พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

ความทะเยอทะยานในทางพระเจ้า
ชัค โคลสัน ในสมัยเป็นนักเรียน เขาปฏิเสธทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอย่างหยิ่งผยอง เขาเข้าร่วมเป็นทหารนาวิกโยธิน ตั้งสำนักงานกฎหมายของตัวเองและผันชีวิตเข้าสู่การเมือง เมื่ออายุ 40 ปี เขาได้กลายเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาใกล้ชิดของประธานาธิบดีนิกสัน ต่อมาเขาบรรยายตัวเองว่าเป็น ‘ราชาหนุ่ม*ผู้ทะเยอทะยาน*ทางการเมือง' เขาเป็นที่รู้จักในนาม ‘มือขวาน’ ของนิกสัน เขายอมสารภาพความผิดที่ปกปิดข้อมูลโจรกรรมในคดีวอเตอร์เกท และถูกส่งตัวเข้าคุก ที่นั่นเขาได้พบกับพระเยซู เมื่อเขาออกจากศาลหลังจากได้ยินคำพิพากษาให้พ้นโทษ เขากล่าวว่า ‘สิ่งที่เกิดขึ้นในศาลในวันนี้... คือความประสงค์ของศาลและพระประสงค์ของพระเจ้า ผมได้มอบชีวิตของผมไว้กับพระเยซูคริสต์ และผมสามารถรับใช้พระองค์ได้ทั้งใน และนอกเรือนจำ’ หลังจากได้รับการปล่อยตัว โคลสันได้จัดตั้งกลุ่มสามัคคีธรรมในเรือนจำและนำผู้คนหลายพันคนมาถึงพระเยซูคริสต์ ครั้งหนึ่งผมได้ยินเขาพูดว่า *‘ผมเคยทะเยอทะยาน และวันนี้ผมยังมีทะเยอทะยานอยู่* แต่ผมหวังว่าสิ่งนั้นไม่ใช่สำหรับชัค โคลสัน (แม้ว่าผมจะต่อสู้กับเรื่องนั้นค่อนข้างมากก็ตาม) แต่*ผมทะเยอทะยานเพื่อพระคริสต์*’ ความทะเยอทะยานเคยถูกนิยามว่าเป็น ‘ความปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จ’ ท้ายที่สุดแล้วมีความทะเยอทะยานในการควบคุมเพียงสองอย่างเท่านั้น ซึ่งทำให้ความทะเยอทะยานอื่น ๆ อาจลดลงได้ คือ ความรุ่งโรจน์ของเรา และอีกอย่างคือ พระเกียรติสิริของพระเจ้าสดุดี 116:1-11
จงทะเยอทะยานเรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า
จงทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้าสำคัญเป็นอันดับแรก เช่นเดียวกับผู้เขียนสดุดีที่ประกาศว่า ความทะเยอทะยานของคุณ คือ การดำเนินชีวิตต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า ‘ข้าพเจ้าดำเนินอยู่ต่อหน้าพระเจ้า’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ขอให้ตรวจสอบจนแน่ใจว่าชีวิตของคุณมีศูนย์กลางอยู่ที่ความสัมพันธ์รักกับพระเจ้า นี่คือวิธีค้นหา ‘ที่หยุดพัก’ สำหรับ ‘จิตวิญญาณ’ ของคุณ (ข้อ 7)
ความสัมพันธ์นี้มีพื้นฐานมาจากหลาย ๆ ทางที่เราประสบกับความช่วยเหลือจากพระเจ้า เช่นเดียวกับผู้เขียนสดุดี ผมจำได้ว่าพระเจ้า ‘ทรงฟังเสียงและคำวิงวอนของข้าพเจ้า’ (ข้อ 1) ‘เมื่อข้าพเจ้าตกต่ำ พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด’ (ข้อ 6) ‘พระยาห์เวห์ทรงดีต่อข้าพเจ้า’ (ข้อ 7) และวิธีที่พระเจ้า ‘ทรงช่วยข้าพระองค์จากความตาย ช่วยนัยน์ตาข้าพระองค์จากน้ำตา ช่วยเท้าข้าพระองค์จากการสะดุด’ (ข้อ 8) นี่คือพื้นฐานของความปรารถนาของเราที่จะ ‘ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 9)
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์รักพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาให้ความทะเยอทะยานของข้าพระองค์ในวันนี้และตลอดชีวิตที่เหลือของข้าพระองค์ที่จะดำเนินอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ในดินแดนของคนเป็น
ฟีลิปปี 3:1-4:1
