YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 135 OF 365

ทั้งหมดที่พระองค์ต้องการคือคุณ

ในหนังสือของบิชอปแซนดี้ มิลลาร์ ที่ชื่อว่า **All I Want Is You** (ทั้งหมดที่ลูกต้องการคือพระองค์ - ผู้แปล) ท่านได้บรรยายถึงการเข้าร่วมการประชุมใหญ่ในแคลิฟอร์เนียเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งท่านได้เห็นพระวิญญาณของพระเจ้าทำงานด้วยวิธีอันทรงฤทธิ์เดช เมื่อเสร็จสิ้นแล้วท่านก็เดินไปตามชายฝั่งเป็นระยะทางไกล ท่านได้บรรยายว่า ‘ขณะที่ผมกำลังเดินอยู่ ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าและความเร้าใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ผมพูดออกไปว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์จะให้ทุกสิ่งที่พระองค์ต้องการ… ข้าพระองค์จะทำทุกอย่างที่พระองค์ต้องการให้ข้าพระองค์ทำ”’ แซนดี้กล่าวต่อว่า ‘ผมสามารถอ้างได้อย่างตรงไปตรงมาเลยว่าเคยได้ยินการทรงตรัสของพระเจ้าในลักษณะนี้ถึงสามครั้ง แต่เท่าที่เคยได้ยินอย่างชัดเจน พระองค์ทรงตรัสว่า “ทั้งหมดที่เราต้องการคือเจ้า” ... มันเป็นเรื่องถ่อมตัวที่สุด … พระองค์สามารถทำทุกสิ่งอย่างที่พระองค์ปรารถนา แต่สิ่งที่พระองค์ต้องการกลับเป็นคุณเท่านั้น’

สดุดี 61:1-8

ให้พระเจ้าทรงนำ

คุณเคยพบว่าตัวเองจมอยู่กับปัญหามากมายในชีวิตหรือไม่? ดาวิด ‘หมดแรงและอ่อนกำลัง’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Amplified Bible โดยผู้แปล)

เขาเป็นผู้นำ (‘พระราชา’ ข้อ6) ผู้ที่เป็นผู้นำผู้อื่นจำเป็นต้องได้รับการทรงนำจากพระเจ้า คำอธิษฐานนี้ใช้ได้กับเราทุกคน เขาร้องทูลพระเจ้าเพื่อให้พระองค์ทรงสดับฟังคำอธิษฐานและทรงนำ (ข้อ 1–2)

เหนือสิ่งอื่นใด คำอธิษฐานนี้เป็นคำอธิษฐานเพื่อขอการช่วยกู้ มีบางครั้งที่เราอยากจะวิ่งหนีและหลบซ่อน ซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียม ‘ที่ลี้ภัย’ ให้กับเรา (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ทรงเป็น ‘ที่ลี้ภัย’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ทรงประทานการปกป้องทางร่างกายแก่เราด้วยฤทธานุภาพดั่งศิลา (ข้อ 2) การปกป้องทางอารมณ์ด้วยการโอบล้อมเราด้วยปีกของพระองค์ (ข้อ 4) และการปกป้องทางฝ่ายจิตวิญญาณด้วย ‘ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์’ (ข้อ 7)

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงนำข้าพระองค์เข้าสู่การทรงสถิตของพระองค์ในวันนี้ และโปรดนำข้าพระองค์ในการตัดสินใจ ในการพูดคุย รวมถึงถ้อยคำที่ข้าพระองค์ต้องพูดออกไป

ยอห์น 8:31-59

เป็นไทในพระองค์

เนลสัน แมนเดลา พูดถึงผู้คุมขังที่บอกกับเขาว่า ‘นายรู้ไหมว่าฉันมีอำนาจพอที่จะฆ่านายได้?’ แมนเดลาตอบว่า ‘แล้วคุณหล่ะไม่รู้หรือว่าผมมีอำนาจที่จะไปสู่ความตายอย่างอิสระ?’

