พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

ส่งต่อไม้ผลัด
เมื่อผมจบมหาวิทยาลัยตอนอายุยี่สิบเอ็ด ผมย้ายไปที่กรุงลอนดอน และหาคริสตจักรที่จะไปร่วมนมัสการ ผมไปเยี่ยมคริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตัน และได้ยินแซนดี้ มิลล่าร์พูด หลังจากนั้น ผมถามว่า ผมจะขอพบกับเขาได้ไหม ภายหลังไม่นานนัก ผมเข้าร่วมที่คริสตจักรและเริ่มต้นเรียนรู้จากผู้นำ เพื่อน และผู้เป็นแบบอย่างที่ไม่ธรรมดาคนนี้ หลังจากนั้นหลายปีในฐานะสมาชิกคริสตจักร ผมไปอบรมเพื่อรับการสถาปนาในนิกายเชิร์ช ออฟ อิงค์แลนด์ และสิบปีหลังจากการพบกันครั้งแรกของเรา ผมกลับไปยังคริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตันในฐานะผู้ช่วยของแซนดี้ มิลล่าร์ ผมทำหน้าที่นั้นอยู่สิบเก้าปี จนปีค.ศ. 2005 เมื่อเขาส่งต่อไม้ผลัดให้กับผม และผมก็รับหน้าที่ต่อจากเขาในการเป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตันจนถึงทุกวันนี้ แซนดี้ยังคงเป็นแบบอย่าง เพื่อน และแรงบันดาลใจให้กับผม มักจะมีผู้คนในชีวิตของผม ผู้ซึ่งผมเรียนรู้จากพวกเขา และคนอื่นๆ ที่ผมพยายามส่งต่อไป เหมือนกับนักวิ่งในการแข่งขันวิ่งผลัด เราทุกคนล้วนมีความรับผิดชอบที่จะต้องส่งต่อไม้ผลัดสดุดี 78:1-8
เล่าเรื่องราว
คุณมีเรื่องราวให้เล่า ทุกครอบครัวมีเรื่องราวต่างๆ ทุกคริสตจักรมีเรื่องราวของตัวเองถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ คริสเตียนทุกคนมีเรื่องราว คำพยาน เราทุกคนได้เข้าถึงเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำในพระคริสต์ เราจำเป็นต้อง ‘เล่าเรื่องราว’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
สดุดีบทนี้ให้ภาพคร่าวๆ กับเราถึงประวัติศาสตร์ฮีบรู ย้อนกลับไปถึงกษัตริย์ดาวิด และเน้นความสำคัญของการส่งต่อให้กับคนรุ่นถัดไป เราได้เห็นความขัดแย้งระหว่างความบาปของอิสราเอลและความดีงามของพระเจ้า พระเยซูเองทรงยกถ้อยคำจากพระธรรมสดุดีตอนนี้ (มัทธิว 13:35)
ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า ‘แต่จะบอกแก่คนรุ่นหลัง ถึงพระราชกิจอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์ และฤทธานุภาพของพระองค์ และการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ…คือลูกหลานที่จะเกิดมา จะทราบเรื่อง
|และจะลุกขึ้นบอกลูกหลานของพวกเขาต่อไปอีก…เพื่อพวกเขาจะตั้งความหวังไว้ในพระเจ้า’ (สดุดี 78:4–7)
ฮวน คาร์ลอส ออร์ทิซ เล่าเรื่องราวการพบกันของหญิงชราคนหนึ่งในบ้านเกิดของเขาที่อาร์เจนตินา ผู้ซึ่งแนะนำเขากับหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นเหลนของเธอ เธอเล่าเรื่องราวว่าเธอมีลูกหกคน และหลานสามสิบหกคน น่าประทับใจในจำนวนสมาชิกครอบครัวของเธอ และในบรรดาหลาน ๆ มีหลายคนที่มีการศึกษาดี และมีอาชีพการงานที่ดี คาร์ลอสถามเธอว่า ‘คุณสร้างครอบครัวให้ขยายใหญ่โต เลี้ยงดูพวกเขาให้ดี แต่งตัวดี มีการศึกษาดีได้อย่างไรครับ?’ เธอตอบว่า ‘ฉันไม่ได้ทำค่ะ ฉันแค่ดูแลคนหกคน และแต่ละคนก็ดูแลคนหกคนของตัวเอง’
