มาระโก 5

5
การทรงรักษาคนผีเข้าที่เมืองเก-ราซา
(มธ.8:28-9:1; ลก.8:26-39)
1พระองค์กับพวกสาวกก็ข้ามทะเลไปอีกฟากหนึ่ง ไปยังเขตแดนของเมืองเก-ราซา#สำเนาโบราณบางฉบับว่า กาดารา ดังใน มธ.8:28 2พอพระองค์เสด็จขึ้นจากเรือ ชายคนหนึ่งที่มีผีโสโครกสิงออกจากอุโมงค์ฝังศพมาพบพระองค์ทันที 3คนนั้นอาศัยอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพ ไม่มีใครสามารถล่ามเขาไว้ได้อีกแล้วแม้จะด้วยโซ่ตรวน 4เพราะเคยล่ามโซ่ใส่ตรวนเขาหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็หักโซ่และฟาดตรวนหลุดออก ไม่มีใครมีแรงพอจะทำให้เขาสงบได้ 5เขาคลั่งร้องอื้ออึงและเอาหินเชือดเนื้อตัวเองอยู่เสมอตามอุโมงค์ฝังศพและบนภูเขาทั้งกลางคืนและกลางวัน 6เมื่อเขาเห็นพระเยซูแต่ไกลก็วิ่งเข้ามากราบไหว้พระองค์ 7แล้วร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซูพระบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระองค์ต้องการอะไรจากข้า? ขอพระองค์สาบานในพระนามของพระเจ้าว่าจะไม่ทรมานข้า” 8ที่พูดเช่นนี้เพราะพระองค์ตรัสกับมันว่า “ไอ้ผีโสโครก จงออกมาจากคนนั้น” 9แล้วพระองค์ตรัสถามมันว่า “เจ้าชื่ออะไร?” มันตอบว่า “ข้าชื่อกองพล เพราะว่าพวกเรามีหลายตนด้วยกัน” 10มันจึงอ้อนวอนพระองค์อย่างมาก ที่จะไม่ให้ขับไล่พวกมันออกจากเขตแดนเมืองนั้น 11ขณะนั้นมีสุกรฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่ที่ไหล่เขาใกล้ๆ นั้น 12ผีเหล่านั้นก็อ้อนวอนพระองค์ว่า “ขอส่งพวกเราเข้าไปในฝูงสุกร เพื่อให้พวกเราสิงในตัวพวกมัน” 13พระองค์ก็ทรงอนุญาต ผีโสโครกเหล่านั้นจึงออกไปสิงอยู่ในสุกร แล้วสุกรทั้งฝูงประมาณสองพันตัวก็วิ่งกระโดดจากหน้าผาชันลงไปในทะเลและสำลักน้ำตาย
14ส่วนพวกคนที่เลี้ยงสุกรนั้นต่างหนีไปและเล่าเรื่องนี้ทั้งในเมืองและนอกเมือง#แปลได้อีกว่า ตามไร่นา หรือ ตามชนบท คนทั้งหลายก็ออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น 15พวกเขามาหาพระเยซูและเห็นคนที่เคยถูกผีทั้งกองเข้าสิง นุ่งห่มผ้ามีสติสัมปชัญญะนั่งอยู่ที่นั่น พวกเขาจึงเกรงกลัว 16แล้วคนที่เห็นเหตุการณ์ก็เล่าให้พวกเขาฟังถึงเรื่องที่เกิดกับคนที่ถูกผีสิงและที่เกิดกับฝูงสุกร 17คนทั้งหลายจึงพากันอ้อนวอนขอให้พระองค์เสด็จไปเสียจากเขตเมืองของพวกเขา 18ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จลงเรือ คนที่เคยถูกผีสิงอ้อนวอนขอติดตามพระองค์ไปด้วย 19แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงไปหาพวกพ้องของท่านที่บ้าน แล้วบอกพวกเขาถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำแก่ท่านว่ามากเพียงไร และเล่าถึงพระเมตตาที่พระองค์ทรงสำแดงแก่ท่าน” 20คนนั้นจึงทูลลา แล้วเริ่มประกาศในแคว้นทศบุรี ถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงทำเพื่อเขา และคนทั้งหลายก็ประหลาดใจ
บุตรสาวของไยรัสและหญิงที่ถูกต้องชายฉลองพระองค์ของพระเยซู
(มธ.9:18-26; ลก.8:40-56)
21เมื่อพระเยซูเสด็จลงเรือข้ามฟากกลับไปแล้ว มหาชนมาเฝ้าพระองค์ ขณะที่พระองค์ยังประทับที่ริมฝั่งทะเล 22และมีนายธรรมศาลาคนหนึ่งชื่อไยรัสมาที่นั่น เมื่อเขาเห็นพระเยซูก็กราบลงที่พระบาทของพระองค์ 23แล้วทูลอ้อนวอนพระองค์ว่า “ลูกสาวเล็กๆ ของข้าพระองค์ป่วยหนัก ขอพระองค์เสด็จไปวางพระหัตถ์บนเธอ เพื่อเธอจะหายโรคและมีชีวิตอยู่” 24พระองค์จึงเสด็จไปกับเขา
