YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 153 OF 365

‘คลั่งรัก’

คุณแม่ของ ฟรานซิส ชาน เสียชีวิตขณะคลอดเขาออกมา ความรักใคร่เดียวที่เขาจำได้คือได้รับจากคุณพ่อ ซึ่งนานประมาณสามสิบวินาทีขณะกำลังไปที่งานศพของแม่เลี้ยงตอนอายุได้เก้าขวบ เมื่อเขาอายุสิบสองปี คุณพ่อก็เสียชีวิตลง ฟรานซิสร้องไห้ แต่ก็รู้สึกโล่งอกด้วย ตอนนี้ฟรานซิสเป็นศิษยาภิบาล เขาและลิซ่า ภรรยาของเขามีลูกเจ็ดคน เมื่อลูก ๆ เกิดมา ความรักของเขาเองต่อลูก ๆ และความปรารถนาของเขาที่จะให้ลูกรักตอบนั้นช่างแรงกล้า จนเปิดตาของเขาว่าพระเจ้าทรงปรารถนาและรักเรามากเพียงไร เขาพูดว่า ‘จากประสบการณ์นี้ ผมได้เข้าใจว่าความปรารถนาของผมต่อลูก ๆ นั้นเป็นเพียงเสียงสะท้อนของความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อผม และสำหรับทุกคนที่พระองค์ทรงสร้าง…ผมรักลูกของผมมากจนเจ็บปวด’ การตั้งชื่อหนังสือเล่มแรกของเขา *Crazy Love* เขาเขียนว่า ‘แนวคิดของการคลั่งรักเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า ตลอดชีวิต ผมเคยได้ยินคนพูดว่า “พระเจ้ารักคุณ” นี่อาจเป็นคำพูดบ้าบอที่สุดที่คุณสามารถพูดว่าองค์พระผู้สร้างนิรันดร์กาลแห่งจักรวาลนี้ตกหลุมรักผม มีการตอบสนองที่ควรเกิดขึ้นกับผู้เชื่อ ปฏิกิริยาบ้าคลั่งต่อความรักนั้น คุณเข้าใจจริง ๆ หรือไม่ว่าพระเจ้าทรงทำอะไรเพื่อคุณ? ถ้าเข้าใจ ทำไมการตอบสนองของคุณจึงยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นนี้?” คำว่า ‘การเอาอกเอาใจ' บ่งเป็นนัยถึง*ความปรารถนาที่เข้มข้นหรือร้อนแรง* มันอาจผิดทิศทางได้ แต่ตามที่เปาโลเขียน เป็นเรื่องถูกต้องที่จะเอาอกเอาใจหากวัตถุประสงค์นั้นดี (กาลาเทีย 4:18) ในที่อื่น ๆ เขากล่าวว่า ‘อย่าอ่อนระอา จงมีจิตใจกระตือรือร้น’ (โรม 12:11) บางทีการตีความสมัยใหม่ดี ๆ ของคำว่า ‘กระตือรือร้น’ คือคำว่า ‘คลั่งรัก’

สดุดี 69:1-12

‘คลั่งรัก’ ต่อพระนิเวศของพระเจ้า

ดาวิดรักพระเจ้าอย่างยิ่งจนรู้สึกว่าใครก็ตามที่ดูหมิ่นพระเจ้า ถือว่าดูหมิ่นตนด้วยเช่นกัน เป็นเรื่องเจ็บปวดที่ได้ยินผู้คนหมิ่นประมาทพระเจ้า 'คำเยาะเย้ยของผู้ที่เยาะเย้ยพระองค์ตกแก่ข้าพระองค์’ (ข้อ 9ข)

ดาวิดเขียนว่า ‘…ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์ได้เผาผลาญข้าพระองค์’ (ข้อ 9ก) ดาวิดร้อนรนเรื่องนิเวศของพระเจ้าอย่างยิ่งเพราะว่านั่นเป็นสถานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการทรงสถิตของพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ พระคัมภีร์ฉบับ The Message อธิบายความร้อนรนที่เขาแสดงออกในข้อพระธรรมนี้ว่า ‘เพราะว่าข้าพระองค์รักพระองค์อย่างบ้าคลั่ง’ (ข้อ 9ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ถ้อยคำเหล่านี้ถูกประยุกต์ใช้โดยเหล่าสาวกถึงพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงชำระพระวิหาร (ยอห์น 2:17) ด้วยความร้อนใจเรื่องพระนิเวศของพระเจ้า พระเยซูทรงขับไล่พวกที่พยายามหากำไรจากสถานนมัสการ หาประโยชน์จากผู้ที่ต้องการใกล้ชิดพระเจ้า

