YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 270 OF 365

เจ็ดวิธีที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย

คุณสามารถทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้ มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากเมื่อคุณได้ลองจินตนาการเกี่ยวกับมัน: มนุษย์สามารทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้ทั้งที่เราต่างดูไม่มีนัยสำคัญอะไรนักเมื่อเทียบกับขนาดและพื้นที่ของสรรพสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้าง และยังเป็นไปได้อีกด้วยที่เราสามารถ ‘สร้างความไม่พอพระทัย' แก่พระองค์ (อิสยาห์ 66:4ค) อัครสาวกเปาโลเขียนไว้ว่า ‘ค้นดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่*พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า*’ (เอเฟซัส 5:10) หรือตามที่พระคัมภีร์ใน The Message ระบุไว้ว่า ‘ค้นหาว่าอะไรจะทำให้พระคริสต์พอพระทัย แล้วจึงทำ’

สดุดี 113:1-9

1. สรรเสริญพระเจ้า

การสรรเสริญเป็นการตอบสนองที่เหมาะสมต่อพระเจ้า พระองค์มีค่าควรแก่การสรรเสริญทั้งหมดของคุณ เราสอนลูก ๆ ของเราให้ขอบพระคุณ ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อพวกเขาเอง เรายินดีเมื่อพวกเขาขอบพระคุณ พระเจ้าสอนให้คุณสรรเสริญพระองค์เพราะเป็นการตอบสนองที่ถูกต้องสำหรับพระองค์ และเพราะเป็นการดีสำหรับคุณ วันขอบคุณพระเจ้าเป็นการตอบสนองต่อพระเมตตาที่มีต่อมนุษย์ที่เหมาะสม การสรรเสริญอย่างต่อเนื่องคือการตอบสนองที่เหมาะสมต่อพระเมตตาของพระเจ้า

ผู้เขียนสดุดีพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าคุณควร ‘สรรเสริญพระยาห์เวห์’ (ข้อ 1) จงสรรเสริญพระองค์ตลอดวัน ‘ตั้งแต่ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงที่ดวงอาทิตย์ตก’ (ข้อ 3) สรรเสริญพระองค์ตลอดชีวิตของคุณ ‘ตอนนี้และพรุ่งนี้และตลอดไป’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สรรเสริญพระองค์เป็นพิเศษสำหรับความรักที่พระองค์มีต่อคนชายขอบ ทั้งคนยากจน คนขัดสน และคนเป็นหมัน (ข้อ 7–9)

ฮาเลลูยา! สรรเสริญพระเจ้า...

เอเฟซัส 5:8-33

2. จงดำเนินชีวิตอย่างคนของความสว่าง (เอเฟซัส 5:8-14)

ในฐานะคริสเตียน เราถูกเรียกให้เป็นชุมชนที่มีส่องสว่างเป็นดั่งเครื่องเตือนใจผู้อื่น ที่จะส่องทางที่พระเจ้าประสงค์ให้ชีวิตเราเป็น

เปาโลเขียนว่าเราเป็น ‘ความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 8) ดังนั้น คุณควรดำเนินชีวิตเป็น ‘คนของความสว่าง’ (ข้อ 8) ความสว่างก่อให้เกิดผลดี: ความดี (ความใจกว้างต่อผู้อื่น) ความชอบธรรม (การทำสิ่งที่ถูกต้องในความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าและมนุษยชาติ) และความจริง เหล่านี้เป็นวิธีที่คุณสามารถทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้ (ข้อ 10)

ความสว่างเผยให้เห็นความชั่วร้าย วิธีที่ดีที่สุดในการขจัดความชั่วร้ายคือการลากความชั่วร้ายนั้นเข้าไปในแสงสว่าง ความชั่วร้ายเติบโตในความมืด แต่ทันทีที่คุณนำมันเข้าสู่ความสว่าง พลังของมันก็มือบอดไป

ทูลขอพระเจ้าทรงส่องสว่างแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาในหัวใจของคุณ หากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเปิดโปงด้านมืด จงจัดการกับมันผ่านการสารภาพผิดและการกลับใจ ทันทีที่คุณทำเช่นนั้น พลังแห่งความชั่วร้ายจะถูกทำลาย

3. จงใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ (เอเฟซัส 5:15–17)

เวลาคือสมบัติล้ำค่าที่สุดของคุณ คุณสามารถมีเงินที่มากขึ้น แต่คุณไม่สามารถมีเวลามากขึ้นได้

เปาโลเขียนว่า 'จงระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าเหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา จงใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ เพราะว่าทุกวันนี้เป็นยุคสมัยที่ชั่วร้าย’ (ข้อ 15-16) อย่าทิ้งชีวิตของคุณเหมือนคนโง่ ชีวิตนั้นสั้น อยู่กับปัจจุบันและทำทุกวันให้ดีที่สุด

4. จงเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ (เอเฟซัส 5:18–20)

เปาโลเปรียบเทียบการหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด (การ ‘เมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน’) กับการ ‘เต็มเปี่ยม’ (ข้อ 18) ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ‘จงดื่มพระวิญญาณของพระเจ้า ร่างใหญ่ของพระองค์’ (18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในข้อเหล่านี้ อาจารย์เปาโลใช้การ ‘เต็มเปี่ยม’ ในกาลต่อเนื่องในปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นให้เราดำเนินชีวิตต่อไปและเต็มไปด้วยพระวิญญาณ

การเติมเปี่ยมด้วยพระวิญญาณนำไปสู่การร้องเพลงสรรเสริญ 'เพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณ’ (ข้อ 19) แทนที่จะเป็น ‘เพลงของคนเมาเหล้า’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การร้องเพลงนำคุณไปสู่การนมัสการองค์พระเยซูคริสต์เจ้าในหัวใจของคุณและขอบพระคุณพระเจ้า ตรงกันข้ามกับการบ่นว่าและโอดครวญ การร้องเพลงเช่นนี้เป็นลักษณะของชุมชนที่เปี่ยมด้วยพระวิญญาณที่จะขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่ง ในทุกสถานที่และทุกเวลา นอกจากนี้ยังนำไปสู่การยอมจำนนต่อกันดังที่เราเห็นในหัวข้อถัดไป

5. จงยอมเชื่อฟังกันและกันเนื่องด้วยความรักและความยำเกรง (เอเฟซัส 5:21–33)

จอห์น พอล เก็ตตี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นชายที่มั่งคั่งที่สุดในโลก ซึ่งแต่งงานมาแล้วสามครั้ง กล่าวว่า ‘ผมยินดีมอบเงินจำนวนนับล้านทั้งหมดเพื่อความสำเร็จในชีวิตสมรสเพียงครั้งเดียว’ การเคารพซึ่งกันและกันเป็นกุญแจสู่การแต่งงานที่มีความสุข คำสำคัญในข้อ 21–33 คือ ‘ความยำเกรง’ ‘ความรัก’ และ ‘การยอมเชื่อฟัง’ หัวข้อโดยรวมของสิ่งที่พูดถึงนี้คือ ‘ด้วยความเคารพในพระคริสต์’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เราต้อง ‘ยอมเชื่อฟังกันและกัน’ (ข้อ 21)

คำที่ใช้สำหรับการยอมเชื่อฟังแตกต่างจากคำที่ใช้สำหรับ ‘เชื่อฟัง’ (6:1) การยอมเชื่อฟังคือการยอมจำนนในความรัก เป็นลักษณะเฉพาะที่สวยงามและชัดเจนจากหัวข้อโดยรวม ‘ยอมเชื่อฟังกันและกัน’ (5:21) ที่อาจารย์เปาโลคาดหวังการยอมจำนนร่วมกัน คำสอนนี้เป็นแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในศตวรรษแรกเป็นอย่างมาก

ความยำเกรงเป็นกุญแจสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพศ เราไม่ได้อยู่ในสงคราม ดังที่พระสันตะปาปาเบเนดิกต์กล่าวไว้ว่า ‘ในพระคริสต์ การแข่งขัน ความเกลียดชัง และความรุนแรงสามารถเอาชนะได้และเอาชนะได้แล้ว ด้วยการยำเกรงซึ่งกันและกันตลอดการสมรสด้วยการยกอีกฝ่ายหนึ่งและให้ศักดิ์ศรีแก่พวกเขา และเพิ่มความมั่นใจและคุณค่าในตนเองของพวกเขา’

