YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 322 OF 365

เราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร?

*เราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร - How Now Shall We Live ?* เป็นชื่อหนังสือของ ชัค โคลสัน อดีต ‘ที่ปรึกษา' ของประธานาธิบดีนิกสัน ผู้ก่อตั้ง Prison Fellowship ซึ่งชีวิตของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากเขาได้พบกับพระเยซูคริสต์ หลายศตวรรษก่อน เมื่อประชากรของพระเจ้าถูกเนรเทศและสิ้นหวัง พวกเขาร้องทูลพระเจ้าว่า "*เราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร?*" (เอเสเคียล 33:10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก King James Version ) คำถามเดียวกันนี้ดังก้องไปทั่วทุกยุคทุกสมัย ในฐานะที่เรานั้น ‘เชื่อในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา’ (ยากอบ 2:1) แล้ว*เราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร*?

 สดุดี 128:1-6

น้อมรับพระพร

พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานสันติสุข ความเจริญรุ่งเรือง อายุยืนยาว และพระพรในชีวิตครอบครัวสำหรับผู้ที่ดำเนินในทางของพระองค์ ‘ทุกคนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ ก็เป็นสุขคือผู้ที่เดินในพระมรรคาของพระองค์’ (ข้อ 1)

ท่านจะได้กินผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรงของท่าน (ข้อ 2) บางคนทำงานหนักเพื่อเงินตราและความสำเร็จ แต่ไม่เคยได้เพลิดเพลินกับสิ่งที่พวกเขาหามาได้เลย

แต่ ‘ท่านทั้งหลายที่ยำเกรงพระเจ้า ได้รับพระพรมากเหลือเกิน! ช่างเป็นสุขจริงๆ ท่านที่เดินบนทางเรียบของพระองค์!... จงเพลิดเพลินในพระพร อิ่มเอมในความดี!... ยืนหยัดในความยำเกรงพระเจ้า ใช่ โอ้ทรงอวยพรผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าอย่างยิ่ง! จงใช้ชีวิตให้มีความสุข...’ (ข้อ 1–6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำสัญญาเหล่านี้แทนที่ด้วยคำสัญญาของพระเยซูเรื่อง ‘ชีวิตในความบริบูรณ์’ (ยอห์น 10:10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Good News Translation โดยผู้แปล) ชีวิตของเราบนโลกนี้อาจสั้นและสำหรับหลาย ๆ คนอาจเต็มไปด้วยปัญหาและความยากลำบาก แต่พระพรจากพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าและเป็นนิรันดร์ (17:3) ชีวิตนิรันดร์คือคุณภาพชีวิตที่เริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้และดำเนินต่อไปเป็นนิตย์

น้อมรับพระพรของพระองค์ เดินในทางของพระองค์ และหนุนนใจผู้อื่นให้ทำเช่นเดียวกัน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับพระสัญญาอันอัศจรรย์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้น้อมรับพระพรของพระองค์ในวันนี้

ยากอบ 2:1-26

มีชีวิตอยู่ด้วยความรัก

คนยากจนมาหาเราในหลากหลายรูปแบบ แม่ชีเทเรซากล่าวว่า ‘อย่าหันหลังให้กับคนยากจน เพราะการหันหลังให้กับคนยากจน คุณกำลังหันหลังให้กับพระคริสต์’

การรักผู้ที่ขัดสนยากไร้ไม่ใช่ทางเลือกพิเศษ เป็นหัวใจของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เป็นหลักฐานของความเชื่อที่มีชีวิต 'ถ้าพวกท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าอย่างแท้จริงตามพระคัมภีร์ที่ว่า "จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" พวกท่านก็ทำดี' (ข้อ 8) โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักที่คุณแสดงออกในสิ่งที่คุณทำเพื่อคนยากไร้ (ข้อ 2-7) คนหิวโหย (ข้อ 15) และผู้ขัดสน (ข้อ 16) ‘ความเมตตาย่อมมีชัยชนะเหนือการพิพากษา’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

