YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 198 OF 365

เหมือนไม่เคยทำบาปเลย

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผมเป็นทนายความ ผมสังเกตว่าการอยู่ต่อหน้าศาลเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัว สำหรับหลาย ๆ คน แม้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นพยานเท่านั้น การเป็นผู้ฟ้องร้อง บุคคลที่มีส่วนในคดีความ หรือจำเลยในคดีอาญาเป็นสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวกว่านัก ผมได้เห็นจำเลยแสดงอาการโล่งใจที่ได้พ้นโทษ และเมื่อศาลตัดสินให้ผู้ฟ้องนั้นชนะคดี ในระบอบกฎหมายของอิสราเอลสมัยโบราณ ความขัดแย้งทำให้ทั้งสองฝ่ายเสี่ยงต่อคำตัดสินของศาล กระบวนการของศาลนั้นมีบทบาทของการไถ่คืน คือผู้พิพากษาจะต้องช่วยฝ่ายถูกเพื่อแก้ไขความผิดที่เกิดขึ้น ในช่วงท้ายของคดี จะมี*การประกาศว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชอบธรรม* และอีกฝ่ายมีความผิด เมื่อการดำเนินการเป็นไปอย่างสำเร็จ นั่นหมายความว่าความยุติธรรมได้เกิดขึ้นแล้ว คำว่า ‘ชอบธรรม’ ในภาษาฮีบรูคือ t*saddiq (ซัด-ดิก)* ซึ่งพระคริสตธรรมคัมภีร์บางฉบับแปลว่า ‘ไม่มีความผิด’ หรือ ‘เป็นธรรม’ คือคนที่มีสถานะชอบธรรม นี่คือภูมิหลังในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมของ ‘การทำให้เป็นคนชอบธรรม’ นิยามของความชอบธรรมของเด็กคือ *'เหมือนกับว่าฉันไม่เคย'* ทำบาปเลย พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของเรา เมื่อคุณ*เชื่อ*ในพระองค์ นั่นแปลว่าคุณเป็นคน*ชอบธรรมแล้ว* คุณพ้นจากโทษบาปแล้ว คุณถูกการประกาศว่าชอบธรรมในสายพระเนตรของพระองค์ บาปไม่ได้แยกคุณออกจากพระเจ้าอีกต่อไป คุณสามารถอยู่ในความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระองค์และกับผู้อื่น นี่คือ *'ความชอบธรรม'*

สดุดี 86:1-10

ข่าวลือแห่งความชอบธรรม

ดาวิดมีประสบการณ์กับพระพรของการถูกทำให้ชอบธรรมโดยความเชื่อและการเป็นลูกของพระเจ้า เขาเขียนว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอทรงก้มพระกายลงและ ฟังเสียงร้องขอการช่วยกู้ของข้าพระองค์’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เหมือนกับบิดามารดาที่ก้มตัวลงมาอย่างรักใคร่เพื่อให้ลูกสามารถกระซิบข้างหู พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของลูก ๆ ของพระองค์ ‘ในวันที่ข้าพระองค์ทุกข์ใจ ข้าพระองค์จะร้องทูลพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงตอบข้าพระองค์’ (ข้อ 7)

ดาวิดไม่ได้รับพรของการมีชีวิตอยู่ภายใต้พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เพราะว่าเขาอยู่ล่วงหน้าการ สิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ถึงกระนั้นไม้กางเขนก็ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเวลา แต่มีผลต่อคนที่มีชีวิตอยู่ก่อนพระเยซูด้วย เช่น อับราฮัมและดาวิด แน่นอน อาจารย์เปาโลเน้นถึงดาวิดว่าเขาได้รับรู้ถึงพระพรอันอัศจรรย์ของการยกโทษและการฟื้นฟูของพระเจ้า (โรม 4:6-8, สดุดี 32:1-2ก)

อาจารย์เปาโลกำลังบอกว่าในอีกทางหนึ่ง ดาวิดได้มีประสบการณ์กับ ‘ความชอบธรรมโดยความเชื่อ’ แม้สิ่งนั้นยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม

ประการแรก เขาเข้าใจถึงความรักของพระเจ้า เขารู้ว่าพระเจ้าทรง ‘อุดมด้วยความรักมั่นคงต่อทุกคนที่ร้องทูลพระองค์’ (สดุดี 86:5ข)

ประการที่สอง เขารู้ว่าพระเจ้าทรงเมตตาและให้อภัย ‘ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์... เพราะพระองค์ประเสริฐและทรงให้อภัย...ขอทรงสดับเสียงวิงวอนของข้าพระองค์’ (ข้อ 3ก, 5ก, 6ข)

ประการที่สาม ถึงแม้ดาวิดจะรู้ว่าเขาไม่คู่ควรได้รับการอภัยและพระเมตตา เพราะเขาไม่สามารถได้ มาโดยการกระทำ แต่เขามีความเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงช่วยเขาโดยความเชื่อที่เขามีในพระองค์ ‘ขอทรงช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ผู้วางใจในพระองค์ให้รอด’ (ข้อ 2ข)

ถ้าให้พูดอีกแบบคือ ดาวิดเข้าใจถึงองค์ประกอบทั้งหมดที่ก่อให้เกิดการเป็นผู้ชอบธรรมโดยความเชื่อ ยกเว้นข้อเดียว ชิ้นส่วนที่หายไปนั้นคือการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเพราะบาปของเรา

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณสำหรับความรักแสนอัศจรรย์ที่พระองค์มีต่อข้าพระองค์ ขอบคุณพระองค์ที่ทรงช่วยกู้คนที่วางใจในพระองค์

โรม 4:1-15

การเฉลิมฉลองของผู้ชอบธรรม

เราผู้ซึ่งเป็นมนุษย์ที่มีมลทินอย่างมหันต์จะชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร? คุณจะเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรได้อย่างไร? มันเป็นอะไรที่คุณต้องทำงานอย่างหนักตลอดชีวิตและคาดหวังสิ่งที่ดีที่สุดหรือไม่?

เปาโลบอกว่า ‘ไม่’ การมีชีวิตอยู่ การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูนั้นก่อให้เกิดสิ่งอัศจรรย์ ตอนนี้เราสามารถรับเอาความชอบธรรม ซึ่งเป็นของขวัญที่ไม่ต้องจ่ายราคา เราได้รับ ไม่ใช่โดยการทำงานหนัก แต่โดยการแสดงออกด้วยความเชื่อ (ข้อ 1-5)

หนึ่งในคำถามที่ถูกถามบ่อยในอัลฟ่าคือ ‘ถ้าพระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของเรา เกิดอะไรขึ้นกับคนที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้าพระเยซู?’

เปาโลรู้ว่าเขาจะต้องจัดการกับกรณีของอับราฮัม เพราะฝ่ายตรงข้ามอาจโต้เถียงว่าอับราฮัมถูกชำระให้ชอบธรรมโดยการประพฤติ จึงมีทางที่จะอวดได้ (ข้อ 2) อาจารย์เปาโลจึงชี้ให้เห็นว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์ประกาศดังนี้ ‘อับรามก็เชื่อพระยาห์เวห์ ความเชื่อนั้นพระองค์ทรงถือว่าเป็นความชอบธรรมแก่ท่าน’ (ข้อ 3 , ปฐมกาล 15:6) อาจารย์เปาโลแย้งว่าข้อถ้อยคำนี้หมายถึงของประทาน ไม่ใช่สิ่งที่ได้รับเพราะการประพฤติ (โรม 4:5)

'หากท่านเป็นคนที่ทำงานหนักและทำออกมาอย่างดี ท่านก็สมควรได้รับค่าจ้าง เราไม่เรียกค่าจ้างว่าของประทาน แต่หากท่านมองว่างานนั้นหนักเกินไป เป็นสิ่งที่พระเจ้าเท่านั้นสามารถกระทำได้ และวางใจให้พระองค์ทำ นั่นคือสิ่งที่ทำให้คุณชอบธรรมต่อพระองค์ โดยพระองค์ นั่นเป็นของประทานที่ยิ่งใหญ่’ (ข้อ 4-5 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ฝ่ายตรงข้ามของอาจารย์เปาโลอาจจะโต้แย้งว่าของประทานนี้มีไว้สำหรับคนยิวเท่านั้น (พวกที่เข้าสุหนัต) แต่อาจารย์เปาโลชี้ให้เห็นว่าการเข้าสุหนัตมาหลังอับราฮัม (ปฐมกาล 17) ดังนั้นพระพรของการถูกทำให้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อจึงมีสำหรับพวกที่เข้าสุหนัต (คนยิว) และพวกที่ไม่ได้เข้าสุหนัต (มนุษยชาติที่เหลือ) (โรม 4:9-10)