คนแต่ละรุ่นมีความรับผิดชอบที่จะต้องบอกคนรุ่นถัดไปถึงความดีของพระเจ้า และเตือนพวกเขาถึงความยุ่งเหยิงที่เราสร้างขึ้นในชีวิต เมื่อเราหันไปจากความดีของพระเจ้า
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับผู้ที่บอกเราเรื่อง “พระราชกิจอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์ และฤทธานุภาพของพระองค์ และการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ” (ข้อ 4) ขอทรงโปรดช่วยเราให้ส่งต่อไปยังคนรุ่นถัดไป เพื่อพวกเขาจะได้วางใจในพระองค์
กิจการอัครทูต 16:1-15
ฝึกฝน
เปาโลตระหนักว่า เขามีความรับผิดชอบที่จะต้องฝึกฝนคนอื่น ๆ เขาพบทิโมธี ‘ชายหนุ่มที่ดีคนหนึ่ง’ (ข้อ 1–2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ทิโมธีได้รับการเลี้ยงดูให้เป็นสาวก ฝึกฝน และสั่งสอนโดยอาจารย์เปาโล เขาเป็นพี่เลี้ยงทิโมธี พวกเขาเป็นตัวอย่างอันดีถึงสิ่งที่เราทุกคนควรทำ ค้นหาคนอย่างอาจารย์เปาโลที่เป็นผู้ที่คุณสามารถเรียนรู้จากเขา และค้นหาทิโมธีซึ่งเป็นคนที่คุณจะส่งต่อ
เช่นเดียวกับหลาย ๆ อย่าง ผมจะบอกว่าทุกย่างก้าวหรือการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์สำคัญๆ ที่ทำนั้นได้รับแรงบันดาลใจและกำลังใจ ไม่ได้มาจากธรรมาสน์ในฝูงชนหลายพันคน แต่มาจากคนที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คำเทศนาสามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ แต่เรามักจะประเมินค่าความจริงที่หลอมรวมไว้ระหว่างธรรมาสน์กับที่นั่งในคริสตจักรสูงเกินไป ในชีวิตของผม ความจริงซึ่งแบ่งปันด้วยความใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติบโตส่วนตัวของผม นี่ดูเหมือนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทิโมธีด้วย
ทิโมธีกลายเป็นคริสเตียนผ่านทางเปาโล และพวกเขากลายเป็นเพื่อนสนิทกัน อาจารย์เปาโลอายุมากกว่าทิโมธี และเขาอธิบายมิตรภาพของพวกท่านว่าเป็นเหมือนกับบิดาและบุตร (ฟีลิปปี 2:22) เปาโลพูดถึงทิโมธีว่าเป็น ‘ลูกที่รักของข้าพเจ้า’ (1 โครินธ์ 4:17)
เขาทั้งสองผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย ‘เมื่อพวกท่านเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ’ (กิจการ 16:4) พวกเขาใช้เวลาแม้กระทั่งถูกจองจำด้วยกัน ระหว่างทั้งหมดนี้ทิโมธีคงได้เฝ้าดูเปาโล และได้รับการฝึกฝนในฐานะผู้สืบทอด
แค่หวังว่า ‘ทิโมธีทั้งหลาย’ จะเฝ้าดูเราอยู่นั้นยังไม่พอ เราต้องวางตำแหน่งสาวกที่อายุน้อยกว่าอย่างมีกลยุทธ์เพื่อให้มีโอกาสสำคัญในการเป็นผู้นำเปาโลมอบความรับผิดชอบจริง ๆ ให้กับทิโมธี เขาไว้ใจทิโมธีเพราะว่าเปาโลรู้จักเขาดี
เปาโลให้ทิโมธีมาเกี่ยวข้องในงานด้วยตั้งแต่ต้น พวกเขาตัดสินใจร่วมกัน (ข้อ 4) ตลอดพันธกิจของพวกเขา ‘คริสตจักรทั้งปวงจึงเข้มแข็งในความเชื่อ และคริสตสมาชิกก็เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ทิโมธีเรียนรู้เรื่องการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อพวกเขาพยายามจะเข้าไปที่แคว้นบิธีเนีย พระวิญญาณบริสุทธิ์ ‘ทรงปิดทางไว้ พวกท่านจึงไปแคว้นมิเซียแล้ว