พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

คุณเปลี่ยนแปลงได้
มีผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่บนถนนใกล้กับคริสตจักรของเรา เธอมักจะขอเงินและตอบโต้อย่างก้าวร้าวต่อคนที่ปฎิเสธ เมื่อเธอเสียชีวิต ผมได้จัดงานศพให้ และผมพบหลังจากนั้นว่า ผู้หญิงคนนี้ได้รับมรดกก้อนใหญ่ เธอได้รับห้องพักหรูหราและภาพเขียนมูลค่าสูงหลายภาพ แต่เธอเลือกที่จะใช้ชีวิตบนถนนกับถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยเศษขยะ เธอไม่สามารถละชีวิตที่เธอคุ้นเคยไว้เบื้องหลัง และเธอก็ไม่เคยใช้ประโยชน์จากมรดกของเธอ บางคนกลัวการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้เชื่อบางคน กระนั้นข่าวที่น่าอัศจรรย์คือ โดยความช่วยเหลือของพระเจ้า คุณเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิต การเติบโต และการปรับเปลี่ยนฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงการกระทำ หรือรูปลักษณ์ของเรา; เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงภายใน เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงที่หัวใจ และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?สดุดี 73:1-14
มีมุมมองแบบพระเจ้า
คุณเคยสงสัยไหมว่า ความเชื่อของคุณคุ้มค่าจริงหรือ? คุณเคยหันมองรอบตัวไปยังคนที่ประสบความสำเร็จแต่ไม่ได้เป็นผู้เชื่อ และสงสัยว่าพวกเขาอาจเหนือกว่าคุณ และแม้แต่ถูกทดลองให้รู้สึกอิจฉาพวกเขา?
ผู้เขียนสดุดีได้รักษาจิตใจที่บริสุทธิ์ของตน (ข้อ 1) แต่เขาพบว่าชีวิตนั้นยากเย็นเหลือเกิน เขามีการปล้ำสู้ของตัวเองและเคย ‘รับภัย’ (ข้อ 5) ด้วยการทดลอง การสงสัย ความกลัว และความวิตกกังวลในความคิด
เขามองไปรอบ ๆ ในสังคมที่ร่ำรวยซึ่งดูเหมือนเป็นไปได้ดีโดยปราศจากพระเจ้า เขา ‘เกือบสะดุด’ (ข้อ 2) ‘เพราะข้าพเจ้าริษยาคนจองหอง เมื่อข้าพเจ้าเห็นความสมบูรณ์พูนสุขของคนอธรรม’ (ข้อ 3)
คุณอาจเห็นคนรอบตัวที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ แม้ว่า ‘ใจของพวกเขาเต็มด้วยความคิดชั่ว’ (ข้อ 7) พวกเขาดูเหมือนไม่เคยเดือดร้อน (ข้อ 4) พวกเขาดูเหมือนสมบูรณ์พร้อมและไม่ต้องแบกรับอะไร (ข้อ 4–5) พวกเขาหยิ่งและยโสโอหัง และปรากฎว่าไม่จำเป็นต้องมีพระเจ้า (ข้อ 6–11)
หากคุณพบว่าตัวเองไถลไปบนหนทางแห่งความสงสัยและสิ้นหวัง (ข้อ 2) สงสัยว่าคุณได้รักษาใจให้สะอาด โดยเปล่าประโยชน์ (ข้อ 13) จากนั้นสดุดีบทนี้บอกคุณว่าต้องทำอะไร
อย่างที่เราได้เห็น ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงเมื่อเราเข้าสู่ 'สถานนมัสการของพระเจ้า’ (ข้อ 17) และมองเห็นจากมุมมองของพระเจ้า ผู้เขียนสดุดีเปลี่ยนแปลงหัวใจไปหมด เขา ‘พิเคราะห์เห็นปลายทางของเขาทั้งหลาย’ เขาตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างปลายทางของคนเหล่านั้นกับตัวเขาเอง (ข้อ 17)
สดุดีบทนี้เริ่มต้นด้วย ‘แน่ทีเดียว พระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล ต่อบุคคลผู้มีใจบริสุทธิ์’ (ข้อ 1) และจบลงด้วย ‘แต่ส่วนข้าพระองค์ ที่จะเข้าใกล้พระเจ้านั้นดี ข้าพระองค์ได้ให้พระยาห์เวห์องค์เจ้านายเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้เล่าถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์’ (ข้อ 28)
