YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 300 OF 365

ความขัดแย้งที่ท้าทาย

ผมมักได้ยินคนพูดว่า ‘พระคัมภีร์เต็มไปด้วยสิ่งที่ขัดแย้งกัน’ ซึ่งก็แน่นอนว่ามีความขัดแย้งมากมาย*ปรากฎอยู่* เมื่อคุณเจอกับความขัดแย้งที่แสนท้าทาย : * ให้เราพยายามที่จะหาจุดร่วมกันความขัดแย้งนั้นกับพระคัมภีร์ทั้งบริบท * หลีกเลี่ยงจุดร่วมของความเชื่อที่เทียมเท็จ * อดทน เตรียมตัวที่จะรอคอย และอยู่กับคำถามที่ยังไม่ถูกเปิดเผยให้ได้

สุภาษิต 26:3-12

จะตอบหรือไม่ตอบดี?

คำว่า ‘คนโง่’ ‘โง่’ และ ‘เขลา’ ปรากฏเก้าสิบหกครั้งในพระธรรมสุภาษิต คนโง่นั้นตรงข้ามกับคนฉลาดที่ผู้เขียนสุภาษิตกล่าวชม

เขาเขียนว่า
อย่าตอบคนโง่ตามความโง่ของเขา เกรงว่าเจ้าจะเป็นเหมือนเขา’ (ข้อ 4)
จงตอบคนโง่ตามความโง่ของเขา เกรงว่าเขาจะคิดว่าตัวเองมีปัญญา’ (ข้อ 5)

นี่เป็นความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ถ้า 2 ข้อนี้ปรากฏในส่วนที่แตกต่างกันในพระคัมภีร์ มันคงจะถูกยกย่องว่า เป็นความขัดแย้งที่เห็นได้ชัด แต่การที่ทั้งสองข้อนี้ปรากฏต่อกัน แสดงให้เห็นว่า นี่ไม่ได้ขัดแย้งกันในมุมมองของผู้เขียน

การวิจารณ์มักจะเป็นประโยชน์อย่างมาก และเราสามารถเรียนรู้จากมัน ทว่าบางครั้งการวิพากษ์วิจารณ์มาจากคนที่ไม่รู้ (จาก 'คนโง่') เราจะตอบสนองอย่างไร? เกิดความตึงเครียด ในแง่หนึ่งเราไม่อยากตอบเพราะว่ามันเหมือนเป็นการลดระดับของผู้ที่ถูกวิจารณ์ (คนโง่, ข้อ 4)

แต่อีกด้านหนึ่ง เราอยากจะตอบเพราะไม่อย่างนั้นผู้ที่ถูกวิจารณ์อาจจะเข้าใจว่าตัวเองคิดถูก และ ‘เกรงว่าเขาจะคิดว่าตัวเองมีปัญญา’ (ข้อ 5)

ผู้เขียนสุภาษิตอาจจะกำลังใช้ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้เป็นประเด็นขำขัน คือ ในการพูดคุยกับคนโง่ ไม่ว่าคุณจะตอบหรือเงียบ ยังไงคุณก็ไม่อาจชนะ

เป็นเรื่องล่อใจที่จะคิดว่าคนโง่ คือ คนอื่นไม่ใช่ตัวเรา ถ้าเราคิดแบบนั้น เราจะ ‘คิดว่าตัวเองมีปัญญา’ ...’เจ้าเห็นคนที่คิดว่าตัวเองมีปัญญาหรือ? ยังมีความหวังในคนโง่มากกว่าในเขา’ (ข้อ 12)! นี่เป็นตอนจบที่ไม่สวย หลังจากที่เรายิ้มเพราะเห็นว่าคนโง่ไร้เหตุผลแค่ไหน เราจึงตระหนักว่า เมื่อเราคิดว่าตัวเองฉลาด เรากลับแย่กว่าคนโง่เสียอีก!

ข้าแต่พระเจ้า โปรดปกป้องข้าพระองค์ไว้จากการมองว่าตัวเองฉลาด โปรดประทานสติปัญญาให้แก่ข้าพระองค์ในทุก ๆ การตัดสินใจและวิธีที่ข้าพระองค์จะตอบคนที่วิจารณ์

ทิตัส 2:1-15

'น่าเบื่อ' หรือ 'น่าดึงดูด'?

