พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

คุณจะสร้างความแตกต่างได้อย่างไร
ในการสัมภาษณ์ของ*นิตยสาร ไทม์* นักศาสนศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ชาวสวิส คาร์ล บาร์ธ เล่าว่า เขาได้แนะนำนักศาสนศาสตร์รุ่นใหม่ ๆ ให้ ‘นำพระคัมภีร์กับหนังสือพิมพ์ไปด้วยกัน และอ่านทั้งสองอย่าง แต่ให้ตีความหนังสือพิมพ์จากพระคัมภีร์’ เมื่อเราอ่าน ดูหรือฟังข่าว มันทำให้เราหดหู่ลงได้อย่างง่ายดาย บางครั้งดูเหมือนว่าความชั่วร้ายกำลังมีชัยชนะเหนือสิ่งที่ดี แผนการณ์ของ ‘คนชั่ว’ ดูเหมือนจะประสบผลสำเร็จในขณะที่คนอื่น ๆ ต้องได้รับผลแห่งการถูกทำลายจากกลุ่มก่อการร้าย สงคราม ความยากจน และความอยุติธรรม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงจำเป็นต้องได้ยินเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และฟังพระวจนะของพระเจ้า เพราะเมื่อเราศึกษาพระคำพระเจ้า เราได้เห็นว่าความดีมีชัยชนะเหนือความชั่วร้าย ในแต่ละบทของวันนี้ เราจะได้เห็นว่าที่สุดแล้วความชั่วจะไม่ได้ชนะครั้งสุดท้าย ในท้ายที่สุด ความดีจะชนะความชั่ว ยิ่งไปกว่านั้น คุณสามารถที่จะสร้างความแตกต่างได้ในการปล้ำสู้ระหว่างความดีกับความชั่วสดุดี 140:6-13
ร้องทูลต่อพระเจ้าเพื่อให้ความดีมีชัยชนะ
ในโลกที่เต็มไปด้วยความอยุติธรรมต่อคนยากจนและคนขัดสน พระเจ้าจะทรงผดุงความยุติธรรมเพื่อคนยากจนและให้การสนับสนุนคนขัดสน เรารู้ว่าในที่สุดผู้ชอบธรรมจะสรรเสริญพระนามของพระเจ้าและคนเที่ยงตรงจะได้ใช้ชีวิตต่อหน้าพระองค์ตลอดไป (ข้อ 12-13)
กษัตริย์ดาวิดถูกแวดล้อมไปด้วย ‘ผู้สร้างปัญหา’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาเป็น ‘คนที่ใส่ร้าย’ และเป็นประชากรแห่งความรุนแรง (ข้อ 11) ทั้งกรณีพิพาททางกายภาพและคำพูด ซึ่งทั้งคู่ก่อให้เกิดการเสียหายพอ ๆกัน ท่ามกลางเหตุการณ์เหล่านี้ดาวิดร้องหาพระเจ้าว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงให้คนอธรรมสมปรารถนา’ (ข้อ 8)
ดาวิดจบพระธรรมสดุดีด้วยข้อความแห่งความไว้วางใจ ‘ข้าพระองค์ทราบว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ทุกข์ยาก และทรงให้ความยุติธรรมแก่คนขัดสน แน่ทีเดียวที่คนชอบธรรมจะยกย่องพระนามของพระองค์ คนเที่ยงธรรมจะอาศัยอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์’ (ข้อ 12-13 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ร้องว่า ‘“พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า” ขอเงี่ยพระกรรณฟังเสียงวิงวอนของข้าพระองค์’ (ข้อ 6) ขออย่าให้ผู้ที่ดูหมิ่นพระนามพระองค์นั้นสำเร็จ ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเป็นโล่กำบังและกำลังแห่งความรอดของเรา (ข้อ 7)
วิวรณ์ 2:18-3:6
เป็นคนที่จะเอาชนะความชั่วด้วยความดี
ดังที่เราจะได้อ่านต่อไปในถ้อยคำของพระเยซูต่อคริสตจักรทั้ง 7 เราเห็นว่าการสู้รบกันของความดีและความชั่วร้ายไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างคริสตจักรและโลกนี้เท่านั้น แต่เกิดขึ้นภายในคริสตจักรเองด้วยพระเยซูทรงประทานพระสัญญาอย่างวิเศษและยอดเยี่ยมแก่ผู้ที่ชนะความชั่วได้:
- ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ คริสตจักรในเมืองธิยาทิราได้รับการเชิดชูในเรื่องของความรัก ความเชื่อ การรับใช้ ความมุมานะ และการจำเริญขึ้นในแต่ละคน ‘เรารู้จักความประพฤติของเจ้า รู้เรื่องความรัก ความเชื่อ การปรนนิบัติ และความทรหดอดทนของเจ้า และรู้ว่าความประพฤติตอนปลายนั้นดีกว่าตอนต้น’ (2:19)
อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงท้าทายคริสตจักรในเรื่อง ‘ความทรหดอดทน’ วันนี้ คำว่า ‘ความทรหดอดทน’ ทุกวันนี้ คำว่า 'ความทรหดอดทน' ถือได้ว่าเป็นคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ประการหนึ่งที่เห็นได้เฉพาะในแง่บวกเท่านั้น ความทรหดอดทนเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างมาก แต่ความอดทนก็มีขีดจำกัดและความอดทนบางรูปแบบก็ไม่ดี
พระเยซูทรงวิจารณ์คริสตจักรในเมืองธิยาทิราในเรื่องความอดทนกับการล่วงประเวณีในคริสตจักร ‘เจ้าทนฟังเยเซเบล ผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ นางสอนและล่อลวงบรรดาผู้รับใช้ของเราให้ล่วงประเวณีและกินอาหารที่บูชารูปเคารพ เราให้โอกาสนางเพื่อจะได้กลับใจใหม่ แต่นางก็ไม่ประสงค์จะกลับใจจากการล่วงประเวณี’ (ข้อ 20-21)
เราอยู่ในวัฒนธรรมแห่งความเต็มอิ่มทางเพศ เราได้รับการส่งเสริมและคาดหวังให้มีความตื่นตัวทางเพศ และแสวงหา ‘การเติมเต็มทางเพศ’ พระคัมภีร์มีมุมมองที่สูงในเรื่องเพศ ซึ่งมีความยินดีและส่งเสริมเรื่องนี้ในบริบทที่ถูกต้อง คือใน ชีวิตแต่งงาน แต่ในด้านอื่น ๆ ทั้งการติดตามสื่อลามกอนาจารและความสำส่อนนั้นเป็นสิ่งบ่อนทำลายและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ เราไม่รู้ว่าการล่วงประเวณีของเยเซเบลนั้นคืออะไร แต่ในข้อพระคัมภีร์เหล่านี้เป็นสิ่งเตือนใจเราถึงเรื่องความบริสุทธิ์ทางเพศ
พระเยซูทรงเตือนว่าถ้าไม่กลับใจจากทางของเยเซเบล หายนะจะมาถึง (ข้อ 22ข) พระบุตรของพระเจ้า ‘ผู้ทรงมีพระเนตรดั่งเปลวไฟและทรงมีพระบาทเหมือนทองสัมฤทธิ์’ (ข้อ 18) ‘ตรวจสอบความคิดและจิตใจ’ จะตอบแทนแต่ละคนตามความประพฤติของพวกเขา (ข้อ 23)
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ถ้อยคำแห่งการประนาม เพราะมีการเรียกให้ ‘กลับใจใหม่’ แท้จริงแล้ว แม้แต่เยเซเบลเองก็ได้รับโอกาสในการกลับใจใหม่ (ข้อ 21) เมื่อเราได้ทำบาปทางเพศ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอว่า เราสามารถได้รับการอภัยบาป การตอบสนองของเราต่อพระธรรมเช่นนี้ ไม่ควรเป็นการสิ้นหวัง แต่ด้วยการกลับใจใหม่ และสำนึกในพระคุณ
คริสตจักรถูกเรียกให้บริสุทธิ์ พระเยซูทรงสัญญาว่า ‘คนที่ชนะและปฏิบัติงานของเราจนถึงที่สุด เราจะประทานสิทธิอำนาจเหนือบรรดาประชาชาติกับเขา เหมือนอย่างที่เราได้รับอำนาจจากพระบิดาของเรา’ (ข้อ 26–27) พระเยซูจะทรงแบ่งปันสิทธิอำนาจของพระองค์กับคนสัตย์ซื่อที่มีชัยชนะ
คุณได้รับส่วนแบ่งในพระสิริของพระองค์อีกด้วย ‘เราจะมอบดาวประจำรุ่งให้กับเขาด้วย’ (ข้อ 28) ถ้าคุณหันหลังให้กับความมืดดำแห่งความบาป คุณจะพบแสงสว่างแห่งพระสิริของพระเจ้าบนพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์ ไม่ว่าการต่อสู้ในการสู้รบเพื่อความบริสุทธิ์นี้จะหนักหนาสาหัสสักเพียงใด วันหนึ่ง ด้วยพระเยซูผู้เป็นดาวประจำรุ่ง คุณจะมีความอิ่มเอิบใจอย่างแน่นอนและตลอดไป
- เป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ
ความบริสุทธิ์ไม่ได้หมายความว่าต้องสมบูรณ์แบบ แต่หมายถึง การดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์ ซึ่งตรงข้ามกับความหน้าซื่อใจคด นั่นหมายถึง เป็นตัวจริง ซื่อสัตย์ และเป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา
คริสตจักรในเมืองซาร์ดิสมีชื่อเสียงในด้านความมีชีวิตชีวา แต่ความเป็นจริงพวกเขาตายแล้ว (3:1) ดูเหมือนตื่นตัว ฟังดูเหมือนเป็นคริสตจักรที่น่าไป แต่กลับเป็นความหลงระเริง พระเยซูทรงเรียกพวกเขาให้กลับใจ ‘จงระลึกว่าเจ้าได้รับและได้ยินอะไร จงถือรักษาและจงกลับใจใหม่’ (ข้อ 3) ‘เพราะถ้าเจ้าไม่ตื่นขึ้น’ พระองค์ทรงเตือน ‘เราจะมาเหมือนอย่างขโมย และเจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าชั่วโมงไหน’ (ข้อ 3ข) พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับพระกิตติคุณและได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็ได้เผาตัวเองด้วยความวุ่นวายต่าง ๆของชีวิตมากกว่าการแสวงหาพระเจ้า “ไม่พบความครบสมบูรณ์ใด ๆในงานของพระเจ้า” (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระคัมภีร์เวอร์ชั่น The Message เตือนให้เรา ‘ระลึกว่าเจ้าได้รับอะไรและได้ยินอะไร จงถือรักษาและจงกลับใจใหม่ คว้ามันขึ้นมาอีกครั้งและหันกลับมาหาพระเจ้า’ (ข้อ 3)
ประเด็นของเมืองซาร์ดิสคือ หน้าซื่อใจคดและเสแสร้ง การทรงเรียกต่อพวกเขา คือให้อยู่กับความเป็นจริงและเป็นตัวเอง มีบางคนในคริสตจักรที่ ‘ไม่ได้ทำให้เสื้อผ้าของตนเป็นมลทิน’ (ข้อ 4ก) ‘พวกเขาจะดำเนินไปกับเราในชุดสีขาว เพราะว่าเขาเป็นคนที่คู่ควร’ (ข้อ 4ข)
อีกครั้งที่พระเยซูทรงทำพันธสัญญาอัศจรรย์กับผู้ที่มีชัยชนะ ‘คนที่ชนะก็จะสวมเสื้อสีขาว เราจะไม่ลบชื่อของเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต แต่จะรับรองชื่อของเขาเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราและทูตสวรรค์ของพระองค์’ (ข้อ 5)
ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานสติปัญญาที่จะรู้ถึงขีดจำกัดของการอดทนอดกลั้นให้แก่ข้าพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีชัยชนะเหนือความบาปในชีวิต ขออย่าให้ข้าพระองค์ชะล่าใจในความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้เชื่อฟังพระองค์ และเอาชนะความชั่วด้วยความดี ขอให้ชื่อของข้าพระองค์ได้รับการบันทึกใน ‘หนังสือแห่งชีวิต’ (ข้อ 5)
เอสเธอร์ 1:1-2:18
จับตาดูพระเจ้าพลิกสถานการณ์ที่ชั่วร้าย
คนๆ หนึ่งสามารถสร้างความแตกต่างได้ เอสเธอร์เป็นหนึ่งในผู้ช่วยกู้ของชนชาติยิว เธอเป็นเด็กกำพร้า (2:7) รูปงามและน่ามอง (ข้อ 7) ‘เอสเธอร์เป็นที่โปรดปรานของทุกคนที่เห็นเธอ’ (ข้อ 15) เธอมีความเชื่อฟังต่อบิดาบุญธรรมของเธอ ‘เธอไม่ได้ให้ใครทราบถึงชาติกำเนิดของนาง ดังที่โมรเดคัยกำชับนางไว้’ (ข้อ 20) การทรงเรียกของเธอนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก จนต้องใช้เวลาเตรียมการอย่างยาวนาน
เอสเธอร์เป็นพระธรรมหนึ่งในสองเล่มในพันธสัญญาเดิมที่ตั้งชื่อตามชื่อของผู้หญิง (อีกเล่มหนึ่งคือ นางรูธ) และเป็นพระธรรมหนึ่งจากสองเล่มที่ไม่ได้ออกนามพระเจ้า (อีกเล่มหนึ่งคือพระธรรมเพลงซาโลมอน) พระธรรมเอสเธอร์นี้บันทึกเรื่องราวของจุดกำเนิดของเทศกาลปูริม และวันหยุดสำคัญประจำปีของชาวยิวซึ่งถูกตั้งขึ้นในรัชสมัยของเซอร์ซีส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย (486-465 ปีก่อนคริสตกาล)
