พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

จะรับมือกับการเผชิญหน้าได้อย่างไร
การเผชิญหน้าเป็นสิ่งที่ผมพบว่าไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องอาศัยการกระทำที่ละเอียดอ่อน สิ่งสำคัญคือต้องหาวิธีที่ถูกต้อง และคำพูดที่เหมาะสมกับเรื่องนั้น ๆ หรือถ้าจะเปรียบเทียบกับการเล่นกอล์ฟก็คือ ต้องมีทักษะที่จะรู้ว่าต้องใช้ไม้ตีกอล์ฟแบบไหนให้เหมาะสม คนที่มีทักษะในด้านการเผชิญหน้าจะมีวิธีการและคำพูดที่หลากหลาย และรู้ว่าจะใช้วิธีการ และคำพูดที่เหมาะสมนั้นเมื่อไร และอย่างไร การเผชิญหน้าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ไม่ใช่ว่านักวิจารณ์ทุกคนจะต้องเผชิญหน้า ไม่ใช่ว่าทุกถ้อยคำที่ผิดจำเป็นจะต้องถูกโต้แย้ง ผมชื่นชมทักษะของคนที่รู้ว่าเมื่อใดที่ต้องเผชิญหน้า และคนที่เก่งในการเผชิญหน้าด้วยความรัก พวกเขาเรียนรู้ที่วิธีที่จะพูดความจริงด้วยความรัก (เอเฟซัส 4:15) เมื่อจำเป็นต้องเผชิญหน้า คุณควรทำอย่างไร?สดุดี 55:1-11
เผชิญหน้ากับความชั่วร้ายด้วยการอธิษฐาน
ทุกวันนี้มีอำนาจแห่งความชั่วร้ายทำงานอยู่ใน ‘บ้านเมือง’ ของเรา คุณเพียงแค่เปิดดูข่าวหรืออ่านหนังสือพิมพ์ ก็จะรู้ถึงการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก และข่าวของแก๊งค์ที่ก่อความรุนแรงและการฆาตกรรม และตอนนี้เราทุกคนต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มองไม่เห็นคือ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ดาวิดก็เผชิญหน้ากับความรุนแรงและอำนาจการทำลายของความชั่วร้ายที่ทำงานอยู่ในนคร (ข้อ 9ข,11ก)
เมื่อดาวิดเผชิญหน้ากับ ‘ศัตรู’ ขณะที่พวกเขา ‘ด่าทอ’ ดาวิด ‘ด้วยความโกรธ’ (ข้อ 3) เขากล่าวว่า ‘โอ ข้าอยากมีปีกอย่างนกพิราบ จะได้บินหนีไปพักอย่างสงบ เออ ข้าจะได้หนีไปให้ไกล ข้าจะได้พักในถิ่นทุรกันดาร ข้าจะรีบไปยังที่กำบัง ให้พ้นจากลมแรงกล้าและพายุ’ (ข้อ 6-8)
การหลบหนีเป็นการทดลองเพื่อให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่เราต้องเผชิญหน้ากับความชั่วร้าย อย่าหลีกหนี อย่าเป็นกังวล แต่จงทำในสิ่งที่คุณสามารถทำได้ คุณสามารถทำสิ่งที่แตกต่าง ดังที่อาจารย์เปาโลได้เขียนไว้ว่า ‘อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี’ (โรม 12:21)
การตอบสนองของดาวิดต่อความรุนแรงและการทำลายคือการร้องทูลให้พระเจ้ายื่นพระหัตถ์เข้ามาช่วย เขาอธิษฐานว่า ‘ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงลำลายแผนการของพวกเขา และขอทรงทำให้ภาษาของเขายุ่งเหยิงไป’ (สดุดี 55:9) การอธิษฐานเป็นส่วนสำคัญของการตอบสนองของเราต่อ ‘อำนาจการทำลาย' (ข้อ 11)
การอธิษฐานและการกระทำต้องเป็นไปพร้อมกัน แม้ว่าคุณจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองในทางกายภาพได้ แต่คุณสามารถอธิษฐานได้เสมอ พระเจ้าทรงกระทำเพื่อเป็นการตอบสนองต่อคำอธิษฐานของคุณ
‘ข้าแต่พระเจ้า ขอเงี่ยพระกรรณฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขออย่าซ่อนพระองค์จากคำวิงวอนของข้าพระองค์’ (ข้อ 1) ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ไม่ให้ความชั่วเอาชนะข้าพระองค์ได้ แต่ให้ข้าพระองค์เอาชนะความชั่วด้วยความดี
ยอห์น 3:1-21
