พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

อธิษฐานตามความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ผมจำได้แม่นเมื่อครั้งได้อธิษฐานเผื่อทารกน้อยที่ชื่อเครก ผมถูกขอให้ไปเยี่ยมผู้หญิงคนหนึ่งในโรงพยาบาลบรอมตัน เธอชื่อวิเวียนมีลูกสามคน และกำลังตั้งท้องลูกคนที่สี่ ลูกคนที่สามของเธอซึ่งอายุสิบแปดเดือนเป็นดาวน์ซินโดรม เขามีรูที่หัวใจอันเนื่องมาจากการผ่าตัดที่ไม่ประสบผลสำเร็จ และไม่เป็นไปตามธรรมชาติ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หมดหวังและอยากถอดเครื่องช่วยหายใจ และหลายครั้งที่พวกเขาถามวิเวียนว่าพวกเขาสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจ และปล่อยให้ทารกเสียชีวิตได้หรือไม่ แต่เธอตอบว่าไม่ เพราะเธออยากลองทำสิ่งสุดท้ายก่อน นั่นคือ การให้ใครสักคนอธิษฐานเผื่อลูกน้อยของเธอ และผมก็รีบไปทันที เครกมีท่อต่ออยู่ทั่วทั้งร่าง ร่างกายของเด็กน้อยบอบช้ำและปูดบวม วิเวียนบอกกับผมว่า หมอบอกว่าถึงแม้เขาจะหายดีแล้ว แต่สมองของเขาก็เสียหายอยู่ดีเพราะหัวใจของเขาหยุดเต้นเป็นเวลานาน ถึงแม้เธอบอกกับผมว่าเธอไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เธอก็พูดว่า ‘คุณช่วยอธิษฐานเผื่อได้ไหม?' ผมได้อธิษฐานในพระนามของพระเยซูขอการรักษามาสู่เด็กน้อยคนนี้ จากนั้นผมก็อธิบายให้เธอฟังว่าเธอสามารถมอบชีวิตของเธอให้พระเยซูคริสต์ได้อย่างไรและเธอก็ทำเช่นนั้น ผมจากไปและกลับมาอีกสองวันต่อมา ทันทีที่วิเวียนเห็นผมเธอรีบวิ่งมาหาทันทีและพูดว่า ‘ฉันกำลังจะโทรหาคุณพอดีเลยค่ะ มีบางอย่างที่น่าอัศจรรย์เกิดขึ้น คืนนั้นหลังจากที่คุณอธิษฐานเผื่อ อาการของเครกก็ดีขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ เขาหายดีแล้ว’ ไม่กี่วันต่อมาเครกก็กลับบ้าน วิเวียนเดินไปหาญาติและเพื่อน ๆ ที่อยู่รอบ ๆ และพูดว่า ‘ฉันเคยไม่เชื่อนะ แต่ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว’ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมา 30 กว่าปีแล้ว ผมยังคงติดต่อกับครอบครัวนั้น เครกยังคงเป็นดาวน์ซินโดรม และเหลือร่องรอยแห่งการรักษาที่น่าทึ่งเอาไว้ เขากลายเป็นกาวใจของครอบครัว นี่ไม่ได้เป็นการรักษาที่เกิดจากจิตบำบัด เพราะเขายังเป็นทารกในเวลานั้น แน่นอนมันไม่ใช่การคิดบวก หรือผลข้างเคียงของยา แต่นั่นคือคำตอบอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อคำอธิษฐานตามความยิ่งใหญ่ของพระองค์สดุดี 57:1-6
อธิษฐานขอพระเมตตา
คุณเคยร้องทูลขอความเมตตาจากพระเจ้าไหม? แน่นอนผมเคยอยู่หลายครั้ง ดาวิดเองก็ ‘ร้องทูลต่อพระเจ้าผู้สูงสุด’ (ข้อ 2) ว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์ ขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์’ (ข้อ 1ก)
การอธิษฐานตามความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าซึ่งพระองค์ทรงตอบเสมอ นั่นคือคำอธิษฐานเพื่อขอการให้อภัยโดยทางพระเยซู โดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระเยซูทำให้เป็นจริงได้ที่ ‘ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด’ (โรม 10:13)