จงทะเยอทะยานเพื่อพระคริสต์
บางครั้งคริสเตียนสงสัยว่าการมีความทะเยอทะยานนั้นถูกต้องหรือไม่ พวกเขาเชื่อมโยงความทะเยอทะยานกับความเย่อหยิ่ง และคิดว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนหมายถึงไม่ทะเยอทะยาน
อย่างไรก็ตาม เปาโลมีความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า ก่อนที่จะเป็นคริสเตียน เปาโลมีความทะเยอทะยานในความเชื่อของชาวยิว อันนำไปสู่ความปรารถนาที่จะข่มเหงคริสตจักร หลังจากที่กลับใจใหม่ ท่านไม่ได้สูญเสียความทะเยอทะยาน แต่ทิศทางของมันเปลี่ยนไป ถ้ามีสิ่งใดขัดขวาง เขาจะยิ่งทะเยอทะยานมากขึ้นอีก ท่านอธิบายตัวเองในข้อนี้ว่าเป็นเหมือนนักกีฬาที่หมดหวังที่จะชนะการแข่งขัน (3:13–14)
เปาโลเปรียบเทียบความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของท่านที่มีต่อพระเยซูกับความทะเยอทะยานผิด 2 ประการ ประการแรก คือ ความทะเยอทะยานของท่านเองก่อนที่เขาจะมาเป็นคริสเตียน โดยอธิบายว่าท่านวางใจในเนื้อหนังอย่างไร ('สิทธิพิเศษ ข้อได้เปรียบและรูปลักษณ์ภายนอก’, ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) โดยวางใจมาตรฐานต่าง ๆ ในความเชื่อเดิม (ข้อ 3–6) แต่อย่างที่ คาร์ล บาร์ธ นักศาสนศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า ‘พระเยซูคริสต์เสด็จมาเพื่อทำลายความเชื่อของมนุษย์’
พระเจ้าต้องการให้คุณมีความมั่นใจ แต่ไม่ใช่ ‘ในเนื้อหนัง’ แต่ความมั่นใจของคุณควรอยู่ในพระเจ้าเท่านั้น ความรักและการจัดเตรียมของพระองค์ ความทะเยอทะยาน และความกระตือรือร้นทางความเชื่อของเปาโลนำไปผิดทาง ท่านจบลงด้วยการ ‘ข่มเหงคริสตจักร’ (ข้อ 6)
ความทะเยอทะยานผิดๆ ประการที่สอง คือ วัตถุและจุดสนใจของโลกจำนวนมากรอบตัวเรา ‘พระเจ้าของพวกเขาคือท้องของพวกเขา [‘ความอยากอาหารของพวกเขา, ความเย้ายวนของพวกเขา’, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล] และสง่าราศีของพวกเขาอยู่ในความอัปยศ จิตใจของพวกเขาอยู่ที่โลก’ (ข้อ 19)
ตอนนี้เปาโลทะเยอทะยานในพระเจ้า ท่านบรรยายถึงความล้ำเลิศของการรู้จัก ‘พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า’ (ข้อ 8) และความทะเยอทะยานที่หลั่งไหลออกมา (ข้อ 8–11)
เปาโลตระหนักว่าตนเองไม่สามารถบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบได้ ความทะเยอทะยานทั้งหมดของตนที่จะบรรลุ ‘ความชอบธรรมด้วยตัวเอง’ ตอนนี้เขาจึงนับว่าเป็น ‘ขยะ’ (ข้อ 9) เช่นเดียวกับเปาโล จงชื่นชมยินดีกับข้อเท็จจริงที่ว่า โดยการไว้วางใจในพระคริสต์ ตอนนี้คุณเองก็ได้รับ ‘ความชอบธรรมที่มาจากพระเจ้าและโดยความเชื่อ’ (ข้อ 9) เช่นเดียวกัน
เราจะไม่มีวันบรรลุความสมบูรณ์แบบในชีวิตนี้ ความอ่อนแอของเราทำให้เราไว้วางใจพระเจ้า พึ่งพาพระองค์ในความรักและพระคุณของพระองค์
ความทะเยอทะยานของคุณควรเป็นแบบไหน?
1. รู้จักพระคริสต์อย่างใกล้ชิด
ความทะเยอทะยานของเปาโลคือการ ‘รู้จักพระคริสต์’ (ข้อ 10) คำภาษากรีกสำหรับ ‘รู้’ มีความหมายมากกว่าความรู้ทางปัญญา หรือการรู้จักสิ่งต่าง ๆ แต่เป็นความรู้จักส่วนตัวเช่นเดียวกับเปาโล จงสร้างความทะเยอทะยานของคุณไม่ใช่แค่การรู้เกี่ยวกับพระคริสต์ แต่เพื่อรู้จักพระองค์อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
