พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

เมื่อชีวิตเป็นเรื่องยาก
เขาถูกจับเพราะเทศนาพระกิตติคุณ ภรรยาของเขาเสียชีวิตโดยทิ้งลูก ๆ สี่คนไว้กับเขา ลูกคนหนึ่งตาบอด กระนั้นเขาก็ปฏิเสธที่จะล้มเลิกการเล่าข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูให้คนอื่นฟัง จอห์น บันยัน เขียนงานชิ้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาจากในเรือนจำ งานชิ้นนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจฝ่ายจิตวิญญาณและช่วยผู้อ่านนับไม่ถ้วน ถูกแปลไปกว่า 200 ภาษา ไม่เคยหยุดตีพิมพ์นับแต่วันแรกที่ตีพิมพ์ใน ปีค.ศ. 1678 หนังสือ *ปริศนาธรรม Pilgrim’s Progress* เป็นนิทานเปรียบเทียบที่บอกเล่าเรื่องราวของชายชื่อว่า ‘คริสเตียน’ บนเส้นทางจากบ้านเกิดของเขาไปยังเมืองเซเลสเทียล ระหว่างทางเขาพบกับความยากลำบาก ความท้าทาย และอุปสรรคมากมาย กระนั้นเขาพยายามรักษาความสัตย์ซื่อจนถึงที่สุด ชีวิตคริสเตียนไม่ได้ง่าย คุณจะพบเจอความยากลำบากมากมายตลอดทาง แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะทำให้คุณต้องออกนอกเส้นทางไป ที่จริงเมื่อคุณกำลังผ่านช่วงเวลายากลำบาก จงติดสนิทกับพระเยซู คุณจะแข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นสดุดี 77:1-9
ความทุกข์ใจ: คุณควรตอบสนองอย่างไร?
ผมมีเพื่อนซึ่งเป็นนักบวชในนิกายเบเนดิค เขาบอกผมว่า บ่อยครั้งเขาจะเริ่มคำอธิษฐาน ‘ช่วงเวลาแห่งการบ่นว่า’ สดุดีบทนี้ก็เริ่มต้นด้วยการที่ผู้เขียนสดุดีเทคำบ่นว่าของเขาออกกับพระเจ้า
การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าไม่ได้ป้องกันเราจาก ‘ความทุกข์ใจ’ (ข้อ 2) ผู้เขียนสดุดีนั้น ‘ตื่นอยู่ตลอดคืนไม่ได้หลับตาลงซักนิด’ (ข้อ 4ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขารู้สึกว่าพระเจ้าทรงปฏิเสธเขา และเขาจะไม่ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าอีกเลย (ข้อ 7–9)
ตรงนี้ ครึ่งแรกของพระธรรมสดุดี 77 เราเริ่มเห็นวิธีที่จะตอบสนองต่อความทุกข์ใจ คุณสามารถแน่ใจได้ว่า:
1. พระเจ้าทรงฟังเสียงร้องทูลของคุณ
ให้บอกพระเจ้าตรง ๆ ถึงความรู้สึกของคุณ ‘ข้าพเจ้าร้องหาพระเจ้า ข้าพเจ้าร้องทูลพระเจ้าสุดกำลัง ข้าพเจ้าร้องออกมาสุดเสียง พระองค์ทรงฟัง ในวันที่ข้าพเจ้าทุกข์ใจ ข้าพเจ้าแสวงหาองค์เจ้านาย’ (ข้อ 1–2ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
2. พระเจ้าชอบความจริงใจของคุณ
มีผลทางการรักษาในการทูลถามพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ ประชากรของพระเจ้านำข้อสงสัย ความลำบาก และความทุกข์ใจของพวกเขามายังพระเจ้า และทูลถามพระองค์ แม้แต่พระเยซูก็ทูลถามขณะอยู่บนไม้กางเขนซึ่งยกมาจากสดุดี 22:1 ‘พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?’ (มัทธิว 27:46)
พระเจ้าทรงปรารถนาให้คุณจริงใจกับพระองค์ พระองค์ไม่ได้ต้องการให้คุณเสแสร้งแต่อย่างใด พระองค์ทรงอยากได้ยินเสียงร้องจากใจของคุณ นี่ดึงคุณให้ใกล้กับพระองค์ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวง
ขอบพระคุณ องค์พระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ทรงได้ยินเสียงร้องจากใจของข้าพระองค์ ขอบพระคุณที่พระองค์ไม่ได้ปฏิเสธข้าพระองค์ พระสัญญาของพระองค์ไม่เคยล้มเหลว
ิกิจการอัครทูต 15:1-21
ความทุกข์ใจ: คุณจะแก้ไขมันอย่างไร?
ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเกี่ยวกับ ‘ข้อโต้แย้ง’ ‘ข้อพิพาท’ และ ‘การถกเถียงกัน’ ในคริสตจักรในปัจจุบันนี้ เราได้อ่านตรงนี้เรื่อง ‘การโต้แย้งและถกเถียงมากมาย’ (ข้อ 2) เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกร้องให้ทำเพื่อจะได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่ว่าเป็นคริสเตียน สมาชิกของคริสตจักร และได้รับ ‘ความรอด’ (ข้อ 1) การเข้าสุหนัตเป็นสิ่งจำเป็นต้องทำไหม? (ข้อ 1)
เราเห็นกระบวนการสี่ขั้นตอนในการตัดสินใจตรงนี้ นี่เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับจัดการกับข้อโต้แย้งในคริสตจักรท้องถิ่น ระดับประเทศ หรือแม้แต่ระดับโลกในปัจจุบัน
1. เรียกประชุม
บางคนยืนยันว่าทุกคนต้องเข้าสุหนัต อาจารย์เปาโลกับบารนาบัสประท้วงอย่างรุนแรง พวกเขาเรียกประชุมพิเศษเพื่อนำทั้งสองฝั่งมาเพื่อโต้วาทีกัน
ไม่ต้องกลัวเรื่องความขัดแย้ง เมื่อผู้คนมารวมตัวกันเพื่อคุยกันเรื่องประเด็นที่สำคัญ ๆ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นทั้งเรื่องธรรมชาติและมีประสิทธิผล ที่จริง นี่เป็นสิ่งที่ทำให้การประชุมน่าสนใจ!
2. พิจารณา และอภิปราย
‘การถกเถียงยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ เถียงกันกลับไปกลับมา ยิ่งโต้แย้งกันร้อนแรงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ‘ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ท้ายที่สุด ปัจจัยสองอย่างก็มีอิทธิพลต่อการอภิปราย
ประการแรก เหตุผลของพวกเขาอยู่บนพื้นฐานของประสบการณ์ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้อโต้แย้งของเปโตรนั้นอยู่บนสิ่งเขาได้เห็นองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำในบ้านของโครเนลิอัส ‘พระเจ้าผู้ทรงทราบจิตใจมนุษย์ทรงรับรองคนต่างชาติ และประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่พวกเขาเช่นเดียวกับที่ให้แก่ พระองค์ไม่ทรงถือเราถือเขา’ (ข้อ 8–9) การสร้างความแตกต่างคือการต่อต้านพระเจ้า สิ่งนี้เองนำเขาไปสู่ข้อสรุป: ‘เราเชื่อว่าเราเองจะรอดโดยพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับพวกเขา’ (ข้อ 11)
ประการที่สอง เหตุผลของพวกเขาอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานตามพระคัมภีร์ ยากอบชี้ไปที่พระวจนะของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้านั้นอยู่ในแนวเดียวกัน ‘คำของผู้เผยพระวจนะก็สอดคล้องกับเรื่องนี้’ (ข้อ 15) เขาแสดงให้เห็นว่า พระคัมภีร์ได้บอกไว้ก่อนถึงการรวมเข้าไปของ ‘คนต่างชาติ’ (ข้อ 17) และเสนอแนวทางที่สอดคล้องกับประสบการณ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์และหลักฐานของพระคัมภีร์ (ข้อ 19–21) เราสามารถแน่ใจว่าพระวจนะของพระเจ้าและพระวิญญาณของพระเจ้านั้นสอดคล้องกันเสมอ สิ่งที่เราไม่สามารถแน่ใจได้คือความเข้าใจของทั้งสองเรื่องนั้นถูกต้อง บรรดาผู้ที่โต้แย้งว่าทุกคนควรเข้าสุหนัตได้กระทำตามหลักพระคัมภีร์ เปโตรและยากอบไม่ได้ละทิ้งพระคัมภีร์ แต่พวกเขาโต้แย้งว่าพวกเขาเข้าใจผิด