เนื้อหาโดยรวมเน้นเรื่องความรัก แม้ว่าจะมีการชี้นำเฉพาะเจาะจงไปที่ตัวสามี แต่คงจะเป็นเรื่องเหลวไหลที่จะแนะนำว่าความรักไม่ใช่การร่วมมือกัน อาจารย์เปาโลบอกว่าทั้งความรักและการยอมจำนนล้วนอยู่ร่วมกัน ความรักคือการเสียสละตนเอง นี่เป็นวิธีที่สามียอมเชื่อฟัง

ความรักดังที่กล่าวมานี้เป็นการชำระให้บริสุทธิ์ (ข้อ 26–27) ทำให้เราบริสุทธิ์ ทำให้เราเป็นเหมือนพระเยซู มีความละเอียดอ่อน (ข้อ 28–30) และถูกผนึกไว้ในการแต่งงานโดยการมีเพศสัมพันธ์ (ข้อ 31)

และนี่คือบริบทของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ว่าด้วยการมีเพศสัมพันธ์ เป็นมุมมองทางเพศและการแต่งงานที่สวยงามและโรแมนติกที่สุด ดังที่ โรเบิร์ต สเปแมนน์ กล่าวไว้ว่า ‘แก่นแท้ของการแต่งงานคือสองชีวิต สองชีวประวัติ เชื่อมโยงเข้าด้วยกันจนกลายเป็นประวัติศาสตร์เดียว’

ยิ่งกว่านั้น พระคำช่วงนี้เป็นดั่งอัญมณีล้ำค่าที่ควรค่าอันเป็นดั่งขุมทรัพย์ เพราะพระคำเหล่านั้นแนะนำเกี่ยวกับงานฉลองสมรสที่ใกล้จะมาถึงของพระเมษโปดก และความสมบูรณ์ของสหภาพระหว่างพระคริสต์กับคริสตจักรของเขา

ข้าแต่พระเจ้า โปรดเติมเต็มข้าพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้ เพื่อข้าพระองค์จะได้ส่องแสงในแบบที่พระองค์พอพระทัย และให้ข้าพระองค์ใช้เวลาทุก ๆ ชั่วโมงของทุกวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยพวกเราในความสัมพันธ์ทั้งหมดของเรา ในยอมเชื่อฟังกันและกัน ยำเกรงและรักกัน และทำให้พระองค์พอใจ

อิสยาห์ 65:17-66:24

6. จงถ่อมตน (อิสยาห์ 66:2ข)

องค์พระผู้เป็นเจ้าเองตรัสว่า 'แต่นี่ต่างหากที่เราจะมอง คือผู้ถ่อมใจและสำนึกผิดในวิญญาณจิต และตัวสั่นเพราะถ้อยคำของเรา’ (ข้อ 2ข) ‘แต่มีบางอย่างที่เรากำลังมองหา คนที่เรียบง่ายและธรรมดา ตอบสนองต่อสิ่งที่เราพูดด้วยความยำเกรง' (ข้อ 2ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย โดยผ่านการศึกษาและยอมจำนนต่อพระวจนะของพระองค์อย่างต่อเนื่อง พระเจ้าทำให้เราถ่อมตนและสำนึกผิด เป็นเรื่องง่ายที่จะหยิ่งผยองจนกว่าเราจะคุกเข่าต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้าและพระวจนะของพระองค์ และมองตนเองในความสว่างแห่งความจริงของพระองค์

7. ตั้งตารอโลกซึ่งทุกสิ่งเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า (อิสยาห์ 65:17 – 66:24)

อิสยาห์หนุนใจให้ผู้คน ‘จงชื่นบานและเปรมปรีดิ์เป็นนิตย์ ในสิ่งที่เราสร้างขึ้น’ (65:18) พระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะทรงสร้าง ‘ฟ้าสวรรค์ใหม่ และสร้างแผ่นดินโลกใหม่’ (ข้อ 17)

