YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 209 OF 365

การทรงเรียกของคุณไม่อาจถูกเอากลับคืน

พ่อของผมไม่เคยอาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอล เหมือนอย่างคนยิวหลาย ๆ คน ประชากรยิวได้กระจัดกระจายไปทั่วโลก ใน ค.ศ. 1947 รัฐอิสราเอลถูกสถาปนาอีกครั้ง ในปัจจุบันมีประชากรประมาณ 7.5 ล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอล ซึ่ง 6 ล้านคนเป็นเชื้อสายยิว และทุกวันนี้ยังมีคนยิวอีกมากที่ยังกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ผมชอบการที่ยูจีน ปีเตอร์สันแปลข้อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ของวันนี้ โดยใช้คำว่า ‘คนใน’ สำหรับชาวยิว และ ‘คนนอก’ สำหรับคนที่ไม่ใช่ยิว คนยิวหลายคนได้มาเป็นคริสเตียนตลอดหลายปีนี้ จริง ๆ แล้วคริสเตียนในยุคแรกทั้งหมดเป็น ‘คนใน’ (ชาวยิว) แต่ตอนนี้คริสเตียนส่วนมากเป็น ‘คนนอก’ (คนที่ไม่ใช่ยิว) แล้วอนาคตของ ‘คนใน’ จะเป็นอย่างไร กุญแจในการเข้าใจของเปาโลอยู่ในโรม 11:29 ‘เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงเปลี่ยนพระทัย ในการที่ได้ทรงให้ของประทานและในการทรงเรียก’ นี่เป็นใจความสำคัญของพระคริสตธรรมคัมภีร์ทั้งเล่ม อย่างที่เราได้เห็นในข้อพระคัมภีร์ของวันนี้

สดุดี 89:19-29

พันธสัญญาของพระเจ้าต่อคนของพระองค์จะดำรงอยู่เป็นนิตย์

เราได้เห็นในพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับดาวิดว่าของขวัญจากพระเจ้า และการทรงเรียกของเขานั้นไม่อาจถูกเอากลับคืน

พระเจ้าทรงเรียกผู้หนึ่ง ‘คนที่เราเลือก’ จากประชาชนของพระองค์ (ข้อ 19ค) พระองค์ประทานของประทานกับเขา และทรง ‘ให้ความช่วยเหลือแก่นักรบคนหนึ่ง’ (ข้อ 19ข) พระองค์ทรง ‘เจิมเขาไว้’ (ข้อ 20ข) พระองค์ทรงสัญญาว่าความรักของพระองค์จะอยู่กับเขา (ข้อ 24ก) และความรักนั้นจะมั่นคงตลอดไป ‘พันธสัญญาที่เราทำกับเขาจะมั่นคงอยู่เราจะสถาปนาพงศ์พันธุ์ของเขาไว้เป็นนิตย์ ทั้งให้บัลลังก์ของเขาดำรงอยู่ตราบเท่าที่ฟ้าสวรรค์ดำรงอยู่’ (ข้อ 28ข-29)

พระสัญญานี้ให้กับดาวิดเป็นคนแรก (2 ซามูเอล 7:12-16) และเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง จากนั้นในพระธรรมอิสยาห์ สิ่งที่ทรงสัญญาไว้กับดาวิด พระองค์ทรงสัญญากับอิสราเอลด้วย ‘และเราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับพวกเจ้า ตามความรักมั่นคงแน่นอนของเราต่อดาวิด’ (อิสยาห์ 55:3ข)

เปาโลแสดงออกอย่างชัดเจนว่าทั้งหมดนี้ถูกทำให้สำเร็จในพระเยซู เขาได้เขียนไว้ว่า ‘เรานำข่าวประเสริฐนี้มาแจ้งกับท่านทั้งหลายว่า พระสัญญาที่ประทานแก่บรรดาบรรพบุรุษของเรานั้น พระเจ้าทรงให้สำเร็จตามนั้นเพื่อเรา ผู้เป็นลูกหลานของเขาทั้งหลาย โดยการที่พระองค์ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นมา’ (กิจการ 13:32-33) จากนั้นเขาอ้างอิงอิสยาห์ 55:3 ว่า ‘เราจะให้พรอันบริสุทธิ์และมั่นคงที่เราสัญญาไว้กับดาวิดแก่พวกท่าน’ (กิจการ 13:34)