การเข้าสุหนัตไม่ใช่ต้นเหตุของการเป็นคนชอบธรรม แต่มันคือตราประทับ อับราฮัมเข้าสุหนัตเพื่อเป็นหลักฐานและเป็นการยืนยันถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงทำไว้นานก่อนหน้าเพื่อนำเขามาสู่ ความชอบธรรม เป็นการกระทำของพระเจ้าซึ่งเขาได้อ้าแขนรับไว้ตลอดชีวิตของเขา (ข้อ 11-12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เรื่องราวของอับราฮัมทำให้เห็นชัดเจนว่าการถือว่าเป็นคนชอบธรรมไม่ได้เกิดจากการประพฤติ การเข้าสุหนัต หรือกฎบัญญัติ แต่โดยพระคุณของพระเจ้าผ่านทางความเชื่อในพระเยซู ถ้าอับราฮัมถูกทำให้ชอบธรรม โดยความเชื่อ เขาก็เป็นบิดาของทุกคนที่มีความเชื่อ (รวมทั้งคนที่ยังไม่ได้เข้าสุหนัตด้วย ,ข้อ 11-12)

ไม้กางเขนส่งผลตลอดกาลเวลา ผ่านสิ่งที่พระเยซูทรงทำบนกางเขนนั้น แม้แต่คนที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยว กับพระองค์แต่ได้เชื่อวางใจในพระเจ้า ก็ถูกทำให้ชอบธรรมโดยความเชื่อ

คุณจำเป็นจะต้องเข้าใจทั้งหมดนี้เพื่อจะเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อไหม? ไม่เลย ความชอบธรรมเกิดขึ้นโดยความเชื่อ คุณไม่จำเป็นต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับความชอบธรรมโดยความเชื่อเพื่อจะถูกทำให้ชอบธรรมโดยความเชื่อ คุณเพียงแค่ต้องเชื่อ ‘นี่คือเหตุผลที่พระสัญญาของพระเจ้าจะเป็นจริงก็ขึ้นอยู่กับการวางใจพระเจ้าและหนทางของพระเจ้าเท่านั้น จากนั้นคือการเปิดรับพระองค์และสิ่งที่พระองค์ทรงทำ พระสัญญาของพระเจ้ามาในรูปแบบของประทานที่บริสุทธิ์’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ข้าแต่พระบิดา ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับความจริงอันอัศจรรย์ว่าข้าพระองค์ถูกทำให้ชอบธรรมและพ้นจากโทษโดยการสิ้น พระชนม์ของพระเยซูเพื่อข้าพระองค์และโดยความเชื่อในพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์เข้าใจถึงความจริง ข้อนี้อย่างลงลึก และสามารถอธิบายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อคนอีกมากมายจะรู้ถึงพระพรอันยิ่งใหญ่ของความชอบธรรมโดยความเชื่อ

อาโมส 5:1-27

ชุมชนของผู้ที่ถูกทำให้ชอบธรรม

พระเจ้าไม่สนพระทัยว่าเรา ‘เคร่งครัดทางความเชื่อ’ มากแค่ไหน พระองค์ทรงคำนึงถึงความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และความชอบธรรมมากกว่า ถ้าปราศจากสิ่งเหล่านี้ ความเชื่อก็เป็นเพียงความหน้าซื่อใจคด พระองค์ตรัสว่า

