พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

ความเชื่อคืออะไร?
ผมเรียนกฏหมายที่มหาวิทยาลัย และฝึกว่าความเป็นเนติบัณฑิตหลายปี ผมมีส่วนร่วมในการพิจารณาคดีทางอาญาหลายครั้ง ซึ่งผู้พิพากษาบอกคณะลูกขุนว่า พวกเขาต้องตัดสินแล้ว แต่พวกเขาไม่พบว่า จำเลยมีความผิด เว้นแต่ว่าคณะลูกขุนจะ ‘หมดข้อข้องใจจน*มั่นใจ*ว่าผิดจริง’ ทุกคำตัดสินดังกล่าวเป็นการกระทำของความเชื่อ คณะลูกขุนไม่ได้อยู่ตอนที่ก่ออาชญากรรม พวกเขาจำเป็นต้องเชื่อในหลักฐาน ควมเชื่อและ ‘*ความมั่นใจ*’ ไม่ขัดแย้งกัน ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูกล่าวว่า ‘*ความเชื่อ* คือ *ความมั่นใจ*ในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น' (ฮีบรู 11:1) นักบุญออกัสตินเขียนว่า ‘พระเจ้าไม่ได้คาดหวังให้เรามอบความเชื่อของเราต่อพระองค์โดยไม่มีเหตุผล แต่เหตุผลอันจำกัดของเราทำให้ความเชื่อเป็นสิ่งจำเป็น’สุภาษิต 27:15-22
ความเชื่อคือวิถีทางแห่งความพอใจที่แท้จริง
‘ผมไม่เคยมีความพอใจ’ ร้องโดย มิค แจ็คเกอร์ ปี 1965 เพลงของวงโรลลิ่ง สโตนสะท้อนถึง ‘หัวใจของมนุษย์’ ที่เรา พยายามแล้วพยามอีก แต่ดวงตาของมนุษย์ ‘ไม่รู้จักอิ่ม’ (ข้อ 20) เราจะพบความพึงพอจากที่ใด?
ข้อพระธรรมนี้ประกอบด้วยขุมทรัพท์แห่งสติปํญญาในทางปฏิบัติ เป็นการเตือนเรื่องการทะเลาะเบาะเเว้ง (ข้อ 15-16) กล่าวถึงมิตรภาพสามารถปรับปรุงให้ชีวิตของคุณเกิดผลได้อย่างไร ‘เหล็กลับเหล็กให้คมได้ เพื่อนก็ลับเพื่อนได้ฉันนั้น’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The New Living Translation โดยผู้แปล)
ความเชื่อหมายถึงการรับใช้พระเจ้า คือการปรนนิบัตินายของตน ‘คนที่ดูแลต้นมะเดื่อจะได้กินผมของมัน และคนที่คุ้มกันนายของตนจะได้รับเกียรติ’ (ข้อ 18)
ผู้เขียนกล่าวต่อไปว่า ‘แดนคนตายและแดนพินาศไม่รู้จักอิ่ม ดวงตาของมนุษย์ก็ไม่รู้จักอิ่ม’ (ข้อ 20) ‘นรกมีความอยากอาหารอย่างตะกละตะกลาม และตัณหาไม่เคยเลิกรา’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ความพอใจที่แท้จริงเกิดขึ้นจากความเชื่อในพระเยซูผู้ทรงตรัสว่า ‘เรามาเพื่อ (พวกเขา) จะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์’ (ยอห์น 10:10)
ผู้เขียนจึงชี้ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสำคัญของวิธีที่เราจัดการกับคำชมว่า ‘เบ้าหลอมมีไว้สำหรับเงิน และเตาถลุงสำหรับทองคำ ส่วนคนเราจะพิสูจน์ได้โดยคำยกย่องที่เขาได้รับ’ (สุภาษิต 27:21) ผู้มีความเชื่อตระหนักดีว่าพระเจ้าเป็นสาเหตุหลักของความสำเร็จที่เรามีเสมอ พระองค์ทรงสร้างคุณ และประทานของประทานและโอกาสที่จะมาถึงคุณ
เมื่อคนยกย่องคุณ ไม่ควรให้มันเข้ามาในความคิดคุณ เมื่อคนวิจารณ์คุณ ไม่ควรให้มันเข้ามาในใจ (ดูข้อ 19)
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ ให้มีชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ ให้มองพระองค์เป็นองค์จอมเจ้านาย ถวายพระเกียรติพระองค์ และรับใช้พระองค์ทุกวัน
