YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 130 OF 365

พระเจ้าเปลี่ยนความอ่อนแอของคุณให้เป็นกำลังที่เข้มแข็ง

จอห์น สตอตต์ ผู้นำคริสเตียนผู้ยิ่งใหญ่กำลังเทศนาในพันธกิจของมหาวิทยาลัยในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เนื่องในโอกาสพิเศษ และในคืนสุดท้ายของพันธกิจเขาแทบจะสูญเสียเสียงของเขาไปอันเป็นผลมาจากการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม เขาถูกเกลี้ยกล่อมให้เทศนาต่อ ขณะรออยู่ที่ห้องด้านข้าง เขากระซิบขอให้ช่วยอ่านข้อพระคำ จาก 2 โครินธ์ 12 เรื่องของ ‘หนามในเนื้อ’ ให้เขาฟัง และการสนทนาระหว่างพระเยซูกับอัครทูตเปาโลก็เริ่มขึ้น *สตอตต์ (เปาโล)*: ‘ข้าพเจ้าวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า...เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า’ *พระเยซู*: ‘การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น’ *สตอตต์ (เปาโล)*: ‘เพราะเหตุนี้ เพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงพอใจในบรรดาความอ่อนแอ…เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะเข้มแข็งมากเมื่อนั้น’ เมื่อถึงเวลาต้องขึ้นเทศนา เขาก็ได้บรรยายถึงพระกิตติคุณผ่านไมโครโฟนด้วยเสียงโมโนโทน โดยไม่สามารถใช้เสียงที่แสดงออกถึงตัวตนของตนเองได้อย่างเต็มที่ แต่ตลอดเวลาเขาได้ร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทรงประทาน*ฤทธิ์อำนาจของพระคริสต์* ให้ทำงานผ่าน*ความอ่อนแอของเขา* เขาได้กลับไปออสเตรเลียหลายครั้งหลังจากนั้น และทุก ๆ โอกาสจะมีบางคนเดินมาหาเขาแล้วพูดว่า ‘คุณจำการรับใช้ครั้งสุดท้ายในห้องประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยเมื่อเสียงคุณหายไปได้ไหม? ฉันไ้ด้ต้อนรับพระคริสต์ในคืนนั้น’ ในฐานะที่เป็นคนที่รู้ดีถึงจุดอ่อนของตัวเอง ผมพบว่าเป็นที่หนุนใจมากเมื่อผมรู้สึกอ่อนแอ ผมไม่ได้อยู่คนเดียว เมื่อคุณเชื่อในพระเจ้า พระองค์ทรงเปลี่ยนความอ่อนแอของคุณให้เป็นกำลังที่เข้มแข็งขึ้น

สดุดี 59:1-8

ความเชื่อและการต่อสู้

พระเจ้าเป็นกำลังของคุณในยามยากลำบาก ความเชื่อในพระเจ้าไม่ใช่สูตรสำเร็จสำหรับชีวิตที่เรียบง่าย ในความเป็นจริงเป็นเรื่องที่กลับกัน คุณมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการต่อสู้ทุกประเภท

ชีวิตของดาวิดอยู่ภายใต้การคุกคาม ซาอูลส่งคนไปยังที่พักของดาวิดเพื่อจะสังหารเขา และพบว่าตัวเองรายล้อมไปด้วย ‘ศัตรู... ผู้ก่อการจลาจล... อุบายสกปรก... ลอบสังหาร... คนกดขี่ข่มเหง... พวกเขากำลังไล่ตามข้าพระองค์ ตั้งใจแน่วแน่ที่จะจับข้าพระองค์’ (ข้อ 1–4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

กระนั้น ท่ามกลางสิ่งนี้ ดาวิดอธิษฐานว่า ‘ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์...’ (ข้อ 1–2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าพระเจ้าจะทรงกระทำและปลดปล่อยเขาได้ (ข้อ 8) ต่อมาในพระธรรมสดุดี ดาวิดร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสองครั้งว่า ‘ข้าแต่พระกำลังของข้าพระองค์’ (ข้อ 9,17)

