พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

คุณลักษณะเจ็ดประการของผู้นำที่ยิ่งใหญ่
ผลสำรวจออนไลน์ได้แสดงให้เราเห็นคุณสมบัติทั้งหมด ที่ผู้คนคาดหวังจากศิษยาภิบาลที่ ‘สมบูรณ์แบบ’: พวกเขาต้องเทศนาสิบสองนาทีพอดี พวกเขาอายุยี่สิบแปดปี แต่เทศนามาแล้วสามสิบปี พวกเขาทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงเที่ยงคืนทุกวันแต่ยังต้องทำหน้าที่เฝ้ายาม พวกเขาประณามหรือต่อต้านความบาป แต่ไม่เคยต้องทำให้ใครเสียใจหรือผิดหวัง พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าดี ๆ ซื้อหนังสือดี ๆ อ่าน ขับรถสภาพที่ดี แจกจ่ายแก่คนยากจนด้วยใจกว้างขวางและมีเงินเดือนต่ำ พวกเขาโทรหาครอบครัวที่เป็นสมาชิกคริสตจักรสิบห้าสายต่อวัน ออกเยี่ยมเยียนคนป่วยที่บ้านและโรงพยาบาล ใช้เวลาทั้งหมดเพื่อประกาศกับคนที่ไม่ได้ไปคริสตจักร และอยู่ที่สำนักงานคริสตจักรเสมอเมื่อมีใครต้องการตัว พวกเขาต้องมีรูปร่างหน้าตาดีมาก ๆ! แน่นอนว่า เราต่างทราบดีว่าไม่มี ‘ศิษยาภิบาลที่สมบูรณ์แบบ’ เช่นนั้นอยู่ อย่างไรก็ดี เมื่อผมรู้สึกหวาดกลัวกับความคาดหวังที่ผู้คนมีต่อผู้นำคริสตจักรของพวกเขา ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2004 (เมื่อผมถูกขอให้รับหน้าที่ ผู้รับใช้ที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตันในลอนดอน) ผมรู้สึกทั้งตื่นเต้นและท่วมท้นจากความรับผิดชอบที่ได้รับ ในวันนั้น ผมเขียนคำอธิษฐานที่มุมหนึ่งในพระคัมภีร์ในหนึ่งปีของผมว่า ขอให้ผมเป็นเช่นดาวิด คือ*เลี้ยงดู*ผู้คนด้วยจิตใจซื่อสัตย์และนำพวกเขาด้วยมืออันเชี่ยวชาญ (สดุดี 78:72) นี่ยังคงเป็นคำอธิษฐานของผมมาจนถึงทุกวันนี้ ในเนื้อหาเมื่อวานนี้ เราเห็นวิธีที่เปาโลกล่าวกับผู้ปกรองชาวเอเฟซัส 'จงเฝ้าระวังทั้งตัวพวกท่านเองและฝูงแกะซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตั้งพวกท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และให้*เลี้ยงดู*คริสตจักรของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตรของพระองค์’ (กิจการ 20:28) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสกระตุ้นเตือนผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณของคริสตจักรให้ ‘เป็นผู้เลี้ยงที่ดำเนินชีวิตใกล้ชิดกับแกะจนได้กลิ่นของแกะ’ หน้าที่ของผู้ดูแลคือการเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้า ทำตามแบบอย่างพระเยซู ผู้ได้ตรัสว่า ‘*เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี*’ (ยอห์น 10:11) เนื้อหาสำหรับวันนี้ เราจะมาดูคุณลักษณะเจ็ดประการของผู้เลี้ยงที่ดีซึ่งเห็นได้ในผู้นำ คริสเตียนที่ยิ่งใหญ่ทุกคนสดุดี 78: 56-72
ความสัตย์ซื่อและทักษะ
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่นั้นหายาก ในปัจจุบัน เมื่อเรามองหาทั่วโลก มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่มีการนำที่ดี
