YouVersion Logo
Search Icon

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลSample

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DAY 84 OF 365

พระนามทั้งเจ็ดของพระเยซู

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงดำรงพระอิสริยยศอันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นองค์รัชทายาท, เจ้าฟ้าชาย, เจ้าชายแห่งเวลส์ อัศวินแห่งการ์เตอร์, ดยุคแห่งคอร์นวอลล์, พันเอกในหัวหน้ากรมทหารแห่งเวลส์, ดยุคแห่งรอธซี, อัศวินแห่งทริสเติล, พลเรือตรี, ปรีชากรแห่งราชอิสริยาภรณ์อันทรงเกียรติแห่งบาธ, เอิร์ลแห่งเชสเตอร์, เอิร์ลแห่งแคร์ริก, บารอนแห่งเรนเฟรว, ลอร์ดแห่งไอล์ส, เจ้าชายและธนารักษ์ใหญ่แห่งสกอตแลนด์ ยศถาบรรดาศักดิ์ที่ผูกติดอยู่กับผู้คนล้วนต้องอาศัยยศ ตำแหน่งหรือความสำเร็จ แต่ในพระคัมภีร์พระเยซูทรงดำรงฐานะที่มากกว่าเจ้าชาย อันที่จริงแล้ว พระองค์ทรงมีพระนามมากมายเลยทีเดียว พระคัมภีร์ทั้งหมดล้วนเล็งมาที่องค์พระเยซู (ยอห์น 5:39) เราจะได้พบกับพระนามทั้งเจ็ดของพระเยซูที่ปรากฏในเนื้อหาวันนี้ ซึ่งเปิดเผยบางสิ่งที่มุ่งเน้นถึงพระองค์ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าการให้พระเยซูเป็นศูนย์กลางชีวิตนั้นมีความหมายอย่างไร

สุภาษิต 8:1-11

1. สติปัญญาของพระเจ้า

ผู้คนมากมายในปัจจุบันไร้ซึ่งแนวทางการใช้ชีวิต ชีวิตแต่งงานและความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของพวกเขาล้มเหลว ไม่เป็นท่า บ่อยครั้งที่พวกเขาทำลายชีวิตของตัวเองและผู้อื่นลง ดังนั้นเราทุกคนจำเป็นต้องมีสติปัญญาเพื่อที่ จะดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่น

แต่เราจะแสวงสติปัญญาได้จากที่ใด? ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ได้ให้คำตอบว่า ในท้ายที่สุดแล้ว สติปัญญาพบได้ในองค์พระเยซูคริสต์ อัครทูตเปาโลได้บรรยายไว้ว่า ‘พระคริสต์...พระปัญญาของพระเจ้า’ (1 โครินธ์ 1:24) ‘พระปัญญาของพระเจ้า’ เป็นหนึ่งในพระนามของพระเยซู

สติปัญญาในหนังสือพระธรรมสุภาษิตได้เปรียบเปรยดังบุคคลที่เป็นเพศหญิง (‘หญิงผู้มีปัญญา’ ‘สตรีผู้มีความเข้าใจถ่องแท้’, สุภาษิต 8:1 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ซึ่งตรงกันข้ามกับหญิงโสเภณีที่แอบซุ่มอยู่ทุกหัวมุมถนนยามค่ำคืนคอยกระซิบกระซาบอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ (7:6) แต่หญิงผู้มีปัญญาได้สวนกลับไปว่า ‘ตัวดิฉันนั้นเฉิดฉายใจกลางเมือง บนถนนที่คับคั่งไปด้วยผู้คน’ (8:2, พระคัมภีร์ ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และนางยังได้อุทิศชีวิตของตนเป็นเจ้าสาวที่บริสุทธิ์มากกว่าเป็นหญิงโสเภณี

นี่เองแสดงให้เราเห็นว่าสติปัญญาไม่ได้เป็นเพียงแค่ความรู้เท่านั้น แต่การเป็นผู้มีสติปัญญาคือการดำเนินชีวิตอย่างดี การที่จะมีชีวิตที่ดีนั้น ขั้นแรกเลยคือต้องตั้งเป้าหมาย และเสาะหา ให้เราแสวงหาสติปัญญามากกว่าความสำราญทางใจที่ถูกนำเสนอผ่านทางหญิงโสเภณี

สติปัญญาเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนาอย่างแรงกล้า มัน (หรือเธอ) นั้นดีกว่าเงิน ทองหรืออัญมณี ‘จงรับคำสั่งสอนของข้าพเจ้าแทนเงิน และจงรับความรู้แทนทองคำเนื้อดีเพราะปัญญาดีกว่าทับทิม และทุกสิ่งที่เจ้าปรารถนาเปรียบกับปัญญาไม่ได้เลย’ (ข้อ 10–11)

หากคุณปรารถนาที่จะมีสติปัญญาที่เที่ยงแท้ ให้เราเริ่มต้นด้วยการติดสนิทกับพระเยซูคริสต์ สิ่งนี้มีค่ามากกว่าสิ่งใด ๆ ในโลกนี้

ความสัมพันธ์กับพระเยซูส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคุณ เพราะผลของสติปัญญานั้นสำแดงออกมาผ่านริมฝีปาก (ข้อ 6–9) ที่ซื่อสัตย์และสื่อสารด้วยถ้อยคำที่ชอบธรรมและเป็นจริง (เปรียบเทียบและเทียบเคียง พระคำในพระธรรมกันดารวิถี 20:3–5 ซึ่งเผยให้เห็นถึงการขาดความไว้วางใจในพระเจ้า)

ข้าแต่พระเยซูคริสต์เจ้า ขอบคุณที่พระปัญญาเที่ยงแท้พบได้ในสัมพันธภาพกับพระองค์ พระองค์ทรงมีค่ามากกว่าทับทิม และไม่มีสิ่งใดที่ข้าพระองค์ปรารถนาจะเทียบได้กับการรู้จักพระองค์ วันนี้ขอทรงโปรดช่วย ข้าพระองค์ให้กระทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยสติปัญญา และพูดถ้อยคำแห่งปัญญาที่จะนำพรมาสู่ผู้อื่น

ลูกา 5:33-6:11

2. เจ้าบ่าว

‘เจ้าบ่าว’ เป็นคำถูกใช้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเพื่ออ้างถึงพระเจ้า ‘และเจ้าบ่าวเปรมปรีดิ์ในเจ้าสาวอย่างไร พระเจ้าของท่านจะเปรมปรีดิ์ในท่านอย่างนั้น’ (อิสยาห์ 62:5)

ในพระธรรมลูกา (ลูกา 5:34) พระเยซูก็ทรงวางพระองค์เองในฐานะเดียวคือพระเจ้า ซึ่งไม่ถือเป็นการยกตัว แต่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น พระองค์ทรงใช้อุปมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ทำให้เราได้เห็นภาพของ พระเจ้าได้อย่างน่าประทับใจ

พระเยซูในฐานะเจ้าบ่าวและเราในฐานะเจ้าสาวเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ (ดูเอเฟซัส 5:23) นอกจากนี้ยังเป็นภาพที่ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นของคุณกับพระเยซูเมื่อพระองค์ เสด็จกลับมา คุณถูกเรียกให้เตรียมตัวด้วยความเอาใจใส่และความรักเช่นเดียวกับเจ้าสาวในวันแต่งงานของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้มุ่งเน้นไปที่การดำรงชีวิตอย่าง ‘ชอบธรรม’ (ดูวิวรณ์ 19:6–9)

คำสอนของพระเยซูเป็นเรื่องใหม่โดยแท้ ไม่สามารถใส่เข้ากับค่านิยมหรือพฤติกรรมของพวกฟาริสีได้ เหล้าองุ่นใหม่ต้องใช้ถุงหนังใหม่ (ลูกา 5:36–39)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเรียกข้าพระองค์เข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์และชื่นชมยินดี กับข้าพระองค์ดั่งเจ้าบ่าวเปรมปรีดิ์กับเจ้าสาวของตน ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะตอบสนองด้วยความรักและ การนมัสการอย่างใกล้ชิดกับพระองค์