เขาสามารถกล่าวได้ว่า ‘ข้าพระองค์ไม่ได้ทำสิ่งใดเลยเพื่อให้ได้รับสิ่งนี้ มิใช่เพราะการละเมิดหรือบาปของข้าพระองค์เอง’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ดาวิดไม่ได้สมบูรณ์แบบ (2 ซามูเอล 11) แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งที่คุณเผชิญปัญหาต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่เพราะคุณกำลังทำอะไรผิด แต่เพราะคุณกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง

ให้เราร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ในยามยากลำบาก ‘ขอทรงลุกขึ้นมาช่วยข้าพระองค์และขอทอดพระเนตร’ (สดุดี 59:4ข) นอกจากนั้น คุณยังสามารถร้องทูลขอการช่วยกู้จากองค์พระผู้เป็นเจ้าในยามวิกฤตระดับชาติได้ พระวจนะข้อถัดไปคือคำอธิษฐานเผื่อประเทศชาติ (ข้อ 5ก) ไม่ว่าการคุกคามจะอยู่ในระดับใดก็ตาม ให้เราทูลขอการช่วยกู้ ความช่วยเหลือ และการแทรกแซงที่มาจากพระองค์

ข้าแต่พระกำลังของข้าพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้เชื่อมั่นในพระองค์ยามยากลำบาก และเผชิญการต่อสู้ ปลดปล่อยเราจากผู้ที่ทำการต่อต้านแผนของพระองค์

ยอห์น 6:25-59

ความเชื่อและความว่างเปล่า

พระเยซูทรงสอนเรื่องศูนย์กลางของความเชื่อ เมื่อถูกถามว่า ‘“เราจะต้องทำอะไรบ้างถึงจะทำงานของพระเจ้าได้? พระเยซูตรัสตอบว่า “งานของพระเจ้าคือการวางใจในผู้ที่พระองค์ทรงใช้มา”’ (ข้อ 28–29)

เราถูกเรียกโดยหลักแล้วว่าเป็น ‘ผู้เชื่อ’ ไม่ใช่ ‘ผู้ประสบความสำเร็จ’ วิธีที่เราสำเร็จลุล่วงได้คือต้องเชื่อเสียก่อน

พระเยซูตรัสว่า ‘เราเป็นอาหารแห่งชีวิต’ (ข้อ 35) เมื่อร่างกายของเราหิวเราก็ต้องการอาหาร เช่นเดียวกับความต้องการทางร่างกาย คุณก็มีความต้องการทางวิญญาณ และความหิวกระหายทางวิญญาณด้วยเช่นกัน อาหารที่พระเยซูกำลังพูดถึงคือพระวจนะแห่งชีวิต ที่ทรงสำแดงแก่พวกเขาเป็นดั่งสหาย พระเยซูกำลังเสนอความสัมพันธ์ส่วนตัว ความใกล้ชิดสนิมสนม และความสัมพันธ์จริงใจกับพระองค์ อันเป็นบำเหน็จของพระองค์ที่ทรงประทานให้กับเราแต่ละคน

ความเชื่อในพระคริสต์เติมเต็มความว่างเปล่าที่คุณประสบพบเจอและสนองความหิวกระหายทางวิญญาณของคุณ โดยมีวัตถุประสงค์ ความมั่นคง และการให้อภัย

  1. วัตถุประสงค์ ดำรงชีวิตด้วยอาหารทางกายภาพอย่างเดียวไม่พอ ปัจจัยทางวัตถุเพียงอย่างเดียวไม่อาจสนองความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็น เงิน บ้าน รถยนต์ ความสำเร็จ และแม้แต่ความสัมพันธ์ของมนุษย์ ก็ไม่สนองความต้องการของเราต่อวัตถุประสงค์สูงสุดในชีวิตได้

อาหารที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตของเราคือ ‘อาหารแห่งชีวิต' นี่ไม่ใช่สินค้าที่พระเยซูทรงเป็นผู้จัดหาให้ แต่พระองค์คือของขวัญและผู้ให้ คำว่า ‘เรา’ ปรากฏ 35 ครั้งในบทสนทนานี้ ‘เราเป็นอาหารแห่งชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิว และคนที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย’ (ข้อ 35)

