ลูกา 9:1-36

ลูกา 9:1-36 THSV11

พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมาพร้อมกัน แล้วทรงให้พวกเขามีฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจเหนือผีทั้งหลาย และรักษาโรคต่างๆ ให้หายได้ แล้วพระองค์ทรงใช้เขาทั้งหลายไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้าและรักษาคนป่วยให้หาย พระองค์ทรงสั่งพวกเขาว่า “อย่าเอาอะไรไปใช้ตามทาง เช่นไม้เท้า หรือย่าม หรืออาหาร หรือเงิน หรือเสื้อสองตัว และถ้าเข้าไปในบ้านไหน ก็จงอาศัยอยู่ในบ้านนั้นจนกว่าจะจากไป ถ้ามีใครไม่ต้อนรับพวกท่าน เมื่อท่านจะไปจากเมืองนั้น จงสะบัดผงคลีดินออกจากเท้าของท่านเพื่อเป็นประจักษ์พยานต่อต้านพวกเขา” พวกสาวกจึงออกไปตามหมู่บ้าน ประกาศข่าวประเสริฐ และรักษาคนป่วยทุกแห่งหนให้หาย เฮโรดเจ้าเมืองได้ยินเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ก็รู้สึกสับสนมาก เพราะบางคนบอกว่ายอห์นเป็นขึ้นจากตายแล้ว บางคนบอกว่าเอลียาห์มาปรากฏ คนอื่นว่าผู้เผยพระวจนะโบราณกลับเป็นขึ้นมา เฮโรดจึงกล่าวว่า “ยอห์นคนนั้นเราตัดศีรษะไปแล้ว แต่คนนี้ที่เราได้ยินเรื่องราวต่างๆ เป็นใครกันแน่?” แล้วเฮโรดจึงหาโอกาสที่จะพบพระองค์ เมื่อบรรดาอัครทูตกลับมาแล้ว พวกเขาทูลพระเยซูถึงสิ่งที่ได้ทำนั้น พระองค์จึงพาเขาออกไปตามลำพังใกล้เมืองที่เรียกว่าเบธไซดา แต่เมื่อฝูงชนรู้แล้วจึงตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับพวกเขา ตรัสสั่งสอนถึงแผ่นดินของพระเจ้า และทุกคนที่ต้องการหายโรคพระองค์ก็ทรงรักษา เมื่อกำลังจะใกล้ค่ำ สาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอส่งฝูงชนไปตามหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่แถวนี้เพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะที่ที่เราอยู่นี้เป็นที่เปลี่ยว” แต่พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรมาก มีแค่ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว นอกเสียจากจะไปหาซื้ออาหารให้ประชาชนทั้งหมดนี้” เพราะมีผู้ชายอยู่ที่นั่นประมาณห้าพันคน พระองค์จึงสั่งพวกสาวกของพระองค์ว่า “จงให้พวกเขานั่งลงเป็นหมู่ๆ หมู่ละประมาณห้าสิบคน” สาวกก็ทำตาม คือให้ทุกคนนั่งลง เมื่อพระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นแล้ว ก็แหงนพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ ขอพระพร แล้วทรงหักส่งให้พวกสาวกเอาไปแจกจ่ายฝูงชน พวกเขาก็ได้กินอิ่มกันทุกคน แล้วพวกสาวกยังเก็บเศษอาหารที่เหลือนั้นได้ถึงสิบสองตะกร้า ขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ตามลำพังโดยมีสาวกทั้งหลายอยู่ใกล้ๆ พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นใคร?” พวกเขาทูลตอบว่า “เป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ว่าเป็นหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณที่กลับเป็นขึ้นมา” พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “แล้วพวกท่านเองคิดว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์จึงกำชับสั่งพวกเขาไม่ให้บอกใครเรื่องนี้ และตรัสว่า “บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์หลายอย่าง พวกผู้ใหญ่ พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะปฏิเสธท่าน และในที่สุดท่านจะต้องถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม พระเจ้าจะทรงให้ท่านเป็นขึ้นมาใหม่” พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาทุกคนว่า “ถ้าใครต้องการจะมาติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวันและตามเรามา เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คนนั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ทำลายหรือสูญเสียตัวเองไป ถ้าใครมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะคนนั้นเมื่อท่านมาด้วยพระรัศมีของท่าน และของพระบิดา และรัศมีของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ แต่เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า มีบางคนที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่พบความตายจนกว่าจะได้เห็นแผ่นดินของพระเจ้า” หลังจากพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นได้ประมาณแปดวัน พระองค์ทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน ขณะพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์ก็ขาวจนพร่าตา และนี่แน่ะ มีสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสสและเอลียาห์ ผู้มาปรากฏด้วยรัศมี และกำลังกล่าวถึงการจากไปของพระองค์ซึ่งใกล้จะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนเปโตรกับคนที่อยู่ด้วยนั้นกำลังง่วงเหงาหาวนอน แต่เมื่อพวกเขาตาสว่างขึ้น เขาก็เห็นพระรัศมีของพระองค์และเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่กับพระองค์ เมื่อสองคนนั้นกำลังจะลาจากพระองค์ไป เปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ดีจริงๆ ที่เราได้มาอยู่ที่นี่ น่าจะทำเพิงขึ้นสามหลัง สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” เปโตรไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ก็มีเมฆมาปกคลุมพวกเขาไว้ และเมื่อเข้าไปอยู่ในเมฆนั้นพวกเขาก็กลัว แล้วมีพระสุรเสียงดังออกมาจากเมฆนั้นว่า “ผู้นี้เป็นบุตรของเรา เป็นผู้ที่เราเลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังท่านเถิด” เมื่อสิ้นพระสุรเสียงนั้นแล้ว พระเยซูก็ทรงปรากฏอยู่เพียงลำพัง พวกเขาก็ปิดเรื่องนี้เงียบ และในช่วงเวลาต่อมาเขาไม่ได้เล่าให้ใครฟังถึงสิ่งที่เขาเห็นนั้น

YouVersion ใช้คุกกี้สำหรับการปรับแต่งการใช้งาน และประสบการณ์ของคุณ การที่คุณได้ใช้เว็บไซต์ของเรา ถือเป็นการที่คุณยอมรับวัตถุประสงค์ของการใช้คุกกี้ ซึ่งมีคำอธิบายอยู่ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา