YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 174 OF 365

สามองค์ประกอบสำคัญสำหรับมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่

เครือข่ายร้านค้าปลีกในสหราชอาณาจักร ที่ชื่อ ท็อปช้อป ได้จัดทำแบบสำรวจ โดยทีมนักจิตวิทยาในกลุ่มลูกค้าหลักของพวกเขา คนยุคมิลเลเนียม (คนที่เกิดระหว่าง ค.ศ. 1981 และต้นปีค.ศ. 2000 และยังเป็นที่รู้จักในฐานะคนเจ็น วาย) พวกเขาสัมภาษณ์ลูกค้า 800 คน ผลลัพธ์นั้นช่างน่าตกใจจนพวกเขาไม่เชื่อเลยทีเดียว พวกเขาสัมภาษณ์ลูกค้าอีก 800 คน และได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม ผลลัพธ์แสดงให้เห็นภาพที่น่าตกใจของคนรุ่นหลังที่โดดเดี่ยวและหลงทางมากขึ้น หลายคนใช้ชีวิตตามลำพังยิ่งกว่าจุดอื่นใดในบันทึกประวัติศาสตร์ทางสังคมของเรา โดยเฉลี่ย คนยุคมิลเลเนียมใช้เวลาหกชั่วโมงครึ่งต่อวันกับสื่อโซเชียล หลายคนที่ถูกสัมภาษณ์พิจารณาว่างานที่ทำจะเป็นบางสิ่งเข้ากันได้ระหว่างโซเชียลมีเดียกับมื้อกลางวัน! พวกเขาพบอีกว่าผู้คนเหล่านั้นมี ‘เพื่อน’ จำนวนมาก แต่กลับทวีขึ้นด้วยความรู้สึกที่โดดเดี่ยว ไม่มีอะไรผิดเรื่องสื่อโซเชียล แต่ไม่มีอะไรแทนที่มิตรภาพที่แท้จริงแบบเจอตัวเป็นๆ เราถูกสร้างมาเพื่อมีมิตรภาพกับพระเจ้า (ปฐมกาล 3:8) และกับคนอื่น ๆ (2:18) การสมรสเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาเรื่องความโดดเดี่ยว มิตรภาพซึ่งมีความสำคัญในการแต่งงาน ก็เป็นส่วนสำคัญของการแก้ปัญหาเช่นกัน พระเยซูทรงทำเป็นแบบอย่างเรื่องมิตรภาพที่ใกล้ชิดที่สุดระหว่างชายและหญิง พระองค์ทรงสำแดงว่าชีวิตสมรสไม่ใช่เป็นเพียงวิธีเดียวที่ใช้ในการแก้ปัญหาความโดดเดี่ยว ในแง่มุมหนึ่ง มิตรภาพก็สำคัญยิ่งกว่าการสมรส การสมรสเป็นสิ่งชั่วคราว มิตรภาพเป็นสิ่งนิรันดร์ ‘มิตรภาพ’ ดังเช่นที่ซี.เอส. ลูอิสเขียนไว้ว่า เป็นดังเช่น ‘มงกุฎแห่งชีวิต และโรงเรียนแห่งคุณธรรม’ มิตรภาพทวีความชื่นบาน และแบ่งปันความโศกเศร้า พระคัมภีร์นั้นเกี่ยวกับความจริงเป็นอย่างมาก เราเห็นตัวอย่างเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด แต่เราก็ยังได้เห็นมิตรภาพที่อ่อนแอและล้มเหลว ผ่านทางตัวอย่างเหล่านี้และคำสอนตามพระคัมภีร์ เราได้เห็นสามประการ

สดุดี 77:10-20

ให้คุณค่ากับพันธมิตร

แม่ชีเทเรซ่ากล่าวว่า ‘สิ่งที่ฉันทำได้ คุณทำไม่ได้ สิ่งที่คุณทำได้ ฉันทำไม่ได้ แต่ร่วมกัน เราสามารถทำสิ่งที่สวยงามเพื่อพระเจ้าได้’

เราได้เห็นเมื่อวานนี้ถึงวิธีที่ผู้เขียนสดุดี ในความทุกข์ใจของเขา ร้องทูลพระเจ้า ในครึ่งหลังของสดุดี เขาระลึกถึงบรรดาการอัศจรรย์ของพระองค์ในสมัยก่อนๆ (ข้อ 11–12)