คุณต้องการมีชีวิตที่เป็นไทอย่างแท้จริงหรือไม่? พระเยซูทรงเป็นพระผู้ปลดปล่อยเราให้เป็นไท หากพระเยซู ‘ปลดปล่อยท่าน แสดงว่าท่านเป็นไทอย่างแท้จริงและไม่ต้องสงสัยเลย’ (ข้อ 36 ,พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

แต่พระเยซูผู้นี้เป็นใคร? (ข้อ 12–59) อันที่จริง พระเยซูถูกถามคำถามนั้นด้วยเช่นกันว่า ‘ท่านจะอวดอ้างว่าท่านเป็นใคร?’ (ข้อ 53) คำตอบของพระองค์ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันเป็นเอกลักษณ์ของพระองค์กับพระบิดา ที่สิ้นสุดด้วยการอ้างอิงที่ไม่ธรรมดา ‘ก่อนอับราฮัมเกิด เราเป็นอยู่แล้ว!’ (ข้อ 58) นี่เป็นวิธีเดียวกับที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงพระองค์แก่โมเสสที่พุ่มไม้ที่มีเปลวไฟ (อพยพ 3:14) พระเยซูใช้ถ้อยคำ ที่พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ แต่อีกฝ่ายกลับหยิบก้อนหินขว้างใส่พระองค์ด้วยความดูหมิ่น (ยอห์น 8:59)

แม้ว่าความสัมพันธ์ของพระเยซูกับพระบิดาจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ แต่โดยทางพระเยซู คุณก็สามารถรู้จักพระเจ้าได้เช่นกัน ความสัมพันธ์นำเสรีภาพมาสู่ชีวิตของคุณ แต่เสรีภาพนี้หมายความว่าอย่างไร?

พระเยซูตรัสว่าการรู้จักพระองค์คือการรู้จักสัจจะ และ ‘สัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท’ (ข้อ 32) ในความเชื่อของชาวยิว สัจจะก็คือธรรมบัญญัติ และการศึกษาและการปฏิบัติตาม ตัวกฎเกณฑ์จะทำให้แต่ละคนเป็นอิสระ พระเยซูตรัสว่า ‘ถ้าพวกท่านยึดมั่นในคำสอนของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง’ (ข้อ 31)

คริสเตียน…บางครั้งถูกกล่าวหาว่าเป็นคนใจแคบหรือเป็นพวกต่อต้านสติปัญญา ตรงกันข้ามกับผู้ที่เรียกตัวเองว่า ‘นักคิดอิสระ’ พระเยซูตรัสว่าแท้จริงแล้วตรงกันข้าม การติดตามพระเยซูเป็นหนทางแห่งเสรีภาพทางปัญญาและความมั่นคง

ความจริงได้รับการเปิดเผยโดยองค์พระผู้เจ้า พระเยซูทรงเป็น ‘ความจริง’ (14:6) พระองค์ทรงเป็น การเปิดเผยสูงสุดของพระเจ้า การรู้ความจริงไม่ใช่การเห็นพ้องต้องกันต่อแนวคิดนั้น ๆ แต่คือการรู้จักมีความสัมพันธ์ส่วนบุคคล การรู้จักพระเยซูเป็นการขยายพื้นที่ในจิตใจของคุณ เพิ่มความเข้าใจเชิงลึก และขยายขอบเขตความเข้าใจของคุณให้กว้างขึ้น การดำเนินชีวิตตามความจริงคือการดำเนินชีวิตในความสัมพันธ์แห่งความรักกับพระเยซูผู้ทรงเป็นความจริง

นี่ไม่ได้หมายความว่าเรามีคำตอบสำหรับทุกสิ่ง แต่ว่าเรามีกรอบความคิดที่เป็นความจริง กฎทางวิทยาศาสตร์กำหนดกรอบการทำงานที่ให้อิสระเราในการตรวจสอบทางด้านกายภาพ แต่การเปิดเผยจากพระเจ้า ช่วยให้เรามีกรอบความคิดที่นำมาถึงสติปัญญาในการพิจารณาโลกฝ่ายวิญญาณอย่างมีอิสระ ความเชื่อจะนำเราไปสู่ความเข้าใจ