เผชิญหน้ากับผู้คนด้วยความรัก
การเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ในสถานะที่อ่อนแอนั้นค่อนข้างง่าย และบางครั้งก็ดูเหมือนเป็นการกระทำที่ขี้ขลาด แต่การเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ในสถานะที่มีอำนาจเหนือเราทั้งในหน้าที่การงาน สถานะหรือความมั่งคั่ง เรานั้นเป็นสิ่งต้องใช้ความกล้าเป็นอย่างมาก
พระเยซูทรงเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในการเผชิญหน้า พระองค์ไม่เคยหลีกหนีจากมัน ในทางตรงกันข้าม พระองค์ทรงไม่เคยกระทำไปด้วยเหตุผลอื่นใดนอกจากความรัก
นิโคเดมัสเป็นบุคคลที่มีอำนาจมาก เป็นฟาริสีที่มีคุณธรรมและเที่ยงธรรม และ ‘เป็นขุนนางของพวกยิว’ (ข้อ 1) พระเยซูทรงไม่หวั่นกลัวต่อตำแหน่งของเขา พระองค์ทรงเผชิญหน้ากับนิโคเดมัสด้วยความรักในความจำเป็นต้อง ‘เกิดใหม่’ (ข้อ 3) เพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทิ้งความเจ็บปวด นิสัยและวิถีเก่าในอดีต ข้อความที่พระเยซูตรัสนั้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง
นิโคเดมัสต้องการเกิดใหม่อีกครั้งจากน้ำและพระวิญญาณ (ข้อ 5) การชำระภายนอกต้องเกิดขึ้นพร้อมกับการสถิตอยู่ภายในของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ตอนนี้เรามิอาจมองไม่เห็นพระเจ้าในทางกายภาพ แต่เราได้เห็นหลักฐานของพระเจ้า เหมือนกับสายลม เราไม่สามารถมองเห็นแต่เราสามารถมองเห็นผลกระทบของมันบนต้นไม้และใบไม้ ‘สิ่งที่มองไม่เห็นเคลื่อนสิ่งที่มองเห็น’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ในทำนองเดียวกันพระเยซูตรัสว่าคุณไม่สามารถมองเห็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่คุณสามารถมองเห็นผลกระทบในชีวิตของผู้คน ‘บุคคลที่มีสัณฐานภายในนั้นเกิดมาจากบางสิ่งที่ท่านไม่สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ นั่นคือพระวิญญาณ และกลายเป็นพระวิญญาณที่มีชีวิต’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเยซูทรงท้าทายนิโคเดมัสเกี่ยวกับความเชื่อของเขาด้วยความรัก โดยใช้ภาพของงูในถิ่นทุรกันดาร (จากพระธรรมกันดารวิถี 21) พระเยซูทรงทำนายว่าพระองค์เองจะต้องถูกยกขึ้นบนไม้กางเขน ‘เพื่อทุกคนที่วางใจพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์’ (ข้อ 15)
‘ความเชื่อ’ หมายถึง ‘ความไว้วางใจ’ ทุกครั้งที่เราเริ่มความสัมพันธ์เราจะต้องเผชิญกับความเสี่ยง ในทุกความสัมพันธ์นั้นต้องการความไว้วางใจ ความไว้วางใจในความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปนั้นจะเติบโตและยั่งยืน
พระเยซูทรงสอนเกี่ยวกับความรักของพระเจ้า คำในภาษากรีกที่ใช้สำหรับคำว่า ‘รัก’ ในข้อ 16 คือ อากาเป้ (agape) ปรากฎขึ้น 44 ครั้งในพระธรรมยอห์น ข้อพระคัมภีร์ข้อนี้เป็นข้อสรุปพระธรรมยอห์นทั้งหมดและเป็นการสรุปพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ทั้งหมด ‘พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์’ (ข้อ 16)
มีพระเจ้า และความรักของพระองค์นั้นกว้างพอที่จะโอบกอดมนุษย์ทุกคนโดยปราศจากการแบ่งแยกหรือข้อยกเว้น ไม่ใช่ความรักที่คลุมเครือหรือความรักที่สะเทือนอารมณ์ ความรักของพระเจ้านั้นเหลือคณานับ พระองค์ทรงแสดงให้เห็นจากที่พระองค์ทรงยอมสละพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อคุณ และผม
