พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

คุณมีพลังงานจากพระเจ้า
พลังงานในโลกกำลังหมดลง ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าแหล่งพลังงานเหล่านี้จะเพียงพอในการดำรงชีวิต เราจะหาพลังงานเหล่านี้ได้จากไหน ในตอนนี้เรากำลังเสาะแสวงหาอำนาจจาก ‘เบื้องบน’ อย่างกระวนกระวาย พยายามแม้กระทั่งที่จะบังคับพลังงานอันไร้ขีดจำกัดแห่งดวงอาทิตย์ พวกเราทุกคนเผชิญปัญหาเดียวกันเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ แต่ในระดับจิตวิญญาณนั้น คุณได้ยืนอยู่ตรงหน้าทางเลือก:คุณกำลังมองหาพลังงานที่จำเป็นสำหรับตัวคุณเองและแหล่งแห่งสติปัญญารวมถึงวิญญาณแห่งการเป็นผู้ประกอบการอยู่หรือคุณกำลังเสาะแสวงหาพลังงานที่มา ‘*จากเบื้องบน*' นั่นก็คือ พระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์ ผู้เป็นดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรม ในเนื้อหาสำหรับวันนี้ เราเห็นบางสิ่งเกี่ยวกับขนาดของพลังงาน,อำนาจและกำลังของพระเจ้า ในขณะที่ในระดับกายภาพแล้วเราพยายามดิ้นรนเพื่อควบคุม แม้แต่เศษเสี้ยวของพลังของดวงอาทิตย์ แต่พระเจ้ากลับให้คุณเข้าถึง*พลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด*ของพระองค์ผ่านการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูและของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์สดุดี 68:28-35
สิ่งนี้มาจากไหนกัน?
พลังงาน,อำนาจและกำลังต่างก็มาจากพระเจ้า พระธรรมสดุดีตอนนี้จบลงที่ข้อความแห่งความมั่นใจของดาวิดที่ได้กล่าวไว้ว่า ‘พระเจ้าของอิสราเอล พระองค์นั้นประทานกำลังและอำนาจแก่ประชากรของพระองค์ สาธุการแด่พระเจ้า’ (ข้อ 35) พระเจ้าทรงสัญญาที่จะประทานอำนาจและกำลังของพระองค์ให้กับคุณอย่างอัศจรรย์
ดาวิดอธิษฐานว่า ‘ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงเรียกฤทธานุภาพของพระองค์มา ข้าแต่พระเจ้า ผู้ได้ทรงทำเพื่อข้าพระองค์ทั้งหลาย’ (ข้อ 28) ในทางตรงกันข้าม เขาปฏิเสธความพยายามใด ๆ ที่จะแสวงหาอำนาจจากที่อื่น เขาได้พูดถึงอำนาจแห่งโลกของอาณาจักรมาร ‘เธอละโมบในตัณหาแห่งความอยากได้เงิน ทำร้ายผู้อื่น’ (ข้อ 30, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่ดาวิดรู้ว่าที่สุดแล้วอำนาจเหล่านั้น ‘จะรีบยื่นมือของเขาออกทูลพระเจ้า’ (ข้อ 31) ดาวิดรู้จากประสบการณ์ของตัวเองว่าอำนาจของพระเจ้ามีมากเกินพอสำหรับความต้องการทั้งหมดของเขา
ขอบคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า ที่จะทรงประทาน ‘อำนาจและกำลัง’ ต่อประชากรของพระองค์ โปรดเติมข้าพระองค์วันนี้ด้วยพลังงาน, อำนาจ และกำลังของพระองค์
ยอห์น 19:28-20:9
สิ่งนี้เป็นเช่นไร?
พระเจ้าทรงประทานพลังงาน อำนาจ และกำลังเดียวกันนี้กับที่ทรงใช้ในการฟื้นคืนพระชนม์จากความตายของพระเยซู
ผมจำได้ถึงเวลาที่ผมนั้นกำลังบรรยายอยู่ ณ การประชุมผู้นำแห่งหนึ่ง ผมบรรยายทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง และผมเองก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและหมดแรง ในระหว่างพัก ผมได้มีโอกาสเปิดอ่านพระคัมภีร์ฉบับ The Message ในพระธรรมเอเฟซัส 1:19-20: “ฤทธิ์อำนาจที่พระเจ้าให้กับเราผู้ที่เชื่อนั้นยิ่งใหญ่เพียงใดไหน เป็นพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด และกำลังอันไร้ขีดจำกัด ซึ่งทรงทำในพระคริสต์เมื่อทรงทำให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย' ผมรู้สึกได้กลับมามีพลังอีกจากเบื้องบน