บริบทของการอธิษฐานขอพระเมตตาของดาวิดน่าจะเป็นตอนที่เขาหนีจากซาอูลเข้าไปในถ้ำ (ดู 1 ซามูเอล 22; 24) เขาได้ร้องทูลพระเจ้า และพระเจ้าทรงสดับฟังและตอบคำอธิษฐานของเขา ดาวิดกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าจะร้องทูลต่อพระเจ้าผู้สูงสุด ต่อพระเจ้าผู้ทรงทำการให้สำเร็จเพื่อข้าพเจ้า’ (สดุดี 57:2)
ดาวิดรู้ว่าพระเจ้ามีวัตถุประสงค์สำหรับชีวิตของเขาและพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ พระเจ้ามีแผนการตามความยิ่งใหญ่ของพระองค์ในชีวิตของคุณ ให้เราตอบสนองเช่นเดียวกับดาวิด ต่อการทรงเรียกของพระเจ้าและเชื่อฟังพระองค์
พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานตามความยิ่งใหญ่พระเจ้าในแบบเดียวกันกับแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์: ‘พระองค์จะทรงส่งความช่วยเหลือมาจากฟ้าสวรรค์และช่วยข้าพเจ้าให้รอด... พระเจ้าจะทรงส่งความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ลงมา’ (ข้อ 3)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับความรักและความสัตย์ซื่อของพระองค์ (ข้อ 3) จิตวิญญาณของข้าพระองค์จะลี้ภัยภายใต้ปีกร่มเงาของพระองค์
ยอห์น 4:43-5:15
อธิษฐานขอการรักษา
มีหลายครั้งในชีวิตที่เราหมดหนทางการรักษา ไม่ว่าจะเพื่อคนอื่นหรือเพื่อตัวเราเอง ในชีวิตนี้คำอธิษฐานขอการรักษาของเราอาจไม่ได้รับคำตอบเสมอไป การร้องทูลโดยไม่ได้รับคำตอบอาจเป็นเรื่องยากและเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ แต่บางครั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเข้ามาแทรกแซงอย่างน่าอัศจรรย์เพื่อประทานการรักษาให้ เราจะได้เห็นสองตัวอย่างนี้ ซึ่งทั้งสองอย่างเกิดขึ้นจากการอธิษฐานตามความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า:
- เยียวยารักษาเพื่อผู้อื่น
ข้าราชการนายหนึ่งทูลร้องต่อพระเยซูให้รักษาบุตรชายของเขา (4:47) ซึ่งใกล้จะถึงแก่ความตายแล้ว
‘พระเยซูทรงไล่เขาออก: “ถ้าพวกท่านไม่ได้ตื่นตากับการอัศจรรย์ พวกท่านก็ปฏิเสธที่จะเชื่อ”’ (ข้อ 48, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่ข้าราชการจะไม่ถูกไล่ออก: ‘ขอเสด็จไปเถิด! บุตรของข้าจะเป็นจะตายขึ้นอยู่กับพระองค์’ (ข้อ 49, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเยซูทรงตอบรับความเชื่อของชายคนนั้น เขาเชื่อว่าถ้าพระเยซูเสด็จมา พระองค์สามารถรักษาบุตรชายของเขาได้ พระเยซูกำลังให้เขาก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งของความเชื่อและเชื่อว่าคำตรัสที่อยู่ห่างไกลของพระองค์สามารถรักษาบุตรชายของเขาได้ ชายคนนั้นก็เชื่อและพระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ พระองค์สดับฟังคำอธิษฐานตามความยิ่งใหญ่ของพระองค์และทรงรักษาบุตรชายของเขาให้หาย ด้วยเหตุนี้ ทั้งครอบครัวของเขาจึงเชื่อในพระองค์ (ข้อ 53)