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์เข้าสู่สถานนมัสการของพระองค์ และมองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของพระองค์ ขอบพระคุณที่ ‘พระเจ้าทรงดีต่อบุคคลผู้มีใจบริสุทธิ์... ที่จะเข้าใกล้พระเจ้านั้นดี ข้าพระองค์ได้ให้พระยาห์เวห์องค์เจ้านายเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้เล่าถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์’
กิจการอัครทูต 7:44-8:3
เข้าสุหนัตจิตใจของคุณเอง
คุณเคยมองไปที่บางคนที่ข่มเหงความเชื่อคริสเตียนแบบสุด ๆ และสงสัยว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไปบ้างไหม? ในพระธรรมของวันนี้ เราได้เห็นว่า ผู้ข่มเหงคนหนึ่งที่ใจแข็งกระด้างที่สุดยังสามารถได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ได้
เพื่อที่จะเป็นคนยิวอย่างแท้จริง นั่นหมายถึงการเข้าสุหนัตทางร่างกาย ผู้ชายทุกคนต้องเข้าสุหนัตในวันที่แปดของชีวิต แต่การเข้าสุหนัตทางร่างกายนั้นตั้งใจว่าจะให้เป็นสัญลักษณ์ของการเข้าสุหนัตทางจิตใจ
เมื่อคำแถลงของสเทเฟนมาถึงในตอนท้าย ด้วยความกล้าหาญและความชัดเจนอย่างยิ่ง เขาพูดกับผู้ที่กล่าวหาว่า ‘เจ้าพวกคนหัวแข็ง ใจดื้อดึง และหูตึง พวกท่านขัดขวางพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ บรรพบุรุษของท่านทั้งหลายทำอย่างไร พวกท่านก็ทำอย่างนั้น’ (7:51) เขากล่าวโทษบรรดาคนเหล่านั้นที่สังหารพระเยซู (‘องค์ผู้ชอบธรรม’ ข้อ 52)
แก่นเรื่องหลักตลอดคำแถลงของสเทเฟนนั่นคือ พระเจ้าไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในสถานที่หนึ่งที่ใด ‘องค์ผู้สูงสุดก็ไม่ได้ประทับในพระนิเวศที่มือมนุษย์ทำไว้’ (ข้อ 48)
ไม่ใช่ทั้งเต็นท์นัดพบ (ข้อ 44–45) ไม่ใช่ทั้งพระวิหาร (ข้อ 46–47) อาจถูกมองว่าเป็นนิเวศของพระเจ้าในความหมายตามตัวอักษร (ข้อ 48) ดังที่พระเจ้าตรัสผ่านอิสยาห์ ‘สวรรค์เป็นที่ประทับของเรา และแผ่นดินโลกเป็นที่รองเท้าของเรา’ (ข้อ 49) พระเยซูเสด็จมาเพื่อแทนที่เต็นท์นัดพบกับพระวิหาร จำเพาะพระพักตร์พระเยซู ผู้คนจะมาที่พระวิหารเพื่อพบพระเจ้า ด้วยการเสด็จมาของพระเยซู สถานที่นัดพบกับพระเจ้าคือองค์พระเยซูเอง
บัดนี้ ผ่านทางองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงสำแดงกับประชากรของพระองค์ (มัทธิว 18:20) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนที่รวมตัวกัน คริสตจักรซึ่งพระเจ้าทรงสถิตโดยพระวิญญาณ (เอเฟซัส 2:22) โดยพระวิญญาณของพระองค์ พระองค์ทรงสถิตกับเราแต่ละคน ร่างกายของเราเป็นพระวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1 โครินธ์ 6:19) การทรงสถิตของพระเจ้าบัดนี้อยู่กับสเทเฟน ผู้ซึ่ง ‘เต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (กิจการ 7:55)
สเทเฟนกำลังพูดกับปุโรหิตของพระวิหาร ซึ่งบัดนี้ถูกแทนที่โดยพระเยซูผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ ‘เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเดือดดาล และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน’ (ข้อ 54) แล้วขับไล่ท่านออกจากกรุงและเอาหินขว้าง (ข้อ 58)
