พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025Sample

ข้อดีของการถูกตักเตือน
ผมไม่เคยชอบเมื่อถูกคนอื่นตักเตือน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมพบว่า การตักเตือนอย่างสัตย์ซื่อจากเพื่อน เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง พระธรรมตอนนี้บอกเราว่าการตักเตือนที่ถูกต้องเป็นวิธีสำคัญที่พระเจ้าทรงห่วงใยเรา และที่เราเองจะห่วงใยซึ่งกันและกันสดุดี 141:1-10
ตักเตือนด้วยความเมตตา
มีอยู่หลายครั้งในชีวิตผมที่ถูกตักเตือนด้วยความเมตตา เป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายเลยสักครั้ง แต่เมื่อใคร่ครวญแล้ว ผมซาบซึ้งต่อพวกเขา กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า คำตักเตือนจากผู้ชอบธรรมด้วยความเมตตา เป็นเหมือน ‘น้ำมันดี' (ข้อ 5) เพราะว่าความปรารถนาของเขาไม่เพียงแค่บนศีรษะ แต่ทุกส่วนบนร่างกาย และชีวิตควรถวายเกียรติแด่พระเจ้า
-
ชูมือของคุณขึ้น
‘ขอให้การที่ข้าพระองค์ชูมือขึ้นอธิษฐานเป็นเหมือนของถวายเวลาเย็น’ (ข้อ 2) การยกมือของคุณขึ้นต่อพระเจ้าเป็นสัญลักษณ์แห่งการที่คุณเปิดทั้งร่างกายของคุณต่อพระเจ้า -
ระแวดระวังริมฝีปากของคุณ
‘ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตั้งยามเฝ้าปากของข้าพระองค์ ขอทรงเฝ้าระวังประตูริมฝีปากของข้าพระองค์’ (ข้อ 3) ผมมักจะอธิษฐานเช่นนี้ก่อนที่จะขึ้นบรรยายหรือเข้าร่วมประชุมใด ๆที่พระเจ้าจะทรงปกป้องผมจากการพูดที่ไม่เกิดประโยชน์ แต่ให้ถ้อยคำของผมหนุนใจและพระพรต่อผู้ฟัง -
ระมัดระวังใจของคุณ
“ขออย่าให้ใจข้าพระองค์เอนเอียงไปหาสิ่งชั่วใด ๆ” (ข้อ 4ก) ความคิดของคุณจะเปลี่ยนเป็นการกระทำ การกระทำซ้ำ ๆ จะกลายเป็นนิสัย นิสัยของคุณจะกลายเป็นคุณลักษณะชีวิตของคุณ และคณลักษณะชีวิตของคุณจะกลายเป็นชีวิตของคุณ ทั้งหมดล้วนเริ่มต้นมาจากใจ -
จับตามอง
‘ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้รู้ทุกสิ่ง ดวงตาข้าพระองค์เพ่งไปยังพระองค์’ (ข้อ 8ก) เราได้รับการเตือนให้ ‘จับตามองที่พระเยซู’ (ฮีบรู 12:2)
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ยกมือและเสียงขึ้นในการนมัสการ และจับจ้องที่พระองค์ ขอพระเจ้าปกป้องปากและริมฝีปาก และขอนำใจของข้าพระองค์ให้ออกห่างจากทางความชั่วร้าย
วิวรณ์ 3:7-22
ตักเตือนด้วยความรัก
พระเยซูทรงรักคุณ เมื่อพระองค์อนุญาตให้คุณเผชิญกับไฟแห่งการตักเตือน การทดสอบ หรือการลงวินัย พระองค์ทำเช่นนั้นด้วยความรัก พระองค์ตรัสกับคริสตจักรในเมืองฟิลาเดเฟียว่า ‘ท่านคือผู้ที่เรารัก...เราจะเฝ้ารักษาท่านให้พ้นจากช่วงเวลาแห่งการทดลอง’ (ข้อ 9–10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ตรัสกับคริสตจักรในเมืองเลาดีเซียว่า ‘เรารักใครเราก็ตักเตือนและตีสอนเขา’ (ข้อ 19) คุณควรตอบสนองอย่างไร?
- พยายามคว้าทุกโอกาส
