พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พลังแห่งการอธิษฐาน
ห้าปีก่อน อาร์คบิชอป จัสติน เวลบี้ และพีท เกร็ก (ผู้ก่อตั้งกลุ่มอธิษฐาน 24-7) ได้ริเริ่มโครงการเรียกคริสเตียนหลายแสนคนจากหลายคริสตจักรและคณะนิกายมา เพื่อเป็นคลื่นใหญ่ในการอธิษฐานเพื่อการประกาศในประเทศระหว่างสัปดาห์ก่อนวันอาทิตย์ที่เป็นวันเพ็นเทคอสต์ ในช่วงหลายปีก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 มีปิดท้ายสัปดาห์นั้นด้วยการจัดงานเพื่อเตือนใจในมหาวิหารและคริสตจักรทั่วโลกที่คับคั่งไปด้วยผู้คนในช่วงสุดสัปดาห์วันเพ็นเทคอสต์ จัสติน เวลบี้ อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอเบอรี่ จะขอให้ผู้คนอธิษฐานเผื่อสามสิ่ง: ‘คือที่คริสเตียนทุกคนพบชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์…คือที่ทุกคนที่คุณพบ…ได้เห็นบางสิ่งเรื่องพระเยซู…ให้คริสตจักรไหลล้นด้วยความเป็นจริงเรื่องการทรงสถิตของพระเยซู’ พีท เกร็ก ได้อธิบายว่า นี่เป็นเหมือน ‘พื้นดิน: การเคลื่อนไหวจากระดับรากหญ้าขึ้นไป’ เขากล่าวว่า เขาเคยถูกเคลื่อนใจอย่างมากเมื่อได้ยินเด็กชายคนหนึ่งอธิษฐานเผื่อเพื่อน ๆ ห้าคน จากนั้น สามคนได้กลายเป็นคริสเตียน! คำอธิษฐานเป็นการหล่อเลี้ยงฝ่ายวิญญาณ เหมือนกับร่างกายต้องการอาหารทางกายภาพ จิตวิญญาณก็ต้องการอาหารฝ่ายวิญญาณ คำอธิษฐานเปลี่ยนแปลงเรา อย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์ก็ไปไกลยิ่งกว่านั้น คำอธิษฐานนั้นทรงพลัง มันทรงพลัง ดังที่ชาร์ลส แฮดดอน สเปอร์เจียนว่าไว้ ‘เส้นประสาทที่เรียวเล็กเป็นสิ่งที่เคลื่อนกล้ามเนื้ออันทรงมหิทธิฤทธิ์’ การอธิษฐานเป็นพลังที่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ คนอื่น ๆ และแม้แต่เรื่องราวในประวัติศาสตร์สุภาษิต 15:21-30
คำอธิษฐานเปลี่ยนแปลงสถานการณ์
พระเจ้า ‘ทรงอยู่ใกล้กับคำอธิษฐานโดยคนที่ชอบธรรมของพระเจ้า’ (ข้อ 29, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำอธิษฐานของคุณสามารถสร้างความแตกต่างต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ห่างไกลจากคนอธรรม แต่ทรงได้ยินคำอธิษฐานของคนชอบธรรม’ (ข้อ 29) ตามที่ผู้เขียนสุภาษิตว่าไว้ คนชอบธรรมหมายถึง การดำเนิน ‘ในทางซื่อตรง’ (ข้อ 21) การรับฟังคำแนะนำ (ข้อ 22) และรักษาความบริสุทธิ์ในความคิด (ข้อ 26) นี่หมายถึงการตอบสนองต่อผู้คนด้วย ‘คำตอบจากการอธิษฐาน’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผ่านทางพระเยซู ทุกคนที่เชื่อก็ ‘ชอบธรรม’ (โรม 3:22) ดังนั้น พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของคุณ
การอธิษฐาน และการวางแผนอย่างระมัดระวัง ไม่ได้ต่อต้านกันและกัน เช่นเดียวกับการพูดกับพระเจ้า เป็นเรื่องฉลาดที่จะรับคำแนะนำจากคนอื่น ๆ ‘ปราศจากการปรึกษาหารือ แผนงานก็ล้มเหลว แต่เมื่อมีผู้แนะนำจำนวนมาก แผนงานนั้นก็สำเร็จ’ (ข้อ 22)
คุณจะนำพระพรไปทุกที่ที่คุณไป ‘ความสว่างของตา (ของผู้ที่หัวใจของเขาชื่นบาน) ทำให้ใจเปรมปรีดิ์และข่าวดีบำรุงเลี้ยงกระดูก’ (ข้อ 30, Amplified bible โดยผู้แปล)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับหลายครั้งที่พระองค์ทรงฟังและตอบคำอธิษฐาน ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์ขออธิษฐานว่า…
