พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

ติดตามพระเยซู
ความอยากรู้อยากเห็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ ทำให้พิพพากับผมเข้าสู่โลกของทวิตเตอร์ และตอนนี้ก็เป็น อินสตราแกรมและมันเป็นโลกที่คุณ ‘ติดตาม’ คนอื่น และคนอื่นก็ ‘ติดตาม’ คุณเอง คนดังหลายคนมีผู้ติดตามมากมาย ผู้คนกลายเป็นผู้ตามติดตัวยงของชีวิต ความสัมพันธ์และวิถีชีวิต อาหารการกินและแฟชั่นของคนดังเหล่านั้น พวกเขาต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนดังที่ชื่นชอบ ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา และเป็นเหมือนพวกเขา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะอยากติดตามคนที่เราชื่นชอบ การติดตามคนดังบนโซเชียลมีเดียอาจเป็นเรื่องสนุก และเบิกบานใจ อย่างไรก็ตาม การติดตามผู้คนบนอินสตราแกรม หรือทวิตเตอร์ เป็นเรื่องหนึ่ง และการเป็นผู้ติดตามที่แท้จริงของใครบางคนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นั้นหมายถึงการอุทิศตัวของคุณเองอย่างเต็มที่เพื่องานของพวกเขา ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพวกเขาและแม้กระทั่งทำในสิ่งที่พวกเขาบอกให้คุณทำ ให้เราเลือกคนที่จะติดตามให้ถูก มันสำคัญจริง ๆ หากคุณต้องการจะเลียนแบบเขาเหล่านั้น ตัวอย่างเช่นหลายล้านคนเลียนแบบฮิตเลอร์ สตาลิน และพอล พต ทุกวันนี้หลายล้านคนเลียนแบบการเผด็จการที่ชั่วร้าย การก่อการร้าย และหัวโจกอันธพาล บางคนแคลงใจในเรื่องของประเพณีหรือสถาบัน และไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตามใคร ประเพณีดั้งเดิมที่ได้รับการสืบทอดต่อกันมาจากครอบครัว สถาบันและผู้นำทางการเมืองได้พังทลายลงไปบ้าง ทำให้หลายคนไม่แน่ใจว่าจะเดินตามใครดี พระเยซูตรัสหลายครั้งว่า ‘ตามเรามา’ ในบรรดาผู้คนที่เคยมีชีวิตอยู่ พระเยซูมีผู้ติดตามจำนวนมากที่สุด ผู้คนกว่า 2.4 พันล้านคนในโลกปัจจุบันเต็มใจที่จะเดินตามพระเยซู ผู้ติดตามพระเยซูที่เรียกว่า ‘สาวก’ พวกเขาต้องการอยู่กับพระองค์ รู้จักพระองค์ เป็นเหมือนพระองค์ และทำทุกสิ่งที่พระเยซูให้ทำสดุดี 40:1-8
ทำตามแบบอย่างของพระเยซู
เมื่อคุณเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก คุณจะได้รับการเสริมกำลังอย่างมากมายเมื่อคุณได้ใคร่ครวญถึงพระพร ในอดีตและช่วงเวลาแห่งการช่วยกู้ที่มาจากพระเจ้า
ดาวิดได้บรรยายถึงช่วงเวลาที่เขาอยู่ใน ‘หลุมมรณะ’ ซึ่งเต็มไปด้วย ‘เลนตม’ (ข้อ 2ก) เขาอาจกำลังบรรยาย ถึงประสบการณ์บางอย่างเกี่ยวกับบาป ความเจ็บป่วยหรือความกดดัน คอรี่ เทน บูม กล่าวว่า ‘ไม่มีหลุมใดลึก เกินกว่าความรักของพระเจ้าจะลงไปถึง’
‘หลุม’ แห่งความซึมเศร้าอาจเป็นสถานที่ที่น่ากลัว ในช่วงเวลาเหล่านี้เราจะเก็บเอาความล้มเหลว และความผิดหวังทั้งหมดไว้ เราเริ่มเชื่อว่าไม่มีสิ่งดีใด ๆ เกิดขึ้นกับเราได้ เรารู้สึกเป็นทุกข์และไม่มีประโยชน์ เราเริ่มคิดว่าตัวเองจะไม่มีวันอยู่เหนือปัญหาและไม่สามารถเติมเต็มการทรงเรียกของพระเจ้าในชีวิตได้