พระเจ้าทรงสัญญาว่าพระองค์จะให้ความรักมั่นคงของพระองค์กับคุณตลอดไป คุณได้รับพระพรทุกอย่างที่ทรงสัญญากับดาวิดผ่านทางพระเยซู คุณเป็นที่รัก คุณถูกเจิมตั้ง พระองค์จะประทานกำลังให้คุณ การทรงเรียกของคุณไม่อาจถูกเอากลับคืน

ข้าแต่พระเจ้าพระบิดา ขอบคุณสำหรับความรักมั่นคงของพระองค์ วันนี้ข้าพระองค์ร้องต่อพระองค์ว่า ‘ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ และเป็นศิลาแห่งความรอดของข้าพระองค์’ (สดุดี 89:26)

โรม 11:11-32

พระสัญญาของพระเจ้าที่ให้ไว้กับอิสราเอลจะเป็นจริง

เหมือนที่เราได้เห็นในพระธรรมโรม 11 เปาโลกำลังตอบคำถามที่ว่า ‘พระเจ้าทรงทอดทิ้งชนชาติของพระองค์แล้วหรือ?’ คำตอบคือ ‘ไม่ ไม่ ไม่’ ‘ของประทานและการทรงเรียกของพระเจ้านั้นอยู่ในการรับประกันเต็ม ไม่เคยถูกยกเลิก ไม่เคยถูกเพิกถอน’ (โรม 11:29, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ถึงกระนั้นอาจารย์เปาโลยังปล้ำสู้กับความเป็นจริงว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ยอมรับพระเยซู เขากล่าวว่าพวกเขาเหล่านั้นต่าง ‘สะดุด’ (ข้อ 11) และมี ‘ใจแข็งกระด้าง’ (ข้อ 25) พวกเขาเป็นเหมือนกิ่งมะกอกที่ ‘ถูกหักออกเสีย’ (ข้อ 17) แต่สิ่งนี้เข้ากับพระสัญญาที่ไม่อาจถูกทำลาย ซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไว้กับคนของพระองค์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมได้อย่างไร?
1. มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่มีใจแข็งกระด้าง ยังคงมีคนที่เหลืออยู่เสมอ ผู้ซึ่งถูกเลือกโดยพระคุณ (ข้อ 11-16)

  1. ใจแข็งกระด้างนั้นก่อให้เกิดผล เนื่องจากมันนำไปสู่ความรอดอย่างมั่งคั่งในคนต่างชาติ ‘เมื่อพวกเขาเดินออกไป เขาได้เปิดประตูทิ้งไว้ และคนนอกได้เดินเข้ามาแทน’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  2. ใจแข็งกระด้างเกิดขึ้นชั่วคราว ‘พวกเขาออกไปอย่างถาวรไหม คำตอบคือ ไม่ อย่างชัดเจน’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ใจแข็งกระด้างของคนใน (อิสราเอล) ที่มีต่อพระเจ้านั้นเพียงแค่ชั่วคราว’ (ข้อ 25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ตอนนี้ ถ้าการจากไปของเขากระตุ้นให้คนนอก (ที่ไม่ใช่ยิว) จากทั่วโลกมาในแผ่นดินของพระเจ้า ลองนึกภาพผลกระทบของการกลับมาของพวกเขาสิ! จะเป็นการกลับบ้านที่ยิ่งใหญ่!’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ประเด็นสุดท้ายนั้นสำคัญสำหรับเปาโล ผู้ที่ใส่ใจคนของเขาด้วยใจร้อนรนเป็นพิเศษ เขาตั้งตารอให้มีการรวบรวมชนอิสราเอล (ข้อ 12) เขากล่าวต่อว่า ‘อิสราเอลทั้งชาติก็จะได้รับความรอด' (ข้อ 26) เขาไม่ได้พูดว่า ‘ถ้า’ สิ่งนี้เกิดขึ้น แต่เขาพูดว่า ‘เมื่อ’ สิ่งนี้เกิดขึ้น เขาใช้ต้นมะกอกเป็นภาพของชนชาติยิว (ข้อ 17,24) ที่พระคริสต์ได้เสด็จมา แต่ชนชาตินั้นกลับปฏิเสธพระองค์ ต้นไม้ถูกตัดทิ้งแต่รากยังคงอยู่ ชาวสวนต่อกิ่งของคนต่างชาติเข้ามาแทน (ข้อ 17)