ฟ้าสวรรค์ใหม่ และแผ่นดินโลกใหม่นี้จะเป็นที่ซึ่งทุกสิ่งเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ที่ซึ่งพระองค์สามารถ ‘ชื่นบานเพราะประชากร [ของพระองค์]’ (ข้อ 19) ในบทสุดท้ายนี้ อิสยาห์ได้ร่างภาพนิมิตอันรุ่งโรจน์ว่าการทรงสร้างใหม่นี้จะเป็นอย่างไร

เนื้อหาตอนนี้ยังเตือนถึงการพิพากษาที่จะมาถึง เนื่องจากทุกสิ่งที่ทำให้พระเจ้าไม่พอใจไม่ถูกนำมารวมในการทรงสร้างใหม่นี้ (66:4ข)

จินตภาพของการทรงสร้างใหม่ ซึ่งบทเหล่านี้ให้ไว้แก่เรานั้นเป็นภาพของความชื่นบานและเปรมปรีดิ์ (65:18–19ก) ที่ซึ่งไม่มีความทุกข์ยากอีกต่อไปและ ‘จะไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ในเมืองนั้นอีก ทั้งไม่มีเสียงครวญคราง’ (ข้อ 19ข, ดู วิวรณ์ 21:4)

อิสยาห์สัญญาว่าทุกคนจะใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ (อิสยาห์ 65:20) แต่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ไปไกลกว่านั้น โดยพระเยซูทรงสัญญาถึงชีวิตนิรันดร์ ไม่จำเป็นต้องมีงานศพ สัปเหร่อ หรือสุสาน คนของพระเจ้าจะได้รับความเป็นอมตะ (1 โครินธ์ 15:53)

อิสยาห์รอคอยเวลาที่ทุกกิจกรรมจะถือเป็นพระพร (อิสยาห์ 65:21–23ก) งานต่าง ๆ จะไม่สูญเปล่าอีกต่อไป จะไม่มีการใช้แรงงานหรือการตราตรำอีกต่อไป แต่จะมีการฟื้นฟูแห่งการครอบครองเหนือการทรงสร้างซึ่งเราเคยได้รับมอบหมายไว้แล้วในตอนแรก (ดู ปฐมกาล 1:26; วิวรณ์ 22:5)

จะมีสัมพันธภาพใกล้ชิดกับพระเจ้า (อิสยาห์ 65:23ข–24) โดยไม่มีคำอธิษฐานที่ติดขัดหรือดูเหมือนไม่ได้รับคำตอบอีกต่อไป คุณจะมีนิมิตที่ไม่บกพร่องของพระเจ้าและของพระเยซู

จะมีความสามัคคีและความสงบสุข (ข้อ 25) ความสัมพันธ์ทั้งหมดจะกลับคืนมา แม้กระทั่งสัตว์โลก จะมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความใกล้ชิดในทุกความสัมพันธ์ ธรรมชาติจะได้รับการฟื้นฟูให้เป็นสถานที่แห่งความมั่นคง ความปลอดภัย และความสงบสุข แผ่นดินของพระเจ้าจะได้รับการสถาปนาอย่างสมบูรณ์ มาร์ติน ลูเทอร์เขียนว่า 'ผมจะไม่ละทิ้งช่วงเวลาแห่งสวรรค์เพียงชั่วขณะ เพื่อความสุขและความมั่งคั่งของโลกนี้ แม้ว่าทั้งหมดนี้จะคงอยู่เป็นเวลาหลายต่อหลายพันปีก็ตาม'

ข้าแต่พระเจ้า ขอพระสัญญาอันวิเศษนี้เกี่ยวกับฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ กระตุ้นความปรารถนาของข้าพระองค์ที่จะดำเนินชีวิตในวิธีที่พระองค์พอพระทัย

Pippa Adds

เอเฟซัส 5:15-16

‘จงระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าเหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา จงใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ เพราะว่าทุกวันนี้เป็นยุคสมัยที่ชั่วร้าย’

วันนี้ฉันใช้ทุก ๆ โอกาสอย่างเต็มที่หรือยัง? ฉันชักจะไม่แน่ใจ!

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More