ในช่วงเวลาที่ไร้ซึ่งหนทางดาวิดกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าได้อดทนรอและรอและเฝ้ารอพระยาห์เวห์ ในที่สุดพระองค์ ก็ทรงมองและฟังคำร้องทูลของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงดึงข้าพเจ้าจากคูน้ำและฉุดข้าพเจ้าขึ้นมาจากหลุม มรณา’ (ข้อ 1–2ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
หลังจากพระเจ้าทรงยกเขาขึ้นจากหลุมมรณะ พระองค์ทรง ‘วางเท้าของข้าพเจ้าลงบนศิลา ทำให้ย่างเท้าของข้าพเจ้ามั่นคง’ (ข้อ 2ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเจ้าได้ทรงบรรจุบทเพลง สรรเสริญใหม่ในปากของดาวิด และคำพยานของเขาได้เชื้อเชิญคนอื่น ๆ ให้ ‘วางใจใน (พระยาห์เวห์)’ (ข้อ 3)
ดาวิดอธิบายถึงพระพรอันยิ่งใหญ่ของการไม่หันตาม ‘สิ่งบูชาของโลกนี้’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และพระพรของการดำเนินชีวิตตามพระเจ้า ‘คนที่วางใจในพระยาห์เวห์ก็เป็นสุข ...การอัศจรรย์และพระดำริของพระองค์แก่พวกข้าพระองค์ ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมพระองค์ได้ ถ้าข้าพระองค์ จะประกาศและบอกกล่าวแล้ว ก็มีมากมายเหลือที่จะนับ’ (ข้อ 4–5)
ดาวิดบรรยายไว้ว่า ‘พระองค์ทรงเปิดหูของข้าพระองค์ให้ได้ยินและทำตาม’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) เคล็ดลับแห่งความสำเร็จของดาวิดคือการอธิษฐานและเชื่อฟังนั่นเอง
ดาวิดอุทิศตัวที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างครบถ้วน เขากล่าวว่า ‘นี่แน่ะ ข้าพระองค์มาแล้วใน หนังสือม้วนก็มีเขียนเรื่องข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยินดีทำตามพระทัยพระองค์ ธรรมบัญญัติของพระองค์อยู่ในจิตใจของข้าพระองค์’ (ข้อ 7–8)
นี่คือเคล็ดลับแห่งความสำเร็จของพระเยซูเช่นกัน ตามที่พระธรรมฮีบรูได้กล่าวไว้ ข้อพระธรรมเหล่านี้สำเร็จเป็นจริงแล้วในองค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งผู้เขียนบอกเราว่าพระเยซูได้กล่าวถึงข้อพระธรรม 6-8 ในพระธรรมสดุดี (ดูฮีบรู 10:5–10) พระเยซูทรงอธิษฐานและพระองค์ก็เชื่อฟัง ทรงกล่าวว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์มาแล้ว เพื่อจะทำตามพระทัยของพระองค์’ (ข้อ 7) พระธรรมฮีบรูกล่าวต่อไปว่า ‘โดยพระประสงค์นั้นเอง เราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์ครั้งเดียวเป็นพอ’ (ข้อ 10)
ให้เราทำตามแบบอย่างของพระเยซูและอุทิศตัวทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ดาวิดกล่าวว่าผู้ที่วางใจ ในพระเจ้าจะได้จะได้รับพร คุณจะได้เห็น ‘การอัศจรรย์’ (สดุดี 40:5) และ ‘พระดำริของพระองค์แก่ พวกข้าพระองค์ ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมพระองค์ได้ ถ้าข้าพระองค์จะประกาศและบอกกล่าวแล้ว ก็มีมากมาย เหลือที่จะนับ’ (ข้อ 5)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับช่วงเวลาที่ทรงฉุดข้าพระองค์ขึ้นจากหลุมมรณะ ออกจากเลนตม วางเท้าของข้าพระองค์บนศิลา ทำให้ย่างเท้าของข้าพระองค์มั่นคง ทรงบรรจุเพลงบทใหม่ในปากของ ข้าพระองค์และให้ข้าพระองค์ออกไปเป็นพยาน เพื่อนำให้คนอื่นวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ให้อธิษฐาน และเชื่อฟังพระองค์
ลูกา 8:40-9:9
ดำเนินตามการทรงนำของพระเยซู