เป็นเรื่องง่ายที่จะจมอยู่กับสิ่งของหรือติดกับทางความเชื่อแม้ว่าเมื่อคุณได้เชื่อในพระเยซูแล้ว แต่แท้จริงแล้วมีเพียงความสัมพันธ์กับพระเยซูเท่านั้นที่สนองความหิวกระหายฝ่ายวิญญาณของเราได้

จากพระคำที่ว่า ‘วางใจในผู้ที่พระองค์ทรงใช้มา’ (ข้อ 29), ‘มาหาเรา’ (ข้อ 35), ‘เห็นพระบุตร’ (ข้อ 40), ‘กินเนื้อและดื่มโลหิตของเรา’ (ข้อ 53 เป็นต้นไป) บรรยายการใช้ชีวิตในความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเยซู

  1. มั่นคงถาวร เราทุกคนล้วนต้องตาย ความตายเป็นความจริงที่ไม่มีใครอยากพูดถึง พระเยซูตรัสว่าชีวิตนี้ไม่ใช่จุดจบ ‘เราเป็นอาหารดำรงชีวิตซึ่งลงมาจากสวรรค์ ถ้าใครกินอาหารนี้ คนนั้นจะมีชีวิตนิรันดร์... เราจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย’ (ข้อ 51,54)

พระเยซูทรงสัญญาจะให้คุณเป็นขึ้นมาใหม่ในวันสุดท้ายและคุณจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าความสัมพันธ์ของคุณกับพระเยซูจะอยู่ได้ยาวนานคงทนกว่าความตาย

ชีวิตนิรันดร์นี้มีทั้งมิติในปัจจุบันและอนาคต พวกเขากล่าวว่า ‘ขอโปรดให้อาหารนั้นแก่เราตลอดไปเถิด’ (ข้อ 34) พระเยซูตรัสว่าทรงสามารถรับประทานอาหารนั้นได้ทันที (ข้อ 35 เป็นต้นไป) ทว่าพระองค์ยังสำแดงเด่นชัดด้วยว่าสิ่งนี้จะคงอยู่เป็นนิตย์ (ข้อ 50–51)

  1. ให้อภัย การให้อภัยเป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราทุกคน นักปรัชญาที่ไม่เชื่อในพระเจ้าคนหนึ่ง มาร์การิต้า ลาสกี กล่าวว่า ‘สิ่งที่ฉันอิจฉามากที่สุดเกี่ยวกับพวกคุณที่เป็นคริสเตียนคือการให้อภัย เพราะฉันไม่มีใครให้อภัยฉัน' เราทุกคนต้องการรู้ว่าเราได้รับการอภัยสำหรับทุกสิ่งที่เราทำผิดพลาดไป

พระเยซูตรัสว่า ‘อาหารที่เราจะให้เพื่อชีวิตของโลกนั้นก็คือเลือดเนื้อของเรา’ (ข้อ 51) พระโลหิตของพระองค์หลั่งมาเพื่อการอภัยบาป ทุกครั้งที่คุณได้รับศีลมหาสนิท คุณจะได้รับการย้ำเตือนให้ระลึกไว้เสมอว่าพระเยซูทรงสละพระชนม์ชีพเพื่อคุณจะได้รับการอภัยที่สมบูรณ์

เราจะรับอาหารนี้ได้อย่างไร? พระเยซูตรัสว่า ‘เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า คนที่วางใจก็มีชีวิตนิรันดร์ เราเป็นอาหารแห่งชีวิต’ (ข้อ 47–48) ในขณะที่หนังสือพระกิตติคุณยอห์นไม่ได้มีการกล่าวถึงอย่างเจาะจงเกี่ยวกับการจัดตั้งพิธีศีลมหาสนิทอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู แต่ในจุดนี้ เราจะได้พบว่าพระเยซูคริสต์ทรงสอนเรื่องการได้มีพิธีศีลมหาสนิทในแง่มุมของความเชื่อ

เหนือสิ่งอื่นใด ศีลมหาสนิทเป็นสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ที่ช่วยให้เรารับเอาพระคริสต์โดยความเชื่อ (ข้อ 53–58) เป็นการสำแดงและหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ที่พระเยซูต้องการมีกับคุณ อันเป็นบำเหน็จแห่งความรัก และสัญลักษณ์แห่งความปรารถนาที่จะอยู่ในตัวคุณตลอดเวลา

