พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

อัศจรรย์ใจโดยความเปรมปรีดิ์
‘อัศจรรย์ใจโดยความเปรมปรีดิ์’ คือสิ่งที่ ซี.เอส. ลูอิส อธิบายการกลับใจของเขาจากคนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า มามีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะมีความเชื่อมโยงใด ๆ ระหว่าง พระเจ้า กับ*ความเปรมปรีดิ์* ถ้ามีบางอย่าง เขาเคยคิดว่าเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม: ‘เท่าที่ผมทราบ การปฏิเสธโดยสิ้นเชิงถึงสิ่งที่ผมเรียกว่าความเปรมปรีดิ์ อาจเป็นหนึ่งในความต้องการก็ได้’ ความเชื่อมโยงนั้นเป็นความจริง ลูอิส ‘ยอมรับว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า’ ในขณะนั้น เขาเป็น ‘ผู้ที่กลับใจมาเชื่ออย่างไม่เต็มใจที่สุดในประเทศอังกฤษ’ เขาพบความประหลาดใจอย่างใหญ่หลวงว่า การติดตามพระเยซูนั้น เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคาดหวังอย่างยิ่ง เขามีประสบการณ์ในความเปรมปรีดิ์อย่างมากผ่านทางความเชื่อที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้ เขาพบว่า ‘หัวใจของความเป็นจริง’ คือสิ่งที่พบได้ในตัวบุคคล เขา*อัศจรรย์ใจด้วยความเปรมปรีดิ์* หลายคนสับสนกับความความพึงพอใจ ความอิ่มเอมใจ และความเปรมปรีดิ์ ‘ความพึงพอใจ’ สามารถมาจากวันหยุดพักผ่อนดี ๆ เงินเดือนขึ้น หรือช็อคโกแลตซักแท่ง ผู้คนสามารถกลายเป็นคนเสพติดความสุขได้ ด้วยการแสวงหาบางสิ่งบางอย่างเรื่อยไปมาเติมเต็มอยู่เสมอ แต่ประสบการณ์ความพึงพอใจเหล่านี้มักมาแล้วจากก็ไป ‘ความอิ่มเอิบใจ’ เป็นสิ่งที่ยาวนานกว่า ทั้งการพึงพอใจในชีวิตของคุณ บ้านของคุณ งานของคุณ และความสัมพันธ์ของคุณ แต่นี่เป็นอีกประเภทหนึ่งของความสุขซึ่งเราเรียกว่า ‘ความเปรมปรีดิ์’ มันไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่วครู่ แต่เป็นวิถีทางที่ลึกซึ้งในการดำเนินชีวิตอยู่ในสภาพของจิตใจซึ่งมีอยู่ในทุกคน ไม่ได้พบในสิ่งของ แต่อยู่ในตัวบุคคลสดุดี 119:9-16
ความเปรมปรีดิ์ในการศึกษาพระคัมภีร์
ทั้งพิพพาหรือผม ไม่ใช่พวกชำนาญในเส้นทางนัก เรามักจะขับรถหลงทางบ่อย ๆ (แม้จะใช้ตัวนำทางหรือกูเกิ้ลแมพส์!) เป็นความเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งเมื่อเราพบบางคนที่สามารถบอกทางเราได้เป็นอย่างดี
พระคัมภีร์ให้แนวทางที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตของคุณ ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการระหกระเหิน (ข้อ 10) และหลงไป มีความเปรมปรีดิ์อันยิ่งใหญ่ในการพบแนวทางสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์
การอ่านพระคัมภีร์เป็นที่สุดท้ายในโลกที่คนส่วนมากคาดหวังว่าจะได้พบความปีติยินดี กระนั้นผู้เขียนสดุดีชี้ว่า พระปัญญาของพระเจ้าและพระสัญญาของพระองค์เป็นแหล่งแห่งความปีติยินดี ความชื่นบาน และ ความมั่งคั่งทั้งสิ้น เขาเขียนว่า ‘ข้าพระองค์ปีติยินดี ในทางแห่งพระโอวาทของพระองค์ มากเท่ากับในความมั่งคั่งทั้งสิ้น… ข้าพระองค์จะปีติยินดีในกฎเกณฑ์ของพระองค์’ (ข้อ 14,16ก)
ในพระคัมภีร์เราพบวิถีแห่งความบริสุทธิ์: ‘คนหนุ่มจะรักษาทางของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร? ก็โดยปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์’ (ข้อ 9) เขาเขียนว่า ‘ข้าพระองค์ได้เก็บรักษาพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์’ (ข้อ 11) เรียนรู้และภาวนาข้อพระคำเหล่านั้น (ข้อ 15) และพูดมันออกมา (ข้อ 13) มีบางวิธีซึ่งคุณสามารถหลีกเลี่ยงการระหกระเหินและหลงไป (ข้อ 10)