‘เราไม่อาจทนต่อการประชุมทางความเชื่อของเจ้า
|เราเบื่อหน่ายการประชุมและการชุมนุมของเจ้า
เราไม่ต้องการมีส่วนในโครงการความเชื่อใด ๆ ของเจ้า
|คติพจน์และเป้าหมายที่เสแสร้งของเจ้า
เราเอียนแผนการระดมทุนของเจ้า
|การประชาสัมพันธ์และการสร้างภาพเหล่านั้น
เราสุดจะทนต่อเสียงดนตรีดังเพื่อสนองความเห็นแก่ตัวของเจ้า
|ครั้งสุดท้ายที่เจ้าร้องเพลงให้เราคือเมื่อใด?
เจ้ารู้ถึงสิ่งที่เราต้องการหรือไม่
|เราประสงค์ความยุติธรรม ดั่งแม่น้ำกว้างใหญ่
เราประสงค์ความชอบธรรมอย่างลำธารมากหลาย
|นั่นคือสิ่งที่ต้องการ นั่นคือทั้งหมดที่เราประสงค์’
(ข้อ 21-24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ใจกลางของความสำเร็จของความชอบธรรมโดยความเชื่อ คือประชากรของพระเจ้าตอบสนองโดยการกระทำที่ชอบธรรมและยุติธรรม จอห์น คาลวิน กล่าวว่า ‘ความเชื่อโดยลำพังเท่านั้นที่ชอบธรรม แต่กระนั้นความเชื่อที่ชอบธรรมมิได้มาแต่โดยลำพัง’ การตอบสนองอย่างธรรมชาติของเราต่อสิ่งที่พระเจ้าทรงทำเพื่อเราควรที่จะสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์

ความชอบธรรมและความยุติธรรมมีบทบาทสำคัญในบทนี้และในพระธรรมอาโมสทั้งบท พระเจ้าประสงค์ความยุติธรรมแก่คนยากจน พระองค์ตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะอาโมสว่า

‘เพราะเจ้าเอาเปรียบคนยากจน
|และดึงขนมปังออกจากปากของพวกเขา
เจ้าจะไม่มีวันได้ย้ายเข้าไปอยู่
|ในบ้านหรูหราที่เจ้าสร้างขึ้น
เจ้าจะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่น
|จากสวนองุ่นราคาแพงที่เจ้าปลูก
เรารู้ขอบเขตการละเมิดของเจ้าอย่างละเอียด
|ความบาปของเจ้าที่ใหญ่โตมหึมา!
เจ้าข่มเหงคนที่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง
|เจ้ารับสินบนจากรอบด้านและไล่เตะคนยากจนเมื่อพวกเขาล้มลง
ความยุติธรรมได้พ่ายแพ้เสียแล้ว’ (ข้อ 10-13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้ความอธรรมดำเนินต่อเป็นนิจ พระองค์จะทรงแทรกแซงและนำความชอบธรรมมา พระเจ้าทรงเกลียดความอธรรม

ประเด็นเรื่องของความยุติธรรม เช่น การช่วยเหลือคนที่ถูกบังคับให้เป็นแรงงานหรือเป็นทาสในรูปแบบต่าง ๆ การต่อสู้กับการค้าประเวณี การเหยียดผิว หรือความอธรรมในรูปแบบอื่น ๆ ควรจะเป็นงานที่เราให้ความสำคัญอย่างสูง ‘แต่จงให้ความยุติธรรมหลั่งไหลลงอย่างน้ำ และให้ความชอบธรรมเป็นอย่างลำธารที่ไหลอยู่เป็นนิตย์!’ (ข้อ 24)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ความเชื่อเท่านั้นสามารถทำให้คนหนึ่งชอบธรรมได้ แต่ความเชื่อไม่ควรจะอยู่โดยลำพัง โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ดำรงในความเชื่อโดยการประพฤติตัวอย่างชอบธรรมและแสวงหาความชอบธรรมแก่ทุกคน

Pippa Adds

สดุดี 86:2

‘ขอทรงคุ้มครองชีวิตข้าพระองค์ไว้’

ความเลวร้ายต่าง ๆ นานา เกิดขึ้นทั่วโลกและภัยอันตรายทุกรูปแบบ การพยายามขี่จักรยานตามนิคกี้ ขณะที่เขาขี่ไปตามท้องถนนในลอนดอน (ด้วยความเร็วสูง) เป็นสิ่งที่น่าตื่นตระหนก ‘ขอทรงคุ้มครองชีวิตข้าพระองค์ไว้’ เป็นคำอธิษฐานที่ช่วยปลอบประโลมใจยิ่ง

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More