พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

เด้งกลับคืน
หนึ่งในคำพยานหลาย ๆ เรื่องซึ่งขับเคลื่อนและทรงพลังที่สุดที่ผมเคยพบ คือเรื่องราวของผู้หญิงที่เป็นอดีตผู้ค้าบริการทางเพศ คนติดยา และนักค้ายา เธอเล่าด้วยคำพูดของเธอเองว่าเธอมาถึงจุดที่เธอ ‘ตาย’ ไปแล้ว เธอบอกว่า ‘เลือดของเธอเป็นสีดำ’ และ ‘หัวใจของเธอเป็นสีดำ’ เธอเล่าว่าเธอมาเข้าร่วมหลักสูตรอัลฟ่าได้อย่างไรและได้ยินว่าพระเยซูทรงรักเธอมากจนพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อเธอ เธออธิบายว่า ‘หินคอนกรีต’ ในใจของเธอพังทลายลงอย่างไร เธอสัมผัสได้ถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อเธอเป็นครั้งแรก ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความรักต่อทุกคน ให้อภัยผู้ที่ทำร้ายเธอ และเปล่งประกายความรักของพระคริสต์ หลังจากที่เธอให้คำพยานอันน่าตะลึงต่อที่ประชุม ผมก็ขึ้นไปขอบคุณเธอและบอกว่าคำพยานนั้นมีพลังพิเศษเพียงใด เธอตอบว่า ‘ฉันต้อง*เด้งคืนกลับไป*’ ผมไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร ผมขอให้เธออธิบาย เธอกล่าวว่า ‘ทั้งหมดนี้เป็นพระคุณของพระองค์ *ฉันต้องการนำพระเกียรติสิริเด้งกลับคืนไปสู่พระองค์!*’ เธอมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพระคุณ พระสิริ และความหมายของการเป็นเหมือนพระคริสต์ เนื้อหาเกี่ยวกับ ‘*พระสิริ*' อยู่ในการอ่านแต่ละตอนของวันนี้ (สดุดี 115:1; ฟิลิปปี 2:11; เยเรมีย์ 2:11) เราจะเห็นว่าทำไม อย่างไร และเมื่อไร จึงจะ*ถวายเกียรติคืนสู่พระเจ้า*สดุดี 115:1-11
ทำไมต้องถวายเกียรติพระเจ้า?
เมื่อผู้คนยกย่อง จอห์น วิมเบอร์ เพราะคำบรรยายที่เขาขึ้นกล่าวหรือการรักษาผ่านทางพันธกิจของเขา เขาเคยพูดไว้ว่า ‘ผมจะรับเอาการหนุนจิตชูใจ แต่ผมจะส่งต่อพระสิริออกไป’
ผู้เขียนพระธรรมสดุดีให้ตัวอย่างที่ดีแก่เราในการมอบพระสิริหรือถวายกลับคืนสู่พระเจ้า ผู้เขียนพระธรรมสดุดีเริ่มต้นว่า ‘พระเกียรตินี้มิใช่มีแก่เหล่าข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ มิใช่มีแก่เหล่าข้าพระองค์เลย แต่แด่พระนามของพระองค์ เนื่องจากความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์’ (ข้อ 1) เขาให้เหตุผลสองประการว่าทำไมคุณจึงควรสรรเสริญและนมัสการพระเจ้า
ประการแรก เนื่องจากประสบการณ์ของเราเกี่ยวกับ ‘ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์' ของพระเจ้า (ข้อ 1ข) การนมัสการเป็นการตอบสนองต่อสิ่งที่พระเจ้าทำเพื่อคุณ ถวายพระสิริทั้งหมดแก่พระองค์
ประการที่สอง เนื่องจากคุณเป็นเหมือนสิ่งที่คุณเคารพบูชา: ‘ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น
ทุกคนที่วางใจในรูปเหล่านั้นก็เช่นกัน’ (ข้อ 8) ดังนั้น หากเราบูชารูปเคารพ เราก็จะกลายเป็นคนไร้ชีวิตโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถทำอะไรได้ การกระทำต่าง ๆ ไม่มีค่าใด ๆ
จงวางใจในพระเจ้าผู้ทรงเป็น ‘ผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่’ ของคุณ (ข้อ 9–11) ทุกวันนี้ พวกเราหลายคนได้รับการ ‘ปกป้อง’ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้เราดำเนินชีวิตอย่างฉลาดและเชื่อในพระเจ้าและนมัสการพระองค์ แล้วคุณจะกลายเป็นเหมือนพระองค์ คุณจะเปลี่ยนไปเป็นพระฉายของพระองค์และรับความสมบูรณ์แห่งชีวิต