เมื่อคุณรู้สึกว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสกับคุณผ่านทางข้อพระคำหรือพระคัมภีร์ตอนที่เฉพาะเจาะจง คุณสามารถพูดกับบิดาแห่งคริสตจักรในศตวรรษที่สองนามว่าออริเจนว่า ‘นี่เป็นข้อพระคัมภีร์ของฉัน’ คุณมีความเปรมปรีดิ์ที่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า และชื่นบานในการดำเนินตามกฎหมายของพระองค์ (ข้อ 14)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ถ้อยคำของพระองค์นำความเปรมปรีดิ์เช่นนั้นมาแก่ข้าพระองค์ ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้สะสมพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจของข้าพระองค์ และประกาศด้วยริมฝีปากของข้าพระองค์
1 เธสะโลนิกา 2:17-3:13
ความเปรมปรีดิ์ในการนำคนอื่นมาถึงความเชื่อในพระเยซู
เปาโลนำชาวเมืองเธสะโลนิกามาพบกับพระเยซูคริสต์ มีความชื่นชมยินดีอันใหญ่หลวงในการที่ได้เห็นคนมาถึงความเชื่อในพระคริสต์ ผมคิดว่าหนึ่งในเหตุผลที่ผู้คนรักที่จะช่วยในหลักสูตรอัลฟ่า คือพวกเขาชื่นชมยินดีที่ได้เห็นคนมาถึงพระคริสต์ เต็มล้นด้วยพระวิญญาณฯ และตื่นเต้นเรื่องพระเยซู
ชาวเมืองเธสะโลนิกาเป็น ‘ศักดิ์ศรี และความเปรมปรีดิ์’ ของเปาโล (2:20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เป็นความผูกพันที่ใกล้ชิดกับพวกเขา ท่านมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเห็นพวกเขาอีก (ข้อ 17) ท่านเขียนว่า ‘อะไรเล่าจะเป็น ความหวัง หรือ ความชื่นชมยินดี หรือ สิ่งภูมิใจ ของเรา เฉพาะพระพักตร์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเมื่อพระองค์จะเสด็จมา? ก็ไม่ใช่พวกท่านหรือ? เพราะว่าท่านเป็น ศักดิ์ศรี และความชื่นชมยินดีของเรา’ (ข้อ 19–20)
ในหลักการแล้วรางวัลนั้นไม่ได้ผิดอะไร และการได้เห็นคนอื่นเชื่อวางใจในพระเยซูนั้นเป็นรางวัล (‘มงกุฎ’) อันยิ่งใหญ่ สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ศักดิ์ศรีของเรากับของโลกนี้; โลกยกย่องเงินทอง ความสำเร็จ และอำนาจ แต่เรามี ศักดิ์ศรี ในพระเยซู และเป็นผู้ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษที่ได้พบกับพระองค์ ผ่านทางคำพูดและคำอธิษฐานของเรา
ความชื่นชมยินดีของเปาโลไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสถานการณ์ของท่านเอง ท่านอยู่ท่ามกลางปัญหาและช่วงเวลายากลำบาก: ‘ความเครียด และความยากลำบากที่ถาโถมเข้ามา’ (3:7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Ampified Bible โดยผู้แปล) ช่างน่าทึ่งที่ความกังวลของเปาโลไม่ใช่เรื่องสถานการณ์ของท่านเอง แต่เป็นเรื่องผลกระทบต่อการทดลองและการข่มเหงที่อาจส่งผลต่อความเชื่อของชาวเมืองเธสะโลนิกา (ข้อ 3)
ความชื่นชมยินดีของเปาโลมาจากความเปรมปรีดิ์ของพวกเขา เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนที่ความลับของความสุข คือการทำให้คนอื่น ๆ มีความสุข
