พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

วิธีนมัสการพระเจ้า
ในหนังสือ *The Vision and The Vow* ของเขา พีท เกรก เล่าถึงวิธีที่นักวิจารณ์ศิลปะที่มีชื่อเสียงกำลังศึกษาภาพวาดอันงดงามโดย ฟิลิปปีโน ลิปปี ปรมาจารย์ด้านศิลปะเรเนซองซ์ ชาวอิตาลี เขายืนอยู่ในแกลเลอรี่ หอศิลป์แห่งชาติของลอนดอน จ้องไปที่ภาพวาดสมัยศตวรรษที่ 15 เป็นภาพนางมารีย์กำลังอุ้มพระกุมารเยซูบนตักของเธอ โดยมีนักบุญโดมินิกและเจอโรมคุกเข่าอยู่ใกล้ ๆ แต่ภาพวาดทำให้เขาลำบากใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทักษะของลิปปีคือการใช้สีหรือองค์ประกอบ แต่สัดส่วนของภาพดูผิดไปเล็กน้อย เนินเขาที่อยู่ด้านหลังดูใหญ่เกินจริง ราวกับว่าจะเทหลุดออกจากกรอบลงไปที่บนพื้นขัดมันของแกลเลอรี่ได้ทุกนาที นักบุญทั้งสองที่คุกเข่าอยู่ก็ท่าทางดูเคอะเขิน และน่าอึดอัด นักวิจารณ์ศิลปะ โรเบิร์ต คูมมิ่งไม่ใช่คนแรกที่วิพากษ์วิจารณ์งานของ ลิปปี ด้วยมุมมองที่ไม่ดี แต่เขาอาจเป็นคนสุดท้ายที่ทำเช่นนั้น เพราะในขณะนั้น เขาได้รับการเปิดเผย จู่ ๆ ดูเหมือนว่าปัญหาอาจอยู่ที่ตัวเขาเอง ภาพวาดนี้ไม่ควรมาแขวนในแกลเลอรี่ ภาพวาดของลิปปีวาดขึ้นเพื่อจะนำไปแขวนไว้ในพื้นที่แห่งการอธิษฐาน นักวิจารณ์เลื่องชื่อคนนี้จึงคุกเข่าลงในแกลเลอรี่สาธารณะต่อหน้าภาพวาด ทันใดนั้นเขาก็เห็นสิ่งที่นักวิจารณ์ศิลปะหลายชั่วอายุคนพลาดไป จากมุมมองใหม่ของเขา โรเบิร์ต คูมมิ่ง พบว่าตัวเองกำลังแหงนหน้ามองชิ้นส่วนที่มีสัดส่วนสมบูรณ์แบบ ส่วนโฟร์กราวด์เคลื่อนไปเป็นแบ็คกราวด์อย่างเป็นธรรมชาติ ในขณะที่ภาพนักบุญที่ดูน่าอึดอัด กลับกลายเป็นความสง่างาม เวลานี้ ภาพนางมารีย์มองมาที่เขาตรง ๆ และเปี่ยมด้วยความเมตตา ขณะที่เขาคุกเข่าลงที่เท้าของนาง ที่ระหว่างนักบุญดอมินิคและเจอโรม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ตัวภาพวาด ที่วาดมาด้วยมุมมองผิด ๆ แต่เป็นมุมมองของคนที่มองภาพต่างหาก โรเบิร์ต คูมมิ่ง คุกเข่าลงพบความงาม ที่โรเบิร์ต คูมมิ่งนักวิจารณ์ศิลปะผู้เลื่องชื่อทำไม่ได้ ภาพวาดนั้นมีชีวิตขึ้นสำหรับผู้ที่คุกเข่าในการอธิษฐานเท่านั้น มุมมองที่ถูกต้อง คือ ท่าทีของการนมัสการสดุดี 84:8-12
ค้นพบพระพรของการนมัสการ
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะเปรียบเทียบได้กับการนมัสการพระเจ้า การดำเนินชีวิตใกล้ชิดกับพระองค์และได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ นี่คือสิ่งที่ผู้เขียนพระธรรมสดุดีอธิษฐาน 'ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพ ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์...ขอทรงดูหน้าผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้’ (ข้อ 8–9)
พระธรรมสดุดีตอนนี้ทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระพรของการนมัสการพระเจ้าในที่ประทับของพระองค์ (ในช่วงเวลานั้น นั่นคือพระวิหารในเยรูซาเล็ม) ผู้ที่อาศัยอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าได้รับพระพร และพวกเขา ‘สรรเสริญพระองค์เสมอ’ (ข้อ 4)