3. ไปถึงจุดที่ตัดสินใจ
สุดท้ายแล้ว พวกเขาตัดสินใจ (ข้อ 22) นี่เป็นช่วงเวลาพิเศษในชีวิตของคริสตจักรในยุคแรก ‘คนทั้งหลายก็นิ่งฟังบารนาบัสกับเปาโลเล่าเรื่องหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่าง ๆ ซึ่งพระเจ้าทรงทำผ่านท่านทั้งสองท่ามกลางพวกต่างชาติ’ (ข้อ 12) นี่เป็นช่วงเสียวสันหลัง ที่ทำให้พวกเขาเงียบลง
ในที่สุด การตัดสินใจจำเป็นต้องมีดุลพินิจ อัครสาวกยากอบพูดว่า ‘ตามความเห็นของข้าพเจ้า’ (ข้อ 19) ปัจจัยในการตัดสินใจคือพวกเขาไม่ได้อยากจะ ‘เพิ่มความยุ่งยากแก่คนต่างชาติที่กลับมาหาพระเจ้า’ (ข้อ 19) ทุกคนได้รับการเชิญมาที่คริสตจักร ไม่ว่าจะมีภูมิหลังอย่างไร แม้ว่าจะไม่อนุญาตให้ปฏิบัติทุกอย่างก็ตาม (ข้อ 20)
บทเรียนตรงนี้คือ เราจำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องอุปสรรคที่ไม่จำเป็นต่อคนที่เพิ่งจะค้นพบความเชื่อในพระเยซู และจำเป็นต้องระวังเรื่องการนิยามคริสตจักรแบบแคบเกินไป
4. สื่อสารการตัดสินใจ
พวกเขาเขียนจดหมายไปแจ้ง (ข้อ 20) รายงานการประชุมไม่ใช่แค่เพียงพิธีการ นี่เป็นสิ่งสำคัญที่จะบันทึกการตัดสินใจ จากนั้นดังที่เราจะได้เห็นในวันพรุ่งนี้ พวกเขาจำเป็นต้องสื่อสาร (ข้อ 23–29)
ข้าแต่พระเจ้าขอประทานสติปัญญาเมื่อเรารับมือกับข้อพิพาทในคริสตจักร ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ลงมาอีกครั้งหนึ่งในทุกส่วนของคริสตจักรในปัจจุบัน ขอทรงช่วยเราให้มีท่าทีเช่นเดียวกับพระองค์ผู้ทรง ‘ไม่ถือเขาถือเรา’ (ข้อ 9)
1 พงศ์กษัตริย์ 9:10-11:13
สิ่งล่อลวง: จะต้านทานพวกมันยังไงดี?
ชีวิตของซาโลมอนแสดงให้เราเห็นความท้าทายและคำเตือน ความสำเร็จสามารถเป็นอันตรายต่อเราได้มากกว่าความล้มเหลว
ซาโลมอนทำสิ่งถูกต้องมากมาย เขาประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นกษัตริย์ที่มีความร่ำรวยและฉลาดที่สุดในยุคของท่าน (10:23) ทุกคนอยากพบพระองค์และ ‘จะฟังพระสติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานไว้ในพระทัยของพระองค์’ (ข้อ 24)
ซาโลมอนมีทุกสิ่ง ในเวลายี่สิบปี เขาสร้างอาคารหลังใหญ่สองหลัง พระวิหารและวังของตนเอง (9:10) ราชินีชีบาประหลาดใจในสิ่งที่นางเห็น (ข้อ 7) พระนางตระหนักได้ว่า นั่นมาจากพระเจ้าได้เท่านั้น ‘พระองค์จึงทรงแต่งตั้งให้ฝ่าพระบาทเป็นพระราชา เพื่อฝ่าพระบาทจะทรงอำนวยความยุติธรรมและความชอบธรรม และดูแลประชากรของพระเจ้า’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
กระนั้น เรื่องน่าเศร้าก็คือซาโลมอนไม่ได้จบลงด้วยดี เขาหลงไป ‘พระทัยของพระองค์ไม่ภักดีต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพระองค์ ไม่เหมือนอย่างพระทัยของดาวิดพระราชบิดาของพระองค์…พระทัยของท่านได้หันไปจากพระยาห์เวห์’ (11:4, 9)