ดาวิดร้อนรนที่จะไม่ทำให้พระนามของพระเจ้าต้องเสื่อมเสีย เขาไม่ได้อยากให้ใครก็ตามต้องเสื่อมเสียเพราะตน ‘อย่าให้ผู้ที่มองไปยังพระองค์ในความหวังจะท้อใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพระองค์’ (สดุดี 69:6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขารู้ถึงความโง่เขลาและความผิดของตนเหมือนที่ผมรู้ของผมดี ‘ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบถึงความบาปทุกอย่างที่ข้าพระองค์ทำ ชีวิตของข้าพระองค์เป็นเหมือนหนังสือที่กางออกต่อหน้าพระองค์’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ดาวิดกังวลว่าสิ่งนี้อาจทำให้นิเวศของพระเจ้าเสื่อมเสียพระเกียรติ

ปัจจุบัน นิเวศของพระเจ้า พระวิหาร คือพระคริสต์และพระกายของพระองค์ คริสตจักรของพระองค์ (1 เปโตร 2:5) ไม่มีอะไรผิดในการร้อนรนเพื่อคริสตจักร ให้เรากระตือรือร้นที่จะเห็นพระนามของพระเจ้าได้รับเกียรติในคริสตจักรของพระองค์ในปัจจุบัน

โดยส่วนตัวแล้ว ผมได้รับแรงบันดาลใจเมื่อผมเห็นความร้อนรนเพื่อพระนิเวศของพระเจ้า ความร้อนรนในการนมัสการ “เอนตัวเข้าไปหา” ในการพูดคุย ซึ่งเป็นการต้อนรับอันยอดเยี่ยมต่อผู้ที่มาใหม่ทุกคน

การร้อนรนเป็นแรงบันดาลใจและติดต่อกันได้ เราต้องการคลั่งรักมากกว่าเดิมในคริสตจักรทุกวันนี้

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเผาผลาญข้าพระองค์ด้วยความร้อนรนต่อพระนามของพระองค์และคริสตจักรของพระองค์

ยอห์น 21:1-25

‘คลั่งรัก' เพื่อพระเยซู

นี่เป็นครั้งที่สามที่พระเยซูทรงปรากฏกับเหล่าสาวก (ครั้งที่สี่เมื่อรวมครั้งมารีย์ มักดาลาด้วย) (ข้อ 14)

พระเยซูทรงปรากฏในความปกติธรรมดาของชีวิตประจำวันทั่วไป คุณไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดเป็นพิเศษ พระเยซูทรงพบคุณได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เปโตรกำลังจับปลา สาวกหกคนร่วมอยู่กับเขา พระเยซูทรงบอกพวกเขาว่าควรจับปลาที่ไหน และจากนั้นก็ทำอาหารเช้าให้กับพวกเขา นี่คือพระเยซูที่เป็นขึ้นจากความตาย ผู้เดียวซึ่งทรงสร้างกัลปักษ์จักรวาล ตรัสกับสหายของพระองค์ว่า ‘มารับประทานอาหารกันเถิด’ (ข้อ 12) พระเจ้าผู้ทรงสำแดงในพระเยซูคริสต์ทรงยืนยันถึงชีวิตและความสนุกอะไรเช่นนี้!

เมื่อยอห์นจำพระเยซูได้ เขาหันไปบอกเปโตรว่า ‘เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 7ก) เปโตรตื่นเต้นมากทั้งยังกระตือรือร้นและร้อนรนที่จะมาหาพระเยซูให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ‘เขาก็หยิบเสื้อมาสวมเพราะถอดเสื้อและตัวเปล่าอยู่ แล้วก็กระโดดลงทะเล’ (ข้อ 7ข)

บางครั้งในความกระตือรือร้นและร้อนรน เราอาจทำอะไรบางอย่างบ้า ๆ บอ ๆ ได้ แต่สิ่งสำคัญคือหัวใจแห่งความรักและร้อนรนต่อพระเยซู นัยน์ตาของเปโตรตรึงแน่นอยู่ที่พระเยซู ทั้งหมดที่เขาต้องการคือได้อยู่กับพระเยซู

ในบทสนทนาของพระเยซูกับเปโตรหลังจากอาหารเช้า เราได้เห็นว่า การมีความรักร้อนรนต่อพระเยซูหมายถึงอะไร:

  1. ความรักสูงสุด

พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า ‘ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกนี้หรือ?’ (ข้อ 15) ‘พวกนี้หรือ' อาจอ้างถึงเครื่องมือจับปลาหรือสาวกคนอื่น ๆ ไม่ว่านี่จะหมายถึงอะไร พระเยซูทรงเรียกเขาให้ทำให้ความรักที่เขามีต่อพระเยซูเป็นความรักสูงสุด ความรักของเราต่อพระเยซูควรมีมากกว่าความรักของเราต่อสิ่งอื่นใด

ความร้อนรนของเปโตรไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีอุปสรรค เขาเคยปฏิเสธพระเยซูสามครั้ง ดังนั้นพระเยซูจึงให้โอกาสเขาสามครั้งเพื่อยืนยันความรักของเขาสามครั้ง สามครั้งที่เปโตรทูลพระเยซูว่า ‘ข้าพระองค์รักพระองค์' (ข้อ 15–17)

  1. ความรักที่เสียสละ

พระเยซูทรงบอกใบ้เปโตรว่าความรักของเขา และความร้อนรนต่อพระเยซู และคริสตจักรของพระองค์นั้นมีราคาที่ต้องจ่าย ที่สุดแล้ว สิ่งนี้จะเป็นเหตุให้เปโตรเสียชีวิต พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘“เมื่อท่านยังหนุ่ม ก็คาดเอวของท่านเองและเดินไปไหนๆ ตามที่ท่านปรารถนา แต่เมื่อแก่แล้ว ท่านจะเหยียดมือออก และจะมีคนมาคาดเอวของท่าน และพาไปที่ที่ท่านไม่ปรารถนาจะไป” พระเยซูตรัสสิ่งนี้เพื่อบอกเป็นนัยว่า ความตายแบบใดซึ่งทำให้เปโตรได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า' (ข้อ 18–19) สิ่งนี้เป็นหลักฐานแรก ๆ ของการสละชีพเพื่อความเชื่อของเปโตรโดยการถูกตรึง การเป็นสาวกของพระเยซูนั้นเป็นเรื่องอันตราย

เมื่อเปโตรถูกบอกเรื่องนี้ เขาก็หันไป เห็นยอห์นและทูลถามถึงอนาคตของเขา ในช่วงเวลาสนิทสนมกับพระเยซูนี้ เปโตรวอกแวกไปด้วยการเปรียบเทียบตัวเองกับยอห์น พระเยซูทรงบอกเขาอย่างสุภาพว่าให้สนใจแต่เรื่องของตัวเอง บางสิ่งที่คุ้มค่าน่าจดจำเมื่อเราถูกล่อลวงให้เปรียบเทียบตัวเราเองกับคนอื่น ๆ

  1. ความรักที่ปรนนิบัติรับใช้

แต่ละครั้งที่เปโตรทูลพระเยซูว่า ‘ข้าพระองค์รักพระองค์' พระเยซูตรัสกับเปโตรว่า ‘จงเลี้ยงดูลูกแกะของเรา…จงดูแลแกะของ​เรา…จงเลี้ยงดูแกะของเรา‘ (ข้อ 15–17) เปโตรสามารถนำทาง เลี้ยงดู และรับผิดชอบผู้คนได้ต่อเมื่อเขารักพระเยซูอย่างร้อนรน

จากนั้นพระเยซูตรัสกับเปโตรง่าย ๆ ว่า ‘จงตามเรามาเถิด!’ (ข้อ 19) ความคลั่งรักต่อพระเยซูนี้หมายถึงการทำตามแบบอย่างของพระองค์ในความรัก พระเยซูทรงสำแดงตัวอย่างสูงสุดของความรักที่ปรนนิบัติรับใช้ พระองค์ตรัสว่า ‘ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน’ (15:13) พระองค์ทรงประทานตัวอย่างในเชิงปฏิบัติว่าความรักที่ปรนนิบัติรับใช้ประเภทนี้เกี่ยวข้องกับอะไร เมื่อพระองค์ทรงล้างเท้าเหล่าสาวก (ยอห์น 13) เป็นการผูกพันตัวที่จะช่วยคนอื่น ๆ ไม่ว่าเรารู้สึกกับพวกเขาอย่างไรก็ตาม ที่จะเติบโตในความรักที่พวกเขามีต่อพระเยซู ไม่ใช่การพยายามควบคุมพวกเขา แต่เพื่อปลดปล่อยพวกเขา

พระเยซูทรงเรียกคุณสู่ความรักแบบเดียวกัน แสดงความรักร้อนรนของคุณต่อพระเยซู โดยรักคนอื่น ๆ อย่างร้อนรน อุทิศตัวคุณเองเพื่อดูแลฝูงแกะของพระองค์