ผู้เขียนพระธรรมสดุดีกล่าวว่า เขาอยากใช้เวลาหนึ่งวันในพระนิวเศพระเจ้ามากกว่าหนึ่งพันวันในที่อื่น ๆ ‘เพราะวันเดียวในบริเวณพระนิเวศน์ของพระองค์ ดีกว่าพันวันในที่อื่น ข้าพเจ้าจะขอเป็นคนเฝ้าประตูพระนิเวศน์พระเจ้าของข้าพเจ้า ดีกว่าอยู่ในเต็นท์ของความอธรรม’ ( ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
การนมัสการพระเจ้าคือการได้สัมผัสกับพระองค์ในฐานะ ‘ดวงตะวัน’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ที่ส่องมาหาเราด้วยแสงสว่างและความอบอุ่นของพระองค์ และเป็น ‘โล่’ ที่ปกป้องเราจากความชั่วร้าย (ข้อ 11)
เขาอธิษฐานเพื่อสิ่งนี้เพราะเขารู้ว่านั่นวิเศษเพียงใด ‘พระยาห์เวห์ประทานความโปรดปรานและเกียรติ พระองค์มิได้ทรงหวงสิ่งดีอันใดไว้จากบรรดาผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์ ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพคนที่วางใจในพระองค์ก็เป็นสุข’ (ข้อ 11–12)
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์นมัสการพระองค์วันนี้ หนึ่งวันต่อหน้าพระองค์ก็ดีกว่าพันวันในที่อื่น ๆ ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์วางใจในพระองค์และนมัสการพระองค์ต่อไป
โรม 1:18-32
นมัสการพระเจ้าเพียงผู้เดียว
คุณจะเป็นเหมือนสิ่งที่คุณนมัสการ ถ้าเรานมัสการรูปเคารพที่ไร้ค่า ชีวิตของเราก็ไร้ค่า ถ้าเรานมัสการพระเจ้า ในที่สุดเราก็จะเป็นเหมือนพระองค์
อัครสาวกเปาโลเริ่มต้นในข้อนี้เพื่อเปิดเผยสิ่งที่ผิดพลาดในโลกนี้ หัวใจของปัญหาคือมนุษยชาติได้ ‘นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง’ (ข้อ 25)
พระเจ้าได้เปิดเผยพระองค์เองโดยเฉพาะในพระคัมภีร์และในท้ายที่สุดคือในพระเยซูคริสต์ ผู้ ‘ทรงมีแก่นแท้เดียวกับพระเจ้า’ (ฮีบรู 1:3) แต่คนที่ไม่เคยได้ยินข่าวดีล่ะ? ข้อโต้แย้งของอาจารย์เปาโลในที่นี้คือเราทุกคน ‘ไม่มีข้อแก้ตัว’ (โรม 1:20)
พระเจ้าได้ทรงเปิดเผยพระองค์เองในการทรงสร้างของพระองค์ว่า ‘แต่ความจริงขั้นพื้นฐานของพระเจ้านั้นชัดเจนเพียงพอ จงเปิดตาของเจ้าและมันอยู่ที่นี่! โดยการมองดูให้นานและใคร่ครวญสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้าง ผู้คนสามารถมองเห็นสิ่งที่ดวงตามองไม่เห็นได้อยู่เสมอ อย่าง ฤทธิ์อำนาจนิรันดร์ และความลึกลับแห่งการคงอยู่ของพระองค์ ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถให้ข้อแก้ตัวดี ๆ ได้’ (ข้อ 19–20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้านี้เป็นเพียงบางส่วนและมีจำกัด แต่ตามที่ผู้เขียนพระธรรมสดุดีกล่าวไว้ว่า ‘ท้องฟ้าประกาศพระสิริของพระเจ้าและพื้นฟ้าสำแดงผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์’ (สดุดี 19:1)
เราต้องมองโลกที่ถูกสร้างขึ้นเท่านั้นจึงจะรู้ว่ามีพระเจ้า ปัญหาของโลกคือ แม้จะมีการเปิดเผยจากพระเจ้า ‘พวกเขาปฏิเสธที่จะนมัสการพระองค์’ (โรม 1:21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘เขาก็ไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือขอบพระคุณพระองค์’ (ข้อ 21) แต่พวกเขา ‘นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น’ (ข้อ 25)