ในบทนี้ ยอห์นย้ำว่าพระเยซูนั้นได้สิ้นพระชนม์แล้วอย่างแท้จริง เมื่อพระองค์ทรงทำพระราชกิจของพระองค์ที่พระเจ้าประทานให้ ‘สำเร็จแล้ว’ (ยอห์น 19:28ก) เพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระคัมภีร์ (ข้อ 28ข) พระองค์ทรงตรัสออกมาว่า ‘“สำเร็จแล้ว” จากนั้นก็ทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์ (paradoken)’ (ข้อ 30)
การกระทำสุดท้ายของพระองค์นั้นก็เพื่อประทานของประทานแห่งพระวิญญาณ จากนั้นทรงถ่ายทอดพระวิญญาณต่อเหล่าสาวกของพระองค์และประทานพระวิญญาณของพระองค์ให้กับพวกเขา
การตายโดยการถูกตรึงที่ไม้กางเขนนั้นสามารถทำให้เร็วขึ้นได้โดยการทำให้ขาของผู้ถูกตรึงหัก ในกรณีของพระเยซูไม่จำเป็นที่ต้องทำเช่นนั้น เพราะพระองค์ได้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว ‘แต่ทหารคนหนึ่งเอาทวนแทงที่สีข้างของพระองค์ และโลหิตกับน้ำก็ไหลออกมาทันที’ (ข้อ 34) สิ่งที่บ่งบอกว่าเสียชีวิตคือลิ่มเลือดและของเหลวของโลหิตจะแยกจากกัน และนี่จะดูเหมือนเป็นโลหิตกับน้ำ ยอห์นให้หลักฐานทางการแพทย์ที่ดีเกี่ยวกับการตายของพระเยซูเพื่อยืนยันว่าพระองค์นั้นทรงสิ้นพระชนม์อย่างแท้จริง
ณ เวลาดังกล่าว อาจจะมีประชาชนที่เริ่มถกเถียงกันว่าพระเยซูอาจจะยังไม่สิ้นพระชนม์ แค่ดูเหมือนตายเท่านั้น ต่อมาภายหลังมุมมองนี้ได้ถูกรู้จักในนาม ‘โดเซทิซึม’ (docetism) จากภาษากรีกที่แปลว่า ‘ได้เห็น’ พระมหามูฮัมหมัดได้รับอิทธิพลจากมุมมองของโดเซทิซึมนี้ ในคัมภีร์อัลกุรอาน ระบุไว้ว่า ‘พวกเขาไม่ได้สังหารอีซา และไม่ได้ตรึงเขาบนไม้กางเขน ทว่าถูกทำให้พวกเขาเห็นคลับคล้าย’ (ซูเราะห์ 4:157)
ยอห์นย้ำว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์จริง ๆ และเขาก็ได้ให้หลักฐานทางสรีรวิทยา เขายังได้แสดงให้เห็นว่าการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูนั้นเป็นไปอย่างสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ถูกเปิดเผยไว้ในข้อพระคัมภีร์ ‘เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “พระอัฐิของพระองค์จะไม่หักสักชิ้นเดียว" และมีข้อพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งว่า “พวกเขาจะมองดูพระองค์ผู้ที่เขาแทง”’ (ยอห์น 19:36-37)
ในการไหลออกมาของโลหิตและน้ำจากสีข้างของพระเยซูนั้น เราได้เห็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง ‘โลหิต’ เป็นสัญลักษณ์ถึงชีวิตของพระองค์ที่หลั่งออกเพื่อเรา น้ำ เป็นสัญลักษณ์ถึงพระวิญญาณ น้ำที่ไหลออกมาจากพระทัยของพระเยซูจะรักษา ชำระ และเสริมกำลังแก่เราทุกคน
ร่างกายของพระเยซูได้ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าลินินและเครื่องเทศน้ำหนัก 75 ปอนด์ (34 กิโลกรัม) ถ้ามีใครจะเอาร่างของพระองค์ไป แน่นอนว่าจะต้องเอาไปทั้งหมด ไม่มีขโมยคนไหนที่จะทิ้งของมีค่าเอาไว้ ถ้าพูดกันอย่างมนุษย์ทั่วไป พระเยซูไม่สามารถที่จะถอดผ้าพันพระศพนี้ออกได้ด้วยพระองค์เอง แต่เหล่าสาวกก็ได้พบ ‘ผ้าลินินวางอยู่ ส่วนผ้าพันพระเศียรของพระองค์ไม่ได้วางอยู่กับผ้าอื่น แต่พับไว้ต่างหาก’ (ข้อ 6-7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
