พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

วิธีพิชิตความกลัวของคุณ
คนรุ่นมิลเลนเนียม (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1981-2000) ที่บางครั้งถูกเรียกว่า ‘ยุคสมัยแห่งความกลัว’ โดยในเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพลงหนึ่งของ ลิลลี่ อัลเลน เป็นบทเพลงที่เกี่ยวกับการ ‘ถูกครอบงำโดยความกลัว’ ‘ความกลัว’ ถูกแยกเอาไว้สองความหมายในพระคัมภีร์ หนึ่งคือความกลัวที่แข็งแรงและอีกหนึ่งคือความกลัว ที่ไม่แข็งแรง ในความหมายที่ดีของคำนี้มักใช้ในบริบทของการยำเกรงพระเจ้าและบางครั้งก็ถือเป็นการเคารพ ต่อคนอื่น ๆ (โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจมากกว่า) แต่ในความหมายที่ไม่ดีนั้นหมายถึงการทำให้กลัว เราควรเกรงกลัวพระเจ้า (ในแง่ดี) และไม่ควรกลัวใครหรือสิ่งอื่นใด หลายคนในปัจจุบันใช้ชีวิตที่ตรงกันข้าม พวกเขาไม่เกรงกลัวพระเจ้า แต่ชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้วย ความกลัวแบบผิด ๆ คุณสามารถก้าวผ่านความกลัวต่าง ๆ ไปได้อย่างไร?สดุดี 39:1-13
จงซื่อสัตย์ต่อความกลัวของคุณ
พวกเราทุกคนต่างเผชิญกับความกลัว คุณสามารถที่จะระงับและปฏิเสธความกลัวของคุณ หรือคุณสามารถที่จะสัตย์ซื่อ และเปิดเผยมันออกมาได้
ดาวิดเข้าเฝ้าพระเจ้าพร้อมกับคำถามที่ร้อนรน เขาพยายามที่จะ ‘เงียบไปและนิ่ง’ แต่กลับพบว่า ‘ความทุกข์ใจ’ ของเขารุนแรงขึ้น เมื่อเขาไม่ได้สื่อสารกับพระเจ้า (ข้อ 2)
เขาได้ตระหนักว่าชีวิตของมนุษย์นั้นใช้เวลาอยู่กับความวิตกกังวลและความกลัวมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามชีวิตที่สั้นลงอาจมองได้ว่าเราวิตกกังวลมากแค่ไหน สังขารที่ไม่เที่ยงแท้ (ข้อ 4) คือชีวิตที่ ‘ดำรงอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง อย่างลมหายใจ’ (ข้อ 5) ความกลัวมักเกี่ยวข้องกับเงิน ๆ ทอง ๆ ‘มนุษย์ ... วุ่นวายอยู่เปล่า ๆ เขาโกยกอง สมบัติไว้ และไม่ทราบว่าใครจะเก็บไป’ (ข้อ 6)
ดาวิดกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานที่เขาเห็นรอบ ๆ ตัวและในชีวิตของเขาเอง เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพระเจ้าจึงยอมให้มันเกิดขึ้น เขาขมขื่นจากการกระทำของพระเจ้าถึงขนาดอธิษฐานว่า ‘ขอเมินพระพักตร์จากข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเบิกบานขึ้น’ (ข้อ 13)
ท่ามกลางความสิ้นหวังเป็นเรื่องดีที่จะระบายความกังวลและความเสียใจของคุณต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงเข้าใจดีว่าความทุกข์ยากจะทำให้เราสับสนและเศร้าโศก เพราะพระองค์ทรงผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดเพื่อเรา
ในพระธรรมสดุดีเราอาจจะไม่ได้พบคำตอบทั้งหมดสำหรับความกลัวที่เกี่ยวข้องกับความทุกข์ยาก ถึงกระนั้น ในหัวใจของพระธรรมสดุดีขณะที่ดาวิดคร่ำครวญด้วยความกลัว ความปวดร้าวและความขุ่นมัวต่อหน้า พระพักตร์พระเจ้า เราจะเห็นว่าเขาสามารถพบคำตอบในสัมพันธภาพของเขากับพระเจ้า ดาวิดร้องทูลต่อพระเจ้าว่า ‘ความหวังของข้าพระองค์อยู่ในพระองค์’ (ข้อ 7) และคำอธิษฐานของเขาในตอนท้ายเป็นการรับรู้ ว่าเขาพึ่งพาพระเจ้าอย่างสมบูรณ์เพื่อทูลขอการทรงตอบของพระองค์