จงปฏิบัติต่อคนมั่งมีและคนยากจนอย่างเท่าเทียมกัน หากเราเลือกปฏิบัติกับคนยากจน เราก็ได้ 'ตัดสินด้วยความคิดที่ชั่วร้าย' (ข้อ 4) ถ้าเราหากมีความเอนเอียงแบบพระเจ้าต่อคนยากจนก็เป็นประโยชน์แก่พวกเขา (ข้อ 5)

ยากอบกล่าวอีกว่า 'ถ้าพี่น้องชายหญิงคนไหนขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารประจำวัน แล้วมีใครในพวกท่านกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “ขอให้กลับไปอย่างเป็นสุข ให้อบอุ่น และอิ่มหนำสำราญเถิด” แต่ไม่ได้ให้สิ่งจำเป็นฝ่ายกายแก่พวกเขา จะมีประโยชน์อะไร?’ (ข้อ 15–16)

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราถูกเรียกให้ดำเนินชีวิตให้แตกต่าง ความเชื่อของคุณต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำของคุณ ตลอดพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ทั้งสองสิ่งนี้ต้องควบคู่กันเช่นเดียวกับคำพูดกับการกระทำ ต้องทั้งประกาศควบคู่ไปการกระทำ และมีการเปลี่ยนแปลงของแต่ละบุคคล กับการเปลี่ยนแปลงของสังคม

ยากอบเขียนว่า 'พี่น้องของข้าพเจ้า แม้ใครจะกล่าวว่าตนมีความเชื่อแต่ไม่ได้ประพฤติตามจะมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ?… ลำพังความเชื่อ ถ้าไม่มีการปฏิบัติ ก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว’ (ข้อ 14,17) ‘สิ่งนี้ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือว่าพูดแบบพระเจ้า แต่ไม่มีการกระทำแบบพระเจ้า ก็เป็นสิ่งที่เหลวไหลอย่างยิ่ง?’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อีกนัยหนึ่ง ถ้าความเชื่อคุณไม่ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยน ความเชื่อนั้นก็ไม่ใช่ความเชื่อแท้จริงเลย

ยากอบกล่าวต่อว่า ‘ท่านไม่สามารถแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นการกระทำของท่านที่แยกจากความเชื่อของท่านได้กว่าที่ข้าพเจ้าสามารถแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้าแยกจากการกระทำของข้าพเจ้า ความเชื่อและการกระทำ การกระทำและความเชื่อ เหมือนใส่ถุงมือได้พอดี’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ยากอบพิสูจน์ว่าแค่ความเชื่อทางสติปัญญาในพระเจ้าไม่เพียงพอ ‘ท่านเชื่อว่าพระเจ้ามีเพียงองค์เดียว นั่นก็ดี แม้พวกผีก็เชื่อและกลัวจนตัวสั่น’ (ข้อ 19)

ที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับอาจารย์เปาโล ทั้งยากอบและอาจารย์เปาโลต่างใช้ตัวอย่างของอับราฮัมเพื่อแสดงให้เห็นว่าความชอบธรรมนั่นบังเกิดมาจากความเชื่อ ยากอบใช้ชีวิตของเขาเพื่อแสดงให้เห็นว่า ‘ท่านก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อนั้นทำงานควบคู่กับการประพฤติของเขา และความเชื่อก็สมบูรณ์โดยการประพฤตินั้น’ (ข้อ 22)

ตัวอย่างที่สองของยากอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน’ นี่ใม่ใช่เรื่องปกติ เขาดูไปที่การกระทำของราหับหญิงโสเภณีที่เธอแสดงความเชื่อในพระเจ้าด้วยการช่วยเหลือผู้สอดแนมชาวอิสราเอลสองคน (ดู โยชูวา 2) และผลที่ตามมา ‘ถือว่าชอบธรรม’ แม้ว่าแทบจะบอกไม่ได้ว่าเธอเป็นพลเมืองตัวอย่าง!

ยากอบแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่ได้พูดถึงการอยู่ในทางพระเจ้านั้นต้องเป็นคนดี โดยใช้ราหับเป็นตัวอย่าง ตรงกันข้าม เขากำลังแสดงให้เห็นว่ามี ‘ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและการกระทำ’ (ยากอบ 2:25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ราหับประพฤติตามสิ่งที่เธอเชื่อ ยากอบสรุปว่า ‘กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น’ (ข้อ 26)

ดังที่จอห์น คาลวินกล่าวไว้ว่า ‘ความเชื่อเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ถูกต้อง แต่ความเชื่อที่ถูกต้องจะทำให้เราไม่มีวันโดดเดี่ยว’ คุณไม่สามารถกระทำเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ได้รับความรอด คุณไม่ได้รับความรอดจากการทำดีของคุณ แต่คุณได้รับความรอดเพื่อทำการดี (เอเฟซัส 2:9–10) พระธรรมยากอบไม่ได้ขัดแย้งกับอัครสาวกเปาโล (อย่างที่บางคนแนะนำ) ประเด็นของยากอบคือไม่ใช่ว่าคุณสามารถได้รับความรอดจากการทำความดี ตรงกันข้าม เขากำลังบอกว่าความเชื่อที่แท้จริงจะพิสูจน์ได้จากวิธีที่คุณดำเนินชีวิต

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ที่จะดำเนินชีวิต และกระทำในสิ่งคนจนต้องการอย่างเร่งด่วน ทั้งในประเทศ และทั่วโลก

เอเสเคียล 33:21-35-15

เลี้ยงดูลูกแกะ

องค์พระยาห์เวห์ตรัสกับผู้นำของอิสราเอลว่าเป็นผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล (34:2) พระองค์กล่าวโทษคนเหล่านั้นที่สนใจแต่ตนเองไม่ใส่ใจฝูงแกะ (ข้อ 8) ‘ตัวที่อ่อนเพลียเจ้าก็ไม่ได้เสริมกำลัง ตัวที่เจ็บเจ้าก็ไม่ได้รักษา ตัวที่กระดูกหักเจ้าก็ไม่ได้พันผ้า ตัวที่หลงทางไปเจ้าก็ไม่ได้ไปตามกลับมา’ (ข้อ 4 )

พระเจ้าตรัสว่าคือ ‘เราเองจะค้นหาแกะของเรา และจะเสาะหาแกะ... ตัวเราเองจะเลี้ยงดูแกะของเรา เราจะทำให้เขานอนลง… เราจะเสาะหาแกะที่หาย เราจะนำตัวที่หลงกลับมา เราจะพันผ้าให้แกะที่กระดูกหัก และเราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย แต่เราจะทำลายแกะที่อ้วนและแข็งแรง เราจะเลี้ยงดูเขาด้วยความยุติธรรม’ (ข้อ 11,15–16)

ถ้อยคำของพระเจ้ามาถึงประชากรของพระองค์ผ่านทางเอเสเคียลนั้นเป็นเนื้อหาที่เหมือนกันกับยากอบ ‘พวกเขาฟังเจ้าพูดแต่ไม่ทำตามที่เจ้าพูด ...พวกเขารักที่จะฟังในสิ่งที่เจ้าพูดแต่ไม่มีการกระทำออกมาจากสิ่งที่ฟังเลย’ (33:31–32, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

แล้วเราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร? เมื่อเราเปรียบเทียบผู้เลี้ยงที่ดีกับผู้เลี้ยงที่ไม่สามารถดูแลฝูงแกะได้ เห็นชัดเจนเลยว่ามีหลายสิ่งที่คุณถูกเรียกให้ทำดังนี้:

  1. เสริมกำลังผู้ที่อ่อนแอ
    เรากระทำสิ่งนี้ผ่านคำสอนที่มี การหนุนใจ การอธิษฐานและการสร้างชุมชน