เมื่อผู้เขียนพระธรรมสดุดีได้มองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของชาวฮีบรู ก็เห็นว่า ไม่ได้มีผู้นำที่ดีมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของการกบฏต่อพระเจ้า ‘คนทรยศ หักหลัง คดโกง’ (ข้อ 57, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเจ้าทรงมองหาชายคนหนึ่งที่จะทำตามพระทัยของพระองค์ พระเจ้านำผู้คนดั่งผู้เลี้ยงแกะ ‘จากนั้น พระองค์ได้นำประชากรของพระองค์ให้ออกไปเหมือนดั่งนำแกะ ทรงนำฝูงแกะของพระองค์ไปอย่างปลอดภัยเมื่อผ่านถิ่นทุรกันดาร พระองค์ดูแลพวกเขาอย่างดี พวกเขาไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใด ๆ’ (ข้อ 52-53, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ท้ายที่สุด พระองค์พบดาวิด ซึ่งเป็นแบบอย่างที่หายากในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมของการเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ (แม้จะไม่ใช่ผู้นำที่สมบูรณ์แบบ) ‘พระองค์ทรงเลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์...ให้เป็นผู้เลี้ยงดูยาโคบประชากรของพระองค์ดุจเลี้ยงแกะ คืออิสราเอลมรดกของพระองค์ ท่านจึงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยใจเที่ยงธรรมและนำเขาไปด้วยมือช่ำชอง’ (ข้อ 70,72)
ดาวิดมีประสบการณ์ในการเป็นผู้เลี้ยงแกะจริง ๆ พระเจ้า ‘ทรงพาท่านมาจากคอกแกะ’ (ข้อ 70) ท่านใช้ทักษะเหล่านี้เพื่อเป็นผู้เลี้ยง นี่เป็นภาพเปรียบเทียบของการเป็นผู้นำและผู้ดูแลอารักขาประชากรของพระเจ้า:
1. ความซื่อสัตย์ในจิตใจ
‘ความซื่อสัตย์’ ตรงข้ามกับ ‘การเสแสร้ง’ คำว่าซื่อสัตย์มาจากภาษาลาตินคือ integer (อินทิเจอะ) ความหมายคือ ‘สมบูรณ์’ คำนี้อธิบายถึงชีวิตที่ไม่มีการแบ่งแยก ‘ความสมบูรณ์เติมเต็ม’ ที่มาจากคุณภาพต่าง ๆ เช่น ลักษณะของความจริงใจและสม่ำเสมอ นี่หมายถึงการกระทำที่สอดคล้องกับค่านิยม ความเชื่อและหลักการที่เรากล่าวอ้างว่าเรายึดถือ
การเลี้ยงดูประชากรของพระเจ้านั้นจะต้องกระทำด้วยความซื่อสัตย์ของจิตใจ นี่คือคุณลักษณะที่สำคัญที่สุด ประชาชนกล่าวถึงพระเยซูว่า ‘เราทราบว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์’ (มาระโก 12:14) ผู้นำหลายคนที่สะท้อนให้เราเห็นความสำคัญของความชื่อสัตย์ในบทบาทหน้าที่ของพวกเขา:
ไอเซนฮาวร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และผู้นำสูงสุดของกองกำลังแอลลี่ฟอร์ซ ในยุโรปตะวันตกช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ได้กล่าวไว้ว่า ‘คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นผู้นำ คือ ความซื่อสัตย์โดยที่ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ หากปราศจากสิ่งนี้ จะไม่สามารถเกิดความสำเร็จขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นในสนามฟุตบอล ในกองทัพ หรือในสำนักงาน’
2. มือที่เชี่ยวชาญ
ดาวิดคือผู้เลี้ยงที่มีทักษะความสามารถ เขาได้เรียนรู้ที่จะปกป้องฝูงแกะด้วยเชือกสลิง และออกไปเพื่อนำประชาชนชาวอิสราเอลด้วยทักษะอันดีเยี่ยม มีทักษะความเป็นผู้นำที่จำเป็นต้องเรียนรู้
เราเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ผ่านการเฝ้าดูและการทำตามแบบอย่างที่ดี การฟังสติปัญญาของผู้อื่น การถามคำถามผู้ที่เราชื่นชม การเรียนรู้ร่วมกับเพื่อนร่วมงาน และเหนือสิ่งอื่นใด คือการฝึกฝน
องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยให้เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดีในทุก ๆ ด้านของชีวิตเรา ทั้งการนำในคริสตจักร ธุรกิจ ชุมชนและวัฒนธรรมของเรา โปรดช่วยเราให้เลี้ยงดูผู้คนด้วยจิตใจซื่อสัตย์และนำพวกเขาด้วยมืออันเชี่ยวชาญ