ฮีบรู 11:1-16
ความเชื่อคือการวางใจพระเจ้า
‘ความจริงพื้นฐานของการดำรงอยู่ คือ ความวางใจในพระเจ้า ซึ่งความเชื่อนี้เป็นรากฐานที่มั่นคงภายใต้ทุกสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีค่าควรแก่การดำรงอยู่ นี่คือการจัดการในสิ่งที่มองไม่เห็นของเรา การกระทำด้วยความเชื่อคือสิ่งที่ทำให้บรรพบุรุษของเราแตกต่าง ทำให้พวกเขาอยู่เหนือฝูงชนอื่น ๆ’ (ข้อ 1–2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ความเชื่อเป็นอย่างไรในทางปฏิบัติ?
-
ความเชื่อนำมาสู่ความเข้าใจ
‘โดยความเชื่อ เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างจักรวาล ด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น’ (ข้อ 3) นักบุญออกัสตินชี้ให้เห็นว่า ‘ความเชื่อเป็นก้าวแรกสู่ความเข้าใจ ความเข้าใจเป็นรางวัลแห่งความเชื่อ ดังนั้นอย่าแสวงหาความเข้าใจที่คุณอาจเชื่อ แต่เชื่อว่าคุณจะเข้าใจ’ -
ความเชื่อทำให้พระเจ้าพอพระทัย
ชีวิตของเอโนคทำให้พระเจ้าพอพระทัยดังนี้ เขา ‘ก้าวข้ามความตายอย่างสมบูรณ์’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผู้เขียนอธิบายต่อว่า ‘เป็นไปไม่ได้ที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัยโดยปราศจากความเชื่อ ทำไมหรือ? ก็เพราะว่าใครก็ตามที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้าต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่และทรงห่วงใยที่จะตอบกลับผู้ที่แสวงหาพระองค์’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) -
ความเชื่อนำมาสู่ความใกล้ชิดพระเจ้า
‘โดยความเชื่อโนอาห์สร้างเรือบนดินแห้ง โนอาห์ได้รับคำเตือนและกระทำในสิ่งที่พระเจ้าบอกเขา ...ดังนั้น โนอาห์จึงมีความใกล้ชิดกับพระเจ้า’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) -
ความเชื่อหมายถึงการตอบ ‘ตกลง’ กับพระเจ้า
‘โดยการกระทำด้วยความเชื่อ อับราฮัมตอบตกลงกับการทรงเรียกของพระเจ้าในการออกเดินทางในสถานที่ที่ไม่รู้จักซึ่งจะกลายเป็นบ้านของเขา เมื่ออับราฮัมออกเดินทางเขาไม่รู้ว่าเขาจะไปไหน’ ความเชื่อที่แท้จริงทำให้เรามีการเชื่อฟัง (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
อับราฮัมออกจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดีย ณ จุดสูงสุดของความเจริญรุ่งเรือง (2006-1950 ก่อนคริสตกาล) เขาได้ยินการทรงนำของพระเจ้าและ ‘เชื่อฟังและเดินทางออกไป’ ทันที (ข้อ 8) เขาไม่ ‘รู้ว่าจะไปที่ไหน’ (ข้อ 8) แต่เขารู้ว่าเขาไปกับใคร ความเชื่อของอับราฮัมนำพระพรมาสู่ตัวเขา ครอบครัว ชนชาติของเขา รวมทั้งคุณและผมด้วย
เขาวางใจพระเจ้าแม้ว่าหลักฐานจะชี้ไปในทิศทางตรงกันข้าม ความผิดหวังอย่างมากเรื่องหนึ่งของอับราฮัมคือภรรยาของเขาไม่สามารถมีบุตรเพื่อสืบสายของตระกูลเขาได้ (ปฐมกาล 11) เราได้อ่านเรื่องครอบครัวของอับราฮัมว่า ‘เสมือนคนตายแล้ว' (ฮีบรู 11:12)
