คำตรัสสุดท้ายของพระเมสสิยาห์Sample

บทนำ
สมบัติในสวน
“ฉันหวังว่ามันจะบานได้นานกว่านี้” ภรรยาของผมพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายขณะมองดูดอกโบตั๋นดอกโตทั้งสีชมพูและสีขาวเธอโน้มตัวลงไปดมกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ปลูกไว้เมื่อยี่สิบปีก่อนดอกไม้เหล่านี้เป็นของขวัญจากคุณแม่ของผมที่รู้ตัวว่าท่านจะอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นานนักและอยากให้สวนของท่านคงอยู่ต่อไปเมื่อท่านจากไปแล้ว
อีกครู่หนึ่งหลานสาววัยสามขวบของเราก็กระโดดอย่างร่าเริงเข้ามาตามทางเดินในสวนผมหางม้าของเธอกระเด้งขึ้นลงตามจังหวะวิ่งเธอยื่นหินก้อนเล็กก้อนหนึ่งให้กับคาเลบ เพื่อนของลูกชายเราและพูดว่า “เอาไม๊” คาเลบรับก้อนหินจากเธอเขาพลิกมันไปมาในมือและด้วยความเข้าใจลึกซึ้งเกินวัยสิบเจ็ดเขาหย่อนหินก้อนนั้นลงกระเป๋าและพูดว่า “ดอกไม้บานได้ไม่นานหรอกแต่นี่จะอยู่ได้นานกว่านั้นมาก” รอยยิ้มเขินอายปรากฏบนใบหน้าหลานสาวของเราเธอเดินจากไปอย่างพอใจและคาดหวังที่จะพบสมบัติอื่นๆ ในสวนอีกชีวิตที่แสนสั้นความงดงามและความหวังทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นในชั่วขณะเดียว
...
นานมาแล้วในห้องชั้นบนแห่งหนึ่งมีเหตุการณ์ซึ่งได้กลั่นเอาความเจ็บปวดความรักและความหวังของชีวิตออกมารวมกันไว้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงยอห์นผู้เป็นสาวกได้บรรยายถึงอาหารเย็นมื้อสุดท้ายไว้ดังนี้ “พระเยซูทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงจากโลกนี้ไปหาพระบิดาพระองค์ทรงรักพวกของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด” (ยอห์น 13:1) ในช่วงเวลาสั้นๆ ตรงนั้นพระคริสต์ได้ทรงสำแดงให้เหล่าสาวกเห็นถึงการเป็นผู้นำที่แท้จริง (ข้อ 3-17) พระองค์ทรงเตือนถึงการทรยศที่กำลังจะเกิดขึ้นจากน้ำมือของยูดาส (ข้อ 18-30) และทรงเตือนเปโตรว่าอีกไม่ช้าเขาจะปฏิเสธพระองค์ (ข้อ 38) พระองค์ตรัสบอกสาวกว่าพระองค์กำลังจะไปแล้วแต่ทรงให้สัญญากับพวกเขาว่า “เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยวเราจะมาหาท่าน” (14:18) พระองค์ทรงให้คำมั่นกับพวกเขาว่า “เราจะทูลขอพระบิดาและพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่านเพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไปคือพระวิญญาณแห่งความจริง” (ข้อ 16-17)
แม้ในขณะที่พระองค์ทรงล่วงรู้ถึงการสิ้นพระชนม์อันเจ็บปวดทรมานของพระองค์แต่พระเยซูก็ยังทรงปลอบใจผู้อื่น “เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลายสันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้นเราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย” (14:27)
จากนั้นพระเยซูและเหล่าสาวกยกเว้นยูดาสก็ออกจากห้องชั้นบนและเดินไปยังภูเขามะกอกเทศหากเป็นคืนอื่น นั่นอาจเป็นการเดินเล่นที่น่ารื่นรมย์ แต่ไม่ใช่คืนนั้น ที่นั่น ในสวนเกทเสมนีพระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตายจงเฝ้าอยู่กับเราที่นี่เถิด” (มัทธิว 26:38) พระองค์ทรงอธิษฐานว่า “โอพระบิดาของข้าพระองค์ถ้าเป็นได้ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด” (ข้อ 39)
