อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า <<เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต>> พวกฟาริสีจึงกล่าวกับพระองค์ว่า <<ท่านเป็นพยานให้แก่ตัวเอง คำพยานของท่านไม่เป็นความจริง>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<แม้เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเอง คำพยานของเราก็เป็นความจริง เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน แต่พวกท่านไม่รู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน ท่านทั้งหลายย่อมพิพากษาตามทางโลก เรามิได้พิพากษาผู้ใด แต่ถึงแม้ว่าเราจะพิพากษา การพิพากษาของเราก็ถูกต้อง เพราะเรามิได้พิพากษาโดยลำพัง แต่เราพิพากษาร่วมกับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา ในธรรมบัญญัติของท่านก็มีคำเขียนไว้ว่า คำพยานของสองคนก็เป็นที่เชื่อถือได้ เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเอง และพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาก็เป็นพยานให้แก่เราด้วย>> เหตุฉะนั้นเขาจึงทูลพระองค์ว่า <<พระบิดาของท่านอยู่ที่ไหน>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<ตัวเราก็ดี พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย>> พระเยซูตรัสคำเหล่านี้ที่คลังเงิน เมื่อกำลังสั่งสอนอยู่ในบริเวณพระวิหาร แต่ไม่มีผู้ใดจับกุมพระองค์ เพราะว่ายังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์ พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า <<เราจะจากไป และท่านทั้งหลายจะแสวงหาเรา และจะตายเพราะบาปของท่าน ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้>> พวกยิวจึงพูดกันว่า <<เขาจะฆ่าตัวตายหรือ เพราะเขาพูดว่า <ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้> >> พระองค์ตรัสกับเขาว่า <<ท่านทั้งหลายเป็นของเบื้องล่าง เราเป็นของเบื้องบน ท่านเป็นของโลกนี้ เราไม่ได้เป็นของโลกนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ท่านจะตายเพราะบาปของท่าน เพราะว่าถ้าท่านมิได้เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านจะต้องตายในการบาปของตัว>> เขาถามพระองค์ว่า <<ท่านคือใครเล่า>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<เราเป็นดังที่เราได้บอกท่านทั้งหลายแต่แรกนั้น เราก็ยังมีเรื่องอีกมากที่จะพูดและพิพากษาท่าน แต่พระองค์ผู้ทรงใช้เรามานั้นทรงเป็นสัตย์จริง และสิ่งที่เราได้ยินจากพระองค์ เรากล่าวแก่โลก>> เขาทั้งหลายไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสกับเขาถึงเรื่องพระบิดา พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยกบุตรมนุษย์ขึ้นไว้แล้ว เมื่อนั้นท่านก็จะรู้ว่า เราคือผู้นั้น และรู้ว่าเรามิได้ทำสิ่งใดตามใจชอบ แต่พระบิดาได้ทรงสอนเราอย่างไร เราจึงกล่าวอย่างนั้น และพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาก็ทรงสถิตอยู่กับเรา พระองค์มิได้ทรงทิ้งเราไว้ตามลำพัง เพราะว่าเราทำตามชอบพระทัยพระองค์เสมอ>> เมื่อพระเยซูตรัสดังนี้ ก็มีคนเป็นอันมากวางใจในพระองค์ พระเยซูจึงตรัสกับพวกยิวที่ศรัทธาในพระองค์แล้วว่า <<ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท>> เขาทั้งหลายทูลตอบพระองค์ว่า <<เราสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม และไม่เคยเป็นทาสใครเลย เหตุไฉนท่านจึงกล่าวว่า <ท่านทั้งหลายจะเป็นไท> >> พระเยซูตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ทุกคนที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป ทาสมิได้อยู่ในครัวเรือนตลอดไป บุตรต่างหากอยู่ตลอดไป เหตุฉะนั้นถ้าพระบุตรทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท ท่านก็เป็นไทจริงๆ เรารู้ว่าท่านทั้งหลายเป็นเชื้อสายของอับราฮัม แต่ท่านก็หาโอกาสที่จะฆ่าเราเสีย เพราะว่าท่านไม่เชื่อคำของเรา เราพูดถึงสิ่งที่เราได้เห็น เมื่ออยู่กับพระบิดาของเรา และท่านทำสิ่งที่ท่านได้ยินมาจากพ่อของท่าน>> เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า <<อับราฮัมเป็นบิดาของเรา>> พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า <<ถ้าท่านทั้งหลายเป็นบุตรของอับราฮัมแล้ว ท่านก็จะทำสิ่งที่อับราฮัมได้กระทำ แต่บัดนี้ท่านทั้งหลายหาโอกาสที่จะฆ่าเรา ซึ่งเป็นผู้ที่ได้บอกท่านถึงสัจจะที่เราได้ยินมาจากพระเจ้า อับราฮัมมิได้กระทำอย่างนี้ ท่านทั้งหลายย่อมกระทำสิ่งที่บิดาของท่านทำ>> เขาทูลพระองค์ว่า <<เรามิได้เกิดจากการล่วงประเวณี เรามีพระบิดาองค์เดียวคือพระเจ้า>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<ถ้าพระเจ้าเป็นพระบิดาของท่านแล้วท่านก็จะรักเรา เพราะเรามาจากพระเจ้า และอยู่นี่แล้ว เรามิได้มาตามใจชอบของเราเอง แต่พระองค์ทรงใช้เรามา เหตุไฉนท่านจึงไม่เข้าใจถ้อยคำที่เราพูด นั่นเป็นเพราะท่านทนฟังคำของเราไม่ได้ ท่านทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน มันเป็นผู้ฆ่าคนตั้งแต่ปฐมกาล และมิได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสาและเป็นพ่อของการมุสา แต่ท่านทั้งหลายมิได้เชื่อเรา เพราะเราพูดความจริง มีผู้ใดในพวกท่านหรือ ที่ชี้ให้เห็นว่าเราได้ทำผิด ถ้าเราพูดความจริง ทำไมท่านจึงไม่เชื่อเรา ผู้ที่มาจากพระเจ้าก็ย่อมฟังพระวจนะของพระเจ้า ท่านทั้งหลายมิได้มาจากพระเจ้า เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ฟัง>>
อ่าน ยอห์น 8
แบ่งปัน
เปรียบเทียบฉบับแปลทั้งหมด: ยอห์น 8:12-47
5 Days
People often say, “Give God your burdens.” Do you ever wonder: How do I do that? The brokenness of the world feels too heavy. And as much as you desire to shine the light of Jesus, you wonder what that looks like when you struggle to see the light yourself. This devotional looks at how we can be lights for Jesus even when our own world feels dark.
บันทึกข้อพระคำ อ่านแบบออฟไลน์ ดูคลิปการสอน และอื่น ๆ อีกมากมาย!
หน้าหลัก
พระคัมภีร์
แผนการอ่าน
วิดีโอ