แล้วอะไรที่พลาดไป? มันเริ่มต้นจากการล่วงประเวณี กษัตริย์ซาโลมอนนั้นหมกมุ่นเรื่องเพศ ‘พระองค์ทรงมีมเหสี 700 คน และนางห้าม 300 คน ผู้หญิงรวมทั้งหมดหนึ่งพันคน!’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
มันจบลงด้วยการติดตามพระต่าง ๆ ที่น่าสะอิดสะเอียน ‘เมื่อซาโลมอนทรงพระชราแล้ว บรรดามเหสีของพระองค์ได้หันพระทัยของพระองค์ไปตามพระอื่น ๆ’ (4ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ซาโลมอน ‘ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพระองค์ ไม่เหมือนอย่างพระทัยของดาวิดพระราชบิดาของพระองค์…พระทัยของท่านได้หันไปจากพระยาห์เวห์’ (11:4, 9) และไม่ได้ทรงดำเนินตามพระยาห์เวห์อย่างเต็มพระทัยไม่เหมือนอย่างดาวิดพระราชบิดาของพระองค์’ (ข้อ 6) ท่านทรงกระทำขัดแย้งกับคำสั่งที่ชัดเจนขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งกษัตริย์ ‘อย่าให้เขามีภรรยามาก เพื่อจิตใจของเขาจะไม่หันเหไป และอย่าให้มีเงินมีทองเป็นของตนอย่างมากมาย’ (เฉลยธรรมบัญญัติ 17:17) สิ่งหลอกล่อเหล่านี้นำซาโลมอนให้หลงไป
เดวิดทำผิดพลาดเป็นครั้งคราว เมื่อท่านทำ ท่านกลับใจและหันกลับไปยังพระเจ้า และดำเนินตามพระองค์ด้วยสุดใจ ซาโลมอนแสดงให้เราเห็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไป มเหสีเจ็ดร้อยคน และนางห้ามสามร้อยคนไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน ต้องมีการอะลุ้มอล่วยในหัวใจของซาโลมอน แม้จะมีพระพรทั้งหมดของพระเจ้า ซาโลมอนปล่อยให้ความบาปก่อตัว และในที่สุดมันก็ทำลายตัวเขาเอง
เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะจบลงเหมือนกับซาโลมอน คุณจำเป็นต้องอยู่ติดสนิทกับพระเยซู และฟังพระสุรเสียงพระองค์ เหมือนกับที่พระเยซูตรัสไว้ ราชินีชีบา ‘มาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลกเพื่อจะฟังสติปัญญาของซาโลมอน และผู้ที่ใหญ่กว่าซาโลมอนก็อยู่ที่นี่’ (มัทธิว 12:42)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับคำเตือนนี้ ขอทรงปกป้องหัวใจของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้อุทิศตัวต่อพระองค์อย่างเต็มที่ ที่จะติดตามพระองค์ไปจนทั้งชีวิต
Pippa Adds
1 พงศ์กษัตริย์ 11:1–13
ทำไมชายที่ช่างฉลาดเหลือเกินจึงได้โง่เขลานักในเรื่องผู้หญิง? แถมยังไม่เชื่อฟังอีกด้วย พระเจ้าได้ตรัสแล้วว่า อย่าแต่งงานกับสตรีที่มาจากสถานที่เหล่านั้น แต่ซาโลมอนกลับทำ พระเจ้าตรัสว่า พวกนางจะทำให้เขาหลงไป และพวกนางก็ทำเช่นนั้น
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Seasons of Hardship: Live the Jesus Way

UNPACK This...Being a Good Teammate in Life

Every Thought Captive

The Rapture of the Church

Forever Welcomed: A Five-Day Journey Into God’s Heart for All

The Origin of Our Story

3 - LORD'S PRAYER - the Lord´s Requirements

As He Purposeth in His Heart by Vance K. Jackson

Don’t Know What You’re Doing After Graduation? Good.
