสดุดี ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า เราถูกเรียกให้แตกต่างจากคนรอบข้าง
ในความแตกต่างจากคนรอบข้าง ผู้เขียนสดุดีเขียนว่า ‘จิตใจของข้าพระองค์กระตือรือร้นด้วยความปรารถนาในกฎหมายของพระองค์ตลอดเวลา’ (สดุดี 119:20) ขณะที่เขาอ่านพระคัมภีร์ เขาอธิษฐานว่า ‘ขอทรงเปิดตาข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเห็นสิ่งอัศจรรย์จากธรรมบัญญัติของพระองค์’ (ข้อ 18) นี่เป็นคำอธิษฐานที่ดีเมื่อคุณศึกษาพระคัมภีร์ เราสามารถเข้าใจเฉพาะในสิ่งที่พระวิญญาณทรงเปิดเผยเท่านั้น
คนรอบข้างบางคนเป็น ‘เพื่อนบ้านที่ไม่ดี’ ที่ ‘มุ่งปองร้าย’ (ข้อ 23ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่พระวจนะของพระเจ้านั้นเป็นเหมือน ‘เพื่อนบ้านที่ดี’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาเขียนว่า ‘ข้าพระองค์แช่อยู่กับการไตร่ตรองคำแนะนำอันชาญฉลาดของพระองค์ ใช่ คำตรัสของพระองค์เกี่ยวกับชีวิตก็เป็นสิ่งที่ทำให้ข้าพระองค์มีความสุข ข้าพระองค์ฟังสิ่งเหล่านั้นเสมือนเพื่อนบ้านที่ดี!’ (ข้อ 23ข–24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานความกล้าหาญแก่ข้าพระองค์ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างคนแปลกหน้าบนแผ่นดินโลก ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้เอาใจใส่อยู่กับพระวจนะของพระองค์ ใคร่ครวญในสิ่งที่พระองค์ตรัส ขอเปิดตาข้าพระองค์ให้เห็นสิ่งอัศจรรย์ในพระวจนะของพระองค์
1 เธสะโลนิกา 5:1-28
ดำเนินชีวิตอย่างแตกต่าง
การถูกเรียกให้แตกต่างจากโลกรอบตัวเรา เราได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ เปาโลเขียนว่า ‘อย่าหลับเหมือนอย่างคนอื่น’ (ข้อ 6) กล้าที่จะแตกต่างเปาโลใช้อุปมาสี่ประการเพื่ออธิบายความแตกต่าง:
1. แสงสว่าง ไม่ใช่ความมืด
โลกรอบตัวอยู่ในความมืด (ข้อ 4) อย่าวิ่งหนีจากความมืด แต่จงส่องแสงในนั้น ‘ท่านทุกคนเป็นลูกของความสว่าง’ (ข้อ 5ก) ความมืดหมายถึงความเขลาและบาป คุณอยู่ในความมืด พระเยซูส่องแสงในชีวิตของคุณ คุณเป็นลูกของความสว่าง การเป็นลูกของบางสิ่งนั้นจะต้องมีลักษณะเฉพาะกับสิ่งนั้น เมื่อกล่าวถึงคริสเตียนว่าเป็น ‘ลูกของความสว่าง’ หมายความว่า ‘ความสว่าง’ เป็นลักษณะเด่นของคุณ
2. กลางวัน ไม่ใช่กลางคืน
เปาโลเขียนว่า ‘ท่านทุกคน…เป็นลูกของเวลากลางวัน เราไม่ได้เป็นของกลางคืนหรือของความมืด’ (ข้อ 5) เช่นเดียวกับประเด็นก่อนหน้าเกี่ยวกับความสว่างและความมืด สิ่งนี้ยังหมายถึง ‘วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 2) ด้วย เราเป็นลูกของวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทั้งหมดนี้หมายถึงการรอคอยและการมีส่วนร่วมในชัยชนะของวันอันยิ่งใหญ่นั้นเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา
3. ตื่น ไม่ใช่หลับ
เปาโลเขียนว่า ‘อย่าหลับเหมือนอย่างคนอื่น... คนนอนหลับก็ย่อมหลับในเวลากลางคืน’ (ข้อ 6–7) เขากล่าวต่อไปว่า ‘จะตื่นอยู่หรือจะหลับ เราจะได้มีชีวิตกับพระองค์’ (ข้อ 10) พระเยซูอยู่กับคุณแล้วในตอนนี้ พระเยซูเองก็ทรงใช้ภาษาเดียวกันนี้ในการเฝ้าระวังและตื่นตัว (มัทธิว 24:42; 25:13) อย่าหลับใหลฝ่ายวิญญาณ เตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ตื่นตัวและเฝ้าระวัง
4. มีสติ ไม่ใช่เมามาย เปาโลเขียนว่า ‘ให้เรามีสติ’ (1 เธสะโลนิกา 5:8) คำนี้มีความหมายตามตัวอักษรว่า ‘ไม่เมาเหล้าองุ่น’ เช่นเดียวกับคำอุปมาอื่น ๆ ที่กล่าวถึงทั้งสภาพร่างกายและความเป็นจริงทางจิตวิญญาณ ความมึนเมาเกิดจากการขาดการควบคุมตนเอง และการปล่อยวางความรู้สึกเพื่อหลีกหนีความเป็นจริง พยายามควบคุมตนเองในทุกด้านของชีวิต จงสวมความเชื่อ ความรัก และความหวัง (ข้อ 8)
วิถีการดำเนินชีวิตของคุณจะแตกต่างไปจากคนรอบข้างอย่างสิ้นเชิง คุณต้องให้เกียรติผู้นำของคุณ ‘เราขอให้คุณให้เกียรติผู้นำเหล่านั้นที่ทำงานอย่างหนักเพื่อคุณ ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการกระตุ้นและแนะนำคุณในการเชื่อฟัง ให้ความเคารพและรักพวกเขา!’ (ข้อ 12–13ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คุณถูกเรียกสู่ชีวิตแห่งการให้เกียรติ (ข้อ 12) ปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความเคารพเสมอ จงอยู่อย่างสงบสุขอยู่เสมอ (ข้อ 13) ‘หนุนใจผู้พลัดหลง และช่วยเหลือคนที่หมดเรี่ยวแรง ดึงพวกเขาให้ยืนขึ้น อดทน ใส่ใจกับความต้องการของแต่ละคน และระมัดระวังเมื่อคุณกระทบกระทั่งกัน คุณจะไม่ตะคอกใส่กัน มองหาสิ่งที่ดีที่สุดจากกันและกัน และทำให้ดีที่สุดเสมอเพื่อนำมันออกมา’ (ข้อ 14–15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) หากคุณต้องการดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวผู้คนออกมา คุณต้องเห็นสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเขาก่อน
โอบอ้อมอารีกับทุกคน ความเมตตาควรเป็นลักษณะเด่นในชีวิตคุณ ‘จงหาทางทำดีเสมอต่อพวกท่านเอง และต่อคนทั่วไปด้วย’ (ข้อ 15) แม้แต่การแสดงความเมตตาเพียงเล็กน้อยก็มีพลังมากจนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกรอบตัวคุณได้
คุณเป็นพลเมืองของโลกที่แตกต่าง คุณต้องเรียนรู้ภาษาใหม่ สิ่งที่เปาโลอธิบายในที่นี้คือไวยากรณ์ของภาษาใหม่ ‘จงชื่นบานอยู่เสมอ จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ จงขอบพระคุณในทุกกรณี’ (ข้อ 16) การอธิษฐานควรเป็นเหมือนลมหายใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำอย่างต่อเนื่องและบ่อยครั้งโดยไม่รู้ตัว แทนที่จะบ่นต่อว่าก็ให้ ‘ขอบคุณในทุกกรณี’ แสดงความขอบคุณต่อพระเจ้าและผู้อื่น ทั้งในเรื่องเล็กน้อยและเรื่องใหญ่
‘อย่าขัดขวางพระวิญญาณ อย่าดูหมิ่นถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น จงเว้นเสียจากสิ่งที่ชั่วทุกอย่าง’ (ข้อ 19–22)
ทั้งหมดนี้อาจดูเหมือนเป็นโอกาสที่น่ากลัวมาก แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียว เปาโลอธิษฐานว่า ‘ขอให้พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงชำระท่านทั้งหลายให้เป็นคนบริสุทธิ์หมดจด’ (ข้อ 23) และจบด้วยความหวังและการช่วยเหลือ ‘พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นซื่อสัตย์ และพระองค์จะทรงทำให้สำเร็จ’ (ข้อ 24)
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้กล้าที่จะแตกต่าง ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้อยู่ร่วมกับพระองค์ (ข้อ 10) ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากความชั่วทุกอย่าง (ข้อ 22) และดำเนินชีวิตด้วยความรัก ความเมตตา ความปีติยินดี และสันติสุข
เยเรมีย์ 25:15-26:24
พูดอย่างแตกต่าง