พระเยซูทรงบริสุทธิ์และสัตย์จริงและพระองค์ทรง ‘มีลูกกุญแจ… ผู้ทรงเปิดแล้วจะไม่มีใครปิดได้ ผู้ทรงปิดแล้วจะไม่มีใครเปิดได้’ (ข้อ 7) ถ้าคุณไม่แน่ใจ ตัวอย่างเช่น ในเรื่องงานหรือความสัมพันธ์ ให้เราอธิษฐานทูลขอพระเจ้าให้ปิดทาง หากว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องหรือเปิดทางให้หากว่าเป็นสิ่งที่ใช่
มีอย่างน้อย 2 โอกาสในชีวิตผมที่พระเจ้าทรงปิดประตูในสิ่งที่ผมปรารถนาอย่างมาก และผมเชื่อว่านั่นเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ผมพยายามที่จะอธิษฐาน เพื่อให้ประตูเปิดออก แต่มันยังคงปิดอยู่ ผมผิดหวังมาก แต่หลายปีต่อมา ผมซาบซึ้งใจอย่างยิ่งและเข้าใจในตอนนี้แล้วว่า ทำไมพระองค์จึงทรงปิดประตูนั้น (อย่างไรก็ตาม ในมุมของฟ้าสวรรค์ ผมไม่แน่ใจว่าจะได้รู้หรือไม่ว่าทำไมพระเจ้าจึงปิดประตูบานอื่น ๆ อีกในชีวิตของผม)
พระวิญญาณฯ กล่าวต่อไปว่า ‘นี่แน่ะ เราจัดวางประตูที่เปิดไว้ตรงหน้าพวกเจ้า ประตูนี้ไม่มีใครสามารถปิดได้’ (ข้อ 8) บางครั้งพระเจ้าวางประตูแห่งโอกาสไว้ต่อหน้าคุณ ถ้าพระองค์ทรงเป็นผู้เปิด จะไม่มีมนุษย์ใดสามารถปิดมันลงได้ คุณอาจตกอยู่ใต้การโจมตีอย่างหนัก แต่หากพระเยซูทรงเป็นผู้เปิดประตูให้ คุณมั่นใจได้ว่าพระองค์ทรงควบคุมอยู่
สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าให้รออยู่เฉย ๆ จนกว่าประตูจะเปิด เราต้องใช้ความเชื่อเป็นก้าวแรก คล้าย ๆ กับการที่เราเคลื่อนไปสู่ประตูอัตโนมัติ คุณต้องก้าวออกไปก่อนที่จะเห็นว่าประตูนั้นจะเปิดหรือไม่
คริสตจักรในเมืองฟิลาเดเฟียนี้มีกำลังเพียงน้อยนิด แต่ยังคงยึดมั่นในถ้อยคำของพระเยซู และไม่ปฏิเสธพระนามของพระองค์ (ข้อ 8) พวกเขามีความอดทนอย่างยิ่งและพระเยซูทรงสัญญาว่าจะปกป้องพวกเขาจากชั่วโมงแห่งการทดลอง (ข้อ 10)
พูดกันตามภาษามนุษย์แล้ว คริสตจักรนี้ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ แต่พระเยซูไม่ได้ทรงตำหนิพวกเขาใดๆ มุมมองของพระองค์มักแตกต่างจากเราอย่างมาก และความสัตย์ซื่อต่อพระองค์สำคัญยิ่งกว่าขนาดหรือความเข้มแข็งภายนอก
ข้อความของพระองค์นั้นเรียบง่าย ยึดมั่นในสิ่งที่เจ้ามี พระองค์สัญญาต่อผู้ที่มีชัยชนะว่า จะทรงตั้งให้เขาเป็นเสาหลักอยู่ในพระวิหารของพระเจ้า พระนามของพระองค์จะถูกจารึกลงบนพวกเขา (ข้อ 12) อนาคตของคุณมั่นคงอย่างที่สุด
- เปิดใจของคุณต่อพระเยซู
คำพูดที่รุนแรงที่สุดของพระเยซูนั้นถูกสงวนไว้ให้คริสตจักรในเมืองเลาดีเซีย (ข้อ 15–17) คริสตจักรในเมืองเลาดีเซียนั้นเหมือนกับคริสตจักรทางฝั่งตะวันตก ในระดับหนึ่งนั้น ‘ประสบความสำเร็จ’ เมืองเลาดีเซียโด่งดังเรื่องความร่ำรวยและอุตสาหกรรม แต่ในฝ่ายจิตวิญญาณ พวกเขากลับหยิ่งยโส ‘อุ่นๆ ไม่ร้อนและไม่เย็น’ ‘น่าสมเพช’ ‘น่าสังเวช’ ทั้งยัง ‘ยากจน ตาบอด และเปลือยกาย’(ข้อ 17) ผมพบว่าถ้อยคำเหล่านี้มีความท้าทายที่ลึกมาก