พระเยซูไม่ได้มีโซเชียลมีเดีย ระบบการถ่ายทอดสด ทีวีหน้าจอยักษ์ หรือแม้แต่ไมโครโฟนธรรมดา ๆ ที่จะส่งข้อความออกไป อันที่จริงพระองค์ไม่ต้องการมันด้วยซ้ำ เพราะพระองค์มี ‘ฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจ’ ซึ่งได้ประทานให้กับเหล่าสาวกของพระองค์ (9:1)
แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีที่เราจะใช้ทุกเครื่องมือที่มีอยู่ในการประกาศเรื่องราวของพระเยซู แต่เราต้องไม่จมอยู่ กับเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยเหล่านั้นจนเราลืมสิ่งที่เป็นหัวใจหลัก ให้เราทำตามแบบอย่างของพระเยซู และการทรงนำของพระองค์ซึ่งเรากำลังศึกษาผ่านพระธรรมตอนนี้
พระเยซูได้ทรงรักษาหญิงที่เป็นโรคตกเลือดและทำให้ลูกสาวของไยรัสกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ไยรัสและหญิงที่ เป็นโรคตกเลือดคนนั้นเป็นสองคนที่มีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อีกคนเป็นชาย และอีกคนเป็น หญิง อีกคนโดดเดี่ยว ส่วนอีกคนเป็นคนของประชาชน อีกคนเป็นผู้มีอิทธิพล ส่วนคนหนึ่งดูเหมือนไม่มี ความสำคัญอะไร คนหนึ่งทูลกับพระเยซูเกี่ยวกับลูกสาวของเขา ส่วนอีกคนถูกพระเยซูเรียกว่า ‘ลูกหญิงเอ๋ย’ คนหนึ่งสุขภาพดีและส่วนอีกคนเจ็บป่วย
ถึงกระนั้นทั้งสองก็อยู่ภายใต้ฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจของพระเยซู และทั้งสองก็ตอบสนองในทางเดียวกัน คือการเข้าเฝ้าพระเยซู ซึ่งไยรัส ‘มากราบที่พระบาทของพระเยซู’ (8:41) และผู้หญิงคนนั้น ‘ตัวสั่นเข้ามาหมอบกราบพระองค์’ (ข้อ 47)
ทั้งสองมีการตอบสนองที่ถูกต้องต่อพระเยซู พวกเขารับรู้ถึงอำนาจของพระองค์และพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่ง ของพระองค์และเชื่อว่าพระเยซูทรงมีฤทธิ์ อำนาจในการรักษาได้ พระเยซูตรัสกับหญิงคนนั้นว่า ‘ลูกหญิงเอ๋ย ที่หายโรคนั้นก็เพราะลูกเชื่อ จงไปเป็นสุขเถิด’ (ข้อ 48) และทรงตรัสกับไยรัสว่า ‘อย่ากลัว จงเชื่อเท่านั้น แล้วลูกจะหายดี’ (ข้อ 50) เรื่องราวเหล่านี้เป็นทั้งพลังที่เหนือธรรมชาติและเป็นพระเมตตาอันสุดจะบรรยาย
มีการกล่าวถึงพระเยซูว่า ‘ทุกคนที่แตะต้องก็หายป่วย’ (มาระโก 6:56) เมื่อหญิงที่เป็นโรคตกเลือดมาสิบสองปี แตะต้องชายฉลองพระองค์ พระองค์ทรงตรัสว่า ‘มีคนหนึ่งแตะต้องตัวเรา เพราะเรารู้สึกได้ว่าฤทธิ์ซ่านออก จากตัวเรา’ (ลูกา 8:46) และหญิงคนนั้นก็ ‘หายโรคได้ในทันที’ (ข้อ 47) จากนั้นพระเยซูทรงปลุกลูกสาวของ ไยรัสให้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย จนทำให้ผู้คนรู้สึก ‘ประหลาดใจ’ (ข้อ 56) พระเยซูทรงกระทำพันธกิจด้วย ฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจอันยิ่งใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนักที่พระองค์ได้ประทานฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจให้คุณด้วย ฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจคือพระวจนะที่นำให้เราได้เข้าส่วนกับพันธกิจของพระเยซูคริสต์โดยชอบธรรม แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับพระเยซู พระองค์ทรงเรียกสาวกของพระองค์มารวมกันและ ‘ให้พวกเขามีฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจ...ทรงใช้เขาทั้งหลายไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้าและรักษาคนป่วยให้หาย’ (9:1–2) นี่คือพันธกิจที่เหล่าสาวกได้รับมอบหมาย (มัทธิว 28:18–20) พระองค์ทรงประทานฤทธิ์เดช และสิทธิอำนาจของพระองค์ให้คุณแล้ววันนี้
