พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

อันตรายจากความหยิ่งยโส
ย้อนกลับไปตอนที่ผมทำงานเป็นทนายความ ผมจำคดีง่าย ๆ คดีหนึ่งซึ่งผมคิดว่าผมต้องชนะได้แน่ ผมมั่นใจมากว่า ตัวผมเองไม่จำเป็นต้องอธิษฐาน หรือมอบเรื่องนี้ไว้กับพระเจ้า เมื่อผมยืนขึ้นเพื่อพูด ผู้พิพากษาถามผมว่าผมทราบหรือไม่ว่าคดีได้ถูกเปลี่ยนแปลงเนื่องมาจากเรื่องข้อกฎหมายในช่วงสองหรือสามวันที่ผ่านมา ซึ่งผมไม่ทราบ ผลลัพธ์ที่ได้คือความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายมาก ตามที่ข้อพระคัมภีร์ในพระธรรมสุภาษิตของวันนี้เตือนไว้ (สุภาษิต 16:18) ความจองหองมาก่อนการถูกทำลาย ในความอับอาย ผมร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ผมอ่านคดีล่าสุด จากนั้น ผมเขียนความคิดเห็นลงไปว่าผมคิดว่าการตัดสินนั้นผิด และควรจะถูกยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง ขอบคุณพระเจ้าที่มันเป็นเช่นนั้น เราสามารถกลับไปขึ้นศาลและชนะคดีได้ ส่วนนักกฎหมายแทนที่จะตัดสินผมสำหรับความผิดพลาดที่ผมได้ทำ เขากลับมีความเมตตาและประทับใจกับความคิดเห็นที่ผมเขียนไปและส่งคดีมาให้ผมอีกมากมาย นั่นเลยกลายเป็นบทเรียนสองชั้น คือ ไม่เพียงเกี่ยวกับเรื่องอันตรายของความจองหองเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระคุณอันพิเศษยิ่งของพระเจ้าและ ‘สิ่งต่าง ๆ จะสำเร็จลงได้ เมื่อคุณวางใจในพระเจ้า’ (สุภาษิต 16:20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผมพยายามที่จะไม่ลืมบทเรียนที่เรียนรู้เกี่ยวกับอันตรายของความจองหอง และการพึ่งพาตนเองทุกครั้งที่ลุกขึ้นพูด ผมก็อยากจะบอกว่าตัวเองไม่เคยทำผิดแบบเดิมอีก แต่นี่กลับเป็นบทเรียนที่ผมต้องเรียนรู้ใหม่หลายต่อหลายครั้ง ในภาษาอังกฤษคำว่า ‘ความหยิ่งจองหองหรือภาคภูมิใจ’ Pride อาจมีความหมายในแง่ที่ดี ตัวอย่างเช่น เราจะไม่พูดว่าเป็นการผิดที่คนเราจะภาคภูมิใจในลูกของตนเอง หรือภาคภูมิใจในการงานของตน อย่างไรก็ตาม เมื่อพระคัมภีร์พูดถึงความภาคภูมิใจหรือจองหอง มันหมายถึงบางสิ่งที่ต่างไปจากนั้นและมีความหมายเชิงลบอย่างมาก นั่นคือการหมายถึง มีความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณค่าหรือความสำคัญของตนเองมากเกินไป มันบ่งบอกถึงความประพฤติที่เย่อหยิ่งหรือเอาแต่ใจ เป็นวิญญาณที่เป็นอิสระที่กล่าวว่า ‘ฉันไม่ต้องการพระเจ้า’ ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจกันว่านี่เป็นรากเหง้าของบาปทั้งหมด เราควรตอบสนองต่อการล่อลวงและอันตรายของความจองหองอย่างไรบ้างสุภาษิต 16:18-27
ปลูกฝังความถ่อมใจ
พระเจ้าต้องการให้คุณเรียนรู้ที่จะดำเนินในความถ่อมใจและความเมตตา ไม่ใช่ความเย่อหยิ่งและความจองหอง ความจองหองมาก่อนการถูกทำลาย: ‘ความเย่อหยิ่งมาก่อนแล้วค่อยถูกพังทลาย - ยิ่งมีอัตตาสูงเท่าไหร่ การล้มลงยิ่งหนักมากขึ้น’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เราได้รับการเตือนว่า “อยู่อย่างนอบน้อมถ่อมตนในหมู่คนยากจนก็ดีกว่าอยู่ท่ามกลางคนร่ำรวยและมีชื่อเสียง” (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