แต่ยังมีความหวังที่นี่ พวกเรายังคงได้รับความรักจากองค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 19) พระองค์ทรงเตือนเราให้แสวงหาทรัพย์สมบัติที่แท้จริง รับการชำระให้บริสุทธิ์ผ่านไฟ เพื่อที่เราจะได้มั่งมีในฝ่ายจิตวิญญาณ (ข้อ 18ก) ทางเดียวที่จะปกปิดการเปลือยกายอย่างน่าสมเพชคือ การสวมเสื้อแห่งความชอบธรรม (ข้อ 18ข) เราต้องใช้ขี้ผึ้งของพระเจ้าทาบนดวงตาของเราเพื่อกำจัดความมืดบอดทางจิตวิญญาณ (ข้อ 18ค)
เมื่อเราผ่านไฟแห่งการชำระของพระเจ้านั้น นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของการตีสอน (ข้อ 19) มันมีวัตถุประสงค์ พระองค์ต้องการให้เรา ‘กระตือรือร้นและกลับใจใหม่’ (ข้อ 19)
ในบริบทนี้เองที่ข้อพระคัมภีร์อันอัศจรรย์และโด่งดังนี้ได้ถูกพบเจอ ‘นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู เราจะเข้าไปหาเขาและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา’ (ข้อ 20) การกินด้วยกันเป็นสัญญาณของมิตรภาพอันใกล้ชิดที่พระเยซูประทานให้แก่ทุกคนที่เปิดประตูชีวิตของเขาให้กับพระองค์
ด้ามจับประตูมีเพียงอันเดียวและมันอยู่ด้านในของประตู* ในอีกแง่หนึ่ง คุณต้องเปิดประตูเพื่อให้พระเยซูเข้ามาในหัวใจของคุณ พระเยซูไม่ได้บีบบังคับคุณ พระองค์ประทานเสรีภาพในการเลือกให้แก่คุณ ขึ้นอยู่กับคุณเองว่าจะเปิดประตูให้กับพระองค์หรือไม่ ถ้าคุณเปิด พระองค์ทรงสัญญาว่า ‘เราจะเข้าไปหาเขาและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา’
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอกลับใจใหม่จากช่วงเวลาที่ข้าพระองค์เป็นแต่อุ่น ๆ ให้พระองค์แค่เพียงครึ่งใจ หลงระเริง และยากจนในจิตวิญญาณ ข้าพระองค์ปรารถนาความสัมพันธ์ที่ติดสนิทกับพระองค์ ขอทรงเข้ามา และเติมให้ข้าพระองค์วันนี้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
เอสเธอร์ 2:19-5:14
ตักเตือนด้วยปัญญา
พ่อของผมเป็นชาวยิว และครอบครัวชาวยิวจำนวนมากได้ล้มตายไปในค่ายกักกันช่วงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
แต่การต่อต้านชาวยิวไม่ได้เป็นปรากฏการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ในพระธรรมเอสเธอร์นั้น เกิดขึ้นราวศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล เราได้อ่านเรื่องการต่อต้านชาวยิว เอสเธอร์ต้องเก็บความเป็นมาของเธอไว้เป็นความลับ(2:20) ฮามานต้องการจะ ‘ทำลายและสังหารชาวยิวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ ทั้งผู้หญิงและเด็ก ในวันเดียว ..และให้ริบเอาข้าวของของพวกเขาด้วย’ (3:13)
การตอบสนองของโมรเดคัยนั้นคือ ฉีกเสื้อผ้า นุ่งห่มผ้ากระสอบและขี้เถ้า ร้องคร่ำครวญเสียงดังอย่างดังอย่างขมขื่น (4:1) เขาได้ร้องหาพระเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือได้อย่างสัมฤทธิ์ผล