เมื่อช่วงอายุราว 35 ปี กษัตริย์เซอร์ซีสได้สืบทอดจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ที่ปัจจุบันนี้รวมประเทศอิหร่าน อิรัก อียิปต์ และเอธิโอเปีย รวมถึงบางส่วนของประเทศอินเดียไว้ด้วย
พระธรรมเอสเธอร์เป็นการบันทึกช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ของประชาชนยิว เมื่อพวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์ของผู้ที่ต้องการทำลายล้างพวกเขา
ดังที่ ยูจีน ปีเตอร์สัน เขียนไว้ ‘ไม่ว่าคุณจะเข่นฆ่าพวกเขาไปสักกี่คนก็ตาม คุณไม่สามารถที่จะกำจัดชุมชนแห่งการถวายเกียรติพระเจ้า ชุมชนแห่งการรับใช้พระเจ้า ชุมชนแห่งการนมัสการพระเจ้า เพราะประชากรเหล่านี้ได้กระจายอยู่ทั่วโลก นี่ยังคงเป็นถ้อยคำสุดท้ายและแน่แท้’
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราจะอ่านถึงคุณสมบัติอันดียอดเยี่ยมของเอสเธอร์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เราได้เห็นว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่กับเธอ พระองค์ทรงเตรียมทางไว้ที่จะใช้เธอในการพลิกสถานการณ์ และนำชัยชนะแห่งความดีเหนือความชั่วร้าย
จอยซ์ ไมเยอร์ เขียนไว้ว่า ‘ฉันเชื่อว่า พระเจ้าทรงมีพระประสงค์และการทรงเรียกอันยิ่งใหญ่สำหรับชีวิตของคุณเช่นเดียวกับที่ทรงทำในชีวิตของเอสเธอร์ สิ่งที่คุณได้รับมอบหมายนั้นอาจไม่ใช่การปลดปล่อยชนชาติใดชนชาติหนึ่ง แต่ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงเรียกให้คุณได้กระทำสิ่งใด สิ่งเหล่านั้นล้วนสำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ขอให้คุณบากบั่นในการโอบรับกระบวนการเตรียมการที่จำเป็น เพื่อคุณจะได้รับการเตรียมพร้อม เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องลงมือทำ’
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงอธิปไตย ขอบคุณพระองค์ที่ทรงควบคุมอยู่สูงสุดในชีวิตของข้าพระองค์ และในประวัติศาสตร์ ขอบคุณที่ข้าพระองค์ได้รับการยืนยันว่าความดีจะมีชัยเหนือความชั่วผ่านทางองค์พระเยซู ขอทรงช่วยข้าพระองค์ที่จะสร้างความแตกต่างขึ้นตามแผนการของพระองค์ ที่จะเอาชนะความชั่วด้วยความดี
Pippa Adds
เอสเธอร์ 1:1–2:18
เรื่องราวของเอสเธอร์นั้นน่าทึ่ง ฉันมักสงสัยเสมอว่า ทำไมราชินีวัชทีจึงปฏิเสธที่จะเข้าเฝ้าพระสวามีของเธอ ซึ่งไม่ว่าเหตุผลคืออะไร ดีหรือไม่ดี มันไปได้ไม่ค่อยสวยนัก แล้วหลังจากนั้นบรรดาบุรุษต่างก็อกสั่นขวัญแขวนว่าจะเสียการควบคุมภรรยาของตน ควรมีวิธีที่ดีกว่านี้ในการได้ความเคารพ โดยไม่ต้องออกพระราชกฤษฎีกา บางทีการสำแดงผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์บางด้าน อาจได้ผลมากกว่า!
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

Spiritual Portals

Victory Is Yours: Overcome Life’s Challenges God's Way

Helping Your Kids Know God's Good Design

Living LifeWise: The Good Samaritan

Be Fruitful

God With Us: Lessons From the Incarnation

Letting Go of Your Past

THE PRAYER of JABEZ

The Power of Generosity: Sharing God’s Abundance