การไร้อำนาจเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดมากในบางครั้ง เมื่อเราคิดว่าเราทราบถึงวิธีที่ดีที่สุดที่จะขยายแผ่นดินของพระเจ้า อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงมีอำนาจน้อยมาก ๆ เมื่อมองจากมุมมองของมนุษย์ พระองค์ทรง ‘เป็นคนถ่อมตัวอยู่กับคนยากจน’ (ข้อ 19)
‘ความถ่อมตัว’ ตรงกันข้ามกับความจองหอง โดยจะนำมาซึ่ง:
1. ความเจริญรุ่งเรือง
ความถ่อมตัวหมายถึงความเต็มใจที่จะเรียนรู้ ‘ผู้ใส่ใจพระวจนะจะเจริญรุ่งเรือง’ (ข้อ 20ก)
2. ความสุข
ความไว้วางใจในพระเจ้าอย่างถ่อมตน: ‘ผู้ใดก็ตามที่พึ่งพา ไว้วางใจ และมั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้นั้นก็มีความสุข ได้รับพระพร และเป็นคนโชคดี’ ( ข้อ 20ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
3. การรักษา
ตรงข้ามกับคำพูดที่เย่อหยิ่งของคนจองหอง (‘คนถ่อยคิดแผนชั่วปองร้ายคนอื่น คำพูดจากฝีปากของเขาเหมือนไฟลวก’, ข้อ 27) คนถ่อมตัวใช้คำพูดที่สุภาพน่าฟัง (‘วาจาอ่อนหวานเพิ่มอำนาจการสั่งสอน’, ข้อ 21ข) ‘ถ้อยคำแช่มชื่นเป็นเหมือนรวงผึ้งเป็นความหวานแก่วิญญาณจิต และเป็นพลานามัยแก่ร่างกาย’ (ข้อ 24)
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยให้ลูกพึ่งพาพระองค์อยู่เสมอ และไว้วางใจในพระองค์
กิจการอัครทูต 25:23-26:23
รับใช้และเป็นพยาน
คุณควรทำอย่างไร หากคุณมีโอกาสเป็นพยานเกี่ยวกับพระเยซู? คุณจะควรเล่าเรื่องชีวิตของคุณอย่างไร? เราจะมาดูข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ ของสิ่งที่เราควรทำ
ในการพิจารณาคดี อาจารย์เปาโลบอกกับศาลว่าพระเยซูทรงมอบหมายหน้าที่ให้รับใช้ ‘เพราะว่าเรามาปรากฏแก่เจ้าเพื่อจะตั้งเจ้าให้เป็นผู้รับใช้และเป็นสักขีพยาน’ (26:16) เมื่อพระเยซูเสด็จมา ‘ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น’ (มาระโก 10:45) เราทุกคนถูกเรียกให้เป็นผู้รับใช้และเป็นพยาน พยานจะชี้ให้ผู้อื่นเห็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่าตัวของตนเอง อาจารย์เปาโลชี้ไปที่พระเยซูอย่างถ่อมใจ จากข้อความนี้เราจะเห็นว่าเขาทำให้การทรงเรียกนี้สำเร็จได้อย่างไรบ้าง
อาจารย์เปาโลซึ่งอยู่ในเรือนจำและอยู่ในการพิจารณาคดี มาเผชิญหน้ากับความเย่อหยิ่งและ ‘ความโอ่อ่าตระการตาอย่างยิ่ง’ ขณะที่เขาถูกนำตัวมาอยู่ต่อหน้าอากริปปาและเบอร์นิส (กิจการ 25:23) นั่นคงเป็นประสบการณ์ที่น่าครั่นคร้ามอย่างมาก
เป็นอีกครั้งที่เปาโลเป็นพยานอย่างเรียบง่ายและถ่อมใจ กล่าวอย่างสุภาพและให้เกียรติกษัตริย์อากริปปา (26:2–3) ทั้งยังทำตามธรรมเนียมและประเพณีทางสังคม โดยเลือกที่จะเล่าเรื่องราวของตนเองที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ฟังได้ดี
ในส่วนแรกของคำพยาน อาจารย์เปาโลใช้คำว่า ‘ข้าพระบาท’ แทนคำว่า ‘ท่าน’ ในขณะที่คำว่า ‘ท่าน’ อาจดูอวดตัวและดูสนับสนุนคำพูดได้ดี แต่บางครั้งข้อความ ‘ฉัน’ ก็มีประสิทธิภาพมากกว่า รวมทั้งเป็นวิธีที่ไม่คุกคามและสุภาพกว่าในการชี้ประเด็นแก่ผู้ฟัง
เปาโลกล่าวว่าเขาเคยเป็นเหมือนพวกเขา ‘ข้าพระบาทเคยคิดในใจของตนเองว่า ควรจะทำหลาย ๆ อย่างเพื่อขัดขวางพระนามของพระเยซูชาวนาซาเร็ธ และนี่ก็คือสิ่งที่ข้าพระบาททำในกรุงเยรูซาเล็ม หลังจากได้รับสิทธิอำนาจจากพวกหัวหน้าปุโรหิตแล้ว ข้าพระบาทจับธรรมิกชนจำนวนมากขังคุก และเมื่อพวกเขาถูกลงโทษถึงตาย ข้าพระบาทก็เห็นดีด้วย’ (ข้อ 9–10)
ข้อความเหล่านี้มีความหมายว่า ‘ฉันก็เคยเหมือนกับคุณ ฉันเคยเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ อำนาจและความยิ่งใหญ่ ฉันเคยทำในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ ฉันเคยข่มเหงคริสเตียนเหมือนที่คุณกำลังข่มเหงฉันอยู่ในตอนนี้’
จากนั้นเขาบอกว่าพระเยซูทรงปรากฏต่อเขาอย่างไรและชี้ให้เห็นว่าในการข่มเหงคริสเตียนแท้จริงแล้วก็คือการข่มเหงพระเยซู ‘เราคือเยซูผู้ที่เจ้าข่มเหง’ (ข้อ 15)
พระเยซูตรัสว่า ‘เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากชนชาติอิสราเอลและจากคนต่างชาติที่เราจะใช้เจ้าไปนั้น ไปเปิดตาของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาหันจากความมืดมาหาความสว่าง จากอำนาจของซาตานมาหาพระเจ้า เพื่อให้พวกเขาได้รับการอภัยบาป และมีส่วนอยู่ท่ามกลางคนที่ได้รับการชำระให้เป็นธรรมิกชนโดยความเชื่อในตัวเรา’ (ข้อ 17–18) ผ่านข้อความอันทรงพลังของคำว่า ‘ข้าพระบาท’ ในคำให้การ ที่จริงแล้วอาจารย์เปาโลกำลังพูดกับพวกเขาว่า พวกเขาอยู่ในความมืด และอยู่ภายใต้อำนาจของมารซาตาน และจำเป็นต้องได้รับการอภัยบาปของพวกเขา
เขาไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นหนทางสู่การให้อภัยอีกด้วย ‘แต่ข้าพระบาทประกาศให้เขาทั้งหลายทราบ เพื่อให้เขาทั้งหลายกลับใจใหม่และหันมาหาพระเจ้า และทำสิ่งที่แสดงถึงการกลับใจใหม่’ (ข้อ 20) เขากล่าวกับผู้คนที่เย่อหยิ่ง และมีอำนาจเหล่านี้ว่า ‘เขาทั้งหลายต้องกลับใจใหม่ และหันมาหาพระเจ้า’
เขากล่าวต่อไปว่า ‘แต่เพราะพระเจ้าโปรดช่วยข้าพระบาทมาจนถึงทุกวันนี้ ข้าพระบาทจึงยืนอยู่ที่นี่และเป็นพยานทั้งต่อผู้น้อยและผู้ใหญ่’ (ข้อ 22) อาจารย์เปาโลยินดีที่จะพูดกับทุกคน ทั้งผู้มีอำนาจและผู้ที่อ่อนแอ
ข้อความของอาจารย์เปาโลมักมีศูนย์กลางอยู่ที่พระเยซู ผู้ทรงปรากฏแก่ท่านระหว่างทางไปดามัสกัส เขาเป็นพยานว่า ‘พระคริสต์ต้องทนทุกข์และ... เป็นขึ้นมาจากความตาย’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์ได้ใช้ทุกโอกาสที่จะบอกผู้คนเกี่ยวกับพระเยซูและทำตามแบบอย่างของการรับใช้ด้วยความถ่อมใจของพระองค์
2 พงศ์กษัตริย์ 14:23-15:38
ต่อต้านความหยิ่งผยอง
ถ้าหากคุณมีคนที่ทำงานให้กับคุณ หรือถ้าคุณเป็นพ่อแม่ หรือถ้าคุณอาสาอยู่ในตำแหน่งผู้นำ คุณก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจ
ความเย่อหยิ่งเป็นการทดลองใจโดยเฉพาะสำหรับใครก็ตามที่อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ ไม่ว่าอำนาจนั้นจะมาจากสถานะ ความสำเร็จ ชื่อเสียง หรือความมั่งคั่ง