โมรเดคัยระลึกได้ว่า เอสเธอร์บุตรสาวบุญธรรมของเขาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ เอสเธอร์ชี้ให้เห็นถึงปัญหาในสถานการณ์ของเธอ และเป็นเรื่องยากลำบากขนาดไหนสำหรับเธอที่จะยื่นมือมาช่วย (ข้อ 9-11)
การตอบสนองของโมรเดคัยเป็นผลของการตักเตือนอย่างมีปัญญาจากผู้เป็นพ่อ ‘อย่าคิดว่าเธออยู่ในพระราชวังแล้วจะรอดพ้นได้ดีกว่าพวกยิวอื่น ๆ เพราะถ้าเธอเงียบอยู่ในเวลานี้ ความช่วยเหลือและการช่วยกู้จะมาถึงพวกยิวจากที่อื่น แต่เธอและครัวเรือนบิดาของเธอจะพินาศ ที่จริงเธอมารับตำแหน่งราชินีก็เพื่อยามวิกฤตเช่นนี้ก็เป็นได้’ (ข้อ 13-14)
เอสเธอร์ระลึกได้ว่าพระเจ้าทรงวางเธอไว้ในตำแหน่งนี้เพราะทรงมีวัตถุประสงค์ คุณก็เช่นกัน ผู้คนจำนวนมากกำลังเผชิญปัญหาในชีวิตอย่างไร้ความหมายหรือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในชีวิต โดยพยายามไขว่คว้าตามสิ่งที่ตัวเองวางแผนไว้ และไม่ได้ตระหนักว่าพระประสงค์ของเจ้าดียิ่งกว่านั้นนัก คุณมีชีวิตอยู่ในวันนี้ ก็เพื่อให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จในคนรุ่นนี้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งใด จงเชื่อว่า คุณอยู่ที่นั่น ‘เพื่อยามวิกฤตเช่นนี้’
เอสเธอร์ฟังถ้อยคำแห่งสติปัญญาของโมรเดคัย เธอขอให้ประชาชนอดอาหารอธิษฐานเผื่อเธอและพูดว่า ‘ฉันจะเข้าเฝ้ากษัตริย์ แม้ว่าเป็นการฝ่าฝืน ถ้าฉันพินาศ ฉันก็พินาศ’ (ข้อ 16) เรื่องนี้มีความเสี่ยง เรามีเพียงชีวิตเดียว เราต้องเสี่ยงดู ถ้าเราพินาศ เราก็พินาศ แต่การรับเอาความเสี่ยงก็ดีกว่าการไม่ลองทำอะไรเลย ขอให้เราเป็นดั่งเอสเธอร์ ที่พึ่งพาพระเจ้าอย่างที่สุด และเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตของเรา เพื่อรักษาชีวิตของผู้อื่น
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ฟังการตักเตือนด้วยปัญญา และด้วยเมตตา เมื่อข้าพระองค์กำลังผ่านไฟแห่งการชำระ ขอทรงชำระใจข้าพระองค์ให้บริสุทธิ์ ให้ข้าพระองค์รักพระองค์เต็มล้นมากขึ้น และคว้าทุกโอกาสในชีวิตที่จะรับใช้พระเจ้าอย่างสุดหัวใจ
Pippa Adds
เอสเธอร์ 2:19 – 5: 14
เอสเธอร์ไม่ใช่แค่ผู้หญิงมีดีแต่หน้าตา เธอคือคนที่อยู่ถูกที่และเต็มใจที่จะกล้ายืนต่อต้านความอยุติธรรม เธอไม่ได้ทำมันคนเดียวและเธอไม่ได้รีบร้อน เธออธิษฐาน วางแผน และทำให้มันเกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่เหมาะสม เธอใช้ส่วนผสมของความกล้าหาญ ความเชื่อ และทักษะ
มีโอกาสอะไรบ้างไหมที่คุณจะยืนขึ้นต่อสู้กับความอยุติธรรม?
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
More
Related Plans

Greatest Journey!

God in 60 Seconds - Basic Bible Bites

Homesick for Heaven

Breath & Blueprint: Your Creative Awakening

Faith in Hard Times

Let Us Pray

Judges | Chapter Summaries + Study Questions

Stormproof

Returning Home: A Journey of Grace Through the Parable of the Prodigal Son
