YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 283 OF 365

อัศจรรย์ใจโดยความเปรมปรีดิ์

‘อัศจรรย์ใจโดยความเปรมปรีดิ์’ คือสิ่งที่ ซี.เอส. ลูอิส อธิบายการกลับใจของเขาจากคนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า มามีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะมีความเชื่อมโยงใด ๆ ระหว่าง พระเจ้า กับ*ความเปรมปรีดิ์* ถ้ามีบางอย่าง เขาเคยคิดว่าเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม: ‘เท่าที่ผมทราบ การปฏิเสธโดยสิ้นเชิงถึงสิ่งที่ผมเรียกว่าความเปรมปรีดิ์ อาจเป็นหนึ่งในความต้องการก็ได้’ ความเชื่อมโยงนั้นเป็นความจริง ลูอิส ‘ยอมรับว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า’ ในขณะนั้น เขาเป็น ‘ผู้ที่กลับใจมาเชื่ออย่างไม่เต็มใจที่สุดในประเทศอังกฤษ’ เขาพบความประหลาดใจอย่างใหญ่หลวงว่า การติดตามพระเยซูนั้น เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคาดหวังอย่างยิ่ง เขามีประสบการณ์ในความเปรมปรีดิ์อย่างมากผ่านทางความเชื่อที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้ เขาพบว่า ‘หัวใจของความเป็นจริง’ คือสิ่งที่พบได้ในตัวบุคคล เขา*อัศจรรย์ใจด้วยความเปรมปรีดิ์* หลายคนสับสนกับความความพึงพอใจ ความอิ่มเอมใจ และความเปรมปรีดิ์ ‘ความพึงพอใจ’ สามารถมาจากวันหยุดพักผ่อนดี ๆ เงินเดือนขึ้น หรือช็อคโกแลตซักแท่ง ผู้คนสามารถกลายเป็นคนเสพติดความสุขได้ ด้วยการแสวงหาบางสิ่งบางอย่างเรื่อยไปมาเติมเต็มอยู่เสมอ แต่ประสบการณ์ความพึงพอใจเหล่านี้มักมาแล้วจากก็ไป ‘ความอิ่มเอิบใจ’ เป็นสิ่งที่ยาวนานกว่า ทั้งการพึงพอใจในชีวิตของคุณ บ้านของคุณ งานของคุณ และความสัมพันธ์ของคุณ แต่นี่เป็นอีกประเภทหนึ่งของความสุขซึ่งเราเรียกว่า ‘ความเปรมปรีดิ์’ มันไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่วครู่ แต่เป็นวิถีทางที่ลึกซึ้งในการดำเนินชีวิตอยู่ในสภาพของจิตใจซึ่งมีอยู่ในทุกคน ไม่ได้พบในสิ่งของ แต่อยู่ในตัวบุคคล

สดุดี 119:9-16

ความเปรมปรีดิ์ในการศึกษาพระคัมภีร์

ทั้งพิพพาหรือผม ไม่ใช่พวกชำนาญในเส้นทางนัก เรามักจะขับรถหลงทางบ่อย ๆ (แม้จะใช้ตัวนำทางหรือกูเกิ้ลแมพส์!) เป็นความเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งเมื่อเราพบบางคนที่สามารถบอกทางเราได้เป็นอย่างดี

พระคัมภีร์ให้แนวทางที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตของคุณ ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการระหกระเหิน (ข้อ 10) และหลงไป มีความเปรมปรีดิ์อันยิ่งใหญ่ในการพบแนวทางสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์

การอ่านพระคัมภีร์เป็นที่สุดท้ายในโลกที่คนส่วนมากคาดหวังว่าจะได้พบความปีติยินดี กระนั้นผู้เขียนสดุดีชี้ว่า พระปัญญาของพระเจ้าและพระสัญญาของพระองค์เป็นแหล่งแห่งความปีติยินดี ความชื่นบาน และ ความมั่งคั่งทั้งสิ้น เขาเขียนว่า ‘ข้าพระองค์ปีติยินดี ในทางแห่งพระโอวาทของพระองค์ มากเท่ากับในความมั่งคั่งทั้งสิ้น… ข้าพระองค์จะปีติยินดีในกฎเกณฑ์ของพระองค์’ (ข้อ 14,16ก)