ชีวิตนั้นสั้นเกินไปที่จะกังวลเรื่องที่ไม่มีแก่นสาร ให้เราอธิษฐาน เชื่อพระเจ้า ใช้ชีวิตให้ชื่นบาน อย่าปล่อยให้เรื่องเล็กน้อยทำให้คุณท้อแท้สิ้นหวัง
‘ข้าแต่พระยาเวห์ ขอทรงสดับคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอเงี่ยพระกรรณฟังคำวิงวอนของข้าพระองค์ ขออย่าทรงเฉยเมยต่อน้ำตาของข้าพระองค์’ (ข้อ 8,12)
ลูกา 8:19-39
จงวางใจในพระเยซู
อาจมีบางครั้งในชีวิตของคุณที่ความกลัวดูเหมือนเข้าครอบงำชีวิต บางครั้งก็เหมือนกับพายุที่พวกสาวกประสบโดยไม่คาดคิด (ข้อ 22–25)
ในพระธรรมตอนนี้เริ่มต้นด้วยการผสมผสานระหว่างความใกล้ชิดสนิทสนมเป็นพิเศษกับความน่าเกรงขาม พระเยซูตรัสถึงสาวกของพระองค์ว่า ‘คนเหล่านั้นที่ได้ฟังพระวจนะของพระเจ้าและทำตาม’ (ข้อ 21) จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์ พวกเขาคือ ‘มารดาและพี่น้อง’ ของพระองค์ (ข้อ 21)
ความใกล้ชิดและ ‘ความกลัว’ (ในแง่ดี) ไม่ใช่สิ่งตรงข้ามกัน แต่มันกลับเสริมสร้างซึ่งกันและกัน นี่เป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นในชีวิตแต่งงาน มิตรภาพที่ใกล้ชิด หรือกับพ่อแม่และลูก ๆ ความใกล้ชิดสนิทสนม นี้ถูกรวมเข้ากับความยำเกรงอันแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน
เหล่าสาวกเผชิญความกลัวสองประเภทที่แตกต่างกันตอนพวกเขาอยู่ริมทะเลสาบกับพระเยซู เมื่อเกิดพายุหนัก พวกเขาตกอยู่ใน ‘อันตราย’ (ข้อ 23) และเหล่าสาวกก็กลัวจึงปลุกพระเยซูและพูดว่า ‘พระอาจารย์ พระอาจารย์ เรากำลังจะจมน้ำตาย!’ (ข้อ 24ก)
พระเยซูจึงทรง ‘ตื่นขึ้นห้ามลมและคลื่น แล้วคลื่นลมก็หยุดเงียบสงบ’ (ข้อ 24ข) พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า ‘ความเชื่อของท่านทั้งหลายอยู่ที่ไหน?’ (ข้อ 25ก) อีกครั้งที่เราเห็นความแตกต่างระหว่างความกลัวและ ความเชื่อที่ไม่แข็งแรง พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า ‘ทำไมพวกท่านถึงไม่วางใจในเรา?’ (ข้อ 25ก, พระคัมภีร์ ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำตอบสำหรับความกลัวของพวกเขานั้นง่ายมาก แต่ก็ยากที่จะนำไปปฏิบัติ ผมพบว่ามันเป็นบทเรียนที่ผมต้องเรียนรู้ใหม่อยู่ตลอด ท่ามกลางความกลัวจงวางใจในพระเยซู ให้เราคงความเชื่อมั่นในพระองค์ต่อไป บางครั้งพระเยซูทรงทำให้พายุสงบดั่งที่พระองค์ทรงทำ บางครั้งพระองค์ก็ทรงปล่อยให้พายุซัดโหมกระหน่ำ และทำให้คุณสงบลง
การตอบสนองของสาวกที่มีต่อพระเยซูเป็นหนึ่งในความกลัวที่แข็งแรง (ข้อ 25ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ทั้งยังเป็นความอัศจรรย์ใจและความถ่อมใจต่อหน้าพระเยซู พวกเขาถามพระองค์ว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นใครนะ?’ (ข้อ 25)
คำถามของพวกเขาได้รับคำตอบผ่านชายที่ถูกผีเข้าสิงซึ่งพระเยซูทรงรักษา พระเยซูทรงเป็น ‘บุตรของพระเจ้าสูงสุด’ (ข้อ 28)
เมื่อกลุ่มคนเลี้ยงสุกรเห็นชายคนนั้นที่หายป่วยแล้ว ‘นั่งใกล้พระบาทของพระเยซู, นุ่งผ้ามีสติสัมปชัญญะ’ พวกเขาก็ ‘พากันกลัว’ (ข้อ 35) หรือ ‘กลัวแทบตาย’ (ข้อ 35, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาขอให้พระเยซูไปเสียจากพวกเขา ‘เพราะว่าเขากลัวมาก’ (ข้อ 37) ‘มีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปเร็วเกินไปและพวกเขากลัว’ (ข้อ 37, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
อีกครั้งที่เป็นความกลัวที่ไม่ถูกต้อง พวกเขากลัวเพราะสูญเสียสุกรที่มีค่าไป แล้วมันจะเป็นยังไงต่อไป? พวกเขามองไม่เห็นคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของชีวิตคน ๆ หนึ่ง พวกเขาปฏิเสธพระเยซูด้วยความกลัว แต่พระเยซูทรงไม่เคยกลัวพวกเขาหรือสิ่งอื่นใด
พระเยซูมีแนวทางที่น่าสนใจในการติดตามผล ชายที่ถูกผีเข้าสิงต้องการ ‘ติดตามพระองค์’ (ข้อ 38) อย่างไรก็ตามแนวทางของพระเยซูคือให้เขามีส่วนร่วมในการประกาศกับคนอื่นทันที พระองค์ตรัสว่า ‘“จงกลับไปที่บ้านของท่านและเล่าให้ชาวเมืองฟังถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงทำต่อท่าน” เขาก็ไปและประกาศให้คนทั้งเมืองทราบถึงเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่พระเยซูทรงทำต่อเขา’ (ข้อ 39)
ในการเผชิญหน้ากับพระเยซู เขาได้พบกับพระเจ้า ลูกาบรรยายไว้ว่า ‘พระเจ้าทรงทำต่อท่าน’ มากเพียงใด (ข้อ 39ก) และ ‘พระเยซูทรงทำต่อ(เขา)’ มากเพียงไร (ข้อ 39 ข) พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า นี่คือเหตุผลว่า ทำไมในที่สุดพระเยซูจึงเป็นคำตอบเดียวในความกลัวที่ผิด ๆ ของเรา อย่ามุ่งแต่เอาชนะความกลัว แต่จงเอาชนะความกลัวของคุณโดยพึ่งพาพระเยซู
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงประทานความยำเกรงที่แข็งแรง ความหวาดกลัว ความอัศจรรย์ใจ และความถ่อมใจต่อหน้าพระเยซูแก่ข้าพระองค์ และประทานความเชื่อในพระองค์ที่ช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากความกลัว ที่ไม่แข็งแรงทั้งหมดของข้าพระองค์
กันดารวิถี 29:12-31:24
จงยำเกรงพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนี้ สร้างความตกตะลึงให้กับคนสมัยใหม่อย่างเรา ๆ เป็นอย่างมาก บางส่วนของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมดูเหมือนจะยากมาก (เช่น กันดารวิถี 31:15–18) ไม่มีคำตอบง่าย ๆ สำหรับปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ บางครั้งสิ่งที่เราทำได้คือยึดมั่นในสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับความรักและความดีงามของพระเจ้า และวางใจว่ามีคำตอบแน่นอน แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจทั้งหมดก็ตาม
สิ่งที่เราเข้าใจได้ในพระธรรมตอนนี้ คือ ประชากรของพระเจ้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม มีความเกรงกลัวพระเจ้าเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กับการทรงสถิตของพระเจ้าแต่อย่างใด พวกเขารู้ว่าพระเจ้าแห่ง ความรักของพวกเขาเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรมที่ทรงรับโทษบาป และการละเมิดไปได้อย่างแน่นอน (กันดารวิถี 31)