อับราฮัมเชื่อพระเจ้า (ดู โรม 4) ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัยเลย อันที่จริง เขาเบื่อกับการรอคอยและพยายามทำให้น้ำพระทัยพระเจ้าสำเร็จด้วยวิธีการของมนุษย์ ขอบคุณพระเจ้าที่ พระเจ้าไม่ได้ตัดสินเราโดยพิจารณาจากความพลาดพลั้ง ความล้มเหลว หรือความยุ่งเหยิงของเรา พระองค์เห็นทัศนคติที่มั่นคงในความเชื่อของอับราฮัม (โรม 4:3, 18)
- ความเชื่อเห็นสิ่งที่นอกเหนือชีวิตนี้
อับราฮัมมองการณ์ไกล เราอยู่ในวัฒนธรรมที่ทุกอย่าง ‘สำเร็จรูป’ เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจที่ต้องให้ได้ทันใจ อับราฮัมอยู่ที่นั่นระยะยาว เขาเป็น ‘คนต่างด้าว’ (ฮีบรู 11:9) เขาพักอาศัยอยู่ในเต็นท์แต่เขารู้ว่าพระเจ้าได้ทรงนำเขาไปที่ใด
เขาไม่ได้มองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังผ่านการก้าวด้วยความเชื่อ แต่ ‘ท่านเฝ้าคอยนครที่ตั้งอยู่บนรากฐานซึ่งพระเจ้าทรงเป็นสถาปนิกและทรงเป็นผู้สร้าง’ (ข้อ 10)
ความเชื่อของอาเบลส่งผลยั่งยืน ‘...แม้ว่าอาเบลตายไปแล้ว แต่โดยทางความเชื่อท่านจึงยังพูดอยู่’ (ข้อ 4)
ผู้เขียนสรุปว่า ‘คนแห่งความเชื่อแต่ละคนและได้ตายไปแล้ว ยังไม่รับพระสัญญาแต่ก็ยังมีความเชื่ออยู่… ท่านจะเห็นว่าพระเจ้าทรงภูมิใจคนเหล่านี้ และทรงมีบ้านหนึ่งรอพวกเขาอยู่แล้ว’ (ข้อ 13, 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ต้องการทำให้พระองค์พอพระทัยในวันนี้ ข้าพระองค์แสวงหาพระองค์อย่างสุดใจ
เอเสเคียล 22:23-23:49
ความเชื่อคือการคงอยู่ในความสัตย์ซื่อ
คุณจะทำอย่างไรถ้าคุณอยู่ในสังคมที่หันหลังให้กับพระเจ้า? คุณยังคงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าได้อย่างไรเมื่อผู้คนรอบตัวคุณขาดความเชื่อ? คุณจะยอมแพ้และเข้าร่วมกับพวกเขาหรือไม่? คุณตัดสินและประณามพวกเขาหรือไม่? หรือมีวิธีอื่นสำหรับคนของพระเจ้า?
พระเจ้าทรงมีพระดำรัสกับเอเสเคียลอีกครั้ง ความห่วงใยของพระองค์นั้นเป็นเรื่องปกติ ‘การบีบบังคับมีอยู่มากมาย การจี้ปล้นเป็นเหมือนโรคระบาด คนยากจนและคนขัดสนถูกทารุณกรรม คนต่างด้าวถูกเตะด้วยความจงใจและไม่สามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้’ (22:29, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เขาอธิบายความบาปของกรุงเยรูซาเล็มและสะมาเรียว่าเป็นเหมือนหญิงโสเภณีสองคนที่ ‘ทวีการทำตัวเป็นโสเภณี’ (23:19) และ ‘บ้าตัณหา’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ธรรมชาติของบาปและการเสพติดเกิดจากความไม่พึงพอใจ การกระทำจึงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มนุษย์ควรรักพระเจ้า และซื่อสัตย์ต่อพระองค์ แต่เรากลับโหยหาสิ่งที่ผิด
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ได้เห็นภาษาที่น่าตกใจและชัดเจนเช่นนั้นในพระคัมภีร์ แต่พระเจ้าใช้ภาพที่น่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับความบาปของพวกเขา และมันทำให้พระองค์เจ็บปวดเพียงใดที่ได้เห็น
ต้นตอของปัญหาคือความไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ‘เพราะฉะนั้น พระยาเวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เพราะเจ้าลืมเรา และเหวี่ยงเราไปไว้ข้างหลังเจ้า ดังนั้นเจ้าจงแบกรับโทษของการมักมากในกามและการเล่นชู้เถิด’ (ข้อ 35)
การลืมพระเจ้าเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเชื่อ การหลงลืมพระเจ้านำไปสู่ผลที่เลวร้ายที่ได้อธิบายไว้ในพระธรรมตอนนี้
แต่เอเสเคียลยังคงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เขายังคงประกาศถ้อยคำของพระเจ้าต่อไป สิ่งที่พระเจ้ามองหาคือ คนที่อธิษฐานวิงวอนเพื่อพวกเขาและ ‘ยืนอยู่ตรงช่องโหว่ต่อหน้าเราเพื่อแผ่นดินนั้น’ (ข้อ 30) นี่คือวิธีนี้ของความสัตย์ซื่อสำหรับคนของพระเจ้า
ผมรู้สึกขอบคุณกับคนมากมายที่บอกผมตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่าพวกเขาอธิษฐานเผื่อเราเป็นประจำ เรามีห้องอธิษฐานตลอด 24 ชั่วโมง ตลอด7 วัน ที่คริสตจักรของเราด้วย และผมรู้สึกตื่นเต้นกับวิธีที่สิ่งนี้หนุนใจให้ผูคนอธิษฐาน และวิงวอน
การอธิษฐานทำให้เกิดความแตกต่างจริง ๆ การอธิษฐานวิงวอนเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้ ให้การอธิษฐาน และการวิงวอนเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในชีวิตของคุณ
ความกระหายทางเพศมีรากเหง้าจากความกระหายที่จะใกล้ชิด ซึ่งสามารถสนองได้ผ่านความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าเท่านั้น พระธรรมเอเสเคียลมีความร่วมสมัยเป็นพิเศษกับผู้คนจำนวนมากในปัจจุบัน ที่มีการเสพติดทางเพศบางรูปแบบ ให้เราอธิษฐานโดยเชื่อว่าพระเจ้า ‘เป็นผู้ประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์’ (ฮีบรู 11:6) เป็นส่วนสำคัญของคำตอบ
จงจดจ่อที่พระเยซู วางใจพระองค์ อยู่ในพระองค์ รับใช้พระองค์ด้วยสุดใจ มีชีวิตในความเชื่อ สัตย์ซื่อกับพระองค์และอธิษฐานเผื่อผู้อื่นอย่างซื่อสัตย์ นี่คือความอิ่มใจที่แท้จริง ความเชื่อทำให้พระเจ้าพอพระทัย
ข้าแต่พระเจ้าโปรดเพิ่มเติมความเชื่อให้กับพระองค์
Pippa Adds
สุภาษิต 27:15-16
‘ผู้หญิงขี้ทะเลาะก็เหมือนกันฉันนั้น คนที่ห้ามเธอก็เหมือนห้ามลม หรือจับน้ำมันด้วยมือขวา’
ประเด็นนี้เหมือนกับจะเกิดขึ้นบ่อย พระธรรมตอนนี้เป็นสิ่งที่เตือนใจ เผื่อว่าเราถูกล่อลวง!
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

The Holy Spirit: God Through Us

BE a PILLAR

Journey Through Esther

Fatherless No More: Discovering God’s Father-Heart

The Creator's Battle: Winning the Inner War for Your Art

When Tithing Feels Impossible: 3 Truths That Free You From Financial Guilt

What Is "The Way of Christ?"

Read the Bible Effectively

When You Are the Problem: The Courage to Look in the Mirror When Your Church Is in Crisis