ผู้คนไม่ต้องการฟังทัศนะของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา จึงต้องใช้ความกล้าหาญในการกล่าวพระวจนะของพระเจ้ากับสังคมที่มีมุมมองของตนเองซึ่งอาจแตกต่างอย่างมากกับของพระเจ้า
พันธกิจของเยเรมีย์จำเป็นต้องมีความกล้าหาญอย่างมาก เขาต้องกล้าที่จะแตกต่างจากผู้เผยพระวจนะรอบ ๆ พวกเขาทั้งหมดพยากรณ์ถึงสันติสุข แต่เยเรมีย์รู้ว่าการถูกเนรเทศกำลังจะมาถึง เขากำลังเตือนประชาชนเกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะมาถึง
พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘พูดถ้อยคำที่เราสั่งเจ้าให้พูดกับพวกเขา อย่าเว้นสักคำเดียว บางทีพวกเขาจะฟัง และทุกคนจะหันกลับจากทางชั่วร้ายของเขา’ (26:2–3)
อย่างไรก็ตาม ‘เมื่อเยเรมีย์ได้จบคำพูดทั้งสิ้น ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาท่านให้พูดแก่ประชาชนนั้น บรรดาปุโรหิตผู้เผยพระวจนะและประชาชนทั้งสิ้นได้จับเยเรมีย์กล่าวว่า “เจ้าจะต้องตาย!”’ (ข้อ 8)
เป็นอีกครั้งที่คำตอบของเยเรมีย์นั้นกล้าหาญมาก เขากล่าวว่า ‘จงเปลี่ยนวิถีชีวิตของพวกท่าน เปลี่ยนพฤติกรรมของพวกท่าน ฟังพระวจนะของพระเจ้าอย่างเชื่อฟัง บางทีพระเจ้าอาจพิจารณาความหายนะที่เขาคุกคามอีกครั้ง... ถ้าพวกท่านฆ่าข้าพเจ้า พวกท่านก็กำลังฆ่าคนบริสุทธิ์... พระเจ้าส่งข้าพเจ้ามาและบอกข้าพเจ้าว่าจะพูดอะไร พวกท่านได้ฟังพระเจ้าตรัส ไม่ใช่เยเรมีย์’ (ข้อ 13–15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
อันที่จริงก็เช่นเดียวกับดาร์คานี ยูเซฟ เยเรมีย์รอดพ้นจากโทษประหารชีวิต แต่บุรุษทั้งสองนี้ยินดีจ่ายราคาสูงสุดเพื่อยืนหยัดในความซื่อตรงต่อพระเจ้า เราอาจไม่ได้เผชิญแรงกดดันแบบเดียวกัน แต่โลกรอบตัวเรามักจะไม่ชอบให้เราแตกต่าง อย่าแปลกใจหรือท้อแท้กับการต่อต้านเช่นนี้ ดังที่พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า ‘ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงมีใจกล้าเถิด! เพราะว่าเราชนะโลกแล้ว’ (ยอห์น 16:33)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับตัวอย่างของศิษยาภิบาลนาดาร์คานี เยเรมีย์ เปาโล และสุดท้ายคือพระเยซูเอง ผู้ซึ่งเต็มใจและกล้าที่จะแตกต่างไปจากคนรอบข้าง กระทั่งถูกพิพากษาประหารชีวิต ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์กล้าที่จะแตกต่าง และกล่าวถ้อยคำที่พระองค์ทรงต้องการให้ข้าพระองค์พูด
Pippa Adds
1 เธสะโลนิกา 5:10
‘ผู้สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เพื่อว่าถึงจะตื่นอยู่หรือจะหลับ เราจะได้มีชีวิตกับพระองค์’
นี่เป็นเหมือนถ้อยคำปลอบโยนที่ทำให้รู้ว่าเราอยู่กับพระเยซูเสมอ ต่อเนื่องทั้งในชีวิตนี้และชีวิตหน้า อย่างที่เรารู้ว่าชีวิตบนแผ่นดินโลกนี้จะถึงจุดจบ แต่ชีวิตที่เราอยู่กับพระคริสต์จะดำเนินต่อไปตลอดกาล
‘
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

The Creator's Battle: Winning the Inner War for Your Art

The Holy Spirit: God Through Us

What Is "The Way of Christ?"

When God Makes Things Right: A 5-Day Devotional on Nahum

Read the Bible Effectively

HomeFirst: Finding Balance, Embracing Ease, and Living a Christ-Centered Life

BE a PILLAR

When Tithing Feels Impossible: 3 Truths That Free You From Financial Guilt

Journey Through Esther