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขามองย้อนไปถึงการช่วยกู้ที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ปลดปล่อยประชากรของพระองค์ในอพยพ เขาอธิษฐานว่า ‘พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์ ผู้ทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย' (ข้อ 14) เขาใคร่ครวญเรื่องการแยกทะเลแดง (ข้อ 16–19) และสรุปว่า ‘พระองค์ได้ทรงนำประชากรของพระองค์เหมือนนำฝูงแพะแกะ
โดยมือของโมเสสและอาโรน’ (ข้อ 20)

โมเสส และอาโรน’ เป็นหุ้นส่วนฝ่ายมนุษย์ที่เกี่ยวข้องในพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า นี่เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ของประชากรพระเจ้า

มันเกิดขึ้นเพราะพวกเขามีส่วนร่วมในอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง พวกเขามองไปนอกตัวเองในทิศทางเดียวกัน ถึงจะเป็นพี่น้องกันแต่ก็มีทักษะและบทบาทต่างกันมาก ในขณะที่โมเสสเป็นผู้นำ อาโรนก็รับผิดชอบด้านการสื่อสาร (อพยพ 7:1–2) และนำผู้คนในการนมัสการ (28:1)

เราจำเป็นต้องมีหุ้นส่วนที่ดีในทุกวันนี้ มีเหตุผลที่ดีหลายอย่างว่าทำไมพระเยซูจึงทรงส่งสาวกของพระองค์ออกไปเป็นคู่ๆ พันธกิจอาจเป็นเรื่องที่โดดเดี่ยวอย่างยิ่ง การออกไปเป็นคู่ทำให้แตกต่างกันอย่างมาก นี่เป็นวิธีที่มิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบางอย่างได้เกิดขึ้น

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานวันนี้ให้พระองค์ทรงทำให้เกิดหุ้นส่วนที่ดีในคริสตจักรท้องถิ่นของเรา และในคริสตจักรทั่วโลก ขอให้มีหลายคนที่เป็นเหมือนเช่นโมเสส และอาโรน ที่จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน และได้เห็นพระองค์ทรงทำกิจที่ยิ่งใหญ่ผ่านพวกเขา

กิจการอัครทูต 15:22-41

ปกป้องมิตรภาพไว้

จากตั้งแต่แรกเริ่มของคริสตจักรคริสเตียน เราได้เห็นตัวอย่างของการที่เพื่อนทำงานร่วมกันแบบหุ้นส่วน เปาโลกับบารนาบัสเป็นหุ้นส่วนกันในพระกิตติคุณ (ข้อ 22) พวกเขาถูกส่งออกไปด้วยกันเพื่อนำสารไปถึงสภาในกรุงเยรูซาเล็ม ถึงผู้เชื่อชาวต่างชาติ (ข้อ 23)

พวกเขาถูกอธิบายว่าเป็น ‘บารนาบัสและเปาโลผู้เป็นที่รักของเรา เป็นผู้อุทิศชีวิตเพื่อพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา’ (ข้อ 26)

พวกเขาเดินทางไปพร้อมกับหุ้นส่วนคนอื่นๆ ผู้นำอีกสองคน ยูดาส (ผู้ที่มีอีกชื่อว่าบารซับบาส) และสิลาส (ข้อ 22) ยูดาสและสิลาสเป็นผู้เผยพระวจนะผู้ซึ่ง ‘กล่าวคำหนุนใจพี่น้องหลายประการและช่วยให้มีกำลังใจ’ (ข้อ 32) อีกครั้งนี่เป็นสิ่งดีสำหรับผู้เผยพระวจนะที่จะไม่ได้ทำการด้วยความโดดเดี่ยว แต่ทำกิจร่วมกันกับพี่น้องคนอื่นๆ

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องดี แต่เมื่อเราอ่านต่อไป เราได้เห็นการแบ่งแยก แม้แต่ในคริสตจักรยุคแรก ไม่เพียงแค่เรื่องหลักข้อเชื่อ (ข้อ 2) แต่ยังแบ่งแยกในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว (ข้อ 39) ดังที่แซนดี้ มิลล่าร์พูดไว้เสมอคือ ‘การทรงเรียกนั้นเป็นแบบพระเจ้า แต่ความสัมพันธ์เป็นแบบมนุษย์’ เปาโลกับบารนาบัสแยกจากกัน (ข้อ 36–38) พวกเขามี ‘ความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง’ และผลก็คือ พวกเขา ‘จึงต้องแยกกัน’ (ข้อ 39) พวกเขาจบลงด้วยการแยกไปคนละทาง