  2. เยียวยาผู้ที่เจ็บป่วย
    ให้เกียรติผู้ที่ทำงานในทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องในการรักษาเยียวยาผู้ป่วย คุณสามารถวางมืออธิษฐานบนผู้ป่วย และอธิษฐานในนามพระเยซู

  3. พันผ้าผู้ที่บาดเจ็บ
    มีคนจิตใจแตกสลายมากมายในสังคมของเรา เช่นในเรือนจำ คนจรจัดบนท้องถนน และแม้แต่ในห้องประชุมบริษัท พระวิญญาณของพระเจ้าทำให้คุณสามารถรักษาคนที่หักใจแตกสลายในขณะที่คุณอธิษฐานเผื่อพวกเขา กอดพวกเขา ฟังพวกเขา และดูแลพวกเขาในชุมชนของคุณ

  4. เสาะหาผู้ที่หลงหาย
    มีบุตรหญิงชายที่หลงหายมากมายจากพระบิดาเหมือนแกะหลง ช่วยพวกเขาให้กลับมาสู่อ้อมแขนของพระบิดา

  5. แสวงหาผู้ที่หลงทาง
    บางครั้ง คุณอาจต้องทิ้งแกะตัวอื่น ๆ เพื่อค้นหาตัวที่หลงทาง นำพวกเขากลับมาสู่การกลับใจและทำให้เกิดความปิติยินดีในสวรรค์มากขึ้น (ลูกา 15:1–7)

  6. เลี้ยงดูด้วยความยุติธรรม
    แสวงหาความยุติธรรมเพื่อผู้ถูกกดขี่ คนขัดสน และคนยากจน เราควรช่วยเหลือเด็ก ผู้หญิง และผู้ชายจากการเป็นทาส นำผู้กระทำความผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม ปล่อยเชลยให้เป็นอิสระและดูแลพวกเขา

พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์ซึ่งถือเป็นการสอดคล้องกับพระสัญญาเรื่องผู้เลี้ยงแกะคนใหม่ ‘ดาวิดผู้รับใช้ของเรา’ (เอเสเคียล 34:23) พระสัญญานี้ชี้ให้เห็นถึงกษัตริย์ดาวิดในอดีต ผู้ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดีที่สุดของอิสราเอลจนถึงปัจจุบัน แต่ยังชี้ให้เห็นล่วงหน้ากว่าผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่า ‘ดาวิด’ คือผู้ที่จะทำตามพระสัญญาเหล่านี้ทั้งหมดนั่นคือองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้ทรงเป็นกษัตริย์และพระผู้เลี้ยงของเรา

พระเยซูตรัสว่า ‘เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี’ (ยอห์น 10:14) โดยทางพระองค์คุณจะได้รับ ‘ห่าฝนแห่งพร’ (เอเสเคียล 34:26) และความรอด (ข้อ 27 ) 'เจ้าทั้งหลายเป็นแกะของเรา เป็นแกะในทุ่งหญ้าของเรา เจ้าทั้งหลายเป็นคนของเรา และเราเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า’ (ข้อ 31)

น้อมรับพระพรจากพระองค์ มีชีวิตอยู่ด้วยความรัก เสริมกำลังผู้อ่อนแอ รักษาผู้ที่เจ็บป่วย เยียวยาผู้ที่บาดเจ็บ นำผู้ที่หลงหายกลับมา เสาะหาผู้ที่หลงทาง และดูแลด้วยความยุติธรรม เราจำเป็นต้องดำเนินชีวิตแบบนี้ในปัจจุบัน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ข้าพระองค์ไม่เพียงฟังพระวจนะเท่านั้น แต่ให้ปฎิบัติตามด้วย

Pippa Adds

ยากอบ 2:13ข

‘ความเมตตามีชัยเหนือการพิพากษา’

การให้อภัยนั้นสำคัญกว่าการตัดสิน

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More