21
พระเยซูเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มอย่างกษัตริย์
(มก.11:1-10; ลก.19:29-38; ยน.12:12-15)
1เมื่อพระเยซูกับพวกสาวกใกล้ถึงกรุงเยรูซาเล็ม ที่หมู่บ้านเบธฟายีบนภูเขามะกอกเทศ พระเยซูส่งสาวกสองคนไป 2พร้อมสั่งว่า “จงไปที่หมู่บ้านข้างหน้านั้น และเจ้าจะพบแม่ลาตัวหนึ่งผูกอยู่กับลูกของมัน จงแก้เชือกแล้วจูงมาให้เรา 3ถ้ามีใครพูดอะไร จงบอกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าต้องการลาเหล่านี้ แล้วเขาจะปล่อยให้มาทันที”
4เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงตามคำกล่าวผ่านทางผู้เผยพระวจนะ
5“จงบอกบุตรสาวแห่งศิโยนว่า
‘ดูสิ กษัตริย์ผู้อ่อนโยนมาหาเจ้า
ท่านนั่งมาบนหลังลา
บนลูกลาตัวหนึ่ง’ ”#21:5 ศคย.9:9
6สาวกทั้งสองก็ไปและทำตามที่พระเยซูสั่ง 7พวกเขาจูงแม่ลากับลูกลามา เอาเสื้อคลุมของตนปูบนหลังลาเหล่านั้นให้พระเยซูนั่ง 8ฝูงชนจำนวนมากเอาเสื้อคลุมของตนมาปูลงตามทาง บางคนตัดกิ่งไม้มาวาง 9ทั้งฝูงชนที่นำหน้าและตามหลังโห่ร้องว่า
“โฮซันนา#21:9 สำนวนภาษาฮีบรูหมายถึง “ช่วยให้รอด” ซึ่งกลายเป็นคำสรรเสริญเช่นเดียวกับข้อ 15แด่บุตรดาวิด
ขอพระพรเป็นของพระองค์ผู้มาในนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า#21:9 สดด.118:25,26
โฮซันนาในสวรรค์ที่สูงสุด!”
10เมื่อพระเยซูเข้าสู่เยรูซาเล็ม ทั่วทั้งกรุงแตกตื่นถามกันว่า “คนนี้คือใคร”
11ฝูงชนตอบว่า “นี่คือพระเยซู ผู้เผยพระวจนะจากนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี”
พระเยซูที่วิหาร
(มก.11:15-18; ลก.19:45-47)
12พระเยซูเข้าไปในบริเวณวิหาร ขับไล่พวกคนที่ซื้อขายของกันที่นั่น พระองค์คว่ำโต๊ะของคนรับแลกเงินและม้านั่งของคนขายนกพิราบ 13พระองค์พูดกับคนเหล่านั้นว่า “มีคำเขียนไว้ว่า ‘บ้านของเราจะได้ชื่อว่า บ้านแห่งการอธิษฐาน’#21:13 อสย.56:7 แต่พวกเจ้าทำให้กลายเป็น ‘ซ่องโจร’#21:13 ยรม.7:11”
14คนตาบอดและคนง่อยมาหาพระเยซูที่วิหาร พระองค์รักษาพวกเขา 15แต่เมื่อพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกครูสอนกฎบัญญัติเห็นสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ที่พระองค์กระทำ และที่พวกเด็กๆ โห่ร้องตรงลานวิหารว่า “โฮซันนาแด่บุตรดาวิด” ก็ไม่พอใจ
16พวกเขาถามพระองค์ว่า “ท่านไม่ได้ยินสิ่งที่เด็กๆ เหล่านี้กำลังพูดกันหรือ”
พระเยซูตอบว่า “เราได้ยิน ท่านไม่เคยอ่านพบหรือที่ว่า
‘พระองค์ให้คำสรรเสริญ
ออกมาจากริมฝีปากของเด็กและทารก’ # 21:16
สดด.8:2
(ดูฉบับ LXX) ”
17พระองค์ก็ผละจากพวกเขา และออกจากกรุงไปยังหมู่บ้านเบธานีซึ่งพระองค์ค้างคืนที่นั่น
พระเยซูสาปแช่งต้นมะเดื่อ
(มก.11:12-14,20-24)
18ตอนเช้าตรู่ ขณะกำลังกลับมาที่กรุงเยรูซาเล็มอีกครั้ง พระเยซูรู้สึกหิว 19พระองค์เห็นต้นมะเดื่ออยู่ริมทางก็เดินเข้าไปใกล้ เมื่อพบว่ามีแต่ใบไม่มีผลจึงพูดว่า “เจ้าจะไม่ออกผลอีกเลย!” ทันใดนั้นต้นมะเดื่อก็เหี่ยวแห้งไป
20เมื่อพวกสาวกเห็นก็ประหลาดใจพูดว่า “ต้นมะเดื่อเหี่ยวแห้งรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร”
21พระเยซูตอบว่า “เราบอกความจริงว่า ถ้าเจ้ามีความเชื่อและไม่สงสัย ไม่เพียงแค่ทำสิ่งที่เกิดขึ้นกับมะเดื่อต้นนี้ได้ แต่สามารถสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงทิ้งตัวลงทะเลไป’ ก็จะเป็นเช่นนั้น 22ถ้าเจ้าเชื่อ ไม่ว่าอธิษฐานขอสิ่งใดก็จะได้รับ”
คำถามเรื่องสิทธิอำนาจของพระเยซู
(มก.11:27-33; ลก.20:1-8)
23พระเยซูเข้าไปในบริเวณวิหาร ขณะสั่งสอนอยู่ พวกหัวหน้าปุโรหิตและผู้อาวุโสในหมู่ประชาชนมาถามพระองค์ว่า “ท่านทำสิ่งเหล่านี้ด้วยสิทธิอำนาจใด แล้วใครให้สิทธิอำนาจนี้กับท่าน”
24พระเยซูตอบว่า “เราจะถามท่านสักข้อเช่นกัน ถ้าท่านตอบ เราก็จะบอกว่าทำสิ่งเหล่านี้ด้วยสิทธิอำนาจใด 25บัพติศมาของยอห์นมาจากไหน สวรรค์หรือมนุษย์”
พวกเขาหารือกันว่า “ถ้าตอบว่า ‘มาจากสวรรค์’ เขาก็จะถามว่า ‘แล้วทำไมท่านไม่เชื่อยอห์น’ 26แต่ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากมนุษย์’ เราก็กลัวผู้คนเพราะทุกคนถือว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะ”
27ดังนั้นพวกเขาจึงตอบว่า “เราไม่รู้”
แล้วพระองค์พูดว่า “เราก็จะไม่บอกเช่นกันว่าเราทำสิ่งเหล่านี้ด้วยสิทธิอำนาจใด
อุปมาเรื่องลูกชายสองคน
28 ท่านคิดอย่างไร ชายคนหนึ่งมีลูกชายสองคน เขาไปหาลูกคนโตและพูดว่า ‘วันนี้ลูกไปทำงานในไร่องุ่นเถิด’
29 ลูกคนนั้นตอบว่า ‘ลูกไม่ไป’ แต่ตอนหลังเปลี่ยนใจและไปทำงาน
30 แล้วพ่อก็ไปหาลูกอีกคนบอกอย่างเดียวกัน ลูกคนนั้นตอบว่า ‘ลูกจะไป’ แต่กลับไม่ไป
31 ถามว่าลูกคนไหนที่ทำตามใจพ่อ”
พวกเขาตอบว่า “คนโต”
พระเยซูพูดว่า “เราบอกความจริงว่าคนเก็บภาษีและโสเภณีกำลังเข้าอาณาจักรของพระเจ้าก่อนพวกท่าน 32เพราะยอห์นมาเพื่อชี้ทางชอบธรรมและท่านไม่เชื่อ แต่คนเก็บภาษีและโสเภณีเชื่อ และแม้ได้เห็นสิ่งนี้แล้วท่านก็ยังไม่ยอมกลับใจและเชื่อเขา
อุปมาเรื่องผู้เช่า
(มก.12:1-12; ลก.20:9-19)
33 จงฟังอุปมาอีกเรื่องคือ มีเจ้าของไร่คนหนึ่งที่ทำไร่องุ่น เขาล้อมรั้วรอบไร่ สกัดบ่อย่ำองุ่น และสร้างหอไว้เฝ้า จากนั้นให้คนทำไร่มาเช่า แล้วย้ายไปต่างแดน 34เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เขาส่งคนรับใช้ไปหาผู้เช่าเพื่อรับผลผลิตของเขา
35 แต่พวกผู้เช่าจับคนรับใช้ของเขา โดยทุบตีคนหนึ่ง ฆ่าอีกคนหนึ่ง และเอาหินขว้างคนที่สามจนตาย 36จากนั้นเจ้าของไร่องุ่นจึงส่งคนรับใช้ไปมากกว่าครั้งแรก แต่ก็ถูกพวกผู้เช่าทำร้ายเหมือนเดิม 37เจ้าของไร่จึงส่งลูกชายไปเป็นคนสุดท้าย และพูดว่า ‘พวกนั้นน่าจะเคารพยำเกรงลูกของเรา’
38 แต่เมื่อพวกผู้เช่าเห็นว่าเป็นลูกชาย พวกเขาพูดกันว่า ‘นี่ไงทายาท เราฆ่าเขากันเถอะ แล้วก็ยึดมรดก’ 39พวกนั้นจึงจับเขาโยนออกนอกไร่องุ่นแล้วฆ่าทิ้ง
40 ด้วยเหตุนี้ เมื่อเจ้าของไร่องุ่นมา เขาจะทำอะไรกับพวกผู้เช่า”
41พวกเขาตอบว่า “เขาจะฆ่าพวกคนโหดร้ายนั้นให้ตายอย่างโหดเหี้ยม และให้คนอื่นที่ยอมมอบส่วนแบ่งผลผลิตในฤดูเก็บเกี่ยวมาเช่าไร่องุ่นนี้”
42พระเยซูพูดว่า “พวกท่านไม่เคยอ่านพระคัมภีร์หรือที่ว่า
‘ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทิ้งแล้ว
กลับกลายเป็นศิลามุมเอก
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำการนี้
ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในสายตาของเรา’ # 21:42
สดด.118:22,23
43 ดังนั้น เราบอกว่า อาณาจักรของพระเจ้าจะถูกยึดไปจากพวกท่าน และยกให้แก่ชนชาติที่จะทำให้มันเกิดผล 44คนใดล้มทับศิลานี้ คนนั้นจะแตกเป็นชิ้นๆ และศิลานี้ล้มทับใคร คนนั้นจะแหลกละเอียด”#21:44 ฉบับสำเนาบางฉบับไม่มีข้อ 44
45เมื่อพวกหัวหน้าปุโรหิตกับฟาริสีได้ยินอุปมาเหล่านี้ก็รู้ว่าพระเยซูกำลังพูดถึงพวกตน 46จึงหาทางจับกุมพระองค์แต่ก็กลัวฝูงชน เพราะผู้คนนับถือว่าพระองค์เป็นผู้เผยพระวจนะ