วิลเลี่ยม เทมเพิล อดีตพระสันตะปาปาแห่งแคนเทอร์บิวรี่ ได้ชี้ให้เห็นว่า ภาษาที่ถูกนำมาใช้นั้นเป็นภาษาที่มีชีวิตอย่างเห็นได้ชัด และ ‘ไม่มีการเติมแต่งถ้อยคำประดิษฐ์ ไม่มีการจินตนาการเพื่อให้เกิดมโนภาพในจิตใจ’
ในหลักฐานนี้ แทบจะไม่ประหลาดใจเลยว่าเมื่อเหล่าสาวกได้เห็น พวกเขาเชื่อ (20:8) ณ สถานภาพนี้ แม้ไม่มีใครได้เห็นพระเยซูผู้ฟื้นคืนพระชนม์ แต่หลักฐานของสภาพอุโมงค์ฝังศพและการไม่ปรากฏอยู่ของร่างกายพระเยซูนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มั่นใจได้ว่า พระองค์ได้ทรงฟื้นคืนพระชนม์
พวกเขาเคยเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์มาก่อน แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป พวกเขา ‘เขาเห็นและเชื่อ’ ว่าอำนาจและพลังงานของพระเจ้าได้ทำให้พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์จากความตาย พระเยซูทรงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นี่คือแสงอาทิตย์ที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็น ฤดูกาลแห่งความหนาวเหน็บจบสิ้นลงแล้ว ฤดูใบไม้ผลิก็มาถึง
เมื่อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่พูดถึงความรักของพระเจ้า การจดจ่อก็มุ่งไปที่ไม้กางเขน เมื่อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่พูดถึงความเข้มแข็ง, อำนาจ และพลังงานของพระเจ้า การจดจ่อก็มุ่งไปที่การฟื้นคืนพระชนม์ (เอเฟซัส 1:19-20) เราคิดถูกถึงอำนาจที่เป็นของพระเจ้า แต่เรากลับลืมไปว่า อำนาจของพระเจ้านั้นยังมีไว้ ‘สำหรับเราที่เชื่อ’ (ข้อ 19)
พลังและอำนาจที่ทำให้พระเยซูคริสต์ฟื้นคืนพระชนม์นั้น คือ พลังและอำนาจเดียวกันกับที่อยู่ในชีวิตของคุณตอนนี้
พระเจ้าข้า ขอบคุณสำหรับความรักที่ไม่ธรรมดาของพระองค์ ที่ทรงเต็มใจสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์ ขอบคุณสำหรับการฟื้นคืนพระชนม์ และที่อำนาจเดียวกันนี้นั้นได้มีชีวิตอยู่ในข้าพระองค์ วันนี้ข้าพระองค์อธิษฐานที่พระองค์จะทรงเติมข้าพระองค์ด้วยพลังงานนั้น
1 ซามูเอล 29:1-31:13
เราจะรับได้อย่างไร?
คุณเคยรู้สึกหมดเรี่ยวแรงดุจช่วงน้ำลง ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับปัญหาทั้งหมดที่เผชิญอยู่อย่างไรบ้างหรือไม่?
นี่เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายของประชากรแห่งพระเจ้า กษัตริย์ดาวิดมาถึงจุดที่ตกต่ำที่สุดของชีวิต เขาพร้อมที่จะต่อสู้กับชนชาติอิสราเอลเพื่อคนฟีลิสเตีย แต่หลังจากนั้น แม้กระทั่งคนฟีลิสเตียเองก็ไม่ต้องการพวกเขาอีกต่อไป
เมื่อเขากลับมาพบว่าคนอามาเลขได้จับเหล่าบุตรชาย บุตรสาว ภรรยาทั้งของตนเองและคนของเขาไป จึงได้เกิดความทุกข์ร้อนและโกรธเกรี้ยวอย่างมาก คนทั้งหมดในที่นั้นก็เกิดความท้อแท้กับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น และเหล่าผู้ติดตามดาวิดก็ได้หันมาต่อว่า และข่มขู่ว่าจะเอาหินขว้างเขาให้ตาย (ข้อ 4-6)