ในพระคัมภีร์เราพบวิถีแห่งความบริสุทธิ์: ‘คนหนุ่มจะ​รักษา​ทาง​ของ​ตน​ให้​บริสุทธิ์​ได้​อย่างไร? ก็โดย​ปฏิบัติ​ตาม​พระ​วจนะของพระองค์’ (ข้อ 9) เขาเขียนว่า ‘ข้าพระองค์ได้เก็บรักษาพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์’ (ข้อ 11) เรียนรู้และภาวนา​ข้อพระคำเหล่านั้น (ข้อ 15) และพูดมันออกมา (ข้อ 13) มีบางวิธีซึ่งคุณสามารถหลีกเลี่ยงการระหกระเหินและหลงไป (ข้อ 10)

เมื่อคุณรู้สึกว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสกับคุณผ่านทางข้อพระคำหรือพระคัมภีร์ตอนที่เฉพาะเจาะจง คุณสามารถพูดกับบิดาแห่งคริสตจักรในศตวรรษที่สองนามว่าออริเจนว่า ‘นี่เป็นข้อพระคัมภีร์ของฉัน’ คุณมีความเปรมปรีดิ์ที่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า และชื่นบานในการดำเนินตามกฎหมายของพระองค์ (ข้อ 14)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ถ้อยคำของพระองค์นำความเปรมปรีดิ์เช่นนั้นมาแก่ข้าพระองค์ ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้สะสมพระดำรัสของพระองค์ไว้​ใน​ใจ​ของข้าพระองค์ และประกาศ​ด้วย​ริม​ฝีปาก​ของข้าพระองค์

1 เธสะโลนิกา 2:17-3:13

ความเปรมปรีดิ์ในการนำคนอื่นมาถึงความเชื่อในพระเยซู

เปาโลนำชาวเมืองเธสะโลนิกามาพบกับพระเยซูคริสต์ มีความชื่นชมยินดีอันใหญ่หลวงในการที่ได้เห็นคนมาถึงความเชื่อในพระคริสต์ ผมคิดว่าหนึ่งในเหตุผลที่ผู้คนรักที่จะช่วยในหลักสูตรอัลฟ่า คือพวกเขาชื่นชมยินดีที่ได้เห็นคนมาถึงพระคริสต์ เต็มล้นด้วยพระวิญญาณฯ และตื่นเต้นเรื่องพระเยซู

ชาวเมืองเธสะโลนิกาเป็น ‘ศักดิ์ศรี และความเปรมปรีดิ์’ ของเปาโล (2:20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เป็นความผูกพันที่ใกล้ชิดกับพวกเขา ท่านมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเห็นพวกเขาอีก (ข้อ 17) ท่านเขียนว่า ‘อะไรเล่าจะเป็น ความหวัง หรือ ความชื่นชมยินดี หรือ สิ่งภูมิใจ ของเรา เฉพาะพระพักตร์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเมื่อพระองค์จะเสด็จมา? ก็ไม่ใช่พวกท่านหรือ? เพราะว่าท่านเป็น ศักดิ์ศรี และความชื่นชมยินดีของเรา’ (ข้อ 19–20)

ในหลักการแล้วรางวัลนั้นไม่ได้ผิดอะไร และการได้เห็นคนอื่นเชื่อวางใจในพระเยซูนั้นเป็นรางวัล (‘มงกุฎ’) อันยิ่งใหญ่ สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ศักดิ์ศรีของเรากับของโลกนี้; โลกยกย่องเงินทอง ความสำเร็จ และอำนาจ แต่เรามี ศักดิ์ศรี ในพระเยซู และเป็นผู้ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษที่ได้พบกับพระองค์ ผ่านทางคำพูดและคำอธิษฐานของเรา

ความชื่นชมยินดีของเปาโลไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสถานการณ์ของท่านเอง ท่านอยู่ท่ามกลางปัญหาและช่วงเวลายากลำบาก: ‘ความเครียด และความยากลำบากที่ถาโถมเข้ามา’ (3:7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Ampified Bible โดยผู้แปล) ช่างน่าทึ่งที่ความกังวลของเปาโลไม่ใช่เรื่องสถานการณ์ของท่านเอง แต่เป็นเรื่องผลกระทบต่อการทดลองและการข่มเหงที่อาจส่งผลต่อความเชื่อของชาวเมืองเธสะโลนิกา (ข้อ 3)

ความชื่นชมยินดีของเปาโลมาจากความเปรมปรีดิ์ของพวกเขา เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนที่ความลับของความสุข คือการทำให้คนอื่น ๆ มีความสุข

เปาโลเขียนว่า ‘เพราะ​ว่า​เมื่อ​ท่าน​มั่นคง​อยู่​ใน​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ชีวิต​ของ​เรา​ก็​สด​ชื่น​’ (ข้อ 8) คุณภาพชีวิตของท่านได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้งจากความสัมพันธ์ที่พวกเขามีกับพระเจ้า ท่านเต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดี: ‘เรา​จะ​ขอบ​พระ​คุณพระเจ้าเพราะท่านอย่างไรอีกจึงจะสมกับความชื่นชมยินดีที่​เรา​มี​ เพราะ​ท่าน เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของ​เรา’ (ข้อ 9)

