คำตรัสสุดท้ายของพระเมสสิยาห์Sample

บทสรุป
คำตรัสสุดท้ายของพระเยซูมีความหมายต่อฉันอย่างไร
ฉันไม่เคยได้ยินเจ็ดคำสุดท้ายของพระคริสต์มาก่อนจนกระทั่งได้เข้าร่วมกับคริสตจักรปัจจุบันที่ฉันไปในชิคาโกรัฐอิลลินอยส์ฉันยังจำได้ว่าเคยค้นหาพระคัมภีร์หลังจากที่ได้ยินว่ามีการเทศนาถึง “เจ็ดคำสุดท้าย” เพื่อนับถ้อยคำที่พระเยซูตรัสก่อนจะสิ้นพระชนม์แต่ฉันก็ไม่เคยหาเจ็ดคำนั้นเจอเลยแต่ต่อมา ฉันได้ร่วมนมัสการในหัวข้อเจ็ดคำสุดท้าย เป็นครั้งแรกที่โบสถ์ของฉันในวันศุกร์ประเสริฐระหว่างการประชุมนี้ห้องนมัสการแออัดไปด้วยสมาชิกเกือบทั้งหมดของคริสตจักรและแขกผู้มาเยือนเพื่อรับฟังคำเทศนาจากศิษยาภิบาลเจ็ดคนศิษยาภิบาลเหล่านี้แบ่งปันจากพระกิตติคุณสอนถึงคำพูดเจ็ดประโยคที่พระเยซูตรัสขณะทรงถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนและนั่นคือตอนที่ฉันได้เข้าใจและได้เรียนรู้ถ้อยคำทั้งเจ็ดที่พระเยซูทรงตรัสก่อนสิ้นพระชนม์
ศุกร์ประเสริฐแต่ละครั้งที่ฉันเข้าร่วมนมัสการและได้ฟังคำเทศนาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากถ้อยคำทั้งเจ็ด เป็นการเทศนาที่ยาวมากหากฟังในคราวเดียว ฉันได้ยินสิ่งใหม่ๆ ที่ต่างออกไปและให้แรงบันดาลใจ แก่ฉันให้ยึดมั่นในองค์พระเยซูมากขึ้นในพระลักษณะอันน่าทึ่งของพระองค์ และในแบบอย่างที่พระองค์ทรงสำแดงแก่เหล่าสาวกขณะทรงสิ้นพระชนม์
เมื่อฉันได้ยิน "โอพระบิดาเจ้าข้าขอโปรดอภัยโทษเขา" (ลูกา 23:34) ฉันเห็นพระคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างของการให้อภัยแม้กระทั่งในเรื่องที่ยากที่สุดของชีวิตเช่น เมื่อมีการกระทำอย่างมุ่งร้ายเพื่อสร้างความเจ็บปวดต่อตัวฉันหรือคนที่ฉันรัก ฉันจะให้อภัยได้อย่างไรฉันต้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าและระลึกถึงคำตรัสของพระเยซูผ่านมุมมองและความเจ็บปวดของพระองค์
เมื่อฉันได้ยิน "วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม" (ลูกา 23:43) ฉันไม่เพียงได้ยินพระเยซูทรงให้อภัยแต่ฉันเห็นพระองค์ฟื้นใจคนบาปกลับขึ้นมาใหม่ฉันเห็นพระองค์สำแดงพระวจนะที่กล่าวว่าพระองค์จะทรงลบบาปของทุกคนที่หันมาหาพระองค์และประทานชีวิตนิรันดร์ไม่ว่าอดีตของเราจะเป็นเช่นไร (ดูมัทธิว 9:2 และยอห์น 3:16) ฉันเห็นความปรารถนาของพระองค์ที่จะทรงอยู่กับเราตลอดไป
เมื่อฉันได้ยิน "หญิงเอ๋ยจงดูบุตรของท่านเถิด" และกับสาวกที่พระองค์ทรงรัก "จงดูมารดาของท่านเถิด" (ยอห์น 19:26-27) ฉันเห็นพระคริสต์ทรงห่วงใยผู้อื่นแม้ในขณะที่ทรงทุกข์ทรมานแสนสาหัสฉันเห็นพระองค์จัดหาครอบครัวให้กับผู้ที่ไร้ครอบครัวและทรงบัญชาให้เราดูแลซึ่งกันและกัน
เมื่อฉันได้ยิน "พระเจ้าของข้าพระองค์พระเจ้าของข้าพระองค์ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย" (มัทธิว 27:46) ฉันได้ยินคำถามใหญ่ที่กำลังจะมาถึงฉันได้ยินความสะเทือนใจฉันได้ยินความโดดเดี่ยวฉันได้ยินความเจ็บปวดขณะทรงทำพันธกิจตามการทรงเรียกให้สำเร็จพันธกิจที่พระองค์ได้ตรัสบอกสาวกของพระองค์ไว้(ดูมาระโก 8:31-33) พระเยซูทรงทราบว่าพระองค์ถูกส่งมาเพื่อเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเราและเพื่อสำแดงการใช้ชีวิตแก่เราแต่พระองค์ก็ยังต้องต่อสู้กับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ ทั้งความรู้สึกถูกตัดขาดความโดดเดี่ยวและความสิ้นหวังผ่านคำถามที่บีบคั้นหัวใจของพระเยซูฉันจึงได้เรียนรู้วิธีพึ่งพิงในพระเจ้าและร้องทูลต่อพระองค์ ถามคำถามต่างๆในชีวิตฉันได้เรียนรู้ว่าการคร่ำครวญเป็นสิ่งที่ทำได้ฉันสามารถทูลถามตรงๆ และละวางความกังวลของฉันไว้ที่พระองค์ได้ฉันยังได้เรียนรู้ว่าบางคำถามอาจไม่มีคำตอบการคร่ำครวญคือการยอมรับพระเจ้าและปล่อยวางคำถามนั้นไว้กับพระองค์