ดังนั้น อัครสาวกเปาโลจึงเขียนว่า ‘พระเจ้าทรงปล่อยให้เขา’ (ข้อ 24, 26,28) พระเจ้าอนุญาตให้เราไปตามทางของเราเองเพื่ออย่างน้อยเราจะได้เรียนรู้จากผลอันเลวร้ายที่ตามมา ชีวิตที่หันหลังให้การนมัสการพระเจ้านั้นไร้ประโยชน์ในท้ายที่สุด ตามที่ฉบับ The Message กล่าวไว้ นั่นคือ ‘ไม่มีพระเจ้าและไร้ความรัก’ (ข้อ 27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
‘เนื่องจากพวกเขาไม่สนใจที่จะยอมรับพระเจ้า พระเจ้าจึงเลิกรบกวนพวกเขาและปล่อยให้พวกเขาหนีไป แล้วนรกทั้งหมดก็เปิดออก’ (ข้อ 28 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เมื่อการนมัสการพระเจ้าเสื่อมลง ศีลธรรมของสังคมก็เสื่อมลงตามไปด้วย เราไม่ควรแปลกใจที่การนมัสการพระเจ้าในประเทศของเรานั้นลดลง หลายสิ่งหลายอย่างที่อธิบายไว้ในข้อนี้จึงเกิดขึ้นตามมา
หากคุณต้องการรักษามุมมองที่ถูกต้อง ให้จับตาดูพระเยซูและนมัสการและรับใช้พระผู้สร้างของคุณต่อไป
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานขอให้สังคมของเราหันจากการนมัสการสิ่งทรงสร้างและกลับมารื้อฟื้นการนมัสการพระองค์ พระผู้สร้างของเรา
2 พงศ์กษัตริย์ 24:8-25:30
อธิษฐานเผื่อการรื้อฟื้นการนมัสการ
เมื่อเรามองไปที่สังคมรอบตัวเรา บางครั้งอาจดูเหมือนเราถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ดูเหมือนว่าคริสตจักรกำลังพังทลาย
ในข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ เราเห็นว่าประชากรของพระเจ้าเคยผ่านช่วงเวลาที่สิ้นหวังในอดีต แต่เราก็มองเห็นความหวังสำหรับอนาคตเช่นกัน
เมื่อพระธรรมพงศ์กษัตริย์จบลง เราเห็นผลที่ตามมาอันเลวร้ายของประเทศหนึ่งที่ได้ทำสิ่งที่อัครสาวกเปาโลอธิบายไว้ในข้อพระคัมภีร์ของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ของเราในวันนี้ พวกเขาหันหลังให้กับการนมัสการพระเจ้าแล้วเปลี่ยนไปนมัสการบูชารูปเคารพ (สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น)
ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นความพินาศของกรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารและผู้คนที่จะถูกเนรเทศ
ในรัชสมัยของเยโฮยาคีน (597 ปีก่อนคริสตกาล) 'ในเวลานั้นข้าราชการของเนบูคัดเนสซาร์ พระราชาแห่งบาบิโลน ยกขึ้นมายังกรุงเยรูซาเล็มล้อมกรุงไว้’ (24:10) ผู้นำของประชาชนถูกกวาดต้อน (ข้อ 14)
กษัตริย์องค์ต่อไปได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์แห่งบาบิโลน เศเดคียาห์ (597–587 ปีก่อนคริสตกาล) ไม่ได้ดีกว่าและสิ่งต่าง ๆ เลวร้ายลงเรื่อย ๆ เมื่อเนบูคัดเนสซาร์วางล้อมกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้ง (บทที่ 25) คราวนี้ผลที่ตามมาก็ยิ่งทำให้เกิดความเสียหายและถูกทำลายมากขึ้นไปอีก เนบูคัดเนสซาร์ ‘เผาพระนิเวศน์ของพระยาห์เวห์ พระราชวัง และบ้านเรือนทั้งหมดของเยรูซาเล็ม ท่านเผาบ้านใหญ่ทุกหลังลงหมดด้วยไฟ’ (25:9) ผู้คน ‘ถูกเนรเทศ’ (ข้อ 11) ‘ยูดาห์ถูกเนรเทศ ออกจากแผ่นดินของเธอ’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