ที่นี่เราได้เห็นความเป็นมนุษย์ของพระเยซูอย่างเข้มข้นที่สุดและที่นี่เราได้เห็นการเชื่อฟังพระบิดาของพระองค์อย่างแน่วแน่จนถึงที่สุด “อย่าให้เป็นตามใจปรารถนาของข้าพระองค์แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” (ข้อ 39)
ทรงถูกจับกุมในสวนนั้นพระเยซูต้องอดทนกับการพิจารณาคดีที่ไม่ยุติธรรมสองครั้งรวมถึงคำพิพากษาที่อยุติธรรมที่สุดในประวัติศาสตร์พระผู้สร้างจักรวาลถูกสิ่งมีชีวิตที่พระองค์สร้างขึ้นตรึงพระองค์บนไม้กางเขนที่เนินเขานอกกรุงเยรูซาเล็มจากสถานที่อันน่าสะพรึงกลัวแห่งนั้น พระเยซูทรงตรัสคำพูด 7 ประโยคสุดท้ายเอาไว้
คุณจะพบความหมายของทั้งเจ็ดประโยคในหน้าถัดไปขณะที่คุณอ่านบทความเหล่านี้เราอธิษฐานขอให้คุณได้ใคร่ครวญถึงความสำคัญจากถ้อยคำของพระองค์ และได้รับการหนุนใจจากพระสัญญาแห่งความหวังที่เบ่งบานอยู่ตลอดกาล
---
ชีวิตนี้ต้องพบกับความเจ็บปวดและความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เราต้องบอกลากับคนที่เรารักเร็วเกินไป และเราเองก็ต้องจากไปตามทางของโลกเร็วเกินไปเช่นกัน ดังที่กษัตริย์ดาวิดได้ตรัสไว้ก่อนจะสิ้นพระชนม์ (1พกษ.2:2)
ถึงอย่างนั้น เช่นเดียวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิชีวิตนี้ยังเต็มไปด้วยความงดงามอีกมากมายและเพราะพระเยซูเราจึงตั้งตารอความชื่นชมยินดีที่คอยเราอยู่ข้างหน้า
ดอกไม้ที่คุณแม่มอบให้ภรรยาของผมยังคงมีชีวิตอยู่ผ่านการขยายพันธุ์ตามที่พระผู้สร้างของเราได้ทรงวางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนสร้างโลกมรดกของคุณแม่ยังคงเจริญเติบโตผ่านลูกหลานและเหลนของเธอ เด็กน้อยน่ารักที่มอบหินก้อนเล็กให้กับเพื่อนๆของเธอแต่ที่ดียิ่งกว่านั้นเรากำลังตั้งตารอการกลับมาพบกันอีกครั้งในนิรันดร์กับบรรดาผู้ที่รักพระเจ้าและเลือกที่จะติดตามพระองค์โดยการเชื่อในพระบุตรของพระองค์
ดอกไม้ในที่สุดก็ต้องโรยราไปของขวัญทั้งเล็กและใหญ่ล้วนสูญหายไปได้อาจถูกลืมเลือน หรือนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง แต่ในช่วงเวลาเหล่านี้ความสุขเล็กๆเช่นหินก้อนเล็กที่หลานของผมมอบให้กับเพื่อนทำให้ผมนึกถึงหินก้อนที่ใหญ่กว่ามาก—หินจากสวนอีกแห่งหนึ่งที่ “วันอาทิตย์เวลาเช้ามืดมารีย์ชาวมักดาลามาถึงอุโมงค์ฝังศพนางเห็นหินออกจากปากอุโมงค์อยู่แล้ว” (ยอห์น 20:1) เราจำได้ว่าพระเยซูทรงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ไว้อย่างไร “เพราะเราดำรงอยู่ท่านทั้งหลายก็จะดำรงอยู่ด้วย” (ยอห์น 14:19)
ให้เรามาดูกันว่าพระองค์ผู้ทรงพิชิตความตายทรงตรัสอะไรกับเราบ้างผ่านเจ็ดคำพูดสุดท้ายของพระองค์
ทิม กุสตาฟสัน ผู้เขียนมานาประจำวัน
About this Plan

บทใคร่ครวญ 7 ประการในเทศกาลอีสเตอร์ จากถ้อยคำของพระเยซูบนไม้กางเขน
More
Related Plans

Your Summer in the Psalms: Chapters 1-50

Mom Guilt Meets Grace

Connect With God Through Expression | 7-Day Devotional

A Christian Parent's Guide to Navigating Youth Sports

Detoxing Life

Faith

Kids Bible Experience | the Book of Revelation

Psalms 6-10: Your Summer in the Psalms

Pursue, Overtake & Recover All
