พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระเจ้าแห่งการอัศจรรย์
หลังจาก[อัลฟ่า](https://thailand.alpha.org/)สุดสัปดาห์ ทหารคนหนึ่งชื่อ ควินซี่ เบลล็อทเขียนมาหาผม “ความเจ็บปวดนี้เริ่มตั้งแต่สิบสองปีก่อน หลังจากที่เข้าร่วมกับราชนาวี อาการก็เลวร้ายลงมาก กระดูกอ่อนใต้หัวเข่าก็สึกหายไปจนหมด ปลายปีก่อนยิ่งเลวร้ายเมื่อเอ็นยึด และเส้นเอ็นฉีกขาด และหัวเข่าบิดไปสี่สิบห้าองศา เป็นเส้นทางที่เจ็บปวดและยาวนาน ผมไม่สามารถนั่งหรือยืนได้นาน ๆ’ ‘ตัดเรื่องให้สั้นเข้า ผมตัดสินใจที่จะลองเข้าหาพระเจ้าและลองเข้า[อัลฟ่า](https://thailand.alpha.org/) ผมกลับจาก[อัลฟ่า](https://thailand.alpha.org/)สุดสัปดาห์และตกลงที่จะมาที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตันหลังจากที่ลังเลใจอยู่นาน ผมได้ยินคนพูดเป็นพยาน และผมก็คิดว่า “เออ เออ เออ” เมื่อบางคนพูด (ถ้อยคำแห่งความรู้) เรื่องเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน ผมก็สูดลมหายใจเข้าลึกที่สุดที่เคยทำ ผมตกลงที่จะให้อธิษฐานเผื่อ ผมรู้สึกว่าพระเจ้าเคลื่อนไหวอยู่ในหัวเข่า ผมทิ้งตัวคุกเข่าลงเพื่อทดสอบมัน และไม่เจ็บปวดอย่างน่าทึ่ง *นี่อัศจรรย์มาก* ผมออกไปวิ่งเมื่อคืนนี้…นี่เป็นครั้งแรกหลังจากระยะเวลาอันยาวนานที่ผมไม่รู้สึกเจ็บเลย พระเจ้าทรงเป็นจริง’ อีเมลนี้มีหัวเรื่องว่า ‘เข่าใหม่ถอดด้าม’ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งการอัศจรรย์สดุดี 78:17-31
รับเอาการอัศจรรย์ของการทรงจัดเตรียมของพระเจ้า
ผู้เขียนสดุดีเล่าต่อไปถึงประวัติศาสตร์ของเส้นทางการเดินทางของประชากรของพระเจ้า จากอียิปต์ไปจนถึงดินแดนพันธสัญญา แม้จะมีการทรงจัดเตรียมอย่างอัศจรรย์ของพระเจ้า พวกเขา ‘ยังทำบาปมากยิ่งขึ้นต่อพระองค์’ กบฏและ ‘งอแงเหมือนกับเด็กที่เสียนิสัย’ (ข้อ 17–19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
อย่างไรก็ตามพระเจ้าทรงช่วยเหลือพวกเขา พระองค์ ‘ทรงโปรยมานาลงมาให้พวกเขากิน และประทานอาหารจากฟ้าสวรรค์แก่เขา’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นภาพที่เล็งถึงอาหารฝ่ายวิญญาณที่พระเยซูทรงจัดเตรียม (ยอห์น 6:30–35)
เช่นเดียวกัน ‘จริงอยู่ พระองค์ทรงตีศิลาให้น้ำพุ่งออกมา แล้วลำธารก็ไหลล้น’ (สดุดี 78:20) ในวิถีอันอัศจรรย์ พระเจ้าทรงจัดเตรียมน้ำให้จากศิลา กระนั้น ประชากรของพระองค์ยังคงสงสัยพระองค์ ‘เพราะพวกเขาไม่เชื่อพระเจ้า และไม่ไว้วางใจในการช่วยกู้ของพระองค์’ (ข้อ 22) แม้ว่าการอัศจรรย์นั้นจะน่าทึ่ง ก็ไม่ได้เป็นเหตุให้คนเชื่อในพระเจ้าเสมอไป
การอัศจรรย์เรื่องน้ำออกจากศิลาเกิดขึ้นจริงๆ แต่นี่ก็ยังเป็นภาพเล็งถึงและคาดหวังไว้ถึงบางสิ่งที่ยิ่งน่าทึ่งกว่า อัครทูตเปาโลเขียนว่า ‘และได้ดื่มน้ำฝ่ายจิตวิญญาณเดียวกันทุกคน เพราะว่าพวกเขาได้ดื่มจากพระศิลาฝ่ายจิตวิญญาณที่ติดตามเขาไป พระศิลานั้นคือพระคริสต์’ (1 โครินธ์ 10:4)
พระเยซูตรัสว่า ‘ถ้าใครกระหาย ให้คนนั้นมาหาเรา และให้คนที่วางใจในเราดื่ม ตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า “แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น” สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณ…’ (ยอห์น 7:37–39)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับ ‘น้ำดำรงชีวิต’ แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงประทับอยู่ในข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ผู้ถือชีวิตเหนือธรรมชาตินี้ไปสู่ทุกคนที่ข้าพระองค์พบในวันนี้