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินตามการทรงนำของพระองค์ เพื่อประกาศถึงแผ่นดินของพระเจ้า และรักษาคนเจ็บป่วย โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ทำตามแบบอย่างของพระองค์อย่างใกล้ชิด และเรียนรู้ที่จะทำ พันธกิจด้วยฤทธิ์เดช และสิทธิอำนาจที่พระองค์ประทานให้
กันดารวิถี 31:25-32:42
ติดตามพระเยซูอย่างสุดใจ
ฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจของพระเจ้าได้ทรงประทานให้กับผู้ที่ติดตามพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ (32:22) คาเลบและโยชูวาถูกเลือกออกมาจากชาวอิสราเอล เพราะมีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่ ‘ติดตามพระยาห์เวห์อย่างสุดใจ’ (ข้อ 12) นี่คือสิ่งที่คนของพระเจ้าถูกเรียกให้ทำ
โมเสสเตือนประชาชนว่าอย่า ‘หันจากการติดตามพระองค์’ (ข้อ 15) เขาเตือนประชาชนไม่ให้ละเมิดธรรมบัญญัติ ‘จงรู้แน่เถิดว่า บาปของท่านจะตามทัน’ (ข้อ 23) ความท้าทายอย่างต่อเนื่องของข้อพระคัมภีร์ คือ การติดตามพระเจ้าด้วยสุดใจของเรา และไม่เล่นกับความบาป
เมื่อใคร่ครวญสิ่งนี้ผ่านมุมมองของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่จะพบว่า การ ‘ติดตามพระเจ้า’ คือการติดตามพระเยซู ‘พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า’ ถือเป็นข้อพิสูจน์หลักในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ (ดูตัวอย่างโรม 10:9)
เราได้เห็นในพระธรรมเหล่านี้ว่า ผู้ที่ติดตามพระเยซูอย่างสุดใจนั้น มีให้มากเพียงใด พวกเขาเชื่อและวางใจในพระองค์ ทั้งยังอุทิศตัวเพื่อทำตามพระประสงค์ของพระองค์ นี่คือการทรงเรียกของพระเจ้าในชีวิตคุณเช่นกัน เมื่อคุณเชื่อฟังและทำตาม พระเยซูจะส่งคุณออกไปในโลกพร้อมกับฤทธิ์เดช และสิทธิอำนาจในการประกาศพระกิตติคุณ และรักษาคนป่วยให้หาย
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อยากเป็นเหมือนคาเลบและโยชูวาที่ติดตามพระองค์อย่างสุดใจ วันนี้ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะทำตามแบบอย่างของพระองค์ อุทิศชีวิตในการทำตามพระประสงค์ของพระองค์ โปรดช่วยข้า พระองค์ให้ทำพันธกิจด้วยฤทธิ์เดช และสิทธิอำนาจในการประกาศพระกิตติคุณ และรักษาคนป่วยด้วยเถิด
Pippa Adds
ลูกา 9:2–3
พระองค์ ‘ทรงใช้เขาทั้งหลายไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า… พระองค์ทรงสั่งพวกเขาว่า “อย่าเอาอะไรไปใช้ตามทาง เช่น ไม้เท้าหรือย่าม หรืออาหาร หรือเงิน หรือเสื้อสองตัว”’
คุณควรเห็นสิ่งที่เรานำติดตัวไปด้วยเมื่อต่างเดินทางไปต่างประเทศ ดูเหมือนพวกเราจะเดินทางตัวเบา ๆ กันไม่ค่อยเป็น ฉันต้องบอกกับนิกกี้ว่าดูนั่นสิเห็นมั้ย พวกเขาไม่เห็นมีใครต้องพกไม้สควอชมาด้วยเลย!
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More