- เยียวยารักษาเพื่อตนเอง พระเยซูเสด็จไปยังสถานที่ที่มีคนพิการ คนง่อย คนตาบอด และคนเป็นอัมพาตจำนวนมาก (5:3) นี่เป็นค่านิยมที่เชื่อกันว่าความพิกลพิการเป็นการลงโทษจากพระเจ้า คนเหล่านี้เลยถูกซ่อนเอาไว้ แต่พระเจ้าได้เลือกคนอ่อนแอและโง่เขลาของโลกเพื่อทำให้คนมีปัญญาอับอาย (1 โครินธ์ 1:27–28)
พระเยซูทรงรักษาชายคนหนึ่งที่ป่วยมาสามสิบแปดปี (ยอห์น 5:5) ชายคนนั้นคงหมดหวัง และเขาได้ตั้งความหวังไว้กับพลังการรักษาของสระน้ำแห่งเบธซาธา ที่น้ำจะกระเพื่อมขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ และเชื่อกันว่าใครที่วิ่งเข้าคนแรกเมื่อน้ำกระเพื่อมก็จะหายเป็นปกติ แต่ไม่มีใครช่วยเขาให้เข้าไปก่อน (ข้อ 7)
เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีครอบครัวที่ใกล้ชิด ไม่มีใครดูแลเขา เขาอยู่คนเดียวและถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครรักเขา แต่พระเยซูทรงรักเขา
พระเยซูตรัสกับเขาดั่งที่พระองค์ตรัสกับพวกเราทุกคนว่า ‘ท่านอยากจะหายเป็นปกติหรือเปล่า?’ (ข้อ 6) เป็นเวลาสามสิบแปดปีแล้วที่ชายผู้นี้เรียนรู้ที่จะเอาตัวรอดอย่างที่เขาเป็น แต่ตอนนี้เขาต้องลุกขึ้น ตัดสินใจ หาเพื่อนใหม่ หางานทำ และรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง
จอยส์ ไมเยอร์ เขียนถึงเหตุการณ์นี้ว่าตามจริงแล้วพระเยซูตรัสกับชายคนนั้นว่า ‘อย่านอนเฉย ๆ ทำอะไรสักอย่างสิ’ เธอกล่าวต่อ ‘การถูกล่วงละเมิดทางเพศมาประมาณสิบห้าปีและเติบโตขึ้นมาในบ้านที่ไม่สมบูรณ์ทำให้ฉันขาดความมั่นใจและเต็มไปด้วยความละอาย ฉันอยากมีสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต แต่ฉันติดอยู่กับความทุกข์ทรมานทางความรู้สึกและความสิ้นหวัง
‘เช่นเดียวกับชายที่ป่วยในพระธรรมยอห์นบทที่ 5 พระเยซูก็ไม่ได้ตามใจฉันเช่นกัน ที่จริงแล้วพระเยซูทรงมั่นคงกับฉันมากและพระองค์ทรงเทความรักที่หนักแน่นมากให้ แต่การที่พระองค์ไม่ทรงยอมให้ฉันหมกมุ่นอยู่กับการสมเพชตัวเองได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตฉัน ฉันไม่ได้อยู่ในหลุมอีกต่อไป ตอนนี้ฉันมีชีวิตที่ดี หากคุณจะปฏิเสธความสงสารตัวเอง มองหาพระเจ้าอย่างกระตือรือร้นและทำในสิ่งที่พระองค์สั่งให้คุณทำ คุณก็จะมีชีวิตที่ดีได้เช่นกัน’
1
พีท เกรก เพื่อนของผมได้เขียนหนังสือที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเรื่องนี้ชื่อว่า God on Mute
ขอบพระคุณพระเจ้า ที่ทรงสดับฟังอธิษฐานของเราเพื่อทำการเยียวยารักษาตัวเราเองและผู้อื่น ข้าพระองค์ร้องทูลขอการรักษาในวันนี้...
ผู้วินิจฉัย 4:1-5:31
อธิษฐานเผื่อผู้นำ
ทุกอย่างทั้งขึ้นและลงก็อยู่ที่ความเป็นผู้นำ หากธุรกิจมีผู้นำที่ดีก็มีแนวโน้มที่จะไปได้ดี ถ้าคริสตจักรมีผู้นำที่ดี คริสตจักรก็มักจะเจริญรุ่งเรือง หากชาติใดมีผู้นำที่ดี ชาตินั้นก็จะเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด
‘คนอิสราเอลก็ร้องทุกข์ต่อพระยาห์เวห์’ หลังจากสิเสรา ‘ข่มเหงคนอิสราเอลอย่างหนักถึง 20 ปี’ (4:3) มารดาของสิเสรามองออกไปทางหน้าต่าง เพื่อรอการกลับมาของเขา นางกล่าวว่า ‘พวกเขาคงกำลังแบ่งของริบที่ได้มากัน หญิงหนึ่งหรือสองคนตกเป็นของชายหนึ่งคน...’ (5:30) เราคงเดาได้เลยว่าสิเสราปฏิบัติต่อผู้คนของพระเจ้าอย่างไร