กิจการอัครทูต 21:1-26
ความรัก การปรนนิบัติ และการไวต่อความรู้สึก
ผมชื่นชอบเมื่อผู้นำจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลกที่ซึ่ง อัลฟ่า ดำเนินงานอยู่ได้มาร่วมกันที่งาน Alpha Global Week เพื่อการสอน ทำพันธกิจและหนุนใจ เมื่อผู้นำแต่ละคนรายงานถึง ‘เหตุการณ์ทั้งปวงตามลำดับ...พระเจ้าทรงทำท่ามกลางบรรดาคนต่างชาติผ่านพันธกิจของท่าน’ (21:19) ผมถูกย้ำเตือนด้วยพระธรรมตอนนี้
เราเห็นตรงนี้ว่า ‘เปาโลเล่าเรื่องราว รายละเอียดต่าง ๆ ของสิ่งที่พระเจ้าได้กระทำท่ามกลางผู้คนที่ไม่ใช่ชาวยิวผ่านพันธกิจของท่าน พวกเขาได้ฟังด้วยความยินดีและถวายเกียรติแด่พระเจ้า พวกเขามีเรื่องราวมาเล่าด้วยเช่นกัน “และได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ นั่นคือ ผู้คนหลายต่อหลายพันคนที่เป็นชาวยิวที่ยำเกรงพระเจ้าได้มาเป็นผู้เชื่อในพระเยซู!”’ (ข้อ 19-20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เราเห็นจากเมื่อวานนี้ที่อาจารย์เปาโลกล่าวกับผู้ปกครองชาวเอเฟซัส ‘จงเฝ้าระวังฝูงแกะ และให้เลี้ยงดูคริสตจักรของพระเจ้า’ (20:28) วันนี้ เราจะมาดูตัวอย่างทั้งหมดในเป็นการกระทำ
3. ความรัก
ความรักและการเป็นผู้นำเป็นสิ่งที่เดินคู่กัน ถ้าคุณรักผู้คน คุณจะเข้าใกล้พวกเขาเพียงพอที่จะทำอย่างที่สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสกล่าวไว้คือการได้กลิ่นแกะ อาจารย์เปาโลเป็นตัวอย่างของผู้เลี้ยงที่ดี ทุกที่ที่เขาไป เขาได้ไปพบกับเหล่าสาวก (21:4, 7) อธิษฐานกับพวกเขา (ข้อ 5)รักพวกเขามากจนกระทั่งเมื่อถึงเวลาต้องจากกัน จนต้องฉีกตัวเองออกจากพวกเขา (ข้อ 1)
ในความรักที่ท่านมีต่อพวกเขา อาจารย์เปาโลได้ตักเตือนเกี่ยวกับหมาป่าที่ชั่วร้าย (20:29) กระนั้น อาจารย์เปาโลก็รักพวกเขาโดยการหนุนใจและเสริมสร้างความเชื่อของพวกเขา ‘เมื่อเปาโลคำนับท่านเหล่านั้นแล้ว จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งปวงตามลำดับ ซึ่งพระเจ้าทรงทำท่ามกลางบรรดาคนต่างชาติผ่านพันธกิจของท่าน’ (21:19)
4. การปรนนิบัติรับใช้
ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งชื่ออากาบัสได้เตือนอาจารย์เปาโลถึงสิ่งที่รอคอยอยู่ในเยรูซาเล็ม พวกเขาขอร้องไม่ให้อาจารย์เปาโลไปยังเยรูซาเล็ม แต่เปาโลตอบว่า ‘ทำไมพวกท่านถึงร้องไห้และทำให้ข้าพเจ้าช้ำใจ? เพราะว่าข้าพเจ้าไม่เพียงแต่พร้อมที่จะให้เขาผูกมัดเท่านั้น แต่ยังพร้อมจะตายในกรุงเยรูซาเล็มด้วย เพื่อเห็นแก่พระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 13)
พระเยซูทรงวางแบบอย่างของการเป็นผู้นำที่ปรนนิบัติรับใช้ (มาระโก 10:45) อาจารย์เปาโลตั้งใจที่จะทำตามพระเยซู ‘ผู้เลี้ยงที่(เป็นผู้)สละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ’ (ยอห์น 10:11) อย่างที่ ออสวอลด์ แชมเบอร์ส ได้เขียนไว้ว่า ‘การเป็นผู้นำที่แท้จริงจะประสบความสำเร็จไม่ใช่ด้วยการทำให้ผู้คนเล็กลงด้วยการรับใช้คนใดคนหนึ่ง แต่โดยการทำให้ตัวของเรานั้นรับใช้ผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตนเอง’
5. การไวต่อความรู้สึก