เปาโลเขียนว่า ‘เพราะว่าเมื่อท่านมั่นคงอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของเราก็สดชื่น’ (ข้อ 8) คุณภาพชีวิตของท่านได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้งจากความสัมพันธ์ที่พวกเขามีกับพระเจ้า ท่านเต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดี: ‘เราจะขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอย่างไรอีกจึงจะสมกับความชื่นชมยินดีที่เรามี เพราะท่าน เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเรา’ (ข้อ 9)
ความชื่นชมยินดีแบบนี้หลั่งไหลออกมาจากส่วนลึกของความสัมพันธ์ที่เปาโลมีต่อชาวเมืองเธสะโลนิกา ความรักและความห่วงใยขอเขาต่อพวกเขานั้นชัดเจนมาก ความรักและความห่วงใยนี้ยังคงมีต่อไปภายหลังที่เขาจากไปแล้ว เขารอคอยที่จะได้กลับไปหาพวกเขา (2:18; 3:10–11) ส่งทิโมธีไปช่วยพวกเขา (แม้ว่าจะหมายถึงท่านต้องอยู่ลำพังไปอีกสักพัก 3:1–2) และอธิษฐาน ‘อย่างเอาจริงเอาจังที่สุด’ เผื่อพวกเขา ‘ทั้งกลางวันกลางคืน’ (ข้อ 10)
การทุ่มเทอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตของคนรอบข้างอาจดูน่ากลัว และอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานหนัก กระนั้นเหมือนกับตัวอย่างของเปาโลที่แสดงไว้ นี่ยังเป็นแหล่งแห่งความชื่นชมยินดีและการเฉลิมฉลอง เป็นความชื่นชมยินดี ‘จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า’ เมื่อเปาโลอธิษฐาน หัวใจของเขายังคงเต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดีเมื่อเขาคิดเรื่องพวกเขา จดหมายส่วนมากของเปาโลเต็มไปด้วยการขอบพระคุณ และความชื่นชมยินดี เมื่อเราเข้าสู่การทรงสถิตของพระเจ้า หัวใจของเราก็ไม่ต้องแบกภาระและเราเห็นสิ่งต่าง ๆ ดังที่พระเจ้าทรงเห็น: ‘ต่อพระพักตร์พระองค์มีความยินดีเปี่ยมล้น’ (สดุดี 16:11)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับความชื่นชมยินดีเมื่อได้เห็นผู้คนมาถึงพระคริสต์ ขอให้ข้าพระองค์จำเริญขึ้นและบริบูรณ์ด้วยความรัก และเปี่ยมด้วยความเข้มแข็งและความบริสุทธิ์ เต็มล้นด้วยความมั่นใจในการทรงสถิตของพระเจ้า พระบิดาของเรา
เยเรมีย์ 21:1-23:8
ความเปรมปรีดิ์ยินดีในมิตรภาพกับพระเยซู
เมื่อคุณอยู่ใกล้กับพระเยซู ความชื่นชมยินดีของพระองค์ก็ไหลมาสู่คุณ และความชื่นชมยินดีของคุณก็บริบูรณ์ ดังที่ศาสตราจารย์ กอร์ดอน ฟี เขียนไว้ว่า ‘ความชื่นชมยินดีที่ไม่ลดทอน ไม่หยุดยั้ง คือ (หรืออย่างน้อยที่สุดควรจะเป็น) เครื่องหมายอันโดดเด่นของผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์’ ‘กิ่งชอบธรรม’ คือสิ่งที่เยเรมีย์พูดถึงในพระธรรมตอนนี้ (23:5) จะเป็นแหล่งแห่งความชื่นชมยินดีอันบริบูรณ์
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับประชากรของพระองค์ผ่านทางเยเรมีย์ว่า ‘นี่แน่ะ เราตั้งวิถีแห่งชีวิตและทางแห่งความตายไว้ต่อหน้าเจ้า’ (21:8)
พระองค์ทรงเรียกพวกเขาให้ ‘จงให้ความยุติธรรม’ (ข้อ 12) พระองค์ตรัสว่า ‘จงกระทำความยุติธรรม จงทำสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องระหว่างคู่กรณี ช่วยกู้ผู้ที่ถูกปล้นให้พ้นมือของผู้ที่บีบบังคับ และอย่าเอาเปรียบคนที่ไร้บ้าน ลูกกำพร้าพ่อ และหญิงม่าย จงหยุดการฆาตกรรม!’ (22:3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
บรรดากษัตริย์ควรทำอย่างโยสิยาห์: ‘เขาพิพากษาคดีของคนจนและคนขัดสน เขาก็อยู่เย็นเป็นสุข ทำอย่างนี้จึงเป็นการรู้จักเรา ไม่ใช่หรือ?” พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ’ (ข้อ 16)