ก็พยายามจะไปทางเหนือเพื่อเข้าไปยังแว่นแคว้นบิธีเนีย แต่พระวิญญาณของพระเยซูไม่โปรดให้ไป’ (ข้อ 6–7, พระคัมภีร์ตอนนี้ The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต ผมสามารถคิดถึงอย่างน้อยห้าครั้งในชีวิตที่ผมรู้สึกว่า ผมควรไปในทางที่เฉพาะเจาะจง ‘แต่พระวิญญาณของพระเยซูไม่โปรดให้ไป’ (ข้อ 7) ตามแผนการที่จะประสบความสำเร็จ เมื่อผมมองย้อนไปตอนนี้ ผมขอบพระคุณอย่างยิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงหยุดแผนการซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไป ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
จากนั้นพระเจ้าทรงนำทิโมธีและเปาโลไปยังทิศทางใหม่ ‘ในเวลากลางคืน เปาโลได้รับนิมิตเห็นชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอ้อนวอนว่า “ขอมาช่วยเราในแคว้นมาซิโดเนียด้วย” ’ (ข้อ 9) ไม่ประหลาดใจเลยที่เปาโลถือว่านี่เป็นการทรงนำอันชัดเจนว่าพวกเขาควรไปทางแคว้นมาซิโดเนีย ‘ทุกอย่างประกอบกันเข้า เราแน่ใจแล้วว่า พระเจ้าทรงเรียกเราไปประกาศข่าวประเสริฐกับชาวยุโรป’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ในแคว้นฟีลิปปี ทิโมธีคงได้เฝ้าดูอาจารย์เปาโลในวันเสาร์แรกที่เขาอยู่ที่นั่น ลงไปที่ฝั่งแม่น้ำซึ่งมีกลุ่มผู้หญิงอธิษฐานกันอยู่ (ข้อ 13)
เมื่ออาจารย์เปาโลพูดเรื่องพระเยซู นางลิเดีย สตรีที่ทำการค้าและร่ำรวยซึ่งเชื่อพระเจ้าเชิญเปาโลและคณะให้ไปพักที่บ้านของเธอ ต้องเป็นประสบการณ์ที่พิเศษและน่าทึ่งสำหรับทั้งคู่ที่ได้เห็นถึงวิธีที่ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดใจของนางให้สนใจถ้อยคำที่เปาโลกล่าว’ (ข้อ 14)
จดหมายฉบับสุดท้ายที่อาจารย์เปาโลเขียนคือ 2 ทิโมธี จนถึงบั้นปลายชีวิต สิ่งสำคัญของเปาโล คือ การหนุนใจ และปล่อยมือให้คนรุ่นถัดไป ให้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราด้วยเช่นกัน!
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วย ‘เปาโล’ ทุกคนให้พบ ‘บรรดาทิโมธี’ ผู้ที่เขาสามารถฝึกฝน ขอทรงช่วย ‘ทิโมธี’ ทุกคนที่จะพบกับพี่เลี้ยงเหมือนอย่างอาจารย์เปาโล ผู้ซึ่งส่งต่อทุกอย่างในประสบการณ์ของเขาให้
1 พงศ์กษัตริย์ 12:25-14:20
สั่งสอน
จนกว่าเราจะได้เรียนรู้บทเรียนจากประวัติศาสตร์ และ ‘บอก… คนรุ่นหลัง’ (สดุดี 78:5–6) พวกเขาก็จะทำผิดซ้ำเหมือนในอดีต พระธรรมพงศ์กษัตริย์บันทึกประวัติศาสตร์ประชากรของพระเจ้า เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้จากมัน
น่าเศร้า บทเรียนที่เราสามารถเรียนรู้จากพระธรรมตอนนี้อาจเป็นในเชิงลบเป็นหลัก เรื่องราวของเยโรโบอัมเป็นเรื่องน่าสะพรึงกลัวอันหนึ่ง พระองค์ทรงส่งต่อมรดกตกทอดที่น่ากลัวสำหรับคนรุ่นถัดไป
‘ดังนั้นพระราชาจึงทรงปรึกษา และได้ทรงสร้างลูกวัวทองคำสองตัว’ (1 พงศ์กษัตริย์ 12:28) การแค่ ‘ปรึกษา’ นั้นไม่พอหากเราไปขอคำปรึกษาผิดคน บทเหล่านี้เต็มไปด้วยเรื่องราวของความบาปในราชวงศ์ของเยโรโบอัม ซึ่ง ‘ทำลายล้างราชวงศ์นั้นเสียจากพื้นแผ่นดิน‘ (13:34)
