YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025Sample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

DAY 188 OF 365

อันตรายจากความหยิ่งยโส

ย้อนกลับไปตอนที่ผมทำงานเป็นทนายความ ผมจำคดีง่าย ๆ คดีหนึ่งซึ่งผมคิดว่าผมต้องชนะได้แน่ ผมมั่นใจมากว่า ตัวผมเองไม่จำเป็นต้องอธิษฐาน หรือมอบเรื่องนี้ไว้กับพระเจ้า เมื่อผมยืนขึ้นเพื่อพูด ผู้พิพากษาถามผมว่าผมทราบหรือไม่ว่าคดีได้ถูกเปลี่ยนแปลงเนื่องมาจากเรื่องข้อกฎหมายในช่วงสองหรือสามวันที่ผ่านมา ซึ่งผมไม่ทราบ ผลลัพธ์ที่ได้คือความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายมาก ตามที่ข้อพระคัมภีร์ในพระธรรมสุภาษิตของวันนี้เตือนไว้ (สุภาษิต 16:18) ความจองหองมาก่อนการถูกทำลาย ในความอับอาย ผมร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ผมอ่านคดีล่าสุด จากนั้น ผมเขียนความคิดเห็นลงไปว่าผมคิดว่าการตัดสินนั้นผิด และควรจะถูกยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง ขอบคุณพระเจ้าที่มันเป็นเช่นนั้น เราสามารถกลับไปขึ้นศาลและชนะคดีได้ ส่วนนักกฎหมายแทนที่จะตัดสินผมสำหรับความผิดพลาดที่ผมได้ทำ เขากลับมีความเมตตาและประทับใจกับความคิดเห็นที่ผมเขียนไปและส่งคดีมาให้ผมอีกมากมาย นั่นเลยกลายเป็นบทเรียนสองชั้น คือ ไม่เพียงเกี่ยวกับเรื่องอันตรายของความจองหองเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระคุณอันพิเศษยิ่งของพระเจ้าและ ‘สิ่งต่าง ๆ จะสำเร็จลงได้ เมื่อคุณวางใจในพระเจ้า’ (สุภาษิต 16:20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผมพยายามที่จะไม่ลืมบทเรียนที่เรียนรู้เกี่ยวกับอันตรายของความจองหอง และการพึ่งพาตนเองทุกครั้งที่ลุกขึ้นพูด ผมก็อยากจะบอกว่าตัวเองไม่เคยทำผิดแบบเดิมอีก แต่นี่กลับเป็นบทเรียนที่ผมต้องเรียนรู้ใหม่หลายต่อหลายครั้ง ในภาษาอังกฤษคำว่า ‘ความหยิ่งจองหองหรือภาคภูมิใจ’ Pride อาจมีความหมายในแง่ที่ดี ตัวอย่างเช่น เราจะไม่พูดว่าเป็นการผิดที่คนเราจะภาคภูมิใจในลูกของตนเอง หรือภาคภูมิใจในการงานของตน อย่างไรก็ตาม เมื่อพระคัมภีร์พูดถึงความภาคภูมิใจหรือจองหอง มันหมายถึงบางสิ่งที่ต่างไปจากนั้นและมีความหมายเชิงลบอย่างมาก นั่นคือการหมายถึง มีความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณค่าหรือความสำคัญของตนเองมากเกินไป มันบ่งบอกถึงความประพฤติที่เย่อหยิ่งหรือเอาแต่ใจ เป็นวิญญาณที่เป็นอิสระที่กล่าวว่า ‘ฉันไม่ต้องการพระเจ้า’ ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจกันว่านี่เป็นรากเหง้าของบาปทั้งหมด เราควรตอบสนองต่อการล่อลวงและอันตรายของความจองหองอย่างไรบ้าง

สุภาษิต 16:18-27

ปลูกฝังความถ่อมใจ

พระเจ้าต้องการให้คุณเรียนรู้ที่จะดำเนินในความถ่อมใจและความเมตตา ไม่ใช่ความเย่อหยิ่งและความจองหอง ความจองหองมาก่อนการถูกทำลาย: ‘ความเย่อหยิ่งมาก่อนแล้วค่อยถูกพังทลาย - ยิ่งมีอัตตาสูงเท่าไหร่ การล้มลงยิ่งหนักมากขึ้น’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เราได้รับการเตือนว่า “อยู่อย่างนอบน้อมถ่อมตนในหมู่คนยากจนก็ดีกว่าอยู่ท่ามกลางคนร่ำรวยและมีชื่อเสียง” (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

การไร้อำนาจเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดมากในบางครั้ง เมื่อเราคิดว่าเราทราบถึงวิธีที่ดีที่สุดที่จะขยายแผ่นดินของพระเจ้า อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงมีอำนาจน้อยมาก ๆ เมื่อมองจากมุมมองของมนุษย์ พระองค์ทรง ‘เป็นคนถ่อมตัวอยู่กับคนยากจน’ (ข้อ 19)

‘ความถ่อมตัว’ ตรงกันข้ามกับความจองหอง โดยจะนำมาซึ่ง:

1. ความเจริญรุ่งเรือง
ความถ่อมตัวหมายถึงความเต็มใจที่จะเรียนรู้ ‘ผู้ใส่ใจพระวจนะจะเจริญรุ่งเรือง’ (ข้อ 20ก)

2. ความสุข
ความไว้วางใจในพระเจ้าอย่างถ่อมตน: ‘ผู้ใดก็ตามที่พึ่งพา ไว้วางใจ และมั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้นั้นก็มีความสุข ได้รับพระพร และเป็นคนโชคดี’ ( ข้อ 20ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

3. การรักษา
ตรงข้ามกับคำพูดที่เย่อหยิ่งของคนจองหอง (‘คนถ่อยคิดแผนชั่วปองร้ายคนอื่น คำพูดจากฝีปากของเขาเหมือนไฟลวก’, ข้อ 27) คนถ่อมตัวใช้คำพูดที่สุภาพน่าฟัง (‘วาจาอ่อนหวานเพิ่มอำนาจการสั่งสอน’, ข้อ 21ข) ‘ถ้อยคำแช่มชื่นเป็นเหมือนรวงผึ้งเป็นความหวานแก่วิญญาณจิต และเป็นพลานามัยแก่ร่างกาย’ (ข้อ 24)

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยให้ลูกพึ่งพาพระองค์อยู่เสมอ และไว้วางใจในพระองค์

กิจการอัครทูต 25:23-26:23

รับใช้และเป็นพยาน

คุณควรทำอย่างไร หากคุณมีโอกาสเป็นพยานเกี่ยวกับพระเยซู? คุณจะควรเล่าเรื่องชีวิตของคุณอย่างไร? เราจะมาดูข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ ของสิ่งที่เราควรทำ

ในการพิจารณาคดี อาจารย์เปาโลบอกกับศาลว่าพระเยซูทรงมอบหมายหน้าที่ให้รับใช้ ‘เพราะว่าเรามาปรากฏแก่เจ้าเพื่อจะตั้งเจ้าให้เป็นผู้รับใช้และเป็นสักขีพยาน’ (26:16) เมื่อพระเยซูเสด็จมา ‘ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น’ (มาระโก 10:45) เราทุกคนถูกเรียกให้เป็นผู้รับใช้และเป็นพยาน พยานจะชี้ให้ผู้อื่นเห็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่าตัวของตนเอง อาจารย์เปาโลชี้ไปที่พระเยซูอย่างถ่อมใจ จากข้อความนี้เราจะเห็นว่าเขาทำให้การทรงเรียกนี้สำเร็จได้อย่างไรบ้าง

อาจารย์เปาโลซึ่งอยู่ในเรือนจำและอยู่ในการพิจารณาคดี มาเผชิญหน้ากับความเย่อหยิ่งและ ‘ความโอ่อ่าตระการตาอย่างยิ่ง’ ขณะที่เขาถูกนำตัวมาอยู่ต่อหน้าอากริปปาและเบอร์นิส (กิจการ 25:23) นั่นคงเป็นประสบการณ์ที่น่าครั่นคร้ามอย่างมาก

เป็นอีกครั้งที่เปาโลเป็นพยานอย่างเรียบง่ายและถ่อมใจ กล่าวอย่างสุภาพและให้เกียรติกษัตริย์อากริปปา (26:2–3) ทั้งยังทำตามธรรมเนียมและประเพณีทางสังคม โดยเลือกที่จะเล่าเรื่องราวของตนเองที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ฟังได้ดี

ในส่วนแรกของคำพยาน อาจารย์เปาโลใช้คำว่า ‘ข้าพระบาท’ แทนคำว่า ‘ท่าน’ ในขณะที่คำว่า ‘ท่าน’ อาจดูอวดตัวและดูสนับสนุนคำพูดได้ดี แต่บางครั้งข้อความ ‘ฉัน’ ก็มีประสิทธิภาพมากกว่า รวมทั้งเป็นวิธีที่ไม่คุกคามและสุภาพกว่าในการชี้ประเด็นแก่ผู้ฟัง

เปาโลกล่าวว่าเขาเคยเป็นเหมือนพวกเขา ‘ข้าพระบาทเคยคิดในใจของตนเองว่า ควรจะทำหลาย ๆ อย่างเพื่อขัดขวางพระนามของพระเยซูชาวนาซาเร็ธ และนี่ก็คือสิ่งที่ข้าพระบาททำในกรุงเยรูซาเล็ม หลังจากได้รับสิทธิอำนาจจากพวกหัวหน้าปุโรหิตแล้ว ข้าพระบาทจับธรรมิกชนจำนวนมากขังคุก และเมื่อพวกเขาถูกลงโทษถึงตาย ข้าพระบาทก็เห็นดีด้วย’ (ข้อ 9–10)

ข้อความเหล่านี้มีความหมายว่า ‘ฉันก็เคยเหมือนกับคุณ ฉันเคยเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ อำนาจและความยิ่งใหญ่ ฉันเคยทำในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ ฉันเคยข่มเหงคริสเตียนเหมือนที่คุณกำลังข่มเหงฉันอยู่ในตอนนี้’

จากนั้นเขาบอกว่าพระเยซูทรงปรากฏต่อเขาอย่างไรและชี้ให้เห็นว่าในการข่มเหงคริสเตียนแท้จริงแล้วก็คือการข่มเหงพระเยซู ‘เราคือเยซูผู้ที่เจ้าข่มเหง’ (ข้อ 15)

พระเยซูตรัสว่า ‘เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากชนชาติอิสราเอลและจากคนต่างชาติที่เราจะใช้เจ้าไปนั้น ไปเปิดตาของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาหันจากความมืดมาหาความสว่าง จากอำนาจของซาตานมาหาพระเจ้า เพื่อให้พวกเขาได้รับการอภัยบาป และมีส่วนอยู่ท่ามกลางคนที่ได้รับการชำระให้เป็นธรรมิกชนโดยความเชื่อในตัวเรา’ (ข้อ 17–18) ผ่านข้อความอันทรงพลังของคำว่า ‘ข้าพระบาท’ ในคำให้การ ที่จริงแล้วอาจารย์เปาโลกำลังพูดกับพวกเขาว่า พวกเขาอยู่ในความมืด และอยู่ภายใต้อำนาจของมารซาตาน และจำเป็นต้องได้รับการอภัยบาปของพวกเขา

เขาไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นหนทางสู่การให้อภัยอีกด้วย ‘แต่ข้าพระบาทประกาศให้เขาทั้งหลายทราบ เพื่อให้เขาทั้งหลายกลับใจใหม่และหันมาหาพระเจ้า และทำสิ่งที่แสดงถึงการกลับใจใหม่’ (ข้อ 20) เขากล่าวกับผู้คนที่เย่อหยิ่ง และมีอำนาจเหล่านี้ว่า ‘เขาทั้งหลายต้องกลับใจใหม่ และหันมาหาพระเจ้า’

เขากล่าวต่อไปว่า ‘แต่เพราะพระเจ้าโปรดช่วยข้าพระบาทมาจนถึงทุกวันนี้ ข้าพระบาทจึงยืนอยู่ที่นี่และเป็นพยานทั้งต่อผู้น้อยและผู้ใหญ่’ (ข้อ 22) อาจารย์เปาโลยินดีที่จะพูดกับทุกคน ทั้งผู้มีอำนาจและผู้ที่อ่อนแอ

ข้อความของอาจารย์เปาโลมักมีศูนย์กลางอยู่ที่พระเยซู ผู้ทรงปรากฏแก่ท่านระหว่างทางไปดามัสกัส เขาเป็นพยานว่า ‘พระคริสต์ต้องทนทุกข์และ... เป็นขึ้นมาจากความตาย’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์ได้ใช้ทุกโอกาสที่จะบอกผู้คนเกี่ยวกับพระเยซูและทำตามแบบอย่างของการรับใช้ด้วยความถ่อมใจของพระองค์

2 พงศ์กษัตริย์ 14:23-15:38

ต่อต้านความหยิ่งผยอง

ถ้าหากคุณมีคนที่ทำงานให้กับคุณ หรือถ้าคุณเป็นพ่อแม่ หรือถ้าคุณอาสาอยู่ในตำแหน่งผู้นำ คุณก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจ

ความเย่อหยิ่งเป็นการทดลองใจโดยเฉพาะสำหรับใครก็ตามที่อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ ไม่ว่าอำนาจนั้นจะมาจากสถานะ ความสำเร็จ ชื่อเสียง หรือความมั่งคั่ง

ประวัติศาสตร์ของกษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะมีอำนาจและต้านทานการทดลองใจในเรื่องความหยิ่งจองหอง ในช่วงเวลานี้ กษัตริย์แห่งยูดาห์กระทำดีกว่ากษัตริย์แห่งอิสราเอล กษัตริย์องค์แล้วองค์เล่าในอิสราเอลได้กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า (14:24; 15:18,24,28) ขณะที่ในยูดาห์ อาซาริยาห์และโยธามบุตรชายของท่าน ทั้งสองต่างก็ ‘ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์’ (15:3, 34)

อาซาริยาห์ยังเป็นที่รู้จักกันในนามอุสซียาห์ (ข้อ 32) เราทราบเรื่องราวของเขามากขึ้นจากข้อความตอนอื่น ๆ ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม (เช่น อาโมส 1:1, อิสยาห์ 6:1 เป็นต้นไป และ 2 พงศาวดาร 26:16–23)

ในที่นี้เราอ่านว่าถึงแม้เขาจะ ‘ทำสิ่งชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ...เว้นแต่ปูชนียสถานสูงยังไม่ถูกกำจัดเสีย ...และพระยาห์เวห์ทรงลงโทษพระราชา พระองค์ก็ทรงเป็นโรคเรื้อนจนถึงวันสิ้นพระชนม์’ (2 พงศ์กษัตริย์ 15:3–5) ทำไมชีวิตของเขาถึงจบลงด้วยความพลั้งพลาดเช่นนี้?

พระธรรมพงศาวดารได้ให้คำตอบไว้ว่า ‘และพระนามของพระองค์ก็เลื่องลือไปไกล เพราะพระองค์ทรงได้รับความช่วยเหลืออย่างอัศจรรย์จนเข้มแข็ง แต่เมื่อทรงเข้มแข็งแล้ว พระองค์ก็มีพระทัยผยองขึ้นจนทำให้เสื่อมลง เพราะพระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์’ (2 พงศาวดาร 26:15–16)

สิ่งนี้เตือนเราว่าหากพระเจ้าอวยพรเราด้วยความสำเร็จ ก็จะมีการทดลองใจให้เกิดความหยิ่งผยองอยู่เสมอ

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณสำหรับคำเตือนในพระคัมภีร์ ตลอดจนการหนุนน้ำใจ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้เอาใจใส่คำเตือนเหล่านี้อยู่เสมอ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอพึ่งพาพระองค์ในทุกสิ่ง โปรดช่วยให้ข้าพระองค์เพ่งมองที่พระเยซูผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดแต่ถ่อมพระองค์ลงอยู่เสมอ และทรงเป็นผู้ปรนนิบัติผู้รับใช้ (ฟีลิปปี 2:6–8)

Pippa Adds

สุภาษิต 16:18

ครั้งหนึ่งฉันสามารถถอยรถเข้าไปในที่จอดรถขนาดเล็กได้ด้วยความชำนาญ และรู้สึกค่อนข้างพอใจกับฝีมือของตัวเอง ฉันบอกกับแม่ของฉันซึ่งอยู่ในรถกับฉันว่า ฉันจอดรถได้ดีที่สุดในครอบครัว และฉันบ่นว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ จอดรถไม่ชำนาญ ต่อมา มีคนขอให้ฉันช่วยขับรถไปซื้อของ ฉันจึงกระโดดขึ้นรถกับเพื่อน และเรากลับมายังที่จอดรถช่องเดิมที่ยังว่างอยู่ แต่ฉันจะเข้าไปได้ไหม? แต่ฉันกลับใช้เวลาถึงห้าครั้งในการถอยไปมา และในตอนท้ายเพื่อนของฉันก็ขอช่วยจอดแทนฉัน! ซึ่งช่วยได้มากจริง ๆ ความจองหองมาก่อนการถูกทำลาย!

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2025

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เป็นแผนประจำวันซึ่งจะนำคุณอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่มในเวลาเพียงหนึ่งปี สำหรับใครก็ตามที่มองหาวิธีอ่านพระคัมภีร์แบบง่าย ๆ และมีแบบแผน แต่ละวันจะมีการสำรวจหัวข้อที่แตกต่างกันผ่านข้อพระคัมภีร์ที่คัดสรรมาจากพระธรรมสดุดีหรือสุภาษิต ตลอดจนพันธสัญญาใหม่และพันธสัญญาเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายประจำวันจากนิคกี้ และพิพพา กัมเบล เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

More