การตอบสนองต่อคำตอบของพระเยซูคือ ‘เราเป็นลูกหลานของอับราฮัมและไม่เคยเป็นทาสของใครเลย เจ้าพูดได้อย่างไรว่าเราจะถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระ?’ (8:33) แต่พระเยซูตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่าน ทุกคนที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป’ (ข้อ 34) การทำบาปคือการตกเป็นทาสของการบีบบังคับ การเสพติด ความกระหายซึ่งอำนาจและการสรรเสริญ ทั้งยังตกเป็นทาสของสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับเรา เป็นทาสของความกลัวผู้อื่น หากปราศจากพระเยซูคริสต์ เราทุกคนก็เป็นทาสของบาป แต่ ‘ถ้าพระบุตรปลดปล่อยท่าน แสดงว่าท่านเป็นไทอย่างแท้จริงและไม่ต้องสงสัยเลย’ (ข้อ 36, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Amplified Bible โดยผู้แปล)

  1. เป็นไทจากความอับอาย
    พระเยซูทรงปลดปล่อยคุณจากความผิดและความอับอาย พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อคุณจะได้รับการอภัย และความผิดและความอับอายของคุณจะถูกรับไป

  2. เป็นไทจากการเสพติด
    พระองค์ทรงปลดปล่อยคุณจากการเสพติด คือเป็น ‘ทาสของบาป’ (ข้อ 34) บนไม้กางเขนอำนาจแห่งการเสพติดถูกทำลายไป แม้ว่าคุณอาจจะยังล้มอยู่บ้าง แต่อำนาจแห่งการเสพติดนั้นจะถูกทำลายลงเมื่อพระเยซูปลดปล่อยคุณให้เป็นไทแล้ว บางคนอาจได้รับการปลดปล่อยจากการเสพติดบางอย่าง อย่างสมบูรณ์เมื่อพวกเขาได้มาหาพระเยซู แต่สำหรับคนอื่น ๆ นั้นอาจเป็นกระบวนการที่ยาวนานกว่านั้น

  3. เป็นไทจากความกลัว
    พระเยซูทรงปลดปล่อยคุณจากความกลัว พระองค์เสด็จมาเพื่อ ‘บุตรทั้งหลายที่มีเลือดและเนื้อเช่นกันอย่างไร พระองค์ก็ทรงมีส่วนเช่นนั้นด้วยอย่างนั้น เพื่อโดยทางความตายนั้น พระองค์จะทรงทำลายมารผู้มีอำนาจแห่งความตาย และจะทรงปลดปล่อยบรรดาคนเหล่านั้นที่ตกเป็นทาสมาตลอดชีวิตเนื่องจากความกลัวตาย” (ฮีบรู 2:14–15) พระเยซูตรัสไว้ดังนี้ว่า ‘เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครประพฤติตามคำสอนของเรา คนนั้นจะไม่ประสบความตายเลย’ (ยอห์น 8:51)

ความตายไม่ใช่จุดจบสำหรับผู้ที่พระเยซูทรงไถ่แล้ว แต่เป็นประตูไปสู่สวรรค์ เมื่อพระเยซูปลดปล่อยคุณให้พ้นจากความกลัวความตาย พระองค์ยังทรงปลดปล่อยคุณให้มีเสรีภาพจากความกลัวอื่น ๆ อีกด้วย

  1. เป็นไทในการรู้จักพระเจ้า พระเยซูทำให้คุณมีอิสระที่จะมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเหมือนอย่างพระองค์เอง พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างอันล้ำค่าของผู้ที่พระเจ้าทรงนำ พระองค์ตรัสเกี่ยวกับตัวพระองค์เองว่า ‘เราได้ยินมาจากพระเจ้า’ (ข้อ 40) แต่พระองค์ยังตรัสต่อไปอีกว่า ‘คนที่มาจากพระเจ้าก็ย่อมฟังพระดำรัสของพระเจ้า’ (ข้อ 47) เป็นไปได้ที่เราทุกคนจะสามารถได้ยินการทรงตรัสจากพระเจ้า

พระเยซูตรัสว่า ‘เรารู้จักพระองค์’ (ข้อ 55) พระองค์ทรงทำให้เป็นไปได้สำหรับคุณที่จะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า

  1. เป็นไทที่จะเป็นตัวของตัวเอง แทนที่จะพยายามเลียนแบบใครสักคน พระเยซูคริสต์ทรงปลดปล่อยให้คุณได้เป็นตัวเองอย่างแท้จริง ในแบบที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้คุณเป็น

  2. เป็นไทในความรัก
    พระเยซูทำให้คุณมีอิสระในความรัก (ตรงกันข้ามกับบาปที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง)

พระองค์ทรงมอบการปลดปล่อย ทางด้านสติปัญญา ศีลธรรมและอารมณ์ ให้คุณเป็นอิสระ นี่คือเสรีภาพที่แท้จริง ‘…ถ้าพระบุตรทรงทำให้พวกท่านเป็นไท ท่านก็เป็นไทจริง ๆ’ (ข้อ 36)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับเสรีภาพที่ทรงประทานมาสู่ชีวิตของข้าพระองค์ ขอบคุณที่ข้าพระองค์สามารถรู้จัก และได้ยินเสียงของพระองค์

ผู้วินิจฉัย 20:1-21:25

จงรักภักดีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

เนื่องจากช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลนี้ได้มาถึงตอนท้ายในพระธรรมผู้วินิจฉัย ผู้เขียนจึงสรุปเรื่องราวทั้งหมดไว้ว่า ‘ในสมัยนั้นไม่มีกษัตริย์ในอิสราเอล ผู้คนทำในสิ่งที่ตนอยากทำ’ (21:25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเจ้าได้ประทานระบบการปกครองแก่พวกเขา อันมีพื้นฐานมาจากความภักดีต่อพระเจ้าองค์เดียว แต่ความภักดีนั้นช่างแสนสั้นและทั้งระบบก็เริ่มล่มสลายไป

ดังที่เราจะได้เห็นเมื่อเราดูพระธรรม 1 ซามูเอล การจัดเตรียมให้มีกษัตริย์ในอิสราเอลไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเรื่องดีซะทีเดียว แต่ทว่าในสถานการณ์ที่ชุลมุนวุ่นวายเช่นนี้กลับเป็นอะไรที่ดีกว่าที่ทุกคนต่างทำแต่ ‘สิ่งที่ตนอยากทำ’ (ผู้วินิจฉัย 21:25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ท่ามกลางความโกลาหลก็ยังมีช่วงเวลาที่คนของพระเจ้า ‘ทูลถามพระเจ้า’ (20:18) พวกเขาทูลขอการทรงนำจากพระองค์ บทเรียนในเรื่องการสื่อสารกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ และการทูลขอการทรงนำจากพระองค์เป็นสิ่งที่เห็นกันอย่างดาษดื่นตลอดพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม หากอิสราเอลทำผิดพลาด นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้ทูลถามพระเจ้าว่าควรเข้าสู่สนามรบหรือไม่ พวกเขาแค่ถามว่าควรจะต่อสู้จะดำเนินไปอย่างไร

เรายังเรียนรู้ด้วยเช่นกันว่า แม้ว่าพระเจ้าจะอยู่เบื้องหลังในทุกแผนการ แต่เราก็สามารถเผชิญกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ได้เช่นกัน เช่นเดียวกับคนของพระเจ้าในตอนนี้ แม้ว่าพระองค์จะทรงมอบพระสัญญาถึงชัยชนะ แต่ก็มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายไม่น้อยเลยทีเดียว หากสิ่งนี้เป็นจริงในการต่อสู้ทางเนื้อหนังที่พวกเขาเผชิญ การต่อสู้ทางฝ่ายจิตวิญญาณที่คุณเผชิญอยู่นั้นย่อมเป็นจริงด้วย อย่าแปลกใจหากเราล้มลงบ้าง นั่นไม่ได้แปลว่าคุณไม่ได้รับการทรงนำที่มาจากพระเจ้า บทเรียนจากพระธรรมผู้วินิจฉัยคือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงภักดีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะทั้งหมดที่พระองค์ต้องการคือคุณ

ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงช่วยให้ข้าพระองค์สัตย์ซื่อต่อพระองค์ตลอดเวลา อย่าให้ข้าพระองค์ท้อถอยกับความพ่ายแพ้ ขอให้ข้าพระองค์แสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์ในชีวิตอยู่เสมอ

Pippa Adds

สดุดี 61:2ข

ขอทรงนำข้าพระองค์มาถึงศิลาที่สูงกว่าข้าพระองค์

เมื่อเราจมอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราต้องไปถึงศิลาที่สูงกว่าที่เราเป็นอยู่ พระเจ้าสามารถเปลี่ยนมุมมองของคุณเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้ได้

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More