พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

คำพูดของคุณมีพลัง
‘การต่อสู้ของอังกฤษกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ในการรบครั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอยู่รอดของอารยธรรมคริสเตียน’ คำพูดเหล่านี้อยู่ในสุนทรพจน์ของเซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์ที่เฮ้าส์ออฟคอมมอน ในปี ค.ศ.1940 เมื่อเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ เขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้ประเทศชาติฮึดสู้ เตือนให้พวกเขาทำหน้าที่ของตนเองและดำเนินไปในทางนั้นซึ่งแม้เวลาจะผ่านไปเป็นพันปี ผู้คนจะยังคงพูดว่า ‘นี่คือเวลาที่ดีที่สุดของพวกเขา’ คำพูดนั้นทรงพลัง ประชาชนต่างกระทำตามและในที่สุดก็ทำให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนขึ้นในที่สุด นี่เป็นหนึ่งในสุนทรพจน์ที่หล่อหลอมโลกยุคใหม่ โดยแสดงให้เห็นถึงพลังของคำพูด สุนทรพจน์นี้ส่งผลกระทบต่อผลของสงคราม การลงคะแนนเสียงของสตรี สิทธิมนุษยชน และประเด็นปัญหาอื่น ๆ มากมาย อัครทูตยากอบเขียนว่า ‘ลิ้นก็เช่นเดียวกัน เป็นอวัยวะเล็ก ๆ แต่คุยอวดในเรื่องใหญ่โต’ (ยากอบ 3:5) เครื่องมือขนาดเล็กนี้มีพลังมหาศาล มันสามารถสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้ แต่ก็สามารถนำมาซึ่งพระพรอันอัศจรรย์ได้เช่นกัน ลิ้นของคุณเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสุภาษิต 16:28-17:4
พลังที่นำสันติสุข
คำพูดที่คุณพูดสามารถเป็นได้ทั้งการให้ชีวิต หรือการทำลายล้าง
คำพูดสามารถสร้างปัญหาได้มากมาย ‘คนตลบตะแลงแพร่การวิวาทและผู้ซุบซิบนินทาก็แยกเพื่อนสนิทออกจากกัน’ (16:28) การนินทามีพลังสามารถทำลายมิตรภาพลงได้
การควบคุมลิ้นของคุณเป็นสิ่งสำคัญ 'การบังคับตนได้ก็ดีกว่าการมีกำลัง การควบคุมตนเองก็ดีกว่าการมีอำนาจทางการเมือง’ (ข้อ 32, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คุณมีความรับผิดชอบ ไม่เพียงแต่กับถ้อยคำที่คุณพูด แต่ยังรวมถึงคำพูดของใครและประเภทของถ้อยคำที่คุณฟังด้วย ‘คนชั่วร้ายชอบการสนทนาที่มุ่งร้าย หูของคนโกหกจะชอบคำติฉินนินทา’ (17:4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) จำไว้ว่าใครก็ตามที่ซุบซิบกับคุณ ก็คงจะนินทาเกี่ยวกับคุณลับหลังด้วย การรับของที่ขโมยมาถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงในสายตาของกฎหมายพอ ๆ กับการขโมยเอง ดังนั้นการฟังเรื่องซุบซิบก็อันตรายพอ ๆ กับการซุบซิบนินทาเอง
วิธีที่คุณพูดและวิธีฟังของคุณจะส่งผลต่อบรรยากาศทั้งหมดในบ้านของคุณ ‘เสบียงกรังหน่อยหนึ่งพร้อมกับความสงบสุข ดีกว่าบ้านที่เต็มด้วยงานเลี้ยงพร้อมกับการวิวาท’ (ข้อ 1)
คำพูดของคุณมีพลัง ให้ตั้งใจว่าวันนี้คุณจะพูดในเชิงบวก ด้วยคำหนุนใจ และเป็นพระพรแก่ผู้คนในทุกที่ ๆ คุณไป
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้หลีกเลี่ยงการทดลองที่จะพูดนินทาและส่อเสียด ‘จงนั่งอยู่ในใจของแต่ละคนที่เราพูดด้วย นั่งอยู่ในปากของทุกคนที่พูดกับเรา’ (Northumbria Community’s Morning Prayer)
กิจการอัครทูต 28:17-31
พลังที่จะโน้มน้าวใจและเปลี่ยนแปลง
พระพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถมอบให้คนอื่นได้คือการแนะนำให้พวกเขารู้จักกับพระเยซู พระเจ้าได้มอบหมายให้คุณใช้คำพูดที่ทรงพลังที่สุดที่ใคร ๆ ก็เอ่ยออกมาได้ ข้อความของพระเยซูมีพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน
มีฤทธิ์อำนาจอย่างยิ่งในการฟังพระคำของพระเจ้า อาจารย์เปาโลกล่าวถึงข้อพระคัมภีร์ที่มักถูกยกขึ้นมามากที่สุดตอนหนึ่งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม อิสยาห์ 6:9–10 ‘จงไปหาชนชาตินี้และกล่าวว่า “เจ้าจะฟังด้วยหูของเจ้า แต่เจ้าจะไม่ได้ยิน... พวกเขาเอานิ้วอุดหูเพื่อจะได้ไม่ต้องรับฟัง”’ (กิจการ 28:26–27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ข้อความพระกิตติคุณมักจะแบ่งผู้ฟังออกเป็นสองกลุ่ม ดังที่อาจารย์เปาโลเทศนาว่า ‘บางคนถูกชักชวนโดยสิ่งที่ท่านพูด แต่คนอื่น ๆ ปฏิเสธที่จะเชื่อคำพูดของท่าน’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ดังที่อิสยาห์พยากรณ์ไว้ว่า จิตใจของคนบางคนก็ดื้อดึงและแข็งกระด้างต่อข้อความ ในขณะที่คนอื่น ๆ ‘ห็นด้วยตา และได้ยินด้วยหู และเข้าใจด้วยจิตใจ แล้วหันกลับมา’ ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงนำการรักษามาให้ (ข้อ 27)
รูปแบบการคุมขังของเปาโลในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเหมือนการกักขังในบ้าน แม้ว่าเขาจะถูกล่ามโซ่ไว้ (ข้อ 20) แต่ก็สามารถเรียกพวกผู้นำของพวกยิวมารวมกันได้ (ข้อ 17) และรวบรวมคนจำนวนมากมาที่พักอาศัย (ข้อ 23) เขาเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เราโดยเปิดบ้านเพื่อให้คนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้สามารถเข้ามาเพื่อจะได้ยินพระกิตติคุณ (ข้อ 30–31)
ทั่วโลกทุกวันนี้ มีการต่อต้านคริสเตียนและความเชื่อของคริสเตียนเป็นอย่างมาก เปาโลถูกกักบริเวณในบ้านเพราะความเชื่อของตน พวกเขากล่าวว่า ‘สิ่งเดียวที่เรารู้เกี่ยวกับลัทธิคริสเตียนนี้คือไม่มีใครดูเหมือนจะมีอะไรดี ๆ จะพูดถึงเลย’ (ข้อ 22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ตามที่คริสเตียนหลายคนเผชิญในปัจจุบันนี้ ข้อกล่าวหาต่อเปาโลถูกสร้างขึ้นและไม่มีเหตุ แต่กระนั้น เขาก็ยังคงถูกคุมขังเป็นระยะเวลานาน
เมื่อเทียบกับเบื้องหลังเช่นนี้ เราเห็นฤทธิ์อำนาจอันพิเศษในคำพูดของเปาโล ‘เปาโลพูดคุยกับพวกเขาทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น อธิบายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินของพระเจ้า และพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขาทั้งหมดถึงพระเยซู โดยชี้ให้เห็นว่าโมเสสและผู้เผยพระวจนะต่าง ๆ ได้เขียนเกี่ยวกับพระองค์ไว้อย่างไรบ้าง’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อันที่จริงแล้ว ‘เป็นเวลาสองปี… ท่านได้เร่งนำเสนอเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับแผ่นดินของพระเจ้า ท่านอธิบายทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 30–31, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำพูดของเปาโลมีพลังเพราะทั้งหมดเล็งไปที่พระเยซู เมื่อเราอ่านพระกิตติคุณ เราเห็นว่าสาระสำคัญในคำสอนของพระเยซูคือแผ่นดินของพระเจ้า ขณะที่เราอ่านส่วนที่เหลือของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เราเห็นว่าศูนย์กลางสำคัญในคำสอนของอัครทูตคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูคริสต์ ในการประกาศพระเยซู พวกเขาก็กำลังเทศนาเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า ทั้งสองแทบจะเป็นเรื่องเดียวกัน อย่างที่เราเห็นในที่นี้
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่เรามีข้อความที่ทรงพลังที่สุดในโลก คือข้อความของพระเยซู โปรดช่วยลูกให้มีถ้อยคำที่เหมาะสมเพื่ออธิบาย ประกาศ และโน้มน้าวใจผู้อื่น เพื่อว่า 'พวกเขาจะเห็นด้วยตาและได้ยินด้วยและเข้าใจด้วยจิตใจ แล้วหันกลับมา’ และรับการรักษาให้หาย (ข้อ 27)
2 พงศ์กษัตริย์ 21:1-22:20
พลังเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ
ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าคำพูดมีพลังในการเปลี่ยนประเทศชาติ กษัตริย์มนัสเสห์ (696–641 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นกษัตริย์ที่ชั่วร้าย ‘ท่านได้รื้อฟื้นการกระทำที่เสื่อมทรามทางศีลธรรมและความเลวร้ายฝ่ายจิตวิญญาณทั้งหมด... มนัสเสห์นำ (ประชาชน) ออกจากทางที่เคยปฏิบัติไปสู่การกระทำอันชั่วร้าย... มีความชั่วร้ายมากที่สุดเท่าที่เคยมี... ท่านเป็นฆาตกรที่ทำตามอำเภอใจ ท่านทำให้กรุงเยรูซาเล็มเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์ที่เป็นเหยื่อของท่าน’ (21:1–16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อาโมนบุตรชายของเขา (641–639 ปีก่อนคริสตกาล) ได้ดำเนินต่อไปในทางเดียวกัน (ข้อ 20–22)
หนังสือพงศาวดารกล่าวว่า แม้แต่สำหรับมนัสเสห์เองก็ยังมีความหวังในบั้นปลายชีวิตของตน ไม่มีอะไรสายเกินไปและไม่มีบาปใดยิ่งใหญ่เกินกว่าจะได้รับการให้อภัยจากพระเจ้า (2 พงศาวดาร 33)
หลังจากการครอบครองของเหล่ากษัตริย์อันชั่วร้ายแล้ว ก็มาถึงรัชกาลของโยสิยาห์ (639–609 ปีก่อนคริสตกาล) เขาเป็นคนหนุ่มที่นำประชาชนสู่การฟื้นฟูทางจิตวิญญาณครั้งใหญ่ ฟื้นฟูการนมัสการ และนำผู้คนกลับเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า ถึงแม้มีอายุเพียงแปดปีเมื่อเป็นกษัตริย์ (2 พงศ์กษัตริย์ 22:1) แจ่เขา ‘ทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และทรงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และไม่ได้ทรงหันไปทางขวาหรือทางซ้าย’ (ข้อ 2)
พระคำมีผลอย่างมากต่อโยสิยาห์และต่อประเทศชาติ:
1. พลังของพระคำที่ถูกเขียนไว้
ขณะที่พวกเขากำลังทำงานในพระวิหาร ชาฟาน มหาปุโรหิตพบ ‘หนังสือธรรมบัญญัติ’ (ข้อ 8) ดูเหมือนว่าเป็นพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ
ชาฟานอ่านด้วยตัวเอง (ข้อ 8) แล้วจากนั้น เขาก็อ่านต่อหน้ากษัตริย์ เมื่อกษัตริย์ได้ฟังถ้อยคำจากหนังสือธรรมบัญญัติ ก็ฉีกฉลองพระองค์ (สำนึกผิด) และตระหนักว่า พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังถ้อยคำในหนังสือนี้ (ข้อ 11–13) นี่จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจิตใจซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศ
สิ่งนี้เตือนเราถึงความสำคัญของพระวจนะที่เป็นลายลักษณ์อักษรของพระเจ้า บางคนในพวกคุณที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการอ่านพระคัมภีร์ในหนึ่งปีทั้งเล่ม กำลังทำบางสิ่งที่ไม่เพียงแต่น่าสนใจและเป็นข้อมูลที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตอีกด้วย
2. พลังของคำพูด
พระเจ้าไม่เพียงตรัสกับโยสิยาห์และประชาชนผ่านพระคำที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น พระองค์ยังตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะด้วย ที่น่าสนใจคือทรงตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะหญิงคนหนึ่ง คือ ฮุลดาห์ ภรรยาของชัลลูม (ข้อ 14) นี่แสดงให้เห็นว่า พันธกิจของผู้หญิงนั้นมีรากฐานมาตั้งแต่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและในประวัติศาสตร์ประชากรของพระเจ้า
ฮุลดาห์มีพันธกิจที่ทรงพลัง อันที่จริง ดูเหมือนว่านางจะมีบทบาทกว่าสามีของนาง โดยการเป็นมากกว่า ‘ผู้ดูแลตู้เสื้อผ้าของพระราชวัง’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำพูดของนางไม่ได้ขัดแย้งกับถ้อยคำที่เขียนในพระคัมภีร์ แต่กลับเสริมและทำให้สมบูรณ์อย่างแท้จริง ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เรื่องบรรดาถ้อยคำที่เจ้าได้ยิน ... “เราเองก็ได้ยินเจ้าด้วย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ”’ (ข้อ 18–19)
นางกล่าวแก่พวกเขาว่าเนื่องจากวิธีที่พวกเขาตอบสนองต่อพระวจนะที่เขียนไว้ของพระเจ้า ที่พวกเขาถ่อมตัวและกลับใจ พระเจ้าได้ยินคำพูดของพวกเขาและตอบพวกเขา การตอบสนองของพวกเขาต่อพระวจนะของพระเจ้าได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อประเทศของเรา ที่เราจะค้นพบพลังแห่งถ้อยคำของพระองค์ และฟังผู้เผยพระวจนะของพระองค์ ที่พูดตามพระคำของพระองค์อีกครั้ง ขอให้มีการกลับใจ และการเปลี่ยนแปลงในใจผู้นำของเรา และในประเทศของเรา
Pippa Adds
สุภาษิต 16:31ก
‘ศีรษะที่มีผมหงอกเป็นมงกุฎแห่งศักดิ์ศรี’
สังคมของเราไม่ได้ให้คุณค่ากับผมหงอก แต่ฉันคิดว่านิคกี้ดูเท่ห์มากที่มีผมหงอก ส่วนฉันก็พยายามปิดซ่อนผมหงอกของฉัน!
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Faith in Action: A Journey Through James

Reimagine Transformation Through the Life of Paul

My Problem With Prayer

How to Love Your Work and God

How to Love Like Jesus

The Letter to the Philippians

Lighting Up Our City Video 2: Avoiding Insider Language

The Discipline of Study and Meditation

How Is It With Your Soul?