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่โดยความเชื่อ ข้าพระองค์ได้พบวัตถุประสงค์ที่ยั่งยืนในชีวิต การให้อภัยบาป และพระสัญญาเรื่องชีวิตนิรันดร์ โปรดช่วยข้าพระองค์ในวันนี้เพื่อเดินในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และสนิทสนมกับพระองค์

ผู้วินิจฉัย 10:1-11:40

ความเชื่อและความผิดพลาด

ขณะที่เราอ่านเรื่องราวที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องของผู้คนของพระเจ้าที่ทำบาป ได้ร้องทูลต่อพระเจ้าและได้รับการช่วยเหลือจากผู้วินิจฉัย เราได้พบเรื่องราวที่ปั่นป่วนที่สุดเรื่องหนึ่งในพระคัมภีร์

เยฟธาห์ถูกพรรณนาว่าเป็น ‘นักรบผู้กล้าหาญ’ (11:1) มารดาของเขาเป็นโสเภณี (ข้อ 1) พี่น้องต่างมารดาขับไล่เขาออกไป (ข้อ 2) เขารวบรวมพวกนักเลงไปกับเขา (ข้อ 3) เขากลายเป็นผู้นำที่โดดเด่น พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเขา (ข้อ 29) และพระเจ้าใช้เขาเพื่อชัยชนะเหนือชาวอัมโมน ‘พระยาห์เวห์ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของท่าน’ (ข้อ 32)

อย่างไรก็ตาม มีเหตุการณ์หนึ่งในชีวิตของเขาที่เราแทบจะทนอ่านต่อไม่ไหว เขามอบคำปฏิญาณกับพระเจ้าว่าหากพระเจ้าประทานชัยชนะแก่เขา เขาจะถวายคนใดก็ตามที่ออกมาจากประตูบ้านเพื่อต้อนรับการกลับมาของเขาเป็นเครื่องเผาบูชาทั้งตัว และนั้นก็คือลูกสาวของเขา อันเป็นบุตรสาวคนเดียวที่เขามี และดูเหมือนว่านั่นคือสิ่งที่เขาต้องทำ (ข้อ 29–40)

สิ่งสำคัญคือต้องบันทึกไว้เลยว่าพระเจ้าไม่เคยขอให้เขาทำตามคำปฏิญาณนี้ พระองค์ไม่ได้ขอให้เขาถวายเครื่องเผาบูชา อันที่จริง มันขัดกับคำสอนทั้งหมดในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ซึ่งห้ามไม่ให้มีการถวายบุตรเป็นเครื่องเผาบูชา เยฟธาห์ไม่เคยแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้าในสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนว่าความเย่อหยิ่งของเขาเองที่ผลักดันให้เขาทำให้ชื่อเสียงของเขาอยู่เหนือชีวิตของลูกสาวตนเอง นี่แสดงให้เห็นความผิดพลาดของผู้เชื่อที่ยิ่งใหญ่

แม้ว่าเขาจะอ่อนแอ แต่ก็มีชื่ออยู่ในหนังสือฮีบรูว่าเป็นหนึ่งในนักรบแห่งความเชื่อซึ่งความอ่อนแอกลายเป็นกำลังที่เข้มแข็ง (ฮีบรู 11:32–34)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับวิธีที่พระองค์ใช้คนที่มีความเชื่อและเปลี่ยนความอ่อนแอของเราให้เป็นกำลังที่เข้มแข็ง โปรดช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ให้ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ วางใจ และเชื่อมั่นว่าพระเยซูผู้ทรงเป็น ‘อาหารแห่งชีวิต’ (ยอห์น 6:35)

Pippa Adds

ยอห์น 6:42

‘คนนี้คือเยซูลูกของโยเซฟไม่ใช่หรือ? พ่อแม่ของเขาเราก็รู้จัก?’

ไม่สำคัญหรอกว่าภูมิหลังของเราเป็นอย่างไร หรือความคาดหวังของคนอื่นที่มีต่อเรา หรือแม้แต่การรับรู้ของตัวเราเองเป็นอย่างไร สิ่งที่สำคัญคือพระเจ้ามองเราเช่นไรต่างหาก ทุกคนมีความสวยงาม เป็นที่รัก และมีค่ามากกว่าที่เราเคยรู้

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More