มหาชนตามไปและเบียดเสียดพระองค์ 25มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นโรคโลหิตตกมาสิบสองปีแล้ว 26เธอทนทุกข์ลำบากมากกับหมอหลายคน และสูญสิ้นทรัพย์ที่เธอมี แต่โรคนั้นก็ไม่ได้บรรเทา กลับยิ่งกำเริบหนักขึ้น 27เมื่อหญิงผู้นั้นได้ยินถึงเรื่องพระเยซู เธอก็เดินเข้าไปในฝูงชนที่มาทางข้างหลังพระองค์ และแตะต้องฉลองพระองค์ 28เพราะคิดว่า “ถ้าฉันได้แตะต้องเพียงฉลองพระองค์#คำราชาศัพท์หมายถึง เสื้อฉันก็จะหายโรค” 29ทันใดนั้นโลหิตที่ตกก็หยุดแห้งไป และหญิงผู้นั้นรู้สึกตัวว่าโรคหายแล้ว 30พระเยซูเองก็ทรงรู้สึกทันทีว่าฤทธิ์ซ่านออกจากพระองค์ จึงเหลียวหลังมาหาฝูงชนตรัสว่า “ใครแตะต้องเสื้อของเรา?” 31พวกสาวกทูลว่า “พระองค์ทอดพระเนตรเห็นอยู่แล้วว่าฝูงชนกำลังเบียดเสียดพระองค์ แล้วพระองค์ยังจะทรงถามอีกหรือว่า ‘ใครแตะต้องเรา’?” 32พระเยซูทอดพระเนตรดูรอบๆ เพื่อจะดูว่าใครเป็นคนที่ทำ 33หญิงผู้นั้นก็กลัวจนตัวสั่น เพราะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จึงมากราบลงทูลพระองค์ตามความเป็นจริงทั้งสิ้น 34พระองค์จึงตรัสกับหญิงผู้นั้นว่า “ลูกหญิงเอ๋ย ที่หายโรคนั้นก็เพราะลูกเชื่อ จงไปเป็นสุขและหายโรคนี้เถิด”
35ขณะที่พระองค์ยังตรัสไม่ทันขาดคำ ก็มีบางคนมาจากบ้านนายธรรมศาลาบอกว่า “ลูกสาวของท่านตายแล้ว ยังจะรบกวนอาจารย์อีกทำไม?” 36แต่พระเยซูไม่สนพระทัยสิ่งที่พวกเขากล่าวนั้น#แปลได้อีกว่า เมื่อพระเยซูได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดนั้น พระองค์ตรัสกับนายธรรมศาลาว่า “อย่าวิตกเลย จงเชื่อเท่านั้น” 37พระองค์ไม่ประทานอนุญาตให้ใครไปด้วย เว้นแต่เปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายของยากอบ 38เมื่อพระองค์เสด็จไปถึงบ้านของนายธรรมศาลาแล้ว ก็เห็นคนกำลังวุ่นวายร้องไห้คร่ำครวญอย่างมาก 39เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปแล้ว จึงตรัสถามพวกเขาว่า “พวกท่านร้องไห้วุ่นวายไปทำไม? เด็กคนนั้นยังไม่ตาย เพียงแต่นอนหลับอยู่เท่านั้น” 40พวกเขาก็พากันหัวเราะเยาะพระองค์ หลังจากพระองค์ไล่คนเหล่านั้นออกไปแล้ว จึงพาบิดามารดาและพวกสาวกที่ตามพระองค์มานั้นเข้าไปในที่ที่เด็กอยู่ 41พระองค์ทรงจับมือของเด็กหญิงผู้นั้นตรัสว่า “ทาลิธา คูม” แปลว่า “เด็กหญิงเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด” 42เด็กหญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นเดินทันที เพราะว่าเด็กคนนั้นอายุสิบสองปีแล้ว พวกเขาก็ประหลาดใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ 43พระองค์ทรงกำชับพวกเขาว่าอย่าให้คนอื่นล่วงรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด แล้วทรงบอกให้พวกเขานำอาหารมาให้เด็กคนนั้นรับประทาน

ที่ได้เลือกล่าสุด:

มาระโก 5: THSV11

เน้นข้อความ

แบ่งปัน

คัดลอก

None

ต้องการเน้นข้อความที่บันทึกไว้ตลอดทั้งอุปกรณ์ของคุณหรือไม่? ลงทะเบียน หรือลงชื่อเข้าใช้

YouVersion ใช้คุกกี้สำหรับการปรับแต่งการใช้งาน และประสบการณ์ของคุณ การที่คุณได้ใช้เว็บไซต์ของเรา ถือเป็นการที่คุณยอมรับวัตถุประสงค์ของการใช้คุกกี้ ซึ่งมีคำอธิบายอยู่ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา