พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

การเป็นแบบอย่างของคุณ
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสหยุดครู่หนึ่งเพื่ออธิษฐานให้กับผู้ฟังคนหนึ่งของท่าน ท่านโอบกอด และวางมือบนชายที่เป็นโรคท้าวแสนปม (neurofibromatosis) ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ร่างกายเสียโฉมอย่างรุนแรง ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยเนื้องอก ภาพของการโอบกอดของสมเด็จพระสันตะปาปาในจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์แพร่ในโซเชียลมีเดีย สร้างแรงบันดาลใจให้คนนับล้านด้วยแบบอย่างอันเจ็บปวดของพระคริสต์ มีพลังอันยิ่งใหญ่ในการเป็นแบบอย่าง เป็นการยากที่เราจะเติบโตหากไร้ซึ่งแบบอย่างอื่นใดที่นอกเหนือจากตัวเราเองที่จะปฏิบัติตาม ตัวอย่างที่ดีไม่ได้เป็นเพียงการสร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังทำให้เรามีรูปแบบในการลอกเลียนแบบและเรียนรู้จากตัวอย่างนั้น คุณไม่เพียงได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำตามแบบอย่างของผู้อื่นเท่านั้น แต่แบบอย่างของคุณมีความสำคัญหากคุณต้องมีอิทธิพลต่อไปยังผู้อื่น อัลเบิร์ต ชไวเซอร์ นักศาสนศาสตร์ นักปรัชญา และแพทย์ชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า ‘ตัวอย่างไม่ใช่สิ่งสำคัญในการมีอิทธิพลต่อผู้อื่น แต่เป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น’ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณดำเนินชีวิตมากกว่าสิ่งที่คุณพูด สิ่งที่คุณฝึกฝนมากกว่าสิ่งที่คุณสั่งสอน สิ่งที่คุณกระทำมากกว่าสิ่งที่คุณบอกออกไป สิ่งที่คนได้เห็นนั้นเป็นสิ่งสำคัญกว่าที่พวกเขาได้ยิน คนจะทำในสิ่งที่เห็น ดังที่จอห์น แมกซ์เวลล์เขียนไว้ว่า ‘89 เปอร์เซ็นต์ของสิ่งที่ผู้คนเรียนรู้มาจากการกระตุ้นด้วยภาพ 10 เปอร์เซ็นต์โดยการกระตุ้นด้วยเสียงและ 1 เปอร์เซ็นต์ผ่านประสาทสัมผัสอื่น ๆ ... *สิ่งที่พวกเขาได้ยินพวกเขาเข้าใจ สิ่งที่พวกเขาเห็นพวกเขาเชื่อ!*’ ตามที่เราได้อ่านเมื่อวานนี้ คุณถูกเรียกให้ทำตามแบบอย่างของพระเยซูในชีวิตของคุณ (1 เปโตร 2:21) วันนี้เราจะได้เห็นความหมายบางอย่างของสิ่งนี้สุภาษิต 28:18-28
ดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา
ความรู้เป็นดั่งแนวนอน สติปัญญาอยู่ในแนวตั้ง คือลงมาจากเบื้องบน การทำตามแบบอย่างของพระเยซูหมายถึงการดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา พระเยซูทรงดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญาตั้งแต่วัยเยาว์ ทรง ‘เต็มเปี่ยมด้วยสติปัญญา’ (ลูกา 2:40) ‘คนจำนวนมากที่ได้ยินพระองค์ก็ประหลาดใจ พูดกันว่า ปัญญาที่เขาได้รับเป็นปัญญาแบบไหนกัน…?’ (มาระโก 6:2)
การดำเนินชีวิตด้วยสติปัญญาหมายถึงอะไร? ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตกล่าวว่า ‘เดินตรง จะอยู่ดีกินดีและจะอยู่รอดแต่ชีวิตที่หลอกลวงจะเป็นชีวิตที่ถูกตัดสินโทษ’ (สุภาษิต 28:18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และกล่าวต่ออีกว่า ‘ถ้าท่านคิดว่าท่านรู้ทั้งหมด คุณเป็นคนโง่แน่ ๆ ผู้รอดชีวิตที่แท้จริงเรียนรู้ปัญญาจากผู้อื่น’ (ข้อ 26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เป็นการดีที่จะทำงานหนักมากกว่าที่จะ ‘ติดตามสิ่งไร้ค่า’ (ข้อ 19) ‘ทำงานส่วนของท่าน ท่านจะจบลงด้วยอาหารมากมาย ถ้ามัวแต่เล่นกับสังสรรค์ ท่านจะจบลงด้วยจานเปล่า’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