บาปสำคัญของเยโรโบอัม คือ เขาได้สร้างรูปแบบของความเชื่อ และการนมัสการขึ้นตามใจตัวเอง เขาสนับสนุนให้นมัสการรูปเคารพแทนที่จะนมัสการพระเจ้า (12:28) ความเชื่อของเยโรโบอัมนั้นเป็นความเชื่อที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับความปรารถนาและความต้องการของตัวเอง
เราอาจไม่ได้กำลังนมัสการลูกวัวทองคำ แต่อันตรายแบบเดียวกับก็พบเห็นได้ในปัจจุบันนี้ เมื่อพระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าวว่า ‘รูปเคารพที่อันตรายที่สุด คือ ตัวเราเอง เมื่อเราต้องการครอบครองที่ซึ่งเป็นของพระเจ้า’
นี่เป็นความบาปของเยโรโบอัม และมันส่งผลต่อคนรุ่นต่อไป อาบียาห์พระราชโอรสของเยโรโบอัมประชวรและสิ้นพระชนม์ (บทที่ 14) เขาละเลยตัวอย่างที่ดีในคนรุ่นก่อนหน้าเช่นดาวิด ที่ดำเนินชีวิตด้วยใจเดียว เพื่อทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย แต่เขากลับ ‘ทำสถิติใหม่ในเรื่องการทำชั่ว’ (14:9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เยโรโบอัมอาจมีกองทัพ การค้าขาย และประสบความสำเร็จทางการเมืองมากมาย (ดู ข้อ 19) และกระนั้นก็ดูเหมือนความสำเร็จเหล่านี้ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกัน ดังที่พระเยซูตรัสว่า ‘เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไรถ้าได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน?’ (มาระโก 8:36) สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานขอให้พระองค์ทรงยกบรรดาผู้นำขึ้นในอุตสาหกรรม การเมือง ศิลปะสร้างสรรค์ สื่อ และในทุกส่วนของสังคม ผู้ที่จะถวายเกียรติพระองค์ และส่งต่อสาร และมาตรฐานของพระองค์ไปสู่คนรุ่นถัดไป
Pippa Adds
สดุดี 78:4–6
‘แต่จะบอกแก่คนรุ่นหลัง ถึงพระราชกิจอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์ และฤทธานุภาพของพระองค์ และการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ...เพื่อคนรุ่นหลัง คือลูกหลานที่จะเกิดมา จะทราบเรื่อง และจะลุกขึ้นบอกลูกหลานของพวกเขาต่อไปอีก’
นี่เป็นสิ่งท้าทายที่จะส่งต่อความเชื่อของเราไปยังคนรุ่นถัดไป ฉันรู้สึกขอบคุณต่อผู้ที่ทำงานด้านเด็กและเยาวชนที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตัน พวกเขาเทความรักออกมาให้ลูก ๆ ของพวกเรา และเด็กนับร้อยคน ทุกปีในค่ายโฟกัส (ค่ายคริสตจักรของเรา) เราได้เห็นชีวิตลูก ๆ ของเราและคนอีกมากมายได้เปลี่ยนแปลงไปในสัปดาห์นั้น ฉันตื่นเต้นในสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำในคนรุ่นถัดไปของเรา และศักยภาพสำหรับ ‘ลูกหลานของพวกเขา’ นั้นมหึมา จงอธิษฐานเผื่อพวกเขาต่อไป
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Seasons of Hardship: Live the Jesus Way

UNPACK This...Being a Good Teammate in Life

Every Thought Captive

The Rapture of the Church

Forever Welcomed: A Five-Day Journey Into God’s Heart for All

The Origin of Our Story

3 - LORD'S PRAYER - the Lord´s Requirements

As He Purposeth in His Heart by Vance K. Jackson

Don’t Know What You’re Doing After Graduation? Good.