กิจการอัครทูต 17:22-18:8
เชื่อในการอัศจรรย์ของการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซู
ข้อความนั้นก็คือ พระเยซู เมื่ออยู่ในกรุงเอเธนส์ เปาโลเริ่มต้นพูดกับผู้คนในจุดที่พวกเขาอยู่ เขาไม่ได้เริ่มต้นที่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เหมือนเมื่อเขาพูดกับพวกยิว ประกาศว่า พระเยซูทรงเป็นพระเมสซิยาห์ เขากลับเริ่มด้วยการนมัสการพระเจ้าที่ไม่รู้จักของพวกเขา (17:23ก) และใช้เรื่องนั้นเพื่ออธิบายพระเยซูกับพวกเขา
คำเทศนาของอาจารย์เปาโลนั้นเป็นเชิงบวกอย่างน่าทึ่ง แทนที่จะประณามพวกเขาเรื่องรูปเคารพ เขากลับพูดว่า ‘ข้าพเจ้าจึงมาประกาศให้พวกท่านรู้ถึงพระเจ้าองค์ที่ท่านไม่รู้จักแต่ยังนมัสการอยู่’ (ข้อ 23ข) เขาพูดถึงสามสิ่งเกี่ยวกับพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงสร้าง (ข้อ 24) พระองค์ทรงดำรงอยู่ได้ด้วยพระองค์เอง (พระองค์ไม่ได้จำเป็นต้องมีเรา) (ข้อ 25) แต่เราล้วน ต้องมีพระองค์ (ข้อ 27–28)
เปาโลพูดต่อไปโดยยกหนึ่งในบทกวีของพวกเขาอย่างเห็นด้วย ‘กวีบางคนในพวกท่านกล่าวไว้อย่างเข้าท่าว่า’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คริสเตียนไม่จำเป็นต้องผูกขาดครอบครองความจริง พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองในการทรงสร้าง และเราพบความเข้าใจลึกซึ้งอันน่าทึ่งในแหล่งที่มาจากทางโลกได้
การพูดของเขามีจุดสูงสุดด้วยการประกาศการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ การเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู (ข้อ 30–31) เปาโลอ้างถึงการพิสูจน์ทางประวัติศาสตร์ของการเป็นขึ้นจากความตาย เขาได้พบกับองค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นขึ้นบนถนนไปยังเมืองดามัสกัส
ความนัยนั้นใหญ่ยิ่งนัก การสิ้นพระชนม์ไม่ใช่จุดสิ้นสุดสำหรับพระเยซู และไม่ใช่จุดสิ้นสุดสำหรับคุณและผม คุณเองจะได้รับชุบให้เป็นขึ้นจากความตาย เปาโลกล่าวตรงนี้ว่า การเป็นขึ้นจากความตายเป็นหลักฐานว่า พระเจ้าทรงตั้งวันที่พระองค์จะทรงพิพากษาโลกนี้อย่างยุติธรรม โดยบุคคลที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้ พระเยซู เปาโลให้โอกาสผู้คนที่จะตอบสนองต่อสารนี้
การตอบสนองต่อการได้ยินการพูดถึงพระเยซูและการเป็นขึ้นจากความตายนั้นคล้ายกันอย่างยิ่งต่อคนที่เราพบในปัจจุบันนี้
-
บางคนก็เยาะเย้ย ‘บางคนก็หัวเราะท่าน และเดินออกไปล้อเลียน’ (ข้อ 32ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อย่าแปลกใจหากคุณเจอการตอบสนองแบบนี้จากบางคน
-
บางคนก็สนใจ ‘บางคนพูดว่า “ให้เรามาทำแบบนี้กันอีก เราอยากได้ยินมากกว่านี้”’ (ข้อ 32ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) หลายคนในวันนี้ เหมือนกับพวกเขาในตอนนั้น มีความสนใจอย่างแท้จริง แต่พวกเขาต้องการเวลาที่จะได้ฟังอีก และคิดใคร่ครวญในประเด็นต่างๆ หลักสูตรต่างๆ ดังเช่นอัลฟ่าจัดเตรียมโอกาสสำหรับผู้คนให้ทำเช่นนั้น