มีคนบอกเราว่า ‘เพราะพระพิโรธของพระยาห์เวห์ต่อเยรูซาเล็มและยูดาห์ พระองค์จึงทรงเหวี่ยงทั้งสองไปให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์’ (24:20)
ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องอ่านควบคู่ไปกับพระธรรมเยเรมีย์ และเอเสเคียล ผู้เผยพระวจนะสองคนที่กำลังพยากรณ์อยู่ในขณะนี้ (ดูโดยเน้นที่ เยเรมีย์ 13:18, เยเรมีย์ 39 และ 52, เอเสเคียล 12 และ 24) การสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้คนของพระเจ้าคือการทำลายพระวิหาร นี่คือสถานที่ที่พวกเขานมัสการพระเจ้าและสัมผัสกับการประทับของพระองค์ ตอนนี้พวกเขา ‘ถูกเหวี่ยงให้พ้น' จากการสถิตของพระองค์ (2 พงศ์กษัตริย์ 24:20) นี่เป็นผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดจากการถูกกวาดต้อนเป็นเชลย
กระนั้น พระธรรมพงศ์กษัตริย์ก็จบลงด้วยแสงแห่งความหวังเล็ก ๆ ในปีที่สามสิบเจ็ดแห่งการเป็นเชลยของกษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ เขาได้รับการปล่อยตัวจากคุก (25:27) ได้รับเชิญไปรับประทานอาหารที่โต๊ะของกษัตริย์เป็นประจำ (ข้อ 29) การเป็นเชลยจะไม่คงอยู่ตลอดไป นี่คือบันทึกของความคาดหวังถึงสิ่งที่ดีกว่าที่จะมาถึง ผู้คนของพระเจ้าจะกลับจากการเป็นเชลยและสร้างวิหารขึ้นใหม่ และเริ่มยินดีไปกับการประทับของพระเจ้าและการนมัสการพระเจ้าอีกครั้ง
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์เพื่อการรื้อฟื้นและฟื้นฟู ขอพระองค์ทรงฟื้นฟูคริสตจักรของพระองค์ในประเทศนี้ ฟื้นฟูเราอีกครั้ง ขอให้ประเทศชาติของเราหันกลับมาหาพระองค์ เริ่มนมัสการพระองค์อีกครั้ง ยินดีกับการสถิตอยู่ของพระองค์และคุกเข่าลงต่อหน้าพระองค์ มองสิ่งต่างๆ จากมุมมองที่ถูกต้อง
Pippa Adds
สดุดี 84:11ข
‘พระองค์มิได้ทรงหวงสิ่งดีอันใดไว้จากบรรดาผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์’
ฉันได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ ‘(พระองค์) มิได้ทรงหวงสิ่งดีอันใด’ แต่บางครั้งฉันก็อยากให้ตรงนี้เขียนว่า ‘จากผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์เป็นส่วนใหญ่’ เพราะคำว่า ‘ซื่อสัตย์’ ดูเหมือนจะค่อนข้างมีมาตรฐานสูง นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องการไม้กางเขน เพราะเราไม่สามารถทำเองได้
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Faith in Action: A Journey Through James

Reimagine Transformation Through the Life of Paul

My Problem With Prayer

How to Love Your Work and God

How to Love Like Jesus

The Letter to the Philippians

Lighting Up Our City Video 2: Avoiding Insider Language

The Discipline of Study and Meditation

How Is It With Your Soul?