ความชื่นชมยินดีแบบนี้หลั่งไหลออกมาจากส่วนลึกของความสัมพันธ์ที่เปาโลมีต่อชาวเมืองเธสะโลนิกา ความรักและความห่วงใยขอเขาต่อพวกเขานั้นชัดเจนมาก ความรักและความห่วงใยนี้ยังคงมีต่อไปภายหลังที่เขาจากไปแล้ว เขารอคอยที่จะได้กลับไปหาพวกเขา (2:18; 3:10–11) ส่งทิโมธีไปช่วยพวกเขา (แม้ว่าจะหมายถึงท่านต้องอยู่ลำพังไปอีกสักพัก 3:1–2) และอธิษฐาน ‘อย่างเอาจริงเอาจังที่สุด’ เผื่อพวกเขา ‘ทั้งกลางวันกลางคืน’ (ข้อ 10)

การทุ่มเทอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตของคนรอบข้างอาจดูน่ากลัว และอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานหนัก กระนั้นเหมือนกับตัวอย่างของเปาโลที่แสดงไว้ นี่ยังเป็นแหล่งแห่งความชื่นชมยินดีและการเฉลิมฉลอง เป็นความชื่นชมยินดี ‘จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า’ เมื่อเปาโลอธิษฐาน หัวใจของเขายังคงเต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดีเมื่อเขาคิดเรื่องพวกเขา จดหมายส่วนมากของเปาโลเต็มไปด้วยการขอบพระคุณ และความชื่นชมยินดี เมื่อเราเข้าสู่การทรงสถิตของพระเจ้า หัวใจของเราก็ไม่ต้องแบกภาระและเราเห็นสิ่งต่าง ๆ ดังที่พระเจ้าทรงเห็น: ‘ต่อพระพักตร์พระองค์​มี​ความ​ยินดีเปี่ยม​ล้น’ (สดุดี 16:11)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับความชื่นชมยินดีเมื่อได้เห็นผู้คนมาถึงพระคริสต์ ขอให้ข้าพระองค์จำเริญขึ้นและบริบูรณ์ด้วยความรัก และเปี่ยมด้วยความเข้มแข็งและความบริสุทธิ์ เต็มล้นด้วยความมั่นใจในการทรงสถิตของพระเจ้า พระบิดาของเรา

เยเรมีย์ 21:1-23:8

ความเปรมปรีดิ์ยินดีในมิตรภาพกับพระเยซู

เมื่อคุณอยู่ใกล้กับพระเยซู ความชื่นชมยินดีของพระองค์ก็ไหลมาสู่คุณ และความชื่นชมยินดีของคุณก็บริบูรณ์ ดังที่ศาสตราจารย์ กอร์ดอน ฟี เขียนไว้ว่า ‘ความชื่นชมยินดีที่ไม่ลดทอน ไม่หยุดยั้ง คือ (หรืออย่างน้อยที่สุดควรจะเป็น) เครื่องหมายอันโดดเด่นของผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์’ ‘กิ่งชอบธรรม’ คือสิ่งที่เยเรมีย์พูดถึงในพระธรรมตอนนี้ (23:5) จะเป็นแหล่งแห่งความชื่นชมยินดีอันบริบูรณ์

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับประชากรของพระองค์ผ่านทางเยเรมีย์ว่า ‘นี่แน่ะ เรา​ตั้ง​วิถี​แห่ง​ชีวิต​และ​ทาง​แห่ง​ความ​ตาย​ไว้​ต่อ​หน้า​เจ้า’ (21:8)

พระองค์ทรงเรียกพวกเขาให้ ‘จง​ให้​ความ​ยุติธรรม’ (ข้อ 12) พระองค์ตรัสว่า ‘จง​กระทำ​ความ​ยุติธรรม​ จงทำสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องระหว่างคู่กรณี ​ช่วย​กู้​ผู้​ที่​ถูก​ปล้น​ให้​พ้น​มือ​ของ​ผู้​ที่​บีบ​บังคับ และ​อย่าเอาเปรียบคนที่ไร้บ้าน ลูก​กำพร้า​พ่อ และ​หญิง​ม่าย จงหยุดการฆาตกรรม!’ (22:3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