2. มีประสบการณ์ในพลังแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์
เปาโลอธิบายว่า ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระคริสต์มีหน้าตาเป็นอย่างไร หมายถึงการรู้จัก ‘ฤทธิ์เดชแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์’ (ข้อ 10) ไม่ใช่แค่เพียงเหตุการณ์ในอดีตเท่านั้น แต่ยังหมายถึงพลังที่เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น และมีชีวิตชีวาที่ทำงานในชีวิตของคุณด้วย
พระวิญญาณของพระเจ้านำพลังการฟื้นคืนพระชนม์มาสู่ชีวิตของคุณ โดยการตายและการเป็นขึ้นของพระองค์ พระเยซูทรงปลดอาวุธของซาตาน ทำลายบาปและมีชัยชนะเหนือความตาย พลังนี้มีให้คุณเพื่อให้คุณมีชีวิตที่บริสุทธิ์และปรนนิบัติผู้อื่นด้วยพลังแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ ทำให้ความทะเยอทะยานของคุณที่จะรู้จักพลังนั้นมากขึ้นและมากขึ้น
3. ร่วมทนทุกข์กับพระเยซูคริสต์
สำหรับเปาโล ‘การรู้จักพระเยซูคริสต์’ เกี่ยวข้องกับ ‘การมีส่วนร่วมในความทุกข์ของพระองค์ และเป็นเหมือนกับพระองค์ในความตายนั้น’ (ข้อ 10) ท่านมองว่าความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของการรู้จักพระคริสต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นสิทธิพิเศษ
การทนทุกข์และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูนั้นแตกต่างจากของเราตรงที่พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อบาปของเรา เพื่อช่วยเราให้รอดจากสิ่งที่เราสมควรได้รับ คุณจะไม่มีวันทนทุกข์อย่างที่พระองค์ทำ แต่บางครั้งคุณจะต้องทนทุกข์เพื่อความทะเยอทะยานของคุณในทางพระเจ้า
ความทุกข์ทรมานนี้เป็นผลจากชีวิตคริสเตียนของเรา สำหรับบางคน นี่จะหมายถึงการข่มเหงอย่างรุนแรง
สำหรับเราทุกคน สิ่งนี้รวมถึง ‘ความเจ็บปวดและความทุกข์ทั้งหมด... ในการต่อสู้กับบาปไม่ว่าจะภายในหรือไม่มีก็ตาม’ (เจ บี ไลท์ฟุทท์) ในช่วงเวลาแห่งความทนทุกข์นี้เรามี ‘ส่วนร่วม’ กับพระคริสต์ จงมีส่วนร่วมในทะเยอทะยานของคุณไม่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไร
4. รู้จุดหมายปลายทางของคุณ
การรู้จักพระคริสต์หมายถึงการมีส่วนในพระองค์ ‘อย่างไรก็ตาม เพื่อจะได้เป็นขึ้นจากความตาย’ (ข้อ 11) เมื่อเปาโลพูดว่า ‘อย่างไร’ ท่านไม่ได้สงสัยในความหวังนี้ แต่ยอมรับว่านี่เป็นความล้ำลึกที่ยอดเยี่ยม
แจ๊คกี้ พูลลิงเกอร์ กล่าวว่า พระเจ้าประทาน ‘ดวงตาแห่งการฟื้นคืนชีพ’ ให้เธอ เธอกล่าวว่า ‘พระเยซูเท่านั้นที่มีสายตาที่เปิดออก... แต่ทุกคนที่เชื่อในการฟื้นคืนพระชนม์จะรู้ว่าปลายทางของพวกเขาคือดินแดนแห่งความสุขใจ คือประเทศที่ดีกว่า คือแผ่นดินสวรรค์’
เปาโลบอกว่าเขายังไม่ได้ไปที่นั่น แต่นี่เป็นเป้าหมาย และความทะเยอทะยานของท่าน (ข้อ 12) ‘ข้าพเจ้าจับตาดูเป้าหมาย’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อย่าเพ่งเล็งไปที่อดีต คุณล้มมาไกลแค่ไหน ความล้มเหลวของคุณ หรือแม้แต่ความสำเร็จของคุณ แทนที่จะ ‘ลืมสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง’ ให้จดจ่ออยู่กับพระเยซู มีใจเดียว มุ่งไปข้างหน้า และตอบสนองต่อการเรียกของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ทะเยอทะยานอย่างถูกต้อง โปรดช่วยข้าพระองค์ให้จดจ่ออยู่กับ ‘ความยิ่งใหญ่ที่เหนือชั้นของการรู้จักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์’ (ข้อ 8)