ข้าแต่พระเจ้า ผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่ของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์ได้สัมผัสถึงความรักและความสัตย์ซื่อของพระองค์มากขึ้น ให้ ‘เด้งกลับคืน’ และถวายพระสิริทั้งหมดแด่พระองค์
ฟีลิปปี 1:27-2:11
วิธีถวายเกียรติพระเจ้า
เปาโลอธิบายวิธีที่คุณสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้า ด้วยการเปลี่ยนแปลงมาเป็นเหมือนพระเยซู ‘คิดถึงตัวเองอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงคิดเกี่ยวกับตัวพระองค์เอง' (2:5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ให้เรามีท่าที่เหมือนพระเยูเพราะเห็นแก่ ‘พระนามของพระเยซู’ (ข้อ 10) และ ‘การถวายพระเกียรติ’ (ข้อ 11)
ดำเนินชีวิต ‘สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์’ (1:27) ไม่เพียงแต่ที่จะเชื่อในพระเยซูเท่านั้น แต่ยังต้องทนทุกข์และดิ้นรนเพื่อพระองค์ด้วย (ข้อ 29-30)
เมื่อเผชิญการต่อต้านจากคนหรือเหตุการณ์ใดก็ตาม ให้เรา ‘ยืนหยัด' (ข้อ 27) ในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อต้านการต่อสู้และการจู่โจมทั้งหมดที่คุณต้องเผชิญ ภาษาที่เปาโลใช้เป็นดั่ง phalanx คือการตั้งกระบวนทัพ ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการทหารที่น่าเกรงขามที่สุดในสมัยโบราณ ด้วยโล่และหอกด้านหน้า ทหารยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ในกระบวนท่าแถวตอนลึกแปดคน ตราบใดที่พวกเขาไม่ทำลายตำแหน่งการยืน พวกเขาก็แทบจะอยู่ยงคงกระพัน
'ยืนหยัด เป็นหนึ่งเดียวในนิมิต ต่อสู้เพื่อความไว้วางใจของผู้คนในพระคำ ในข่าวประเสริฐ ไม่สะดุ้งหรือหลบเลี่ยงแม้แต่น้อยต่อหน้าผู้คัดค้าน ความกล้าหาญและความสามัคคีของท่านจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าพวกท่านกำลังต่อสู้กับอะไร พ่ายแพ้เพื่อพวกเขา ชัยชนะสำหรับตัวท่าน และทั้งสองอย่างก็เพราะพระเจ้า’ (ข้อ 27–28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ท่าทีที่เหมือนกับพระคริสต์เป็นกุญแจสู่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความแตกแยกในคริสตจักรจะเบี่ยงเบนจาก ‘ความยินดี’ ของอาจารย์เปาโล (2:2) ความแตกแยกมักมาจาก ‘การชิงดีหรือถือดี’ (ข้อ 3ก) สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาผู้อื่นดีกว่าตัวเอง (ข้อ 3ข) ไม่เพียงแต่คำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น แต่ให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้อื่นด้วย (ข้อ 4)
‘อย่าดันเอาวิธีการของท่านไปด้านหน้า อย่าพูดจาไพเราะในแบบของท่านเพื่อไปอยู่เหนือกว่า วางตัวเองไว้ข้างหนึ่งและช่วยให้ผู้อื่นก้าวไปข้างหน้า อย่าหมกมุ่นกับการทำให้ตัวเองได้เปรียบ ลืมตัวเองให้นานพอที่จะยื่นมือช่วยเหลือ’ (ข้อ 3–4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณต้องมีท่าทีแบบเดียวกับพระเยซู ผู้ทรงละทิ้งสถานภาพของพระองค์จริง ๆ สถานภาพทางกฎหมาย และทางสังคม พระองค์ทรง ‘สละพระองค์เอง’ พระองค์ทรงรับ ‘ทรงรับสภาพทาส… พระองค์ทรงถ่อมตัวลง’ และ ‘ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน’ (ข้อ 7–8) พระองค์เดินบนเส้นทางของการเคลื่อนตัวต่ำลงไป การปรนนิบัติอย่างถ่อมตน และรักอย่างไม่เห็นแก่ตัว หากคุณกังวลเกี่ยวกับสถานะต่าง ๆ นานาของคุณ จำไว้ว่าพระเยซูทรงทำให้พระองค์เองต่ำต้อยเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้