บรรดากษัตริย์ควรทำอย่างโยสิยาห์: ‘เขา​พิพากษา​คดี​ของ​คน​จน​และ​คน​ขัด​สน เขาก็อยู่​เย็น​เป็น​สุข ทำ​อย่าง​นี้จึงเป็นการรู้จักเรา ไม่ใช่หรือ?” ​พระ​เจ้า​ตรัส​ดังนี้​แหละ’ (ข้อ 16)

ตรงนี้เราได้เห็นความห่วงใยของพระเจ้า ทั้งตอนนั้นและตอนนี้ พระองค์ทรงห่วงใยเรื่องความยุติธรรม; ที่เกี่ยวข้องกับคนยากจน และคนเร่ร่อน; เกี่ยวกับแม่ม่ายและลูกกำพร้า; เกี่ยวกับเหยื่อแห่งความอยุติธรรม วิธีที่เราปฎิบัติต่อชนกลุ่มน้อยในสังคมของเราสำคัญสำหรับพระเจ้า

ประชากรของพระเจ้าอยู่ภายใต้การพิพากษาของพระองค์ในความล้มเหลวในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ พวกเขากลายเป็น ‘ระบอบการปกครองที่ชั่วร้าย’ (21:14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขากำลังจะถูกเนรเทศ กระนั้นท่ามกลางคำเผยพระวจนะแห่งความหายนะและการถูกเนรเทศ ก็ยังมีรังสีแห่งความหวัง

‘พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะให้กิ่งชอบธรรมงอกออกมาสำหรับดาวิด ผู้ที่จะทรงเป็นกษัตริย์และทรงครองราชย์อย่างสุขุมรอบคอบ และจะทรงนำความยุติธรรมและความชอบธรรมมาสู่แผ่นดินนั้น ในสมัยของท่าน ยูดาห์จะได้รับความรอด และอิสราเอลจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย นี่จะเป็นนามซึ่งเราจะเรียกท่าน คือ ‘พระ​เจ้า​เป็น​ความ​ชอบธรรม​ของ​เรา”’ (23:5–6)

ผ่านทางมุมมองของพันธสัญญาใหม่ เราเห็นวิธีที่พระเยซูทรงทำให้คำพยากรณ์นี้เป็นจริงเรื่อง ‘กิ่งชอบธรรม’ (23:5, ดูอิสยาห์ 11 เอเสเคียล 17 และเยเรมีย์ 33:15 เป็นต้นไป) พระองค์ทรงสืบเชื้อสายจากดาวิด กษัตริย์ของชาวยิว พระผู้ช่วยให้รอด องค์พระเจ้าผู้ทรงชอบธรรมของเรา

พระเยซูทรงเป็นผู้เดียวที่เราพบความชื่นชมยินดีอย่างบริบูรณ์ได้ในพระองค์ พระองค์ทรงเป็น ‘กิ่งชอบธรรม’ (ข้อ 5) ที่ซึ่งกิ่งอื่น ๆ ทุกกิ่งจะมา ‘กิ่งชอบธรรม’ เชื่อมโยงเข้ากับเถาต่าง ๆ (เอเสเคียล 17) พระเยซูตรัสว่า ‘เราเป็น​เถา​องุ่น​แท้ และพระ​บิดา​ของ​เรา​ทรง​เป็น​ผู้​ดู​แล​รักษา’ (ยอห์น 15:1) ‘เราบอกสิ่งเหล่านี้กับพวกท่านแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่ในท่าน และให้ ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม’ (ข้อ 11)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับความชื่นชมยินดีซึ่งมาจากการได้อยู่ใกล้ชิดกับพระเยซู ขอทรงช่วยข้าพระองค์ในแต่ละวันให้อยู่ใกล้ชิดกับ ‘กิ่งชอบธรรม’ เพื่อความชื่นชมยินดีของพระเยซูจะดำรงอยู่ในข้าพระองค์ และความชื่นชมยินดีของข้าพระองค์จะเต็มเปี่ยม

Pippa Adds

สดุดี 119:11

‘ข้าพระองค์ได้เก็บรักษาพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์’

เป็นสิ่งน่าทึ่งเมื่อข้อพระคัมภีร์ที่เหมาะเจาะนี้เข้ามาในความคิดในสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง ฉันหวังว่า ฉันจะได้เรียนรู้ข้อพระคัมภีร์มากกว่านี้เมื่อตอนที่ความจำฉันยังดีกว่านี้ ตอนนี้ วิธีเดียวที่ฉันสามารถเรียนรู้ข้อพระคัมภีร์ใหม่ ๆ คือ เมื่อมันอยู่ในเพลงที่เราร้องกันเป็นประจำ เพลงของเด็กนั้นมักจะเยี่ยมที่สุด!

ข้อพระคำประจำวัน

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More