ถ้าความเชื่อคริสเตียนเป็นที่น่าเชื่อถือและน่าดึงดูดสำหรับโลก คริสเตียนจะต้องดำเนินชีวิตที่น่าเชื่อถือและน่าจับตามอง

เปาโลเขียนถึงทิตัสว่าเราควรจะ ‘เทิดพระเกียรติพระดำรัสสอนของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเราในทุก ๆ ด้าน’ (ข้อ 10) คำสั่งที่เปาโลให้เกี่ยวกับการสอนผู้หญิง คือ ให้เป็นที่น่านับถือ ควบคุมตัวเอง บริสุทธิ์ มีเมตตา และอื่น ๆ ‘เพื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ถูกดูหมิ่น’ (ข้อ 5)

คำสั่งที่เปาโลให้กับทิตัสนั้นเกี่ยวข้องกับการควบคุมตัวเอง ความซื่อสัตย์ และอื่น ๆ ก็เพื่อว่าฝ่ายตรงข้าม ‘ไม่สามารถกล่าวร้ายอะไรต่อเรา’ (ข้อ 8) ถึงกระนั้น เมื่อเราอ่านคำสั่งของเปาโล มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่วัฒนธรรมของเราในศตวรรษที่ 21 มองว่าดึงดูด อาจารย์เปาโลพูดถึง ‘คำสอนที่ถูกต้อง’ (ข้อ 1) ‘รู้จักประมาณตน’ ‘มีสติสัมปชัญญะ’ ‘มีความเชื่อที่ถูกต้อง’ (ข้อ 2) ‘ประพฤติด้วยความน่านับถือ’ ‘ไม่ติดเหล้า” (ข้อ 3) ‘มีคุณธรรมและบริสุทธิ์’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘มีชีวิตที่มีวินัย’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แสดงถึงความสัตย์ซื่อ ความจริงจัง และมีสติในการพูด (ข้อ 7-8) ปฏิเสธความอธรรมและตัณหาของโลก และดำเนินชีวิตโดยที่ควบคุมตัวเอง เที่ยงตรงและดำเนินในทางของพระเจ้า (ข้อ 12)

ทั้งหมดนี้ฟังดูไม่น่าดึงดูดสำหรับหูของคนในปัจจุบัน แต่เมื่อเรามองเห็นคนที่ดำเนินชีวิตแบบนี้ เช่น แม่ชีเทเรซาหรือพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งผมยกตัวอย่างแค่สองชื่อนี้ เพราะเป็นอะไรที่ช่างดึงดูดนัก วัฒนธรรมของเราไม่ชอบแนวคิดของความบริสุทธิ์ แต่เมื่อผู้คนได้เห็นชีวิตที่บริสุทธิ์พวกเขาก็หลงรักชีวิตเช่นนี้ ‘ความบริสุทธิ์’ ที่แท้จริงคือการที่เมื่อคุณทำให้ทุกคนมีชีวิตชีวากว่าตอนแรกเจอ

ซิโมน เวล บอกว่า ‘ความชั่วร้ายในจินตนาการนั้น โรแมนติก และมีความหลากหลาย แต่ความชั่วร้ายที่แท้จริงกลับมืดมน ซ้ำซากจำเจ แห้งแล้ง และน่าเบื่อ ส่วนการความดีในจินตนาการนั้นช่างน่าเบื่อ แต่ความดีที่แท้จริงนั้นสดใหม่ แสนวิเศษ และน่าหลงใหลอยู่เสมอ’

มีบางอย่างที่งดงามมากในชีวิตแห่ง ‘เกียรติและปัญญา’ ‘ความเชื่อที่แข็งแรง’ และ ‘ความรัก' (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผู้คนที่เป็น ‘ต้นแบบของความดี’ มี ‘คุณธรรมและบริสุทธิ์’ (ข้อ 3,5, พระคัมภีร์ตอนนี้ The Message โดยผู้แปล) คือชีวิตที่มีลักษณะที่เป็นอย่างที่ดีซึ่งส่องสว่างผ่านการกระทำ ‘เต็มล้นด้วยพระเจ้า ชีวิตที่ถวายเกียรติพระเจ้า’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อคุณ และผม ‘เพื่อปลดปล่อยเราจากชีวิตที่มืดมนและกบฏ มาสู่ชีวิตที่ดีและบริสุทธิ์นี้ ทำให้เราเป็นคนที่พระองค์ภาคภูมิใจ และกระตือรือร้นในการทำดี’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล)

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ชีวิตและความรักของข้าพระองค์เป็นช่องทางที่ทำให้คำสอนเกี่ยวกับพระเจ้าเป็นที่น่าดึงดูด

 ฮาบากุก 1:1-3:19

ความเชื่อและความสงสัย?

ความสงสัย การตั้งคำถาม และความกลัวนั้นอยู่ร่วมกับความเชื่อได้ไหม? คุณกำลังเจอกับปัญหาในความสัมพันธ์ ชีวิตสมรส (หรือปราศจากการสมรส) ครอบครัว อาชีพการงาน สุขภาพ การเงิน หรือทั้งหมดนี้รวมกัน? มันทำให้คุณสงสัยในการดำรงอยู่ของพระเจ้าไหม? คุณควรจะหยุดเชื่อไหม?

หลายคนถือว่าความเชื่อคือการไม่ตั้งคำถาม พวกเขาคิดว่าความเชื่อและความสงสัยเป็นสิ่งตรงกันข้าม แท้จริงแล้ว ความเชื่อและความสงสัยเป็นดั่งเหรียญที่ต้องมีสองด้าน เหมือนที่ 2+2=4 ถูกต้องโดยไม่ต้องสงสัย ไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อเพื่อจะเข้าใจในข้อนั้น แต่ในทางกลับกันการที่เชื่อว่าบางคนรักคุณนั้นย่อมเปิดช่องให้มีการสงสัย การวางความเชื่อของเราในพระเจ้าก็เหมือนกับการรักใครสักคน ย่อมเป็นไปได้เสมอที่จะสงสัย เพราะถ้าปราศจากความสงสัยแล้ว ความเชื่อก็จะไม่เป็นความเชื่อ

เช่นเดียวกัน มันไม่ผิดที่จะตั้งคำถามกับพระเจ้าภายในบริบทของความเชื่อ พระธรรมฮาบากุกเริ่มด้วยชายคนหนึ่งที่เชื่อ แต่ก็มีคำถาม และจบลงด้วยการแสดงออกถึงความเชื่ออันสูงส่ง ซึ่งแทบไม่มีความเชื่อแบบนี้ปรากฏในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม

ฮาบากุกมองดูโลก เขางงงวยและหวาดกลัว เขาเห็น ‘การทารุณ’ (ข้อ 1:2) ‘การชั่ว’ (ข้อ 3ก) ‘การทำลาย’ (ข้อ 3ค) ‘การวิวาท’ และ ‘การทุ่มเถียง’ (ข้อ 3ง) ถึงกระนั้นพระเจ้าดูเหมือนว่าไม่ทำอะไรเรื่องนั้นเลย (ข้อ 2-4) เขาได้เห็นความเจ็บปวดและการทนทุกข์ และถามว่า ‘นานสักเท่าใด... ข้าแต่พระยาห์เวห์... ไฉน…?’ (ข้อ 2-3)

เขานำปัญหามาที่พระเจ้าและทูลถามจากใจจริง พระเจ้าตอบว่าพระองค์จะทรงทำสิ่งที่อัศจรรย์ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ฮาบากุกคาดหวัง (ข้อ 5) พระองค์กำลังเร้าคนเคลเดีย (ข้อ 6) ผลสุดท้ายอิสราเอลจะถูกปราบและต้องถูกกวาดต้อน

ฮาบากุกนั้นงงงวย จริงหรือไม่ว่าพระเจ้าทรงควบคุมประวัติศาสตร์และทรงฤทธานุภาพสูงสุด? (ข้อ 12) พระเจ้าผู้บริสุทธิ์จะใช้คนบาบิโลนที่โหดร้ายและนับถือรูปเคารพให้ลงโทษชนชาติของพระองค์ได้อย่างไร? ‘ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเลือกคนบาบิโลนสำหรับงานพิพากษาของพระองค์หรือ? ... พระองค์คงไม่ทำเช่นนั้นเป็นแน่ พระองค์ไม่อาจยอมต่อความชั่วร้าย!’ (ข้อ 12-13, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) ดูเหมือนว่าฮาบากุกจะไม่ได้คำตอบโดยตรง ถึงกระนั้นเขาได้นำการบ่นต่อว่าที่สับสนของตนและปัญหาเหล่านั้นมาที่พระเจ้า และฝากไว้กับพระองค์ ขณะที่เขาคอยอยู่ (2:1)

พระเจ้าบอกให้เขาเขียนนิมิตลงไปเป็นอย่างแรก (ข้อ 2) เมื่อคุณรู้สึกว่าพระเจ้ากำลังตรัสกับคุณและประทานนิมิตให้ คุณควรจะเขียนมันลงไปเพื่อคุณจะสามารถย้อนกลับมาดูและยึดถือเอาไว้ ต่อจากนั้นพระเจ้าบอกกับเขาว่าเขาอาจจะต้องรอคอยคำตอบ 'มันจะไม่มุสา ถ้าดูช้าไป ก็จงคอยสักหน่อย' (ข้อ 3)