และในที่สุด ‘เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงยกพระองค์ขึ้นสูงสุด และประทานพระนามเหนือนามทั้งหมดแก่พระองค์ เพื่อที่ว่าเพราะพระนามของพระเยซูนั้น ทุกชีวิตในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก และใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกเข่าลงกราบพระองค์ และเพื่อที่ว่าทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา’ (ข้อ 9–11)
นี่คือวิธีที่คุณสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้า โดยการติดตามพระคริสต์ในปรนนิบัติอย่างถ่อมตนและรักอย่างไม่เห็นแก่ตัว
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์มีท่าทีแบบเดียวกับพระเยซู ช่วยข้าพระองค์ไปตามทางที่นำพระสิริมาสู่พระเจ้า พระบิดา ช่วยข้าพระองค์เสมอเพื่อถวายเกียรติกลับมาหาพระองค์
เยเรมีย์ 1:1-2:30
ควรถวายเกียรติพระเจ้าเมื่อใด
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อปัญหา ความยากลำบาก และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเข้ามาในชีวิตของคุณและชีวิตของคนรอบข้างคุณ?
เยเรมีย์อาศัยอยู่ในช่วงที่มีปัญหามากทีสุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล การล่มสลายของกรุงเยรูซาเล็มใน 587 ปีก่อนคริสตกาล และการถูกกวาดต้อนเป็นเชลยในบาบิโลน เขาได้รับข้อความที่สร้างความลำบากใจแก่ผู้คน เขาทำด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับความเกลียดชังและการกดขี่ข่มเหง
บทเริ่มต้นของเยเรมีย์แสดงให้เห็นอีกสองวิธีที่คุณสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเมื่อใดที่คุณสามารถทำเช่นนั้นได้
วิธีแรก ให้คุณถวายเกียรติพระเจ้าในการตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้า อายุไม่ใช่อุปสรรคต่อการเป็นผู้นำ เยเรมีย์น่าจะเป็นคนหนุ่มตอนที่พระเจ้าทรงเรียกเขา ประมาณปี 627 ก่อนคริสตกาล เขาสามารถอธิบายได้ว่าเป็นทั้ง ‘เกิดมาเป็นผู้นำ’ และ ‘เกิดมาเป็นผู้เผยพระวจนะ’ ก่อนเกิดเขาถูกกำหนดให้เป็นผู้เผยพระวจนะ พระเจ้าตรัสว่า ‘ก่อนที่เราจะก่อร่างสร้างเจ้าในครรภ์ เรารู้จัก [และ] ยอมรับในตัวเจ้า... และก่อนที่เจ้าเกิด เราได้แยกเจ้าและตั้งเจ้าไว้ต่างหาก... เราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะแก่บรรดาประชาชาติ’ (1:5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
พระเจ้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ ทั้งความดีและความชั่ว ความรู้ของพระองค์ไม่ได้บกพร่องสิ่งใดเลย พระองค์รักคุณ พระองค์ไม่จำเป็นต้องเห็นชอบกับทุกสิ่งที่คุณทำ แต่พระองค์ต้องการให้คุณดำเนินชีวิตเหมือนกับเยเรมีย์ ด้วยอิสระที่จะรับรู้ถึงความรักและการเห็นชอบจากพระองค์
พระเจ้าตรัสกับคุณตามที่พระองค์ทรงตรัสเยเรมีย์ ให้ไปทุกที่ที่พระองค์ทรงนำคุณไปและพูดอะไรก็ตามที่พระองค์ให้คุณพูด (ข้อ 7) สิ่งนี้ทำให้คุณไม่ต้องแบกความรับผิดชอบสูงสุดเอาไว้ การถวายเกียรติพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าต้องพยายามกอบกู้โลกทั้งใบ (นั่นคือความรับผิดชอบของพระเจ้า) แต่เป็นการทำในสิ่งที่พระเจ้าตรัสให้คุณทำ สิ่งนี้จะไม่ง่ายเลย พระเจ้าเตือนว่าจะมีการต่อต้าน (ข้อ 17–19)
วิธีที่สอง ให้คุณถวายเกียรติพระเจ้าในการตอบสนองต่อการแก้ไขให้ถูกต้องของพระเจ้า พระเจ้าขอให้เยเรมีย์เตือนผู้คนไม่ให้บูชารูปเคารพที่ไร้ค่าและเรียกพวกเขากลับมานมัสการพระองค์