เปโตรนั้นเต็มใจที่จะให้พระเยซูเป็นความรักสูงสุดแห่งชีวิตของเขา เขาเต็มใจที่จะจ่ายราคา และดำเนินตามรอยเท้าของพระองค์ในความรักที่ปรนนิบัติรับใช้ เขารักพระองค์ผู้ทรงทำหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตอันสั้น ของพระองค์ในโลกนี้ซึ่ง ‘ถ้าจะเขียนให้หมดทุกสิ่ง ข้าพเจ้าคิดว่าแม้ที่ทั้งโลกไม่พอใส่หนังสือที่จะเขียนนั้น’ (21:25)

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รักพระองค์เหมือนอย่างที่เปโตรได้รัก ที่จะร้อนรนเพื่อพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้เลี้ยงดูลูกแกะของพระองค์ และเต็มใจที่จะจ่ายราคา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เพื่อติดตามพระองค์ไปจนถึงที่สุด

2 ซามูเอล 2:8-3:21

‘คลั่งรัก’ เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกัน

ด้วยการเสียชีวิตของซาอูล แผ่นดินอิสราเอลและยูดาห์แยกออกจากกัน ​อับเนอร์ร้องถามโยอาบว่า 'จะให้เราฆ่าฟันกันเองไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายหรือ? ท่านไม่ทราบหรือที่สุดจะกลายเป็นความขมขื่น?’ (2:26 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เสียงร้องนี้ยังคงกังวานอยู่ในยุคสมัยใหม่เมื่อเรามองเห็นความวุ่นวายและการแบ่งแยกกันในตะวันออกกลาง

‘มีสงคราม...อยู่นาน’ (3:1) ‘อับ​เนอร์ก็ส่งพวกผู้สื่อสารแทนตนไปยังดาวิดทูลว่า "แผ่นดินนี้เป็นของใคร?”' (ข้อ 12) อีกครั้งที่คำถามนี้ยังคงถูกถามอยู่ในทุกวันนี้

อับเนอร์ยังคงทูลต่อไปอีกว่า ‘ขอทรงทำพันธสัญญากับข้าพระบาท และดูเถิด มือของข้าพระบาทจะอยู่ฝ่ายฝ่าพระบาทเพื่อนำอิสราเอลทั้งสิ้นหันกลับมาอยู่ฝ่ายฝ่าพระบาท’ (ข้อ 12) ท้ายที่สุดแล้วสิ่งนี้ก็เกิดขึ้น และอย่างน้อยสักช่วงเวลาหนึ่ง แผ่นดินก็ได้รวมติดเป็นอาณาจักรเดียวกัน

การขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนั้นทำลายล้างอย่างมาก เราได้เห็นสิ่งนี้ในตะวันออกกลางในปัจจุบัน เราควรปรารถนาความเป็นหนึ่งเดียวกัน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานเผื่อสันติภาพและทางออกสำหรับตะวันออกกลาง ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ปรารถนาที่จะแสวงหาสันติ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และการคืนดีกันในคริสตจักรของข้าพระองค์

Pippa Adds

2 ซามูเอล 3:14–16

‘แล้วดาวิดก็ส่งพวกผู้สื่อสารไปยังอิชโบเชทราชโอรสของซาอูลว่า “จงมอบมีคาลภรรยาของข้าพเจ้าแก่ข้าพเจ้า ผู้ซึ่งข้าพเจ้าหมั้นไว้ด้วยหนังปลายองคชาตของพวกฟีลิสเตียหนึ่งร้อยชิ้น” อิชโบเชทจึงทรงส่งคนไปพามีคาลมาจากสามีของเธอ คือปัลทีเอลบุตรชายของลาอิช แต่สามีของเธอก็เดินไปกับเธอ ร้องไห้ตามเธอไปจนถึงตำบลบาฮูริม แล้วอับเนอร์จึงบอกเขาว่า “จงกลับไป” และเขาก็กลับไป’

ฉันรู้ว่ามีคาลนั้นหมั้นหมายกับดาวิดตามกฎหมาย แต่ฉันไม่แน่ใจว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในการอภิบาล ปัลทีเอลสามีที่น่าสงสารของเธอดูเหมือนจะเสียใจมาก ไม่มีใครถามความเห็นของมีคาล และดาวิดเองก็ดูเหมือนไม่ได้จำเป็นที่ต้องมีภรรยาเพิ่ม เขามีภรรยาอยู่แล้วอย่างน้อย 6 คน (2 ซามูเอล 3:2–5) ฉันคิดว่าเธอคงมีความสุขมากกว่าถ้าเธอได้อยู่กับปัลทีเอล

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More