หนึ่งในประชากรคนที่ ‘จิตใจยังไม่ได้เข้าสุหนัต’ คือชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อเซาโล ‘และพวกผู้นำก็ฝากเสื้อผ้าของตนวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อเซาโล’ (ข้อ 58, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขา ‘ก็อยู่ที่นั่น แสดงความยินดีกับคนที่ฆ่าสเทเฟน’ (8:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เซาโล ชายหนุ่มคนนี้ ‘พยายามทำลายคริสตจักรโดยเข้าไปฉุดลากเอาพวกผู้ชายและพวกผู้หญิงตามบ้านเรือนไปจำไว้ในคุก’ (ข้อ 3)
เป็นเรื่องยากที่จะพบใครสักคนในประวัติศาสตร์มนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงจิตใจได้มากกว่าชายหนุ่มคนนี้ จากคนที่เป็นคนเข่นฆ่าคริสเตียน เขากลายเป็นอัครสาวกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดผู้เทศนาไปทั่วโลกว่า พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า (9:20) ลองจินตนาการว่าอดีตสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ลงเอยด้วยการเป็นพระสันตะปาปา แล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับอัครสาวกเปาโล
ความเปลี่ยนแปลงจิตใจได้เกิดขึ้นเมื่อไหร่? บางทีเมล็ดพันธุ์ถูกปลูกเมื่อเขาเห็นการเสียชีวิตของสเทเฟน ‘ส่วนสเทเฟนเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านเขม้นดูสวรรค์เห็นพระรัศมีของพระเจ้า และเห็นพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วท่านกล่าวว่า “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และเห็นบุตรมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า”’ (7:55–56)
จากนั้น ‘ขณะที่พวกเขาเอาหินขว้างสเทเฟนอยู่นั้น ท่านร้องทูลว่า “ข้าแต่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์ด้วย” แล้วสเทเฟนก็คุกเข่าลงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอย่าถือโทษพวกเขาเพราะบาปนี้” เมื่อกล่าวอย่างนี้แล้วก็สิ้นใจ’ (ข้อ 59–60)
ภายหลังเซาโลคนเดียวกันนี้ หรือรู้จักกันในชื่อเปาโล เขียนว่า ‘… คนเป็นยิวแท้ คือคนที่เป็นยิวภายใน และการเข้าสุหนัตแท้นั้นเป็นเรื่องของจิตใจ’ (โรม 2:29)
การเข้าสุหนัตคือการขลิบออก คริสเตียนแท้ทุกคนได้เข้าสุหนัตโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อหัวใจของคุณเข้าสุหนัตคุณมองหาที่จะขลิบท่าทีที่ไม่ถูกต้องทุกอย่างที่เข้ามาในหัวใจและความคิดของคุณให้ออกไป การพูดว่า ‘ไม่’ ต่อบางอย่างที่จะหยุดหัวใจของคุณและหันกลับมาทำสิ่งที่ถูกต้องจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า เหมือนกับสเทเฟนที่เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้ความรัก ความกล้าหาญ และการให้อภัยนั้นไหลล้นออกมาจากภายใน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ความรักของพระองค์ได้เปลี่ยนแปลงหัวใจของข้าพระองค์ และโดยผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ขอบคุณพระองค์ เราทุกคนล้วนเปลี่ยนแปลงได้
2 ซามูเอล 18:19-19:43
เติบโตผ่านความทุกข์ยาก
คุณอยู่ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากหรือโศกเศร้าอยู่ไหม? บ่อยครั้งที่พระเจ้าทรงใช้ช่วงเวลาเหล่านี้เปลี่ยนแปลงหัวใจของคุณ และเพิ่มพูนความเมตตาของคุณต่อคนอื่น ๆ