ในการทรงจัดเตรียมของพระเจ้า ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี บารนาบัสพบกับหุ้นส่วนคนใหม่ในตัวมาระโก ผู้ซึ่งเป็นญาติของเขา (ดู โคโลสี 4:10) อาจารย์เปาโลพบหุ้นส่วนคนใหม่ในตัวสิลาส และ เข้าไปในแคว้นซีเรียกับแคว้นซิลีเซียหนุนใจคริสตจักรให้เข้มแข็งขึ้น’ (กิจการ 15:41) บางทีอาจารย์เปาโลกับบารนาบัสได้กลับมาคืนดีกันในภายหลัง (ดู 1 โครินธ์ 9:6)

ความเป็นจริงคือ บางครั้งแม้แต่หุ้นส่วนคริสเตียนก็ต้องปล้ำสู้และล้มลง พระเจ้าทรงสามารถนำความหวังเข้ามาในสถานการณ์นี้ได้ นี่ไม่ใช่จุดจบของโลกเมื่อคริสเตียนแยกกัน และไปกันคนละทาง พระธรรมตอนนี้แสดงให้เห็นว่า การขัดแย้งกันของพวกเขาไม่ได้นำไปสู่การถอนเอาพระพรของพระเจ้าไปจากพวกท่าน

อย่างไรก็ตาม ดังที่จอห์น สต็อทท์ชี้ให้เห็นว่า ‘ตัวอย่างของการจัดเตรียมของพระเจ้าไม่ควรถูกใช้เป็นข้ออ้างในการทะเลาะกันของคริสเตียน’ เราควรทำให้ดีที่สุดเสมอเพื่อแก้ปัญหาความแตกต่างของเราและหลีกเลี่ยงการแยกจากกันแบบเจ็บปวดเช่นนั้น

จงปกป้องมิตรภาพของคุณ เมื่อมีการแยกจากกัน พยายามคืนดีกัน และจำไว้ว่า ดังที่มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ กล่าวไว้ ‘การให้อภัยไม่ใช่การกระทำแบบครั้งคราว เป็นท่าทีที่ถาวร’

ข้าแต่พระบิดา ขอบพระคุณสำหรับตัวอย่างที่ให้แรงบันดาลใจของเปาโลกับบารนาบัสผู้อุทิศชีวิตเพื่อพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอทรงช่วยเราให้แก้ปัญหาเรื่องความแตกต่างของเรา และหากเป็นไปได้ หลีกเลี่ยงการแยกจากกันด้วยความเจ็บปวด

1 พงศ์กษัตริย์ 11:14-12:24

จัดลำดับความสำคัญของความจงรักภักดี

ในพระธรรมตอนนี้ เราเห็นความสัมพันธ์แบบมนุษย์แบบที่ตกต่ำที่สุด ซาโลมอนเริ่มต้นเก็บเกี่ยวสิ่งที่ตนได้หว่านลงไป เขาได้หว่านความไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้า และบัดนี้เขาเริ่มเก็บเกี่ยวความไม่ภักดีในทุกเรื่อง ปฏิปักษ์คนแรกคือฮาดัด (11:14) คนที่สองคือเรโซน (ข้อ 23) ‘หัวหน้ากองปล้น’ (ข้อ 24)

บัดนี้ เยโรโบอัมกบฏต่อพระราชา (ข้อ 26) เขาเป็นหนึ่งในข้าราชการของซาโลมอน เป็นคน ‘คนขยัน’ เป็นคนที่ซาโลมอนตั้งให้ ‘ดูแลแรงงานทั้งสิ้นที่ถูกเกณฑ์มาจากพงศ์พันธุ์ของโยเซฟ’ (ข้อ 28) ซาโลมอนจบชีวิตของตนด้วยการแวดล้อมด้วยปฏิปักษ์ และพยายามประหารเยโรโบอัม (ข้อ 40)