กิจการอัครทูต 16:16-40
คำอธิษฐานเปลี่ยนแปลงผู้คน
อะไรทำให้คริสตจักรในยุคแรกช่างทรงพลัง? แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งของคำตอบคือชีวิตแห่งการอธิษฐานอยู่ในผู้เชื่อกลุ่มแรก
-
อธิษฐานเป็นประจำ
ปรากฏว่า การอธิษฐานนั้นเป็นนิสัยที่ทำเป็นประจำ ‘เมื่อเรากำลังออกไปยังที่สำหรับอธิษฐาน…’ (ข้อ 16) สิ่งนี้ทำให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้แค่อธิษฐานตามลำพัง พวกเขาพบกันบ่อย ๆ เพื่ออธิษฐาน -
อธิษฐานในพระนามพระเยซู
คำอธิษฐานของคริสเตียนนั้นทรงพลัง เพราะว่าเราอธิษฐาน ไม่ใช่ในชื่อของเราเอง แต่ในพระนามของพระเยซู
เปาโลนั้นถูกติดตามไปทั่วในเมืองฟีลิปปี โดยคนที่มี ‘ผีสิง’ คนที่ชัดเจนว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของมารซึ่งเป็นผลจากการที่เธอเกี่ยวข้องกับเวทย์มนตร์ (ข้อ 17) ท้ายที่สุด หลังจากผ่านไปหลายปีอาจารย์เปาโลไม่สามารถทนต่อการป่าวประกาศซ้ำ ๆ ของเธอได้อีกต่อไป เขาจึงหันมาสั่งผีนั้นว่า “ในพระนามของพระเยซูคริสต์ จงออกมาจากตัวเขา” (ข้อ 18) ผีนั้นก็ออกทันที
พระนามของพระเยซูนั้นช่างทรงพลัง ทางเดียวที่จะรับมือกับอำนาจของมารได้คือผ่านทางพระนามพระเยซู ไม่มีมารตนใดที่จะสู้กับพระเยซูได้ พระเยซูทรงปลดปล่อยเราจากอำนาจของมาร พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของทาสสาวคนนั้นไปโดยสิ้นเชิง ผีนั้น ‘ก็ออกไปทันที’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- อธิษฐานในทุกสถานการณ์
ผู้หญิงที่เป็นทาสซึ่งทำเงินได้มากมายให้กับเจ้านายของเธอ เจ้านายของเธอโกรธเกรี้ยวว่าเธอได้สูญเสียพลังเหนือธรรมชาติของเธอไปแล้ว พวกเขาจึงคุมตัวอาจารย์เปาโลและสิลาส ‘ทุบตีพวกเขา’ ‘จับกุมพวกเขา’ (ข้อ 19–20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และลากพวกเขาไปที่ศาล พวกเขายุยงให้ฝูงชนต่อต้านพวกเขา
ฝูงชนก็ฮือขึ้น ‘เล่นงาน‘ (ข้อ 22) ชีวิตไม่ได้ง่ายเสมอไปเมื่อเราเริ่มต้นสร้างความแตกต่าง มุมมองของเราบางอย่างอาจไม่ได้รับความนิยม หรือแม้แต่ผิดกฎหมาย ‘การถูกเล่นงาน’ อาจไม่ได้เป็นเครื่องหมายของความล้มเหลว มันอาจเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จ
พวกผู้พิพากษาก็ศิโรราบต่อความกดดันและสั่งให้เอาพวกเขาไปเฆี่ยน เมื่อเฆี่ยนไปหลายทีแล้วก็โยนเข้าไปในคุก และกำชับนายคุกให้ดูแลอย่างเข้มงวด ซึ่ง ‘ใส่ตรวนที่ขาของพวกเขา’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
นายคุกคุ้นเคยกับคนที่ถูกจำคุกด้วยความโกรธเกรี้ยว การสาปแช่ง และสบถสาบาน ซึ่งแตกต่างกับสิ่งเขาได้เห็นเปาโลกับสิลาส อธิษฐาน นมัสการ และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า (ข้อ 25) มีพลังอันยิ่งใหญ่ในการผสมผสานการอธิษฐานและการนมัสการ
แผ่นดินไหวเขย่าเรือนจำ และเปิดประตูคุกทุกบานออก นายคุกที่เข้าเวรอยู่นั้นเกือบจะฆ่าตัวตายแล้ว เมื่อเขาคิดว่า นักโทษทุกคนของเขาหนีไป และเขากลัวผลที่จะตามมา อาจารย์เปาโลมีหนทางแห่งอิสรภาพ แต่กลับเลือกที่จะอยู่และนำนายคุกมาถึงพระคริสต์