เยเรมีย์ 4:10-5:31
จงทะเยอทะยานที่จะกล่าวพระวจนะของพระเจ้า
พระเจ้าตรัสผ่านเยเรมีย์และตรัสว่า 'เพราะประชากรของเราโง่เขลา พวกเขาไม่รู้จักเรา..เขาช่ำชองในการทำชั่ว และพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำความดีอย่างไร’ (4:22) เขาเตือนว่าการพิพากษากำลังมาถึงเพราะผู้คนมุ่งความทะเยอทะยานไปในทิศทางที่ผิด
เยเรมีย์คิดว่าผู้นำจะต้องรู้วิธีที่ถูกต้องแน่นอน ‘ข้าพระองค์จะไปหาพวกผู้ใหญ่ และจะพูดกับพวกเขา เพราะเขารู้จักพระมรคาของพระยาห์เวห์ และรู้จักพระบัญญัติของพระเจ้าของเขา’ (5:5) แต่พวกเขา ‘ปฏิเสธที่จะกลับใจ’ เช่นเดียวกับประชาชน (ข้อ 3ค) ความทะเยอทะยานของพวกเขามุ่งหาเทพเจ้าจอมปลอมแห่งเงิน เพศ และอำนาจ
พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถตอบสนองความต้องการส่วนลึกที่สุดของเราได้ (ข้อ 7ข) พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเจ้าตรัสกับพวกเขาว่า ‘เราจัดหาสิ่งจำเป็นทั้งหมดให้กับพวกเขา แต่พวกเขาก็ล่วงประเวณีและถูกรุมเร้าไปที่บ้านของหญิงแพศยา เป็นเหมือนม้าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีอาหารดี มีกำลังวังชา ต่าง ร้องหาภรรยาของเพื่อนบ้านของตน’ (ข้อ 7ข–8)
เขาพูดต่อไปว่าบ้านของพวกเขาเต็มไปด้วยการหลอกลวง พวกเขา ‘ใหญ่โตและมั่งมี เขาจึงตัวอ้วนอ่อนนิ่ม’ (ข้อ 27–28ก) แม้ว่าพวกเขาจะร่ำรวยและมีอำนาจ แต่พวกเขาก็ไม่สนใจคนยากจน ‘ความถูกและความผิดไม่มีความหมายสำหรับพวกเขา พวกเขาไม่ได้ยืนหยัดเพื่อใคร พวกเขาโยนเด็กกำพร้าให้เป็นเหยื่อของหมาป่า หาประโยชน์จากคนยากจน’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเจ้าทรงเรียกเยเรมีย์ให้เปี่ยมด้วยคำพูดที่ทรงพลัง ‘เราจะใส่คำพูดของเราเป็นไฟในปากของเจ้า’ (5:14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณเองก็สามารถมีประสบการณ์ในการกล่าวพระวจนะอันทรงพลังที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคนรอบข้าง
ข้าแต่พระเจ้า ขอถ้อยคำในปากของข้าพระองค์เป็นเหมือนไฟ เพื่อคนอื่น ๆ จะได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่อันหาที่สุดมิได้ของการรู้จักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
Pippa Adds
ฟีลิปปี 3:13ข
‘ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า...’
เป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่ถูกขัดขวางโดยอดีตไม่ว่าในทางใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลว และความผิดหวัง หรือความสำเร็จซึ่งอาจทำให้เรามั่นใจมากเกินไป แทนที่จะทำเช่นนั้น เราต้องจับตาดูที่พระเยซู
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

XAV

When God Makes Things Right: A 5-Day Devotional on Nahum

My God Is So Big

A Disciple's Journey

A Generation Between: The Xennial Pursuit of Christ

Equipping Others: A Leadership Call to Expand Kingdom Capacity

Until All Have Heard

When You Are the Problem: The Courage to Look in the Mirror When Your Church Is in Crisis

Simple Notes on Everyday Faith