-
บางคนก็เชื่อ
‘แต่ก็ยังมีบางคน...ผู้ที่เชื่อถือ’ (ข้อ 34, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาเชื่อทันที นี่เป็นเรื่องไม่ปกติแต่น่าทึ่งเมื่อคนตอบสนองพระเยซูในครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องพระองค์
เมื่อเปาโลไปยังเมืองโครินธ์ คาดเดาว่าเขาคงเทศนาข้อความเดิมเรื่องพระเยซูและการเป็นขึ้นจากความตาย เขา ‘ถกปัญหาในธรรมศาลาทุกวันสะบาโต และชักชวนทั้งพวกยิวและพวกกรีกให้เชื่อ’ (18:4) เขาไม่ได้ถามพวกเขาเพื่อให้เชื่ออย่างมืดบอด ความเชื่อของคุณไม่ได้ไร้เหตุผล ข้อเท็จจริงแห่งชีวิต การสิ้นพระชนม์ และการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูให้เหตุผลที่จะเชื่อ เป็นไปได้ที่จะจูงใจคนด้วยหลักฐาน หากพระเยซูทรงเป็นขึ้นจากความตายอย่างอัศจรรย์ นั่นเป็นหลักฐานว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ (ข้อ 5)
อีกครั้ง เมื่ออยู่ในกรุงเอเธนส์ มีการตอบสนองที่แตกต่างกัน บางคนก็ต่อต้าน (ข้อ 6) แต่บางคนก็เชื่อ ‘คริสปัสนายธรรมศาลากับทั้งครัวเรือนของท่านก็มาเชื่อถือในองค์พระผู้เป็นเจ้า และชาวโครินธ์หลายคนเมื่อฟังเปาโลแล้วก็เชื่อถือและรับบัพติศมา’ (ข้อ 8)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับการอัศจรรย์แห่งการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู และสำหรับฤทธิ์เดชแห่งสารซึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิต
1 พงศ์กษัตริย์ 18:16-19:21
ประสบการณ์เรื่องการอัศจรรย์แห่งไฟจากพระเจ้า
พระเจ้าทรงสำแดงให้เห็นการอัศจรรย์ที่น่าทึ่งผ่านทางตัวแทนมนุษย์ที่ชื่อเอลียาห์ เรื่องนี้เน้นลักษณะที่เหนือธรรมชาติของเหตุการณ์นี้
เราล้วนต้องตัดสินใจว่าเราจะดำเนินชีวิตไปอย่างไร และใครที่เราจะติดตาม เอลียาห์กล่าวว่า ‘ท่านทั้งหลายจะลังเลใจอยู่ระหว่างสองฝ่ายนี้นานเท่าไร? ถ้าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า จงติดตามพระองค์ แต่ถ้าพระบาอัลเป็น ก็จงตามท่านไปเถิด จงตัดสินใจเสีย’ (18:21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เขาตั้งบททดสอบขึ้นสำหรับพวกเขาทั้งหลาย และกล่าวว่า ‘พระองค์ไหนตอบด้วยไฟ พระองค์นั้นแหละเป็นพระเจ้าแท้’ (ข้อ 24)
เป็นเรื่องไร้ประโยชน์ที่จะปรนนิบัติพระซึ่งมือมนุษย์ทำขึ้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ตะโกนเสียงดัง ‘แต่ไม่มีเสียง ไม่มีใครตอบ ไม่มีใครฟัง’ (ข้อ 29) แต่เอลียาห์อธิษฐาน ท่านไม่ได้ร้องตะโกน (ข้อ 36) เพราะว่าท่านอธิษฐานถึงพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์
คุณสามารถมีความมั่นใจเหมือนเอลียาห์ว่าทุกครั้งที่คุณอธิษฐาน รู้ว่าคุณเองก็กำลังอธิษฐานถึงพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ผู้ทรงได้ยินคุณและจะกระทำในนามของคุณ
ทุกครั้งที่เราอธิษฐาน ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์เชิญเสด็จมา’ เรากำลังทูลขอให้พระเจ้าทรงกระทำการอัศจรรย์ในวันเพ็นเทคอสต์ซ้ำเมื่อไฟของพระเจ้ามาเหนือทุกคน เราไม่จำเป็นต้องตะโกนหรือเร้าอารมณ์ เราเพียงแค่ทูลขอ