เมื่ออาจารย์เปาโลทำให้เขามั่นใจว่านักโทษทุกคนยังอยู่ นายคุกถามว่า ‘ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับความรอด?’ (ข้อ 30) นี่เป็นสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘โอกาสในการประกาศ’ อาจารย์เปาโลอธิบายถึงสิ่งที่นายคุกจำเป็นต้องทำ และภายหลังทั้งครอบครัวของเขา เชื่อในพระเยซูและรับบัพติศมา
ทันใดนั้น ชีวิตของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เขาแสดงความเมตตา เขาพาเปาโลกับสิลาสไปล้างแผลที่ถูกเฆี่ยน (ข้อ 33) เขาเลี้ยงอาหารพวกท่าน (ข้อ 34) เขาและทั้งครอบครัวก็ 'ปลื้มปีติ’ (ข้อ 35) เขาเต็มใจที่จะถูกรับรู้ว่าเป็นคริสเตียน พวกเขากลายเป็นสมาชิกก่อตั้งของคริสตจักรในเมืองฟีลิปปี
เหตุการณ์เหล่านี้ชัดเจนว่าเหนือธรรมชาติ ซึ่งอาจารย์เปาโลเห็นฤทธิ์เดชอันน่าทึ่งของพระเจ้าเบื้องหลังมนุษย์ซึ่งตัวแทนแห่งพระวจนะของพระองค์
ตอนนี้จบลงด้วยการที่พวกผู้พิพากษามาขอโทษอาจารย์เปาโลกับสิลาสเป็นการส่วนตัวว่า พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่าทั้งสองเป็นพลเมืองโรม ดังนั้นจึงเป็นสิ่งผิดกฎหมายที่จะปฏิบัติต่อพวกเขาในแบบที่ได้รับ ‘เมื่อพวกผู้ว่าการเมืองได้ยินว่าท่านทั้งสองเป็นคนสัญชาติโรมันก็ตกใจ....จึงมาขอขมาท่าน และมาพาท่านออกจากเรือนจำด้วยตนเอง เปาโลกับสิลาสก็ตรงไปที่บ้านของนางลิเดีย และพบพี่น้องอีกครั้ง พูดจาหนุนใจพวกเขาแล้วลาไป’ (ข้อ 38–40, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐานนั้นมีพลัง ไม่ใช่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราเท่านั้น แต่รวมทั้งสถานการณ์ เหตุการณ์ และชีวิตของคนอื่น ๆ
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยเราให้เป็นเหมือนกับคริสตจักรในยุคแรก ขอทรงช่วยเราให้พบกันเป็นประจำเพื่อ อธิษฐาน ขอบพระคุณสำหรับฤทธิ์เดชในพระนามพระเยซู ข้าแต่พระเจ้า ขอให้การอธิษฐาน และการนมัสการเป็นรากฐานในทุกสิ่งที่เราทำ
1 พงศ์กษัตริย์ 14:21-16:7
การอธิษฐานเปลี่ยนประวัติศาสตร์
แน่นอนว่า คำอธิษฐานไม่ได้เปลี่ยนอดีตแต่มันสามารถเปลี่ยนอนาคตซึ่งเป็นเส้นทางของเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้
ประวัติศาสตร์ของประชากรของพระเจ้าตามที่ปรากฏในพระธรรมพงศ์กษัตริย์เป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะผสมปนเปกัน เราได้อ่านอย่างต่อเนื่องถึงการที่ประชากรของพระเจ้า ‘ทำชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์’ (14:22 15:26,34 16:7) พวกเขาทำบาป (ตัวอย่างเช่น 14:22ข 15:26,30,34 16:2) พวกเขามีเทวทาส (14:24ก) พวกเขาทำตามสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังทุกอย่าง (ข้อ 24ข) มีสงครามระหว่างเรโหโบอัมกับเยโรโบอัมตลอดรัชสมัย (ข้อ 30; 15:6, 32) บรรดากษัตริย์บ่อยครั้งที่ไม่ได้ ‘ภักดีต่อพระยาห์เวห์’ (ข้อ 3)
มีข้อยกเว้นที่โดดเด่น เช่น อาสา (15:9–24) “ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เหมือนอย่างดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ พระองค์ทรงกวาดล้างพวกเทวทาสเสียจากแผ่นดิน และชำระบ้านของพระองค์…’ (ข้อ 11–12ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ท่ามกลางทั้งหมดนี้ มีความเห็นที่น่าทึ่ง ‘เพราะเห็นแก่ดาวิด พระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ได้ประทานประทีปอันหนึ่งแก่อาบียัมในกรุงเยรูซาเล็ม คือทรงตั้งพระราชโอรสแทน และทรงสถาปนากรุงเยรูซาเล็ม เพราะว่าดาวิดทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และไม่ได้หันไปจากสิ่งใด ซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ นอกจากเรื่องอุรียาห์คนฮิตไทต์’ (ข้อ 4–6)