เมื่อฉันได้ยิน "เรากระหายน้ำ" (ยอห์น 19:28) ฉันระลึกว่าพระเยซูแม้ทรงเป็นพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แต่พระองค์ก็ทรงเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์เช่นกันพระองค์ทรงรู้สึกเหมือนกับที่ฉันรู้สึกในฐานะมนุษย์
เมื่อฉันได้ยินคำว่า "สำเร็จแล้ว!" (ยอห์น 19:30) ฉันเห็นพระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงทำภารกิจสำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์พระองค์สิ้นพระชนม์เพราะพระองค์ตรัสว่าทรงทำสำเร็จแล้วพระองค์ยังทรงควบคุมทุกอย่าง แม้กระทั่งถึงมรณาเมื่อพระราชกิจของพระองค์สำเร็จแล้วพระองค์ทรงประกาศออกมาและทรงสิ้นพระชนม์
และเมื่อฉันได้ยิน "พระบิดาเจ้าข้าข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์" (ลูกา 23:46) ฉันเห็นพระคริสต์พร้อมมอบวิญญาณจิตของพระองค์แก่พระเจ้าพระบิดาอย่างเต็มพระทัยด้วยการยอมรับพระองค์ผู้ทรงควบคุมทุกสิ่งฉันเห็นการยอมจำนนสันติสุขและความเชื่อที่แท้จริงและยังเป็นการเตือนใจให้พักสงบในพระเจ้าเมื่อฉันได้มอบวางทุกอย่างให้กับพระองค์
การใคร่ครวญคำพูดสุดท้ายทั้งเจ็ดของพระเยซูพาฉันย้อนกลับไปที่ไม้กางเขนที่ฉันยังไม่รู้จักพาฉันกลับไปยังเหตุการณ์ที่พระองค์ทรงถูกตรึงตาย พาฉันย้อนกลับไปดูว่าพระคริสต์ทรงเป็นผู้ใด พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้แก่เราในวันนี้และยังเตือนถึงสิ่งที่ฉันต้องทำในขณะที่ฉันพยายามติดตามพระเมสสิยาห์และใช้ชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้าพระเยซูทรงใช้ชีวิตส่องสว่างเป็นแบบอย่างอย่างแท้จริงให้เห็นว่าเราควรมุ่งใช้ชีวิตอย่างไรผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยฤทธานุภาพของพระองค์
คำพูดสุดท้ายของพระเยซูเตือนใจฉันถึงพระทัยอารมณ์ ความห่วงใยและความมุ่งมั่นของพระองค์ฉันอธิษฐานขอให้ถ้อยคำของพระองค์จะเป็นแบบอย่างสำหรับคุณเช่นกันที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ถ้อยคำของพระองค์จะเป็นกำลังใจให้คุณมุ่งมั่นด้วยพลังแห่งพระคุณที่จะเปลี่ยนแปลงคุณให้เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นทั้งในช่วงเวลาที่ยากลำบากและช่วงเวลาที่สุขสบายฉันหวังว่าถ้อยคำของพระเยซูจะสำแดงภาพการดูแลผู้อื่นอย่างชัดเจน แม้กระทั่งในยามที่พวกเขาทำร้ายคุณและต้องการการให้อภัยจากคุณฉันหวังว่าถ้อยคำและการกระทำของพระเยซูจะแสดงให้คุณเห็นว่าคุณจะมอบวางสิ่งที่คุณเผชิญไว้บนพระหัตถ์ของพระเจ้า ภายใต้การดูแลของพระองค์ด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ได้อย่างไร
การทำตามแบบอย่างของพระคริสต์เช่นนี้ไม่อาจเป็นไปได้ด้วยตัวของเราเอง เราจำเป็นต้องมีความเชื่อในพระเมสสิยาห์ด้วยการไว้วางใจและพึ่งพาพลังและพระคุณของพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอเราต้องยอมจำนนชีวิตของเราให้กับพระองค์ในทุกๆ วันพระเยซูทรงสำแดงหนทางแก่เราแล้ว เวลานี้ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่าจะติดตามพระองค์หรือไม่
คุณจะติดตามพระองค์ไหม
คาทาร่า แพตตั้น ผู้เขียนมานาประจำวัน
About this Plan

บทใคร่ครวญ 7 ประการในเทศกาลอีสเตอร์ จากถ้อยคำของพระเยซูบนไม้กางเขน
More
Related Plans

Journey Through Jeremiah & Lamentations

Overcoming Offense

1 Samuel | Chapter Summaries + Study Questions

POWER UP: 5 Days of Inspiration for Connecting to God's Power

2 Chronicles | Chapter Summaries + Study Questions

Forever Open: A Pilgrimage of the Heart

Battling Addiction

After Your Heart

Journey Through Minor Prophets, Part 2