พระเจ้าต้องการให้คุณนำข้อสงสัย ปัญหา และคำถามต่าง ๆ มาหาพระองค์ คุณอาจจะไม่ได้คำตอบสำหรับคำถามทั้งหมดในทันทีทันใด เมื่อคุณรอคอยคำตอบ คุณถูกเรียกให้วางใจในพระเจ้า ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เข้าใจทั้งหมดว่าพระองค์กำลังทำอะไร

ความเชื่อนั้นรวมถึงการเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าตรัสท่ามกลางอุปสรรคที่คุณเผชิญ ‘แต่ว่าคนชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความซื่อสัตย์’ (ข้อ 4) ฮาบากุกเห็นล่วงหน้าว่าการพิพากษาจะมาถึงชาวบาบิโลนที่ไม่เชื่อพระเจ้า เขายังได้เห็นว่าวันหนึ่งพวกคนชั่วจะถูกกำจัดไป ‘เพราะว่าพิภพจะเต็มไปด้วยความรู้ในเรื่องพระสิริของพระยาห์เวห์ ดังน้ำที่เต็มทะเล’ (ข้อ 14) เขามองเห็นล่วงหน้าถึง ชัยชนะของความดีเหนือความชั่ว

จนกว่าจะถึงเวลานั้น เขาตัดสินใจที่จะอยู่ใกล้ชิดพระเจ้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ขอให้เรายอมจำนนและไม่บ่นต่อว่าเหมือนอย่างฮาบากุก ตัดสินใจที่จะมองในไปข้างหน้าและอดทน ตัดสินใจที่จะชื่นชมยินดีไม่ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ตั้งมั่นในความเชื่อแม้ว่าจะไม่เห็นผล (3:17-19)

พระเจ้าทรงเป็นห่วงการเก็บเกี่ยวไม่มากเท่ากับหัวใจของคุณ ถึงแม้คุณจะไม่พบสิ่งอื่นใดอีก คุณสามารถชื่นชมยินดีในความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า ฮาบากุกบอกว่า ‘ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า’ (ข้อ 18)

พระเจ้าทรงทำให้เขายืนอย่างมั่นคงและเบาใจ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ทรงทำให้เท้าของข้าพเจ้าเหมือนตีนกวางตัวเมีย พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูงทั้งหลาย’ (ข้อ 19) จอยซ์ ไมเยอร์ เขียนว่า ‘เราจะต้องยอมให้ความยากลำบากช่วยให้เราพัฒนา "เท้าหลัง" เมื่อเรามีเท้าหลัง... เราจะเดินไปได้ไกล ผ่านอุปสรรค การทนทุกข์ ความรับผิดชอบ หรือสิ่งใดก็ตามที่พยายามหยุดยั้งเรา’

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์วางใจในพระองค์อย่างหมดใจ ขณะที่ข้าพระองค์แสดงออกถึงความสงสัยและตั้งคำถามกับพระองค์ตรง ๆ และขอให้ข้าพระองค์ได้เปรมปรีดิ์ในพระองค์ ถึงแม้จะยังไม่เห็นคำตอบในทันที

Pippa Adds

ฮาบากุก 3:17-18

‘แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกก็ขาดไป ทุ่งนามิได้ผลิตอาหาร แม้ฝูงแพะแกะขาดไปจากคอก และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า’

ฉันจำได้ว่าแอนดรูว์ ไวท์ (อดีตวิคาร์ของเมืองแบกแดด) พูดถึงข้อพระคำตอนนี้หลังจากที่เมืองและคริสตจักรของเขาถูกระเบิดลง ความเชื่อของเขาและงานของเขาในอิรักได้สร้างแรงบันดาลใจ ฉันรู้สึกว่าถูกท้าทายอย่างลึกซึ้งผ่านคริสเตียนที่อาศัยอยู่ในประเทศอย่างอิรักและซีเรีย คนที่บากบั่นแม้เจอกับภัยคุกคามอย่าง ISIS ถูกห้อมล้อมไปด้วยการข่มเหงและความทุกข์ยาก มันง่ายสำหรับฉันที่จะชื่นชมยินดี แต่ฉันก็รู้สึกถ่อมใจอย่างลึกซึ้งกับสิ่งที่พวกเขาได้ทำ

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More