การซื่อสัตย์ดีกว่ามีท่าทีที่ ‘รีบเร่งรวยทางลัด’ (ข้อ 20) เป็นการดีที่จะเป็นคนใจกว้างเพราะ ‘คนตระหนี่เร่งหาทรัพย์สมบัติ และไม่ทราบว่าความขัดสนจะมาถึงเขา.... ผู้ที่ให้แก่คนยากจนจะไม่ขัดสน แต่ผู้ที่เพิกเฉยจะถูกแช่งสาปมาก’ (ข้อ 22, 27)
บางครั้งการเผชิญหน้าเป็นสิ่งจำเป็น ‘ผู้ที่ตักเตือนคนอื่น จะได้รับความโปรดปรานภายหลัง มากกว่าผู้ที่ใช้ลิ้นป้อยอ’ (ข้อ 23) พระเยซูไม่เคยกลัวการเผชิญหน้า ‘ในท้ายที่สุดตำหนิอย่างรุนแรงเป็นที่นิยมมากกว่าซึ่งประจบเยินยอ’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ให้เราวางใจในพระเจ้า ผู้ที่วางใจในพระยาห์เวห์จะเจริญรุ่งเรือง (ข้อ 25ข) และ ‘คนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญาจะปลอดภัย’ (ข้อ 26ข)
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญา ซึ่งคือการวางใจในพระองค์
1 เปโตร 3:1-22
มีชัยชนะได้ทั้งโดยคำพูดหรือปราศจากคำพูด
การดำเนินชีวิตตามแบบคริสเตียนเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการส่งต่อข่าวประเสริฐไปยังผู้ที่อยู่ใกล้คุณมาก สิ่งนี้ใช้ได้กับครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และคนที่คุณอาศัยอยู่ด้วยอย่างแน่นอน บ่อยครั้งคุณสามารถเทศนาด้วยชีวิตซึ่งดีกว่าด้วยริมฝีปากของคุณ
สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งหากสามีหรือภรรยาของคุณไม่ใช่คริสเตียน เปโตรหนุนใจภรรยาที่เป็นคริสเตียนว่าถ้าคนใดในพวกเขามีสามีที่ไม่เชื่อพระวจนะ พวกเขาอาจถูกเอาชนะได้โดยที่ไม่ต้องพูด เพราะพวกเขาเห็นความบริสุทธิ์ และความประพฤติที่นอบน้อมในชีวิตของพวกนาง (ข้อ 2)
พวกเขาอาจไม่สนใจคำพูดใด ๆ เกี่ยวกับพระเจ้า แต่พวกเขาจะ ‘หลงใหลในชีวิตอันบริสุทธิ์ของท่าน สิ่งที่สำคัญไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกของท่าน… แต่เป็นนิสัยภายในของท่าน’ (ข้อ 3–4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) มีสิ่งที่งดงามมากกว่าความงามภายนอกนั่นคือ ‘บุคลิกที่ซ่อนอยู่ในใจ ด้วยเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เสื่อมสลาย คือด้วยจิตใจที่สุภาพอ่อนโยนและจิตใจที่สงบ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า’ (ข้อ 4)
คำสอนของพระเยซูและของอัครสาวกเกี่ยวกับวิธีที่สามีควรประพฤติตนถือเป็นการปฏิวัติเลยทีเดียว ในสังคมที่มีแต่ภรรยาเท่านั้นที่มีหน้าที่และสามีเท่านั้นที่มีสิทธิ แต่เปโตรกล่าวว่าทั้งคู่ต่างมีหน้าที่ต่อกันและกัน
ตามที่เปโตรได้กล่าวแก่ผู้ที่เป็นภรรยาว่าจง ‘เป็นภรรยาที่ดี’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และบอกสามีให้เป็น ‘สามีที่ดี’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘จงให้เกียรติพวกเธอ เขามีความสุขในตัวพวกเธอ… ปฏิบัติต่อภรรยาของท่านอย่างเท่าเทียมกันเพื่อที่คำอธิษฐานของท่านจะไม่มีอุปสรรค’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สามีควรเอาใจใส่และให้เกียรติภรรยา ถ้าหากเราไม่ดำเนินในความสัมพันธ์นี้อย่างถูกต้อง คำอธิษฐานของคุณจะไม่เป็นผล (ข้อ 7)