เรโหโบอัม โอรสของซาโลมอนได้รับมรดกความยุ่งเหยิงนี้มา เขาไม่รับมืออย่างชาญฉลาดกับศัตรู เขาไม่ฟังใคร ‘ไม่ทรงฟังประชาชน’ (12:15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาตระหนักว่า เรโหโบอัม ‘ไม่ทรงฟังสิ่งที่พวกเขาพูดสักคำ’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เขาปฏิเสธคำแนะนำที่พวกผู้อาวุโส ผลก็คือ อิสราเอลส่วนใหญ่ต่อต้านเรโหโบอัม 'ไม่มีใครติดตามเชื้อวงศ์ของดาวิด นอกจากเผ่ายูดาห์เท่านั้น’ (ข้อ 20) อีกครั้ง สงครามปะทุขึ้น (ข้อ 21) ผลลัพธ์ก์คือ อาณาจักรถูกแบ่งแยก แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดจบของปัญหา พระเจ้าทรงสัญญากับเยโรโบอัมด้วยพระพรอันน่าทึ่ง ‘ถ้าเจ้าเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้า และดำเนินในทางทั้งหลายของเรา’ (ข้อ 38) น่าเศร้า (ดังที่เราจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า) เยโรโบอัมไม่ได้ทำเช่นนั้นและผลก็คือหายนะ

ส่วนนี้ในประวัติศาสตร์ของประชากรพระเจ้าเป็นเรื่องราวของการไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้า ไม่จงรักภักดีต่อพระราชา กบฏ และการต่อสู้ประจัญบาน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น คุณถูกเรียกให้รัก เป็นหนึ่งเดียวกัน และจงรักภักดี ความจงรักภักดีของคุณควรสะท้อนความภักดีของพระเจ้าที่มีต่อคุณ

หากคุณหว่านความไม่จงรักภักดี คุณจะเก็บเกี่ยวความไม่จงรักภักดี หากคุณหว่านความจงรักภักดี คุณจะเก็บเกี่ยวความจงรักภักดี คุณแสดงความภักดีได้โดยการกระทำและคำพูดของคุณ จงภักดีต่อผู้ที่ไม่ได้อยู่ที่นั่น ในการทำเช่นนั้น คุณจะสร้างความไว้วางใจกับผู้ที่อยู่ที่นั่น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะไม่ซื่อสัตย์ภักดีอย่างไรก็ตาม พระเจ้ายังทรงสัตย์ซื่อตามพระสัญญาของพระองค์ พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์กับดาวิด (ดู 2 ซามูเอล 7) และไม่ได้ทรงปฏิเสธประชากรของพระองค์อย่างสิ้นเชิง (1 พงศ์กษัตริย์ 11:32,34,36) แม้ว่าพระองค์ทรงลงวินัยเรา ‘พราะเหตุนี้ เราจะให้ความทุกข์ใจแก่เชื้อสายของดาวิด แต่ไม่ใช่ตลอดไป’ (ข้อ 39) การลงวินัยของพระองค์เป็นสิ่งชั่วคราว ความสัตย์ซื่อของพระองค์เป็นนิจนิรันดร์ ‘แต่พระองค์ทรงตีสอนเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะมีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์’ (ฮีบรู 12:10)

พันธสัญญาและความซื่อสัตย์ภักดีของพระเจ้าต่อคุณเช่นนั้นทำให้ไม่มีอะไรสามารถทำให้คุณ ‘ขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้’ (โรม 8:39)

นี่ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้อิ่มใจ แต่เป็นแรงจูงใจที่จะปีติยินดีอีกครั้งในพระคุณของพระเจ้า และมอบถวายตัวคุณเองสู่การนมัสการหมดทั้งหัวใจ คุณสามารถเลือกได้อีกครั้งที่จะตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้าในชีวิตคุณ ‘ถ้าเจ้าเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้า และดำเนินในทางทั้งหลายของเรา และทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายตาของเรา’ (1 พงศ์กษัตริย์ 11:38)

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดเทพระวิญญาณแห่งความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และความซื่อสัตย์ภักดีของพระองค์ลงมาในคริสตจักร ขอทรงโปรดช่วยเราให้ทำงานร่วมกันแบบหุ้นส่วนกับคนอื่นๆ ขอทรงปกป้องมิตรภาพของเรา ปกป้องการเป็นหุ้นส่วนกันของเรา และประทานสติปัญญาในการรับมือกับศัตรูของเรา

Pippa Adds

กิจการ 15:37–39

เป็นสิ่งที่เมื่อคนของพระเจ้ายืนหยัดเคียงข้างคุณ บารนาบัสยืนหยัดเพื่อมาระโก และให้โอกาสเขาอีกครั้ง มีใครบ้างไหมที่คุณควรพูดถึงด้วยถ้อยคำที่ดีในวันนี้?

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More