YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 213 OF 365

นำความหวังสู่ผู้คน

แมทธิว ชายอายุ 21 ปี เป็นคนไร้บ้านมา 3 ปี มาร์ค รัสเซล (หัวหน้าคริสตจักรกองทัพบกด้วยอายุเพียง 31 ปี) เจอแมทธิวบนถนนชาร์ริง ครอส ในลอนดอน รัสเซลเอาอาหารมาให้เขา และนำเขามาถึงพระคริสต์ ในขณะที่รัสเซลกำลังจะกลับ เขาถามแมทธิว ว่า ‘แมทธิว เดือนหน้านี้ฉันจะต้องขึ้นไปบรรยายให้คนฟังนับพัน วันนี้นายอยากฝากบอกอะไรกับนิกายเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์บ้างไหม?’ แมทธิวตอบว่า ‘งานของคริสตจักร คือ หยุดการทะเลาะเบาะแว้ง และ*นำความหวังมาให้ผู้คน*’ มาร์ค รัสเซล ให้ความเห็นว่า ‘ผมไม่เคยได้ยินความนิยามที่ดีกว่านี้มาก่อนในสิ่งที่เราควรทำ เราไม่มีข่าวประเสริฐแห่งความหวังหรือ? ไม่มีหลักคำสอนที่นำความหวังมาให้หรอกหรึอ? หลักคำสอนแห่งชีวิต คำสอนแห่งการเปลี่ยนแปลง และเหนือสิ่งอื่นใด คือ *ความหวังของชีวิตนิรันดร์ คือความหวังของพระเยซู'* หลายคนมองเห็นแต่*จุดจบที่สิ้นหวัง* แต่กับพระเยซู คุณสามารถมี*ความหวังได้ไม่รู้จบ* ความหวังเป็นหนึ่งในสามสิ่งอันยิ่งใหญ่ โดยอีกสองสิ่งคือความรักและความเชื่อ ดังที่พระคาร์ดินัล รานิเอโร คานตาลาเมสซา เขียนไว้ว่า ‘สามสิ่งนี้เหมือนสามสาวพี่น้อง สองคนนั้นเติบโตแล้ว แต่อีกหนึ่งคนยังคงเป็นเด็กน้อย สามพี่น้องเดินไปข้างหน้า และจับมือของกันและกันไว้ โดยที่เด็กหญิงความหวังนั้นอยู่ตรงกลาง หากใครมองดูเด็กสามคนนี้ อาจคิดว่าพี่สาวทั้งสองนั้นกำลังดึงเด็กหญิงไปข้างหน้า แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับกัน เด็กหญิงความหวังต่างหากที่ดึงพี่สาวทั้งสองคนไปข้างหน้า ความหวังต่างหากเป็นแรงดึงความเชื่อและความรักไว้ หากปราศจากความหวังนั้น ทุก ๆ อย่างก็จะสิ้นสุดลง’

สดุดี 89:46-52

รู้จักความหวังแห่งชีวิตนิรันดร์ผ่านพระเยซูคริสต์

‘การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความหวังคือการหยุดที่จะมีชีวิต’ ฟีโอดอร์ ดอสโตฟกี้ เขียนไว้ ‘ความหวังในชีวิต เปรียบเสมือนออกซิเจนในปอด’ เขียนโดย อีมิล บรุนเนอร์

สดุดีข้อนี้จบลงด้วยข้อความแห่งความหวัง ‘สาธุการแด่ พระยาห์เวห์เป็นนิตย์ อาเมน และ อาเมน' (สดุดี 89: 52) ผู้แต่งสดุดีบทนี้ยึดเหนี่ยวอยู่กับความหวังทั้ง ๆ ที่ตัวเขากำลังดิ้นรนต่อสู้กับสถานการณ์ในชีวิตของเขา

  1. ความหวังท่ามกลางความทุกข์ และความสิ้นหวัง
    ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะซ่อนองค์อยู่นานเท่าใด? เป็นนิตย์หรือ?’ (ข้อ 46ก) พระคัมภีร์ข้อนี้เป็นสำนวนคำถาม เป็นการคร่ำครวญถึงความทุกข์ ว่าความทุกข์นี้จะเป็นอยู่ตลอดกาลนั้นหรือ?