เรามักจะนึกถึงแรงจูงใจในการบุกเบิกและวิธีเข้าถึงผู้คนที่กล้าหาญของเปาโล อย่างไรก็ตาม ท่านก็ยังได้แสดงให้เราเห็นถึงการไวต่อวัฒนธรรมของเยรูซาเล็ม ท่านชำระตัวเองและเพื่อนร่วมงานของท่าน ให้สอดคล้องกับกฎธรรมเนียม เพื่อจะไม่ให้มีสิ่งใดมาขัดขวางสิ่งที่พระเจ้ากำลังกระทำ (กิจการ 21:24-26)
องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยเราให้มีความรักและความห่วงใยเช่นนี้แก่คนของพระองค์ โปรดช่วยให้เราปกป้องพวกเขาจากหมาป่า แล้วโปรดประทานความกล้าหาญแก่เราที่จะตั้งใจเสียสละเพื่อพวกเขา
2 พงศ์กษัตริย์ 3:1-4:37
ความเมตตาและคำอธิษฐาน
เราเห็นจากในพระธรรมตอนนี้ว่า เพราะเหตุใดภาพของผู้เลี้ยงจึงเป็นภาพที่เราเห็นบ่อยที่สุดภาพหนึ่งในพระคัมภีร์ มีฝูงแกะอยู่มากมาย ‘เมชาพระราชาแห่งโมอับทรงเป็นผู้เพาะพันธุ์แกะ และพระองค์ต้องถวายลูกแกะ 100,000 ตัว และขนแกะผู้ 100,000 ตัว แก่พระราชาอิสราเอล’ (3:4)
เหตุการณ์ที่เราอ่านนั้นเกิดขึ้นในศตวรรษที่เก้าก่อนคริสตกาล กษัตริย์โยรัมครองราชย์ตั้งแต่ปี 852 ถึง 841ก่อนคริสตกาล ควบคู่ไปกับการทำสงครามหลายครั้งที่เกิดจากปัญหาภายในประเทศและความอยุติธรรมภายในอิสราเอลเอง เราเห็นตัวอย่างจากชีวิตของหญิงม่ายคนหนึ่งและบุตรชายสองคนของเธอกำลังจะถูกนำไปเป็นทาส (4:1)
ในสถานการณ์นี้ เอลีชาเข้ามาเพื่อช่วยกู้ เช่นเดียวกับผู้เลี้ยงที่ดี เขารักและห่วงใยประชาชน และกล่าวว่า ‘บอกเราซิว่า จะให้เราทำอะไร?’ (ข้อ 2) เขาช่วยกู้หญิงม่ายคนนี้จากคำสาปแช่งอันเลวร้ายของการเป็นหนี้ท่วมท้นและการที่จะต้องไปเป็นทาสจากผลของหนี้ก้อนนั้น
6. ความเมตตา
ต่อมา เอลีชา “คนบริสุทธิ์ของพระเจ้า” คนนี้ (ข้อ 9) มีเมตตาต่อหญิงชาวชูเนมผู้ที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ เธอได้พบว่าพระเจ้าได้ให้เกียรติผู้ที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ท่านเอ่ยถ้อยคำขององค์พระผู้เป็นเจ้ากับเธอ และนั่นทำให้เธอตั้งครรภ์ (ข้อ 15-17)
7. คำอธิษฐาน
เมื่อบุตรชายของเธอเสียชีวิต เขาก็ได้อธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 33) พระองค์ประทานวิธีการช่วยชีวิตอย่างเหนือธรรมชาติ และเด็กนั้นก็ฟื้นขึ้นและจามเจ็ดครั้ง (ข้อ 34-35)
องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานความเมตตาเช่นนี้แก่ประชากรของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนที่ยากจนขัดสนและอยู่ในความทุกข์ยากลำบาก โปรดช่วยเราให้นำความรักและการรักษาของพระองค์ไปยังคนเหล่านั้น โปรดช่วยให้เราเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น คือเป็น ‘ผู้เลี้ยงที่ดี’ (ยอห์น 10:11) ผู้รักฝูงแกะของพระองค์และเต็มใจสละชีวิตของพระองค์เพื่อพวกเขา
Pippa Adds
2 พงศ์กษัตริย์ 4:32-35
พระเจ้าทรงตอบผู้ที่ร้องทูลที่หมดสิ้นหนทาง ด้วยความจริงใจ
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Faith in Action: A Journey Through James

Reimagine Transformation Through the Life of Paul

My Problem With Prayer

How to Love Your Work and God

How to Love Like Jesus

The Letter to the Philippians

Lighting Up Our City Video 2: Avoiding Insider Language

The Discipline of Study and Meditation

How Is It With Your Soul?