เยเรมีย์กล่าวว่า 'แต่ประชากรของเราได้เอาศักดิ์ศรีของเขา แลกกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์’ (2:11ข) สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิเสธพระเกียรติที่สมควรเป็นของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายตนเองอีกด้วย เมื่อเราหันหนีจากพระเจ้า เราจะสูญเสียพระพรของความสัมพันธ์กับพระองค์ และแทนที่ความสัมพันธ์ด้วยสิ่งที่ไร้ประโยชน์ พระเจ้าคร่ำครวญว่า ‘ประชากรของเราได้ทำความชั่วถึงสองประการ เขาได้ทอดทิ้งเรา ซึ่งเป็นน้ำพุที่มีน้ำแห่งชีวิต แล้วสกัดบ่อน้ำไว้สำหรับตนเอง เป็นบ่อแตกที่ขังน้ำไม่ได้’ (ข้อ 13)
โดยเจาะจง พวกเขากำลัง ‘ตามล่าหาเรื่องทางเพศ เรื่องทางเพศ และเรื่องทางเพศมากขึ้น ไม่รู้จักพอ ไม่เลือกปฏิบัติ สำส่อน’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขา ‘เสพติด’ และไม่สามารถ ‘เลิก’ (ข้อ 25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
อีกครั้งที่เราเห็นว่าคุณกลายเป็นเหมือนสิ่งที่คุณเคารพบูชา คนเหล่านั้นที่ติดตาม ‘รูปเคารพที่ไร้ค่า’ จะกลายเป็น ‘สิ่งไร้ค่า’ (ข้อ 5) ถ้าคุณติดตามพระเยซู คุณจะเป็นเหมือนพระองค์ หากเราพยายามค้นหาความพึงพอใจ ความหมาย และจุดประสงค์ ผ่านความทะเยอทะยานและความอยากได้ใคร่มีที่มีตนเองเป็นศูนย์กลาง ชีวิตของเราก็ไม่มีคุณค่า
เยเรมีย์สิ้นหวังที่ประชาชนของพระเจ้าไม่ตอบสนองต่อการแก้ไขสิ่งผิดให้ถูกของเขา (ข้อ 30) คนเหล่านั้นละทิ้งพระพรของพระองค์ และไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ ขอบคุณพระเจ้าที่หนทางแก้ไขเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในตัวของพระเยซู ผู้ทรงละทิ้งสง่าราศีของพระองค์เพื่อช่วยชีวิตเรา จงถวายเกียรติแด่พระองค์
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์เพ่งมองดูที่พระเยซู น้ำพุแห่งชีวิต และหันหน้าข้าพระองค์ไปทางพระองค์ ขอให้ข้าพระองค์กลายมาเป็นเหมือนพระคริสต์และประทานสง่าราศีทั้งหมดแก่พระองค์
Pippa Adds
เยเรมีย์ 1:11–12
‘พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าว่า “เยเรมีย์เอ๋ย เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นกิ่งของต้นอัลมอนด์” แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นถูกต้องแล้ว เพราะเราเฝ้าดูถ้อยคำของเรา เพื่อจะทำให้สำเร็จ”’
พระเจ้าทรงใช้ภาพนิมิตมากมายเพื่อตรัสผ่านเราและตรัสกับเรา ซึ่งเป็นได้ทั้ง คำปลอบโยน หนุนใจและสิ่งที่น่าจดจำ ฉันค้นพบว่านี่เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงเล็กน้อยถ้าฉันเห็นภาพเหล่านั้น มันเป็นเรื่องง่ายที่จะด้อยค่า ด้วยการคิดว่าบางทีอาจจะมีใครสักคนที่ได้รับสิ่งที่ดีกว่าเราหรือฉันอาจจะคิดมากไปเอง
แต่ถ้าจะให้พูดตามจริง พระเจ้าอาจจะทรงใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อเปลี่ยนแปลงวันวันหนึ่งของใครบางคน หรือแม้แต่เปลี่ยนทั้งชีวิตของเขาเลยก็ได้
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

The Creator's Battle: Winning the Inner War for Your Art

The Holy Spirit: God Through Us

What Is "The Way of Christ?"

When God Makes Things Right: A 5-Day Devotional on Nahum

Read the Bible Effectively

HomeFirst: Finding Balance, Embracing Ease, and Living a Christ-Centered Life

BE a PILLAR

When Tithing Feels Impossible: 3 Truths That Free You From Financial Guilt

Journey Through Esther