อะไรคือวิถีชีวิตที่จะชนะใจคนโดยไม่พูดอะไร? นั่นคือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน มีจิตใจอ่อนโยนและถ่อมตัว ไม่ตอบแทนการร้ายด้วยการร้าย หรือด่าว่าตอบแทนการด่าว่า แต่จงอวยพรกัน (ข้อ 8–9) ไม่มีการตอบโต้ ไม่มีการเสียดกันด้วยการเหน็บแนม แต่จงอวยพรกัน นั่นคืองานของท่านคือการอวยพร ท่านจะได้เป็นพระพรและยังได้รับพระพรด้วย (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมลิ้นของคุณ ‘ไม่พูดอะไรที่ชั่วร้ายหรือทำให้บาดเจ็บ’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ลองฝึกตัวเองให้พูดในแง่บวกและความจริงอยู่เสมอ คุณต้อง ‘ดูแคลนความชั่วและปลูกฝังความดี วิ่งตามสันติสุขเพื่อทุกสิ่งที่คุณมีค่า’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สิ่งนี้จะนำไปสู่ชีวิตที่ปราศจากความกลัว (ข้อ 14) ที่ซึ่งพระเยซูได้ถูกสงวนไว้ในใจของคุณว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 15)
‘การไม่พูด’ อาจเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการเอาชนะใจคนที่อยู่ใกล้คุณ อย่างไรก็ตาม คำพูดก็มีความสำคัญเช่นกัน อย่าอายที่จะพูดแต่ ‘จงเตรียมพร้อมเสมอ ที่จะอธิบายกับทุกคนที่ขอทราบเหตุผลเกี่ยวกับความหวังของพวกท่าน แต่จงตอบด้วยความสุภาพอ่อนโยนและด้วยความนับถือ’ (ข้อ 15)
ความเย่อหยิ่ง และความหยาบคายไม่ค่อยจะชนะใจใคร เช่นเดียวกับการทุ่มเถียงด้วยวาจา คุณจำเป็นต้องมีการแก้ต่างทางศีลธรรม คือมโนธรรมที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้คนสามารถพูดในสิ่งที่พวกเขาชื่นชมเกี่ยวกับตัวคุณและมันไม่สำคัญอะไรเพราะพระเจ้าทราบถึงความจริงทั้งหมดแล้ว ‘จงรักษามโนธรรมที่ชัดเจนต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อว่าเมื่อมีคนโยนโคลนใส่คุณ มันจะไม่ติดตัวคุณ’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ดังที่ ริค วอร์เรนกล่าวไว้ว่า ‘คุณไม่สามารถควบคุมคำโกหกต่าง ๆ ที่ผู้คนอาจจะพูดถึงเกี่ยวกับคุณ แต่คุณสามารถควบคุมความจริง โดยใช้ชีวิตอยู่กับมัน จนทำให้ผู้คนที่ต้องการกล่าวหาคุณจำเป็นต้องสร้างเรื่องโกหกขึ้นมา’ นั่นคือไม้กางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ที่ทำให้จิตสำนึกที่ชัดเจนเป็นไปได้ พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อบาปเพียงครั้งเดียว... เพื่อนำคุณมาหาพระเจ้า (ข้อ 18)
นี่คือสิ่งที่เล็งถึงพิธีบัพติศมา ‘ไม่ใช่เป็นการชำระมลทินทางกาย แต่เป็นการวิงวอนพระเจ้าเพื่อจะมีมโนธรรมที่ดี’ (ข้อ 21)
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตด้วยมโนธรรมที่ดี
เอเสเคียล 45:1-46:24
นมัสการในวิถีทางของพระเจ้า
ในนิมิตเอเสเคียลมองเห็น ‘พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระเจ้า’ (45:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พื้นที่ทั้งหมดนั้นบริสุทธิ์ (ข้อ 1) และรวมถึงสถานศักดิ์สิทธิ์ที่ปุโรหิตปรนนิบัติต่อพระพักตร์พระเจ้า (ข้อ 2-4) และทรัพย์สินสำหรับชาวเลวี เจ้านาย และประชาชนทั้งหมด นี่เป็นนิมิตที่ทำให้ผู้คนต่างมีสันติสุข โดยที่ส่วนต่าง ๆ และสังคมในทุกระดับชั้นอยู่ร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและเป็นธรรมต่อกันและกัน