  2. มีความหวังถึงแม้ว่าชีวิตนั้นแสนสั้น และความตายนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตนั้นแสนสั้น: ‘ขอทรงระลึกว่าช่วงชีวิตของข้าพระองค์สั้นเพียงไร’ (ข้อ 47ก) ถ้าความตายนั้นคือจุดจบที่แท้จริง เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีความหมายหรือเป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต ‘เพราะพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ทุกคนมาเปล่าประโยชน์แท้ ๆ!’ (ข้อ 47ข) ‘มนุษย์คนใดมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องเห็นความตาย? ผู้ใดจะช่วยชีวิตของตนจากมือของแดนตายได้?’ (ข้อ 48)

ผู้แต่งบทสดุดีนี้ไม่ได้ปฏิเสธความหวังของการฟื้นคืนชีพ แต่เขารู้ว่ามนุษย์นั้นไม่สามารถทำให้ตนเองรอดได้ เขาจึงแสวงหาพระเจ้า ‘ข้าแต่องค์เจ้านาย ความรักมั่นคงของพระองค์ในกาลก่อนอยู่ที่ไหน? ซึ่งทรงปฏิญาณต่อดาวิดโดยความซื่อสัตย์ของพระองค์...ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้’ (ข้อ 49-51) สิ่งที่ผู้สดุดีเห็นเฉพาะในโครงร่างที่ไม่ชัดเจนนั้น ได้ปรากฏชัดเจนในพันธสัญญาใหม่

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงประทาน*ความหวังที่ยั่งยืน*ผ่านการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ และเข้าในมรดกซึ่งไม่เสื่อมสลาย และไร้มลทิน และไม่ร่วงโรย (1 เปโตร 1: 3-4)

โรม 14:19-15:13

เปี่ยมด้วยความหวังผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์

ความเชื่อ นำมาซึ่งความหวัง ความสุข และสันติสุขในชีวิตของเรา ความสงสัยขโมยความสุขและสันติสุขไปจากเรา ความเชื่อ หมายถึง การวางใจใน “พระเจ้าแห่งความหวัง” เปาโลอธิษฐานว่า “ขอพระเจ้าแห่งความหวังโปรดให้ท่านบริบูรณ์ด้วยความชื่นชมยินดี และสันติสุขในความเชื่อ เพื่อท่านจะได้เปี่ยมด้วย (‘เดือดพล่าน’ พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ความหวังโดยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (15:13)

แหล่งกำเนิดของความหวังคือ ‘พระเจ้าแห่งความหวัง’ เหตุแห่งความหวังคือพระเยซู บ่อเกิดแห่งความหวังนั้นอยู่ข้างในตัวของคุณ คือ องค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ความหวังนี้ไม่ใช่ความคิดที่เพ้อฝัน เป็นสิ่งซึ่งหยั่งรากลงในสิ่งที่พระเจ้าทรงทำสำเร็จแล้วเพื่อเรา และกำลังทำอยู่ในเรา

ความหวังเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตของเราในวันต่อวัน ดังที่ เออร์วิน แมคมานัสให้ความเห็นว่า ความหวังนั้น ‘ยกตัวเราออกจากเศษซากของความล้มเหลว ความเจ็บปวด และ ความกลัวที่อยู่เหนือเรา ซึ่งในบางครั้งเศษซากดังกล่าวดูเหมือนจะยากเกินกว่าที่เราจะสามารถจัดการได้ ความสามารถของเราในการอดทน อดกลั้น ที่จะมีชัยนั้น ถูกเติมพลังด้วยส่วนผสมที่ดูเหมือนไม่มีอันตรายซึ่งเรียกว่า ความหวัง’’

ความหวังของโลกทั้งใบนั้นอยู่ในพระเยซู ทรงเป็นความหวังของอิสราเอล และความหวังของเราทุกคน เปาโลอ้างอิงถึงข้อความมากมายในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเพื่อที่จะพิสูจน์สิ่งนี้ ท่านได้สรุปถ้อยคำจากพระธรรมอิสยาห์ ซึ่งได้ทำนายเกี่ยวกับพระเยซูไว้ว่า ‘สูงส่งพอที่ทุกคนในทุกหนแห่งจะมองเห็น และสมหวังได้!’ (ข้อ 12 ,พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลช่วยให้เราเห็นมุมมองที่หลากหลายของความหวังที่พระเยซูคริสต์ได้นำมาสู่โลกในวันนี้ ดังต่อไปนี้:

  1. ความหวังในการเป็นหนึ่งเดียวกัน
    เปาโลวิงวอนอย่างต่อเนื่องถึงการพยายามสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน: ‘เหตุฉะนั้นให้เรามุ่งประพฤติในสิ่งซึ่งทำให้เกิดความสงบสุขและความเจริญแก่กันและกัน’ (14:19) รักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวโดยมีความอ่อนไหวต่อพี่น้องในพระคริสต์และไม่ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองโดยไม่จำเป็น (14:20–15:1) เราทุกคนจง ‘ทำให้เพื่อนบ้านพอใจ เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความเชื่อของเขา’ (ข้อ 2)

ทำตามตัวอย่างของพระเยซู: ‘เพราะว่าพระคริสต์ไม่ทรงทำสิ่งที่พอพระทัยพระองค์เอง’ (ข้อ 3) เราจงเป็นเหมือนกับพระเยซูคริสต์ จงทำในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย ไม่ใช่ทำในสิ่งที่ตนเองพอใจหรือสิ่งที่ทำให้มนุษย์พอใจ การทำให้มนุษย์พอใจนั้นหมายถึงการพยายามที่จะทำให้คนอื่นพอใจ ถึงแม้ว่าการกระทำสิ่งนั้นจะขัดกับมโนธรรมของตนเอง เปาโลเองนั้นทำตามความพอใจของคนอื่น ในขอบเขตที่การกระทำนั้นไม่ได้ขัดพระทัยของพระเจ้า (กาลาเทีย 1:10, โครินธ์ 10:33)

  1. ความหวังจากพระคัมภีร์
    จุดมุ่งหมายของพระคัมภีร์ คือ การให้ความหวังกับเรา ‘เพราะว่าสิ่งที่เขียนไว้ในสมัยก่อนนั้น ก็เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา เพื่อเราจะได้มีความหวังโดยความทรหดอดทน และโดยการหนุนใจจากพระคัมภีร์’ (โรม 15:4) ผ่านพระคัมภีร์นี้เองที่เราได้รู้จักพระเยซูคริสต์ และรู้ความจริงที่ว่าความหวังนั้นอยู่ในพระองค์ ดังนั้นเราจะมีความหวังอยู่เสมอได้ ก็ต่อเมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจำ

ความหวังนั้นนำไปสู่ ‘ความบริบูรณ์ด้วยความชื่นชมยินดี และสันติสุขในความเชื่อ’ (ข้อ 13) โครี่ เทน บลู ได้กล่าวคำพูดหนึ่งที่ผมชอบมาก: ‘ความชื่นชมยินดีและสันติสุขหมายถึงการใช้ชีวิตที่มีรอยยิ้ม และกระเป๋าเดินทางที่ว่างเปล่าหนึ่งใบ’

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ได้ให้พระเยซูฟื้นจากความตาย วันหนึ่งพระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์กับพระเยซูมีชีวิตที่สมบูรณ์ และนิรันดร์ ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เติมข้าพระองค์ในวันนี้ด้วยความหวัง

1 พงศาวดาร 11:1-12:22

วางความหวังของคุณไว้ในองค์จอมกษัตริย์ผู้จะมาถึง

ความหวังของเราอยู่ในพระเยซูคริสต์ องค์จอมกษัตริย์ผู้ซึ่งวันหนึ่งจะกลับมา และสร้างพระนิเวศน์อันเป็นนิรันดร์ของพระองค์ เมื่อเราได้อ่านถึงกษัตริย์หลากหลายพระองค์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เราจะสังเกตได้ว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของพวกเขา กษัตริย์เหล่านั้นก็ไม่สามารถทัดเทียบกับพระเยซูคริสต์ผู้สูงสุดได้เลย

ในมุมมองของผู้เขียนพงศาวดาร ดาวิดนั้นเป็นกษัตริย์ในอุดมคติ: ‘ฝ่าพระบาทก็ทรงนำอิสราเอลออกไปรบและกลับมา และพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาทตรัสกับฝ่าพระบาทว่า “เจ้าจะเป็นผู้ดูแลอิสราเอลประชากรของเราอย่างผู้เลี้ยงแกะ และจะเป็นเจ้าเหนืออิสราเอลประชากรของเรา”’ (11:2) ‘เขาทั้งหลายก็เจิมตั้งดาวิดให้เป็นพระราชาเหนืออิสราเอล ตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์โดยซามูเอล’ (ข้อ 3) ‘และดาวิดทรงจำเริญยิ่ง ๆ ขึ้น เพราะว่าพระยาห์เวห์จอมทัพสถิตกับพระองค์’ (ข้อ 9)