แต่ท่ามกลางปัญหาทั้งหลายของดาวิด: ‘ดาวิดก็มีกำลังขึ้นด้วยความไว้วางใจในพระเจ้าของท่าน’ (ข้อ 6ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตดาวิด บรรดาบุคคลที่ได้หันมาหาพระเจ้าในความหมดหวังในจุดต่ำที่สุดของชีวิตเช่นเดียวกับดาวิดในตอนนี้ ต่างก็อัศจรรย์ใจว่าพวกเขานั้นสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเหล่าทหารกลับมาจากการรบ มีบางคนที่ไม่อยากแบ่งปันสิ่งที่พวกเขายึดมาได้แก่คนที่อ่อนเพลียเกินจะออกรบด้วยกัน (ข้อ 21-22) แต่ดาวิดมีสติปัญญาพอที่จะเห็นว่าทุกคนต่างได้มีส่วนในพระราชกิจของพระเจ้า เขากล่าวว่า ‘พวกพี่น้องของข้าพเจ้า พวกท่านอย่าทำอย่างนั้นกับสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบแก่พวกเรา...เพราะคนที่ลงไปในสงครามได้ส่วนแบ่งของพวกเขาอย่างไร คนที่อยู่กับกองสัมภาระก็จะได้รับส่วนแบ่งอย่างนั้นเหมือนกัน’ (ข้อ 23-24) บรรดาคนที่ทำงานด้อยเกียรติกว่านั้นมีความสำคัญเท่าเทียมกับบรรดาคนที่ทำงานเบื้องหน้า
ตามที่เราได้อ่านถึงการตายของซาอูลและบุตรชายของเขา มันชัดเจนว่าพวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความโหดร้าย ซาอูลเลือกที่จะปลิดชีพตนเองเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการถูกทำร้ายเหมือนที่แซมซั่นได้ถูกกระทำมาก่อน การเผชิญหน้ากับอันตรายและความเลือดเย็นเยี่ยงนั้น ต้องมีความหมายต่อดาวิดอย่างยิ่งในการที่จะมีกำลังขึ้น ‘ในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน’
จงเดินตามตัวอย่างของดาวิด ในการใช้เวลากับพระเจ้าเพื่อทำให้คุณเองมีกำลังขึ้น ได้รับการเสริมกำลังใหม่อีกครั้ง และไว้วางใจพระองค์อย่างหมดหัวใจ เชื่อว่าพระองค์ทรงอยู่ในคุณโดยพระวิญญาณของพระองค์ และเชื่อว่าคุณสามารถที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องทำได้โดยพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่ไม่ว่าเราจะอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุดของเรา หรือกำลังเผชิญกับการทดลองและความท้าทายที่ใหญ่ยิ่ง หรือเพียงแค่เผชิญกับการต่อสู้ในชีวิตปกติ เราสามารถที่จะพบกับความเข้มแข็ง และพลังงานในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
Pippa Adds
ยอห์น 19:39
เป็นการดีที่ได้เห็นนิโคลเดมัสกลับมาและทำเรื่องราวในส่วนของเขาต่อไป บทสนทนาแรกเริ่มของเขากับพระเยซูในพระธรรมยอห์นบทที่ 3 นั้นต้องส่งผลกับเขาอย่างมากเป็นแน่ อาจเป็นแค่การสนทนาครั้งเดียว แต่นี่เขากลับเก็บร่างพระเยซูโดยการซื้อเครื่องเทศ มดยอบ และกฤษณาซึ่งราคาสูงลิบ และมีน้ำหนักถึง 75 ปอนด์ (ราว 34 กิโลกรัม) คุณไม่มีวันรู้ว่าบทสนทนากับใครบางคนนั้นจะส่งผลมากขนาดไหน
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Seasons of Hardship: Live the Jesus Way

UNPACK This...Being a Good Teammate in Life

Every Thought Captive

The Rapture of the Church

Forever Welcomed: A Five-Day Journey Into God’s Heart for All

The Origin of Our Story

3 - LORD'S PRAYER - the Lord´s Requirements

As He Purposeth in His Heart by Vance K. Jackson

Don’t Know What You’re Doing After Graduation? Good.