ประวัติศาสตร์ของกษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะมีอำนาจและต้านทานการทดลองใจในเรื่องความหยิ่งจองหอง ในช่วงเวลานี้ กษัตริย์แห่งยูดาห์กระทำดีกว่ากษัตริย์แห่งอิสราเอล กษัตริย์องค์แล้วองค์เล่าในอิสราเอลได้กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า (14:24; 15:18,24,28) ขณะที่ในยูดาห์ อาซาริยาห์และโยธามบุตรชายของท่าน ทั้งสองต่างก็ ‘ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์’ (15:3, 34)
อาซาริยาห์ยังเป็นที่รู้จักกันในนามอุสซียาห์ (ข้อ 32) เราทราบเรื่องราวของเขามากขึ้นจากข้อความตอนอื่น ๆ ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม (เช่น อาโมส 1:1, อิสยาห์ 6:1 เป็นต้นไป และ 2 พงศาวดาร 26:16–23)
ในที่นี้เราอ่านว่าถึงแม้เขาจะ ‘ทำสิ่งชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ...เว้นแต่ปูชนียสถานสูงยังไม่ถูกกำจัดเสีย ...และพระยาห์เวห์ทรงลงโทษพระราชา พระองค์ก็ทรงเป็นโรคเรื้อนจนถึงวันสิ้นพระชนม์’ (2 พงศ์กษัตริย์ 15:3–5) ทำไมชีวิตของเขาถึงจบลงด้วยความพลั้งพลาดเช่นนี้?
พระธรรมพงศาวดารได้ให้คำตอบไว้ว่า ‘และพระนามของพระองค์ก็เลื่องลือไปไกล เพราะพระองค์ทรงได้รับความช่วยเหลืออย่างอัศจรรย์จนเข้มแข็ง แต่เมื่อทรงเข้มแข็งแล้ว พระองค์ก็มีพระทัยผยองขึ้นจนทำให้เสื่อมลง เพราะพระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์’ (2 พงศาวดาร 26:15–16)
สิ่งนี้เตือนเราว่าหากพระเจ้าอวยพรเราด้วยความสำเร็จ ก็จะมีการทดลองใจให้เกิดความหยิ่งผยองอยู่เสมอ
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณสำหรับคำเตือนในพระคัมภีร์ ตลอดจนการหนุนน้ำใจ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้เอาใจใส่คำเตือนเหล่านี้อยู่เสมอ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอพึ่งพาพระองค์ในทุกสิ่ง โปรดช่วยให้ข้าพระองค์เพ่งมองที่พระเยซูผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดแต่ถ่อมพระองค์ลงอยู่เสมอ และทรงเป็นผู้ปรนนิบัติผู้รับใช้ (ฟีลิปปี 2:6–8)
Pippa Adds
สุภาษิต 16:18
ครั้งหนึ่งฉันสามารถถอยรถเข้าไปในที่จอดรถขนาดเล็กได้ด้วยความชำนาญ และรู้สึกค่อนข้างพอใจกับฝีมือของตัวเอง ฉันบอกกับแม่ของฉันซึ่งอยู่ในรถกับฉันว่า ฉันจอดรถได้ดีที่สุดในครอบครัว และฉันบ่นว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ จอดรถไม่ชำนาญ ต่อมา มีคนขอให้ฉันช่วยขับรถไปซื้อของ ฉันจึงกระโดดขึ้นรถกับเพื่อน และเรากลับมายังที่จอดรถช่องเดิมที่ยังว่างอยู่ แต่ฉันจะเข้าไปได้ไหม? แต่ฉันกลับใช้เวลาถึงห้าครั้งในการถอยไปมา และในตอนท้ายเพื่อนของฉันก็ขอช่วยจอดแทนฉัน! ซึ่งช่วยได้มากจริง ๆ ความจองหองมาก่อนการถูกทำลาย!
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Faith in Action: A Journey Through James

Reimagine Transformation Through the Life of Paul

My Problem With Prayer

How to Love Your Work and God

How to Love Like Jesus

The Letter to the Philippians

Lighting Up Our City Video 2: Avoiding Insider Language

The Discipline of Study and Meditation

How Is It With Your Soul?