ดาวิดยังส่งผลกระทบยาวนานหลังจากการเสียชีวิตของเขา พระเจ้ายังทรงให้เกียรติคำอธิษฐานของเขามาอีกหลายรุ่น
พระเจ้าตรัสกับดาวิดว่า ‘ราชวงศ์ของเจ้าและอาณาจักรของเจ้าจะตั้งมั่นอยู่ต่อหน้าเจ้านิรันดร และบัลลังก์ของเจ้าจะมั่นคงนิรันดร’ (2 ซามูเอล 7:16) ดาวิดได้อธิษฐานว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้า พระวจนะซึ่งพระองค์ตรัสเกี่ยวกับผู้รับใช้ของพระองค์ และเกี่ยวกับราชวงศ์ของเขา ขอพระวจนะนั้นมั่นคงอยู่เป็นนิตย์ และทรงทำดังที่พระองค์ตรัสไว้ ขอพระนามของพระองค์เป็นที่สรรเสริญตลอดนิรันดร์ว่า “พระยาห์เวห์จอมทัพทรงเป็นพระเจ้าเหนืออิสราเอล!” และราชวงศ์ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จะตั้งมั่นคงอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์’ (ข้อ 25–26)
พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของดาวิด ผลกระทบของคำอธิษฐานของดาวิดนั้นทำให้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ดาวิดดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม (‘นอกจากเรื่องอุรียาห์คนฮิตไทต์’) อย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่บอกเราว่าทุกคนที่เชื่อในพระเยซูจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าดาวิด ผ่านทางการสิ้นพระชนม์ และฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู คุณชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของผู้ชอบธรรม ดังนั้น เพราะพระเยซู คำอธิษฐานของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางประวัติศาสตร์ได้
ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงหันใจเมืองและประเทศของเรากลับไปหาพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานขอให้พระองค์ทรงยกบรรดาผู้นำและนักการเมืองของเรา ให้อุทิศตัวอย่างเต็มที่ต่อพระองค์ผู้ทรงขจัดความชั่วร้าย และนำเอาสันติสุขและความยุติธรรมมายังโลกของเรา
Pippa Adds
ซาโลมอนเคยเป็นชายที่ฉลาดที่สุดในโลกแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้ทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดี เขาควรประยุกต์ใช้สุภาษิตที่พระองค์ทรงอาจเขียนไว้อย่างดี ‘จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเติบใหญ่ เขาจะไม่พรากจากทางนั้น’ (สุภาษิต 22:6)
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Seasons of Hardship: Live the Jesus Way

UNPACK This...Being a Good Teammate in Life

Every Thought Captive

The Rapture of the Church

Forever Welcomed: A Five-Day Journey Into God’s Heart for All

The Origin of Our Story

3 - LORD'S PRAYER - the Lord´s Requirements

As He Purposeth in His Heart by Vance K. Jackson

Don’t Know What You’re Doing After Graduation? Good.