สิ่งสำคัญสำหรับเราในฐานะคริสเตียนคือการตีความทั้งหมดนี้ผ่านทางชีวิตของพระเยซู:
-
พระเยซูเป็นเครื่องถวายบูชาที่สมบูรณ์องค์เดียว
จำนวนโคที่ถูกถวายเป็นเครื่องบูชาลดน้อยลงในแต่ละวัน (กันดารวิถี 29) จากจำนวนสิบสามเป็นเจ็ด ตัวและเหลือแค่หนึ่งตัว ได้ชี้ไปยังช่วงเวลาที่ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องถวายบูชาอีกต่อไป พระเยซูซึ่งเป็น เครื่องบูชาที่สมบูรณ์แบบเพียงพระองค์เดียว ที่เราไม่จำเป็นต้องถวายเครื่องเผาบูชาใด ๆ อีกต่อไป -
ในพระเยซูไม่มีทั้งชายและหญิง ข้อบังคับเกี่ยวกับคำสาบาน (กันดารวิถี 30) เหล่านี้ดูเหมือนทั้งพยายามปกป้องสตรีและเลือกปฏิบัติต่อพวกนาง เราต้องจำไว้ว่าสังคมโบราณส่วนใหญ่ผู้นำเผ่าและพวกผู้ชายถือเป็นผู้นำของครอบครัว ดังนั้นกฎเกณท์เหล่านี้จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้หญิงในสถานการณ์ที่พวกเธอถูกขัดขวางไม่ให้ปฏิบัติตามคำสาบานที่ได้ทำไว้
อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องใคร่ครวญสิ่งนี้ผ่านทางมุมมองของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านถ้อยคำของอัครสาวกเปาโลว่า ในพระคริสต์ไม่มีทั้งชายและหญิง (กาลาเทีย 3:28) เนื้อหาตอนนี้ในพระธรรมกันดารวิถีตอบสนองต่อบริบททางวัฒนธรรมโดยไม่ได้กำหนดหลักการเกี่ยวกับเพศ
- พระเยซูตรัสว่า ‘จงรักศัตรูของท่าน’ ในขณะที่เราได้เห็นการแก้แค้นของชาวมีเดียน มันเป็นการย้ำเตือนให้เห็นว่าพระเจ้ามีพระทัยเช่นไร กับคนที่พยายามชักนำผู้คนไม่ให้ติดตามพระองค์ ดูเหมือนว่าชาวมีเดียนจงใจพยายามทำเช่นนี้ ครั้งแรกด้วยการล่วงประเวณี และจากนั้นผ่านการต่อต้านทางการศึกสงคราม (กันดารวิถี 31:16 ; ดูข้อ 18 ด้วย)
อย่างไรก็ตาม เราต้องใคร่ครวญบทลงโทษนี้ ผ่านมุมมองของพระเยซูที่ตรัสว่า ‘จงรักศัตรู’ (มัทธิว 5:44) กุญแจสำคัญของทั้งหมดนี้คือไม้กางเขน ที่ไม้กางเขนเราจะเห็นอีกครั้งว่าพระเจ้ามีท่าทีจริงจัง เพียงใดเกี่ยวกับบาปและการพิพากษาของพระองค์ เรายังเห็นว่าความปรารถนาสูงสุดของพระองค์ คือ การอวยพรและไถ่เราทุกคน
สิ่งนี้เปลี่ยนแปลงท่าทีของเราต่อพระคำเหล่านี้ เปาโลบอกว่า ‘อย่าแก้แค้น’ (โรม 12:19) แต่เราต้องดำเนินชีวิตด้วยความรัก ดังที่อัครสาวกยอห์นเขียนไว้ว่า ‘ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่ สมบูรณ์นั้นก็ขับไล่ความกลัวออกไปเสีย’ (1 ยอห์น 4:18) นี่คือวิธีที่จะเอาชนะความกลัวของคุณ
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ขับไล่ความกลัวออกไป ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์รักพระองค์และไม่กลัวใครหรือสิ่งอื่นใด
Pippa Adds
สดุดี 39:4
ฉันไม่อยากอธิษฐานเหมือนที่ดาวิดอธิษฐาน คือ ขอให้พระเจ้าเปิดเผยวาระสุดท้ายของชีวิตและนับจำนวนวันของเขา แต่ฉันเลือกที่จะวางใจในพระเจ้าว่า เวลาที่พระองค์พาฉันกลับบ้านบนแผ่นดินสวรรค์นั้น จะเป็นเวลาที่เหมาะสม ฉันตระหนักดีว่าชีวิตที่ไม่เที่ยงเป็นอย่างไร และจะสั้นลงแค่ไหน มันทำให้ฉันถามตัวฉันเองว่า ฉันทำทุกอย่างที่ควรทำในแต่ละวันแล้วหรือยัง?
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More