ไม่ใช่แค่ประชาชนอยู่ด้วยกันอย่างสุขสบายเท่านั้น นี่ยังเป็นสถานที่ที่ประชาชนในแผ่นดินจะ ‘นมัสการเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์’ (46:3) ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้คนเกิดจากพระเจ้า และหัวใจของทุกสิ่งคือการนมัสการ
มีสองสิ่งที่จำเป็นในการถวายนมัสการในทางของพระเจ้า ประการแรกคือการกลับใจ ข้อความของพระเจ้าถึงบรรดาผู้นำ (‘เจ้านายแห่งอิสราเอล’) คือ ‘เลิกกลั่นแกล้งและเอาเปรียบประชาชนของเรา ทำในสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลง ใช้เตาชั่งที่ซื่อสัตย์ ตุ้มน้ำหนักที่ซื่อสัตย์และมาตเครื่องชั่งที่ซื่อสัตย์’ (45:9–10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ประการที่สองคือการลบมลทิน (ข้อ 15, 17) เทศกาลปัสกาเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าพระเจ้าข้ามผ่านความบาปของคุณเนื่องด้วยการเสียสละของพระเยซู เลือดถูกทาบนเสาประตูถือเป็นทำนายเรื่องพระโลหิตของพระคริสต์ล่วงหน้า
เลข 7 เป็นตัวเลขสมบูรณ์ ‘ในวันที่ 7… ตลอด 7 วันที่มีเทศกาลเลี้ยงนั้น ให้เจ้านายจัดหาโคหนุ่ม 7 ตัว กับแกะผู้ 7 ตัวที่ปราศจากตำหนิ ... ตลอด 7 วันนั้น... เริ่มในเดือนที่ 7…’ (ข้อ 20, 21, 23, 25)
สิ่งนี้ชี้ไปที่ การเสียสละที่สมบูรณ์แบบ และเพียงพอและการลบมลทินของพระเยซูสำหรับคุณ ซึ่งทำให้คุณสามารถเข้าเฝ้าพระเจ้าและดำเนินชีวิตแห่งการนมัสการ
ให้เราดำเนินชีวิตในวิถีทางของไม้กางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู และใช้ชีวิตเพื่อเอาชนะใจคน รักษามโนธรรมที่ดีและดำเนินชีวิตโดยปราศจากความกลัว ทำตามแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบของพระเยซู แล้วชีวิตของคุณจะเป็นแบบอย่างสำหรับผู้อื่น
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์สิ้นพระชนม์ ทรงเป็นผู้ชอบธรรมเพื่อคนอธรรม เพื่อนำข้าพระองค์มาหาพระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตแห่งการนมัสการ ตามแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบของพระองค์
Pippa Adds
1 เปโตร 3:6 (พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Revised Standard Version โดยผู้แปล)
‘ซาราห์เชื่อฟังอับราฮัม จึงเรียกท่านว่านาย’
มีสองครั้งที่ฉันเรียกนิคกี้ว่า ‘ท่าน’ แต่โดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันยังเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ อาจเป็น ‘แม่’ และนอกเหนือจากนี้อีกสองสามชื่อ!
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Jesus Loves Me This I Know

BE a PILLAR

The Holy Spirit: God Among Us

Why I Believe

The Gift of Grace

Finding Hope When Pregnancy Loss or Postnatal Challenges Are Expected

The Creator's Battle: Winning the Inner War for Your Art

When You Are the Problem: The Courage to Look in the Mirror When Your Church Is in Crisis

What Is "The Way of Christ?"