โลกนี้อยู่ในภาวะที่ยุ่งเหยิง ผู้คนมักจะถามว่า ‘ทำไมพระเจ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง?’ คำตอบคือพระองค์ได้ทรงกระทำแล้ว พระองค์เสด็จมาในสภาพพระบุตรของพระองค์คือพระเยซูเพื่อสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและได้ฟื้นคืนพระชนม์เพื่อคุณ พระเยซูทรงเข้าใจเรื่องการทนทุกข์ พระองค์ทรงทนทุกข์เพื่อเราและพระองค์ก็ทรงทนทุกข์อยู่เคียงข้างเรา
ผู้คนมากมายเลิกเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย แต่พระเยซูทรงสัญญาว่าเราจะ ‘มีชีวิตนิรันดร์ และ (ที่แท้จริง) มีชีวิตอยู่ตลอดไป’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ชีวิตนี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุด มีความหวังอยู่ในชีวิตหลังความตาย พระเยซูทรงมอบชีวิตนิรันดร์ให้กับคุณ
มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการเผชิญหน้าและการกล่าวโทษ พระเยซูทรงเผชิญหน้าผู้คน แต่พระองค์ไม่ทรงกล่าวโทษพวกเขา พระเยซูไม่ได้เสด็จมาเพื่อประณามคุณ แต่พระองค์มาเพื่อช่วยคุณจากการถูกประณาม (ข้อ 17-18) คุณและผมก็เหมือนกับพระเยซูที่จำเป็นต้องนำเรื่องราวที่ไม่ได้เกี่ยวกับการประณาม แต่เป็นเรื่องราวข่าวประเสริฐแห่งความรอด การช่วยเหลือหมายถึงการดึงบุคคลออกจากอันตราย ปลดปล่อย เปิดประตูแห่งการกักขังออก รักษา การกระทำทุกสิ่ง
ต่อจากนั้นพระเยซูตรัสถึงความสว่างได้เปิดเผยและเผชิญหน้ากับความมืดได้อย่างไร (ข้อ 19-21) ดูเหมือนว่าพระเยซูจะทรงบอกถึงสาเหตุที่บางคนปฏิเสธพระองค์เป็นเพราะ ‘กิจการของพวกเขาเลวทราม’ (ข้อ 19) เราไม่อยากเดินเข้ามาในความสว่างเพราะว่าเราไม่ต้องการที่จะเลิกทำในสิ่งที่เรารู้ว่าเป็นสิ่งผิด
เราไม่ต้องการให้ผู้อื่นเห็นด้านมืดในตัวเรา เราซ่อนความมืดทั้งสิ้นภายในตัวเราไว้เบื้องหลังความดีที่ปรากฎอยู่ภายนอก ความบาปเกลียดชังความสว่าง เมื่อเราทำบาป เราต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความสว่างของพระเยซู เราไม่ต้องการให้การกระทำชั่วของเราถูกเปิดเผย แต่พระเยซูเสด็จมาเพื่อเผชิญหน้ากับความมืด เราอาจจะกลัวหรืออับอาย อาจจะเป็นเรื่องยากที่สุดสำหรับเรา แต่เราเองก็ต้องเผชิญหน้ากับความมืดในชีวิตของเรา และแสวงหาที่จะดำเนินชีวิตในความสว่างของพระคริสต์ผู้ซึ่งทรงรักคุณในแบบที่คุณเป็น
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ได้กล่าวว่า “ความมืดไม่สามารถขับไล่ความมืดได้ ความสว่างเท่านั้นที่สามารถทำได้ ความเกลียดชังไม่สามารถขับไล่ความเกลียดชังได้ ความรักเท่านั้นที่ทำได้”
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับแบบอย่างของพระเยซู ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตในความสว่าง และมีความกล้าที่จะพูดความจริงด้วยความรัก
โยชูวา 21:20-22-34
การเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างชาญฉลาด
เราสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งมากมายได้ถ้าผู้คนหันหน้ามาพูดคุยกัน แทนที่จะพูดถึงกันลับหลัง