3. บุตรมนุษย์

เป็นสิ่งที่พระเยซูทรงโปรดปรานในการอ้างถึงตัวพระองค์เอง (ดูตัวอย่าง เช่น ลูกา 6:5) นี่คือสถานะที่ใช้เรียก พระเมสสิยาห์ ในพระธรรมดาเนียล บทที่ 7 กล่าวถึง ‘ท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์’ (ดาเนียล 7:13) และดู เหมือนว่าเรารับรู้และเข้าใจสถานะของพระเยซูผ่านทางพระคำตอนนี้ด้วยเช่นกัน คำนี้รวมไว้ซึ่งสิทธิอำนาจ และฤทธานุภาพคู่ไปกับความถ่อมตนและความทุกข์ทรมาน

เราได้รับการเตือนให้ใคร่ครวญถึงความรักของพระเยซูและสิทธิอำนาจของพระองค์ที่มีต่อเรา บ่อยครั้งที่เราเอาแต่มุ่งความสนใจไปที่สิ่งแรกโดยไม่สนใจสิ่งที่สอง ให้เรายอมจำนนต่อสิทธิอำนาจของพระเยซู เชื่อฟังคำสอนของพระองค์ และทำตามการทรงนำของพระองค์

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่เป็นตัวแทนแห่งบุตรมนุษย์ที่ทรงทนทุกข์ทรมานเพื่อข้าพระองค์

4. พระเจ้า

พระเยซูทรงยกข้อพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมอีกครั้ง เมื่อพวกฟาริสีถามว่า ‘ทำไมพวกท่านทำสิ่งที่ต้องห้ามในวันสะบาโต?’ (ลูกา 6:2) พระเยซูตรัสโดยอ้างตัวอย่างในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม (ข้อ 3–4) พระองค์ ทรงสำแดงให้เห็นจากการใคร่ครวญพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมอย่างเปิดกว้างว่าความเข้าใจของพวกฟาริสีเกี่ยวกับวันสะบาโตนั้นคับแคบเกินไป

ทรงรักษาชายคนหนึ่งในวันสะบาโตและถามว่า ‘ในวันสะบาโตนั้นควรจะทำการดีหรือการร้าย ควรจะช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต?’ (ข้อ 9) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพระองค์ทรงมองข้ามตัวอักษรในบทบัญญัติทะลุไปยังเจตนารมย์ของบทบัญญัติ และสำแดงให้เห็นว่าในฐานะที่ทรงเป็น ‘นายเหนือวันสะบาโต’ (ข้อ 5) พระองค์ทรงไม่ได้ยึดติดตามตัวอักษรของบทบัญญัติ
พระเยซูทรงหยั่งลึกในการตีความพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและเราจำเป็นต้องใคร่ครวญผ่านมุมมองของพระองค์ เราจำเป็นต้องเข้าใจโดยคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่พระเยซูตรัสว่า ‘และพระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา’ (ยอห์น 5:39) สิ่งนี้ปรากฏในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมอย่างเจาะจงสามประการ

ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงเป็นกุญแจสำคัญที่ไขความเข้าใจของเราเกี่ยวกับพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม

กันดารวิถี 19:1-21:3

5. คนกลาง

เรื่องราวทั้งหมดของพระธรรมตอนนี้เกี่ยวกับเลือดของแพะ วัวตัวผู้ และ ‘ขี้เถ้าโคตัวเมีย’ (19:9) เป็นดั่งเงาสะท้อนล่วงหน้าถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูแทนเราบนไม้กางเขน

แม้ผู้เขียนในพระธรรมฮีบรูมุ่งให้ความสนใจไปที่เครื่องเผาบูชาเหล่านั้น แต่เขาได้บรรยายหลังจากนั้นว่า ‘มากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดพระโลหิตของพระคริสต์ ผู้ทรงถวายพระองค์เองที่ปราศจากตำหนิแด่พระเจ้า โดยพระวิญญาณนิรันดร์ ก็จะทรงชำระมโนธรรมของเราจากการประพฤติที่เปล่าประโยชน์ เพื่อเราจะปรนนิบัติพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่! เพราะเหตุนี้พระคริสต์จึงทรงเป็นคนกลาง’ (ฮีบรู 9:14–15ก)

ขอบคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ข้าพระองค์มี ‘พระเจ้าองค์เดียวและคนกลางก็มีแต่เพียงผู้เดียวระหว่าง พระเจ้ากับมนุษย์ คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพมนุษย์ ผู้ประทานพระองค์เองเป็นค่าไถ่สำหรับทุกคน’ (1 ทิโมธี 2:5–6)

6. ศิลา

พระเจ้าสั่งให้โมเสสเอาน้ำออกจากหิน โมเสสก็ยกมือตีหินนั้นสองครั้งด้วยไม้เท้า และน้ำก็ไหลออกมาอย่างมากมาย (กันดารวิถี 20:1–11) ‘น้ำพลุ่งออกมาอย่างล้นเหลือ’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) อัครสาวกเปาโลยังบอกเราถึงความหมายของน้ำที่ออกมาจากหิน โดยกล่าวว่า ‘พวกเขา...ได้ดื่มน้ำฝ่าย จิตวิญญาณเดียวกันทุกคน เพราะว่าพวกเขาได้ดื่มจากพระศิลาฝ่ายจิตวิญญาณที่ติดตามเขาไป พระศิลานั้นคือพระคริสต์’ (1 โครินธ์ 10:3–4) พระองค์คือผู้ที่ดับความกระหายของเรา วัตถุสิ่งของเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถดับกระหายเราได้

พระเจ้าทรงมีพระทัยที่กว้างขวางต่อเรามาก น้ำไม่ได้ไหลออกมาเป็นหยดๆ แต่หลั่งมาอย่างล้นเหลือ พระเยซูทรงเสด็จมาเพื่อให้คุณมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ (ยอห์น 10:10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Revised Standard Version โดยผู้แปล) พระองค์ทรงสัญญาว่าจะสนองความกระหายทางวิญญาณของคุณด้วย ‘แม่น้ำที่มีน้ำดำรง ชีวิต’ (ยอห์น 7: 37–38)

ข้าแต่พระเจ้า พระศิลาของข้าพระองค์ ขอบคุณที่พระองค์ทรงตอบสนองความหิวกระหายทางจิตวิญญาณของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในตัวข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์จะนำน้ำแห่งชีวิตของพระองค์ไปสู่ผู้อื่น

7. มหาปุโรหิตยิ่งใหญ่

พระเยซูทรงเป็น ‘มหาปุโรหิตยิ่งใหญ่’ (ฮีบรู 4:14) ผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์เพื่อถวายเครื่องเผาต่อพระเจ้าแทนเราทุกคน การตายของอาโรน (กันดารวิถี 20: 28–29) ย้ำเตือนเราว่าจุดอ่อนประการหนึ่งปุโรหิตที่เป็นคนเลวี คือพวกเขาสามารถล้มหายตายจากได้

ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูสะท้อนให้เห็นว่าปุโรหิตเหล่านี้เหมือนกับอาโรนที่ ‘ความตายขัดขวางไม่ให้พวกเขาปฏิบัติงานได้ตลอดไป’ แต่พระเยซูองค์นี้ทรงดำรงตำแหน่ง ‘ปุโรหิตตลอดกาล’ เพราะพระองค์ทรง ‘ดำรงพระชนม์อยู่ชั่วนิรันดร์’ เพราะเหตุนี้ ‘พระองค์จึงทรงสามารถช่วยคนทั้งหลายที่เข้ามาใกล้พระเจ้าโดยทางพระองค์นั้นอย่างเต็มที่ เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ทุกเวลา’ (ฮีบรู 7:23–25)

สิ่งนี้ย้ำเตือนเราถึงความมั่นคงที่คุณสามารถมีได้ในความเชื่อของคุณ คุณไม่ต้องกังวลว่าคุณจะ ‘ดีพอ’ หรือไม่ คุณสามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่ในความรอดที่มีในพระเยซู

ขอบคุณพระเจ้า มหาปุโรหิตผู้ยิ่งใหญ่ของข้าพระองค์ที่ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ พระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดได้อย่างสมบูรณ์ ขอบคุณที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย และมีชีวิตอยู่เพื่อทูลขอเผื่อข้าพระองค์ ขอบคุณที่พระองค์ทรงทูลขอเผื่อข้าพระองค์ในตอนนี้

Pippa Adds

ลูกา 6:1–11

เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับการหยุดงานสักวัน พักผ่อน ฟื้นตัว และสนุกเพลิดเพลินไปกับมัน!

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

About this Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More