กษัตริย์ดาวิดนั้นไม่ได้ทำทุกอย่างด้วยตัวเขาเองเพียงคนเดียว เขามีเหล่าผู้สนับสนุนเคียงข้างเขา ท่านมีผู้เกรียงไกรสามสิบคนซึ่งรวมถึงนักรบผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม ในช่วงเวลาที่ผมพยายามจะเป็นผู้นำ ผมเองรู้สึกขอบคุณสำหรับเหล่าผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่เคียงข้าง และเป็นกำลังใจให้ผมและพิพพาเสมอมา ถ้าไม่มีทีมที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ พวกเราก็คงไม่สามารถทำในที่สิ่งพวกเรากำลังทำอยู่ได้

อามาสัย หัวหน้าของเหล่าผู้เกรียงไกรกล่าวกับดาวิด: ‘ดำเนินไปตามทางของพระวิญญาณ’ ‘เราอยู่เคียงข้างท่าน... เราให้คำมั่นแด่ท่าน...สิ่งดีงามจะเกิดขึ้นกับใครก็ตามที่ช่วยเหลือท่าน’ (12:18-22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

จากพระคัมภีร์ข้อนี้จะเห็นได้ว่า อาณาจักรอิสราเอลและแผ่นดินของพระเจ้ามีความคล้ายคลึงกัน ( ดู 1 พงศาวดาร 28:5; 1 พงศาวดาร 29:23; 1 พงศาวดาร 13:8) ไม่มีใครตั้งคำถามเกี่ยวกับความต่อเนื่องของความเป็นกษัตริย์เพราะว่าสิ่งนั้นได้รับการปกป้องจากพระเจ้า

แต่ในขณะที่ผู้เขียนหนังสือพงศาวดารเขียนเรื่องราวเหล่านี้ (หลายร้อยปีหลังจาก) ณ เวลาที่เขียน ไม่มีกษัตริย์องค์ใดปกครองเลย เขาเขียนเรื่องราวในอดีตด้วยความหวังว่าจะมีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับดาวิดได้ขึ้นมามีอำนาจ นี่คือความหวังของอิสราเอล กษัตริย์ที่จะมาถึง พระเยซูคริสต์คือกษัตริย์นั้น พระเยซูคริสต์คือ ‘ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้’ ทรงเป็น ‘พระเมสสิยาห์’ (สดุดี 89:51)

ณ ตอนนี้ ความหวังของเราคือ พระเยซูคริสต์ ดังที่บิชอป เลสลี นิวบิกิน ได้เคยกล่าวไว้ว่า ‘ขอบฟ้าของคริสเตียนคือ “พระองค์จะมากลับมาอีกครั้ง” และ “เรารอคอยการกลับมาของพระเยซูคริสต์” อาจเป็นวันพรุ่งนี้ หรือเวลาใดก็ได้ แต่นั่นคือขอบฟ้าของเรา ขอบฟ้านั้นเป็นรากฐานของผม และทำให้ความหวังนั้นเป็นไปได้ ซึ่งทำให้พบว่าชีวิตมีความหมาย’

พระบิดา ลูกขอบพระคุณที่ความหวังของอิสราเอลถูกเติมเต็ม เมื่อพระเยซู พระราชาผู้ทรงถูกเจิมตั้งไว้ได้มาถึง ขอบพระคุณที่ตอนนี้เราสามารถรอคอยการกลับมาของพระองค์อีกครั้ง ‘สาธุการแด่พระยาเวห์เป็นนิตย์ อาเมนและอาเมน’ (ข้อ 52)

Pippa Adds

1 พงศาวดาร 11:10-25

ฉันมีชาย (และหญิง) ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในครอบครัวของฉัน พวกเขาแบกรับความอยุติธรรมที่มหาศาล และพวกเขาก็สามารถถือกระเป๋าเดินทางได้ด้วย!

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More