หัวใจของดาวิดถูกชำระผ่านความทุกข์ยาก และความโศกเศร้า ราวกับว่าเขายังทรมานไม่พอ จนถึงตอนนี้เขาได้รับข่าวว่าอับซาโลมลูกชายของตนตายแล้ว เขา ‘ใจสลาย’ (18:33, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาร้องครวญว่า ‘โอ อับซาโลมบุตรของเรา บุตรของเรา อับซาโลมบุตรของเราเอ๋ย เราเองอยากจะตายแทนเจ้า โอ อับซาโลมบุตรของเรา บุตรของเรา’ (ข้อ 33)
จากนั้นโยอาบบอกกับดาวิดด้วยเงื่อนไขว่า เขาจำเป็นต้องรวบรวมสติ และออกไป และให้กำลังใจกองทัพที่เพิ่งจะชนะศึกครั้งใหญ่ต่อศัตรูเพื่อเขา (19:1–7) โยอาบบอกดาวิดว่า ‘ใส่พระทัยกับกองทหารของพระองค์ด้วย!’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ดาวิดเปลี่ยนแปลงท่าทีของเขา เขาลุกขึ้น และทำตามสิ่งที่ถูกขอให้ทำ (ข้อ 8) ‘กษัตริย์ดาวิดชักจูงจิตใจของคนยูดาห์ทั้งปวงดังกับจิตใจของชายคนเดียว’ (ข้อ 14)
ดาวิดไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงจิตใจ ชิเมอีก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน เขาโน้มตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระราชาขณะที่พระองค์จะเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดน 'ขอเจ้านายของข้าพระบาทอย่าทรงถือโทษการล่วงละเมิดของข้าพระบาท และขออย่าทรงจดจำความผิดที่ข้าพระบาททำในวันที่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทเสด็จออกจากเยรูซาเล็ม ขอพระราชาอย่าทรงจดจำไว้ในพระทัย ด้วยผู้รับใช้ของฝ่าพระบาททราบแล้วว่าข้าพระบาทเองได้ทำบาป เพราะฉะนั้น ดูเถิด ในวันนี้ข้าพระบาทได้มาเป็นคนแรกในพงศ์พันธุ์โยเซฟทั้งหมด ที่ลงมารับเสด็จพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท’ (ข้อ 19–20)
ดาวิดถูกชำระด้วยความทุกข์ยากของท่าน ส่องประกายออกไปเหมือนกับแสงที่เจิดจ้าต่อคนที่อยู่รอบตัวเขา พระองค์ทรงเมตตาต่อชิเมอี พระองค์ทรงรับมือกับเมฟีโบเชท ศิบา และบารซิลลัย อย่างชาญฉลาด (ข้อ 24–39)
แต่ดาวิดกำลังจะเผชิญกับการศึกอีกหลายครั้งในภายหน้า ในแบบสงครามคำพูดระหว่างอิสราเอลและยูดาห์ (ข้อ 41–43)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับวิธีที่พระองค์ทรงใช้ช่วงเวลาแห่งการทุกข์ยากและเศร้าโศกให้นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของข้าพระองค์ ขอทรงชำระจิตใจของข้าพระองค์ และเพิ่มพูนความเมตตาของข้าพระองค์ต่อคนอื่น ๆ
Pippa Adds
กิจการ 7:56
“นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และเห็นบุตรมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า”’
การถูกหินขว้างตายฟังดูเป็นวิธีที่น่ากลัวในการเสียชีวิต และกระนั้นมีบางสิ่งซึ่งน่าทึ่งในเหตุการณ์นี้ ฉันไม่รู้ว่ามีกี่คนที่เคยเห็นพระบิดาและพระบุตรพร้อมกัน ฝูงชนที่กำลังฆ่าสตีเฟนมีจำนวนไม่มากนัก แต่พระเจ้าพระบิดา และพระเจ้า พระบุตร พระเยซู ทรงต้อนรับเขากลับบ้าน
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Faith in Action: A Journey Through James

Reimagine Transformation Through the Life of Paul

My Problem With Prayer

How to Love Your Work and God

How to Love Like Jesus

The Letter to the Philippians

Lighting Up Our City Video 2: Avoiding Insider Language

The Discipline of Study and Meditation

How Is It With Your Soul?