การกลับมาของชาวยิวจะมาถึงเมื่อกิ่งก้านของพวกเขาจะถูกต่อเข้าใหม่ (ข้อ 23-24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) จากนั้นต้นไม้ทั้งต้นจะสมบูรณ์ คนต่างชาติจะเข้าส่วนได้รับน้ำเลี้ยงจากกิ่งก้านนั้น แต่พวกเขาไม่ได้เลี้ยงรากพวกนั้น (คนยิว) แต่รากเลี้ยงพวกเขา (ข้อ 18) มี 3 ขั้นตอนที่ต่อเนื่องกันในการที่แผนการแห่งความรอดของพระเจ้านั้นสำเร็จเป็นจริง:

  1. เกิดจากความไม่เชื่อของคนอิสราเอลส่วนมาก: ‘บางกิ่งของต้นไม้ถูกหักออก’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  2. การรวมเข้ามาของคนนอกมากมาย ผ่านทางความเชื่อในพระเยซู: ‘พวกเจ้า กิ่งมะกอกป่าถูกนำมาต่อติด’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  3. ความรอดของ ‘อิสราเอลทั้งชาติ’ (ข้อ 26)

แต่ ‘อิสราเอลทั้งชาติจะได้รับความรอด’ หมายความว่าอย่างไร? บางคนโต้เถียงว่าประโยคนั้นหมายถึง อิสราเอลยังสามารถรอดถ้าปราศจากพระคริสต์ แต่ว่าจุดยืนนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย เปาโลแย้งในจดหมายฝากว่าพระเยซู คือ หนทางสู่ความรอด

คนอื่น ๆ โต้เถียงว่านั่นหมายถึงประเทศอิสราเอลทั้งหมด รวมถึงสมาชิกทุกคนที่เชื่อในพระเยซู อย่างไรก็ตาม ‘อิสราเอลทั้งชาติ’ เป็นการประโยคที่ปรากฎต่อเนื่องในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและในวรรณกรรมอื่น ๆ ของยิว ซึ่งไม่จำเป็นต้องหมายถึง ‘คนยิวทุกคนโดยไม่มียกเว้น’ แต่เป็น ‘อิสราเอลทั้งสิ้น’ (เช่น ใน 1 ซามูเอล 7:5, 28:1, 1 พงศ์กษัตริย์ 12:1, ดาเนียล 9:11) สิ่งนี้เข้ากับบริบทที่อาจารย์เปาโลกำลังบอกในโรม

เปาโลกำลังคิดถึงการที่พระเจ้าจัดการกับชนทั้งชาติ ดังนั้น ‘พรอันไพบูลย์’ (โรม 11:12) เป็นที่เข้าใจในในแง่เดียวกับความไพบูลย์ของคนต่างชาติ นั่นคือการที่พวกเขาทั้งหลายได้มาเชื่อพระองค์ ย่อมส่งอิทธิพลทางความเชื่อในคนอิสราเอลด้วยเช่นกัน

เปาโลสรุปดังนี้ ‘ในช่วงเวลาไม่นานมานี้เจ้าขัดแย้งกับพระเจ้า แต่หลังจากนั้นพวกยิวได้ปิดประตูใส่พระองค์ และสิ่งต่าง ๆ เปิดกว้างให้แก่เจ้า ตอนนี้พวกเขาออกไป แต่เมื่อประตูเปิดกว้างแก่เจ้า พวกเขาจึงมีหนทางที่จะกลับเข้ามา ไม่ว่าจะผ่านทางไหนก็ตาม พระเจ้าทรงทำให้เราทุกคนมีประสบการณ์กับการอยู่ด้านนอก เพื่อพระองค์จะสามารถเปิดประตูให้เราด้วยพระองค์เองและต้อนรับเรากลับเข้ามา’ (ข้อ 30-32 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ของประทาน และการทรงเรียกของพระองค์ที่ไม่อาจถูกเอากลับคืน ข้าพระองค์อธิษฐานขอที่เราจะเห็นได้ในไม่ช้า ไม่เพียงแค่การมาเชื่อของคนต่างชาติจำนวนมาก แต่เป็นการมาเชื่อของคนอิสราเอลทั้งหมดด้วย