ผลของการเข้าใจผิดก็คือ อิสราเอลที่เหลือมองไปที่คนอีกสองเผ่าครึ่ง (คนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า) และคิดว่าพวกเขากำลังทำสิ่งที่ผิดและไม่เชื่อฟังพระเจ้า (22:12)
อย่างไรก็ตามแทนที่จะทำสงครามในทันที แต่พวกเขาฉลาดเพียงพอที่จะเผชิญหน้าและท้าทายพวกเขาเหล่านั้นด้วยคำพูด เมื่อพวกเขาได้ทำอย่างนั้นเสร็จแล้วก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าความกลัวของพวกเขานั้นไร้ซึ่งเหตุผล
พวกเขาทำถูกต้องแล้วที่เข้าไปแทรกแซงมากกว่าการเพิกเฉย เพราะสิ่งที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้กระทำก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งหมด พวกเขาไม่อาจพูดง่าย ๆ ว่า ‘พวกเขาจะทำอะไรก็เรื่องของพวกเขา’
เมื่อสองเผ่าและอีกครึ่งเผ่าได้ออกมาเผชิญหน้า และพวกเขาได้ให้คำอธิบายไว้ว่า 'เรากระทำเช่นนี้เพราะเราห่วงใย’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาต้องการให้แน่ใจว่าลูก ๆ ของพวกเขาจะยึดมั่นในความเชื่อไว้
คำอธิบายนั้นเป็นที่น่าพอใจ ‘บัดนี้เราทราบแล้วว่าพระยาห์เวห์สถิตกับเรา เพราะพวกท่านไม่ได้ทำการทรยศต่อพระองค์ในเรื่องนี้’ (ข้อ 31, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นเหตุผลที่ดีในการชุมนุมหารือกัน (ข้อ 32-33) หลังการประชุมเสร็จสิ้น ‘ประชาชนไม่พูดถึงเรื่องที่จะทำสงครามอีกต่อไป’ (ข้อ 33)
จงระวังอย่าด่วนสรุปในแง่ลบเกี่ยวกับคริสเตียนและคริสตจักรอื่น ๆ อย่าโจมตีพวกเขาด้วยวาจาลับหลัง ถ้ามีความจำเป็นก็ให้จัดการประชุม เผชิญหน้าและฟังคำอธิบาย หากพวกเราทุกคนทำเช่นนี้ จะสามารถหลีกเลี่ยงความแตกแยกและความรู้สึกที่ไม่ดีได้
ในกรณีนี้ เมื่อพวกเขาได้ฟังคำอธิบาย แทนที่พวกเขาจะสงสัยหรือถากถาง แต่พวกเขายอมรับและ ‘สรรเสริญพระเจ้า’ (ข้อ 33) เมื่อคุณทำความผิดพลาดเกี่ยวกับผู้คน จงมีใจกว้างที่จะยอมรับความผิดพลาดของคุณ ต้องเป็นคน ‘ใจกว้าง’ ที่จะยอมรับว่าพวกเขานั้นทำผิด
ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดทรงประทานสติปัญญาให้แก่ข้าพระองค์เพื่อจะรู้ว่าการพบปะ การเผชิญหน้า และการฟังคำอธิบายเป็นสิ่งสำคัญ ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้หลีกเลี่ยงความแตกแยก และการขาดความสามัคคีกันโดยไม่จำเป็น ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้เรียนรู้ทักษะในการเผชิญหน้าด้วยความรัก
Pippa Adds
สดุดี 55:9-10
‘ข้าพระองค์เห็นความทารุณและการโกลาหลในนคร พวกเขาเดินรอบนคร... ความชั่วร้ายกับความทุกข์ร้อนอยู่ท่ามกลางนครนั้น’
ทุกวันนี้ยังคงมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมากเกินไปในโลกของเรา เราต้องอธิษฐานและทำพันธกิจเพื่อขยายแผ่นดินของพระเจ้าต่อไป
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Related Plans

When You Are the Problem: The Courage to Look in the Mirror When Your Church Is in Crisis

God Is on Your Side

Judges: Repeating Cycles

WE SHALL NOT DIE - Reading With the People of God #17

Parallel Worlds

The Legacy of a Man – It Starts Today

Make Your Job Count for Eternity

If Your Job Feels Meaningless

Your Own Personal Jesus