ตรงนี้เราได้เห็นความห่วงใยของพระเจ้า ทั้งตอนนั้นและตอนนี้ พระองค์ทรงห่วงใยเรื่องความยุติธรรม; ที่เกี่ยวข้องกับคนยากจน และคนเร่ร่อน; เกี่ยวกับแม่ม่ายและลูกกำพร้า; เกี่ยวกับเหยื่อแห่งความอยุติธรรม วิธีที่เราปฎิบัติต่อชนกลุ่มน้อยในสังคมของเราสำคัญสำหรับพระเจ้า
ประชากรของพระเจ้าอยู่ภายใต้การพิพากษาของพระองค์ในความล้มเหลวในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ พวกเขากลายเป็น ‘ระบอบการปกครองที่ชั่วร้าย’ (21:14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขากำลังจะถูกเนรเทศ กระนั้นท่ามกลางคำเผยพระวจนะแห่งความหายนะและการถูกเนรเทศ ก็ยังมีรังสีแห่งความหวัง
‘พระเจ้าตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะให้กิ่งชอบธรรมงอกออกมาสำหรับดาวิด ผู้ที่จะทรงเป็นกษัตริย์และทรงครองราชย์อย่างสุขุมรอบคอบ และจะทรงนำความยุติธรรมและความชอบธรรมมาสู่แผ่นดินนั้น ในสมัยของท่าน ยูดาห์จะได้รับความรอด และอิสราเอลจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย นี่จะเป็นนามซึ่งเราจะเรียกท่าน คือ ‘พระเจ้าเป็นความชอบธรรมของเรา”’ (23:5–6)
ผ่านทางมุมมองของพันธสัญญาใหม่ เราเห็นวิธีที่พระเยซูทรงทำให้คำพยากรณ์นี้เป็นจริงเรื่อง ‘กิ่งชอบธรรม’ (23:5, ดูอิสยาห์ 11 เอเสเคียล 17 และเยเรมีย์ 33:15 เป็นต้นไป) พระองค์ทรงสืบเชื้อสายจากดาวิด กษัตริย์ของชาวยิว พระผู้ช่วยให้รอด องค์พระเจ้าผู้ทรงชอบธรรมของเรา
พระเยซูทรงเป็นผู้เดียวที่เราพบความชื่นชมยินดีอย่างบริบูรณ์ได้ในพระองค์ พระองค์ทรงเป็น ‘กิ่งชอบธรรม’ (ข้อ 5) ที่ซึ่งกิ่งอื่น ๆ ทุกกิ่งจะมา ‘กิ่งชอบธรรม’ เชื่อมโยงเข้ากับเถาต่าง ๆ (เอเสเคียล 17) พระเยซูตรัสว่า ‘เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา’ (ยอห์น 15:1) ‘เราบอกสิ่งเหล่านี้กับพวกท่านแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่ในท่าน และให้ ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม’ (ข้อ 11)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับความชื่นชมยินดีซึ่งมาจากการได้อยู่ใกล้ชิดกับพระเยซู ขอทรงช่วยข้าพระองค์ในแต่ละวันให้อยู่ใกล้ชิดกับ ‘กิ่งชอบธรรม’ เพื่อความชื่นชมยินดีของพระเยซูจะดำรงอยู่ในข้าพระองค์ และความชื่นชมยินดีของข้าพระองค์จะเต็มเปี่ยม
Pippa Adds
สดุดี 119:11
‘ข้าพระองค์ได้เก็บรักษาพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์’
เป็นสิ่งน่าทึ่งเมื่อข้อพระคัมภีร์ที่เหมาะเจาะนี้เข้ามาในความคิดในสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง ฉันหวังว่า ฉันจะได้เรียนรู้ข้อพระคัมภีร์มากกว่านี้เมื่อตอนที่ความจำฉันยังดีกว่านี้ ตอนนี้ วิธีเดียวที่ฉันสามารถเรียนรู้ข้อพระคัมภีร์ใหม่ ๆ คือ เมื่อมันอยู่ในเพลงที่เราร้องกันเป็นประจำ เพลงของเด็กนั้นมักจะเยี่ยมที่สุด!
ข้อพระคำประจำวัน
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

The Creator's Battle: Winning the Inner War for Your Art

The Holy Spirit: God Through Us

What Is "The Way of Christ?"

When God Makes Things Right: A 5-Day Devotional on Nahum

Read the Bible Effectively

HomeFirst: Finding Balance, Embracing Ease, and Living a Christ-Centered Life

BE a PILLAR

When Tithing Feels Impossible: 3 Truths That Free You From Financial Guilt

Journey Through Esther