1 พงศาวดาร 4:9-5:26

พระเมตตาและพระพรของพระเจ้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

พระเจ้าทรงมีอำนาจสูงสุดในการควบคุมประวัติศาสตร์ การทรงเรียกและของประทานของพระองค์นั้นไม่อาจเอากลับคืนได้ สิ่งที่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ทำให้สำเร็จนั้นเริ่มจากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ผู้เขียนพงศาวดารย้อนประวัติศาสตร์อิสราเอลไปตั้งแต่จุดเริ่มต้น พระเจ้าทรงครอบครอง ‘สงครามนี้มาจากพระเจ้า’ (ข้อ 5:22)

นั่นหมายความว่าพวกเราเป็นเพียงหมากหรือ? เราเป็นเพียงชิ้นส่วนที่ถูกขยับไปมาบนกระดานหมากของพระเจ้า โดยไม่มีทางเลือกหรือเจตจำนงเสรีหรือ? ไม่เลย

คุณเองก็มีส่วนในแผนการของพระเจ้า การกระทำของคุณทำให้เกิดความแตกต่าง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย

1. ต่อต้านการกระทำที่*ไม่สัตย์ซื่อ* การกระทำของเราสามารถทำให้เราสูญเสียพระพรของพระเจ้า ‘แม้รูเบนคือบุตรหัวปีของอิสราเอล เมื่อเขาหลับนอนกับภรรยาน้อยของบิดา นั่นเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ เขาได้สูญเสีย “สิทธิ์ของบุตรหัวปี” ในลำดับพงศ์พันธุ์’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาสูญเสียมรดกที่ยิ่งใหญ่เพราะเขาไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของตน

เราจะต้องระวังอย่างยิ่งเพื่อชีวิตจะสามารถต้านทานกับการทดลองได้และไม่ยอมให้ตัณหาของเนื้อหนังหรืออารมณ์ของเราทำให้เราพลาดพระพรจากพระเจ้า

2. เป็นบุคคลแห่ง*เกียรติ* ในทางกลับกัน ยาเบสเป็นบุคคลที่มีเกียรติ (ข้อ 4:9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำอธิษฐานของยาเบสนั้นแตกต่าง ‘ยาเบสอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า “โปรดอวยพรข้าพระองค์ โปรดประทานแผ่นดินผืนใหญ่แก่ข้าพระองค์ และขอทรงปกป้องข้าพระองค์ไว้ อย่าให้สิ่งชั่วร้ายทำอันตรายต่อข้าพระองค์เลย” พระเจ้าทรงประทานตามที่เขาทูลขอ’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นี่อาจจะไม่ใช่คำอธิษฐานที่เห็นแก่ผู้อื่นที่สุดในพระคริสตธรรมคัมภีร์ อย่างไรก็ตามพระเจ้าทรงตอบ พระเยซูสอนให้เราอธิษฐานก่อนสิ่งอื่นใดว่า ‘ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ในวันนี้’ (มัทธิว 6:11) สิ่งแรกที่เราควรคำนึงคือพระสิริของพระเจ้า อาณาจักรของพระองค์ และพระประสงค์ของพระองค์ แต่มันก็ไม่ผิดที่จะขอพระพร การทรงสถิต การปกป้อง และการเยียวยารักษาในชีวิตของเราเช่นกัน

ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าทรงประทานชัยชนะแก่คนของพระองค์ ‘เพราะพวกเขาร้องทูลต่อพระเจ้าในสงคราม และพระองค์ประทานตามคำทูลของพวกเขา เพราะพวกเขาวางใจในพระองค์’ (1 พงศาวดาร 5:20)

การสงครามเป็นของพระเจ้า (ข้อ 22) พระองค์ทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุด ถึงกระนั้นคำอธิษฐานของคุณก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่การทรงเรียกของข้าพระองค์ไม่อาจถูกเอากลับคืน ขอบคุณที่การสงครามเป็นของพระองค์ ขอบคุณที่คำอธิษฐานของข้าพระองค์ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลขอการช่วยกู้ในสงครามที่ข้าพระองค์เผชิญในวันนี้...

Pippa Adds

1 พงศาวดาร 4:9-10

(คำอธิษฐานของยาเบส)

ฉันคงจะใช้เวลามากไปในการอธิษฐานเผื่อตัวเอง และครอบครัวของฉัน คำอธิษฐานของยาเบสก็อาจฟังดูเห็นแก่ตัว ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ตอบเขา

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More