ในการตอบสนองคำอธิษฐานของเอลียาห์ ไฟของพระเจ้าตกลงมา (ข้อ 38) เมื่อประชาชนทั้งหมดได้เห็น พวกเขาก็ซบหน้าลงร้องว่า ‘พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า!’ (ข้อ 39)
นี่เป็นการอัศจรรย์อันน่าทึ่ง แต่เอลียาห์ก็ไม่ได้แตกต่างจากเรา เขาเป็นเพียงมนุษย์ (ดู ยากอบ 5:17) หลังจากมีประสบการณ์สูงฝ่ายวิญญาณ เขาก็ได้มีประสบการณ์กับอารมณ์ที่ตกต่ำ เขา ‘หมดเรี่ยวหมดแรง’ (1 พงศ์กษัตริย์ 19:5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาเริ่มหวาดกลัว ท้อใจ หดหู่ และเกือบฆ่าตัวตาย ‘พอกันที ข้าแต่พระยาห์เวห์ เอาชีวิตข้าพระองค์ไปเถิด” (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เมื่อเราอ่อนล้าหมดแรง เราสามารถรู้สึกง่ายดายว่าถูกข่มเหง ถูกเข้าใจผิด และถูกปฏิบัติด้วยอย่างไม่ถูกต้อง หลังจากได้นอนพักดีๆ และได้รับประทานอาหาร เขาก็กลับมีกำลังขึ้น
ถึงกระนั้น เขาก็รู้สึกว่าว่าถูดทอดทิ้งอยู่คนเดียว (ข้อ 10ข, 14ข) และทุกคนก็ออกตามล่าเขา
นั่นก็ไม่จริงทีเดียว เพราะมี ‘เหลือ 7,000 คนไว้ในอิสราเอล คือทุกคนที่ไม่ได้คุกเข่าลงต่อพระบาอัล’ (ข้อ 18) แต่มันง่ายที่จะรู้สึกโดดเดี่ยว และเดียวดายในที่ทำงาน ครอบครัว หรือละแวกบ้าน เมื่อคุณมาอยู่รวมกัน (ตัวอย่างเช่น ในวันอาทิตย์) คุณได้รับการเตือนใจว่า คุณไม่ได้อยู่ลำพัง
วิธีของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นจะอ่อนโยน พระเจ้าตรัสกับเอลียาห์ว่า พระองค์ไม่ใช่ ‘ลมพายุพัดแรง’ ไม่ได้อยู่ใน ‘แผ่นดินไหว’ หรือไม่ได้สถิตอยู่ใน ‘ไฟ’ แต่ใน ‘เสียงกระซิบอันอ่อนโยน’ (ข้อ 11–12) บ่อยครั้งเราจำเป็นต้องหนีไปจากเสียงรบกวน และพบสถานที่และเวลาแห่งความเงียบสงบเพื่อฟังเสียงกระซิบอันอ่อนโยนของพระเจ้าลึกลงไปในจิตวิญญาณของเรา
ขอบพระคุณ ข้าแต่พระเจ้า ที่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งการอัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงชุบพระเยซูขึ้นจากความตาย พระเจ้าผู้ทรงตอบคำอธิษฐานโดยไฟ พระเจ้าผู้ทรงนำน้ำออกมาจากศิลา การสื่อสารในเสียงกระซิบอันอ่อนโยน ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ได้ยินเสียงของพระองค์ในวันนี้
Pippa Adds
1 พงศ์กษัตริย์ 19:2
แม้กระทั่งคนของพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ก็มีเวลาที่ท้อใจ การได้สังหารผู้เผยพระวจนะเท็จทุกคน คุณอาจคิดว่าเอลียาห์คงจะรับได้ทุกสิ่งแล้ว หลังจากความเหนื่อยล้าทางจิตวิญญาณและทางกาย เราต้องการการเติมเต็ม การฟื้นฟูของเอลียาห์ดูเหมือนจะมาผ่านทางการนอน อาหาร และการออกกำลัง (แม้ว่าการเดินเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืนดูเหมือนจะเกินไปหน่อย) และรับเอาความช่วยเหลือ (รับมือกับความโดดเดี่ยวที่ท่านรู้สึก) สำคัญที่สุด ท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสกับท่านอีกครั้ง
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Faith in Action: A Journey Through James

Reimagine Transformation Through the Life of Paul

My Problem With Prayer

How to Love Your Work and God

How to Love Like Jesus

The Letter to the Philippians

Lighting Up Our City Video 2: Avoiding Insider Language

The Discipline of Study and Meditation

How Is It With Your Soul?