ในคำตอบที่พวกเขาได้อธิษฐานตามความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าคือพระองค์ได้ทรงชูผู้นำที่โดดเด่นขึ้นมา นั่นคือเดโบราห์ที่เป็นทั้งผู้นำทางจิตวิญญาณ (‘ผู้เผยพระวจนะ’) และเป็นผู้นำทางการเมืองด้วย เธอเป็น ‘ผู้วินิจฉัยคนอิสราเอลในเวลานั้น’ (4:4) เธอเป็นผู้นำที่มีเสน่ห์และมีค่ามากจนบาราคกล่าวกับเธอว่า ‘ถ้าท่านไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไป ถ้าท่านไม่ไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่ไป’ (ข้อ 8)
ยาเอลคือสตรีอีกผู้หนึ่งที่น่าสนใจ เธอเป็นผู้สังหารชายผู้กดขี่ชาวอิสราเอลคนนั้น (ข้อ 21)
ทั้งหญิงและชายสามารถถูกสร้างเป็นผู้นำที่โดดเด่นได้ สิ่งสำคัญไม่ใช่เพศแต่เป็นภาวะผู้นำที่นำอย่างเข้มแข็ง: ‘เมื่อพวกผู้นำได้นำคนอิสราเอล เมื่อประชาชนอาสาสมัคร– จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์!’ (5:2,9)
อีกครั้งที่เดโบราห์และบาราคถวายสาธุการแด่พระเจ้า (ข้อ 1–5) จอยซ์ ไมเยอร์ชี้ให้เห็นว่าพระเจ้า ‘เลือกที่จะใช้และส่งเสริมผู้ที่รู้ตัวว่าตนเองไม่มีค่าอะไรหากปราศจากพระองค์และผู้ที่ถวายพระเกียรติสิริแด่พระเจ้าสำหรับความสำเร็จทั้งหมดที่ทรงประทานให้ ทุกครั้งที่คุณประสบความสำเร็จในชีวิต อย่าลืมถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า’
วิธีที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของประชากรของพระองค์คือทรงเลี้ยงดูผู้นำที่มีสติปัญญาและถ่อมตน ผลก็คือ ‘แผ่นดินก็สงบสุขอยู่ 40 ปี’ (ข้อ 31ค)
เดโบราห์อธิษฐานว่าบรรดาผู้ที่รักพระเจ้าจะเป็น ‘ดั่งดวงตะวันเมื่อโผล่ขึ้นด้วยอานุภาพ’ (ข้อ 31ข) มาพร้อมกับความอบอุ่น และพลังงาน ความแข็งแกร่ง กล้าหาญและไม่หวาดหวั่น
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานในวันนี้ว่าจะเป็นดั่ง ‘ดั่งดวงตะวันเมื่อโผล่ขึ้นด้วยอานุภาพ’ (ข้อ 31ข) โปรดให้ข้าพระองค์นำความสว่างมาสู่โลกที่มืดมิดนี้และชี้นำทางให้ผู้คนเห็น
Pippa Adds
ผู้วินิจฉัย 4:1–5:31
ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้นำประเทศ ผู้วินิจฉัย ผู้เผยพระวจนะ นักอธิษฐาน นักแต่งเพลง ผู้นำนมัสการ ภรรยาและแม่ เดโบราห์ถือเป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยม! ใครบอกกันว่าพระคัมภีร์ต่อต้านผู้นำที่เป็นสตรี?
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Never Alone

When You Feel Like Roommates: 4 Day Plan to Help You Love (And Like) Your Spouse for Life

Two-Year Chronological Bible Reading Plan (First Year-January)

Simon Peter's Journey: 'Grace in Failure' (Part 1)

Everyday Prayers for Christmas

The Holy Spirit: God Among Us

You Say You Believe, but Do You Obey?

The Bible in a Month

Sharing Your Faith in the Workplace
