โรม 9:1-12
โรม 9:1-12 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ผมกำลังพูดความจริงในพระคริสต์ ไม่ได้พูดโกหก และใจของผมที่พระวิญญาณบริสุทธิ์นำอยู่ยืนยันในสิ่งที่ผมกำลังจะพูดนี้ ผมเป็นทุกข์มากและปวดร้าวใจอยู่ตลอดเวลา ถ้ามันจะทำให้พี่น้องยิวที่เป็นเพื่อนร่วมชาติของผมรอด ผมก็จะขอให้ตัวเองถูกสาปแช่งและถูกตัดขาดจากพระคริสต์ พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ที่ได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง คือพระเจ้ารับพวกเขามาเป็นลูกของพระองค์ ให้เขาเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์ได้ทำข้อตกลงต่างๆกับเขา ให้กฎของพระองค์กับเขา ให้เขารู้ถึงวิธีนมัสการพระองค์ในวิหาร และยังให้คำสัญญาต่างๆอีก รวมทั้งให้เขามีบรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่ด้วย และพระคริสต์ตอนที่มาเกิดเป็นมนุษย์ก็สืบเชื้อสายมาจากพวกเขา ขอให้พระเจ้าผู้อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการสรรเสริญตลอดไป อาเมน คนเราจะพูดว่าพระเจ้าผิดสัญญาไม่ได้หรอก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สืบเชื้อสายมาจากอิสราเอล จะเป็นชาวอิสราเอลที่แท้จริง และไม่ใช่ลูกของอับราฮัมทุกคนจะถูกนับว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเขา เพราะพระเจ้าบอกกับอับราฮัมว่า “คนที่จะนับว่าสืบเชื้อสายมาจากเจ้าจะต้องสืบเชื้อสายมาจากอิสอัคเท่านั้น” แสดงว่าไม่ใช่ลูกทุกคนของอับราฮัมที่เกิดตามธรรมชาติจะนับว่าเป็นลูกของพระเจ้า แต่ต้องเป็นลูกที่เกิดจากคำสัญญาของพระเจ้าเท่านั้นถึงจะนับว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายจริง คำสัญญานั้นว่าไว้อย่างนี้คือ “ปีหน้าเวลานี้ เราจะกลับมา และซาราห์จะคลอดลูกชาย” หรืออีกตัวอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือตอนที่เรเบคาห์ตั้งท้องลูกชายฝาแฝดกับอิสอัคบรรพบุรุษของเรา ก่อนที่เด็กจะคลอดออกมาทำดีหรือชั่ว พระเจ้าบอกเรเบคาห์ว่า “คนพี่จะรับใช้คนน้อง” เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่พระองค์เลือก ทำให้เราเห็นว่าการเลือกของพระเจ้านั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำของคน แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้าผู้เรียกเอง
โรม 9:1-12 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
ข้าพเจ้าพูดความจริงในพระคริสต์ ข้าพเจ้าไม่ได้โกหก มโนธรรมของข้าพเจ้าเป็นพยานโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า ข้าพเจ้ามีความทุกข์หนักและความเจ็บร้อนในใจเสมอ พร้อมที่จะถูกสาป และถูกตัดขาดจากพระคริสต์เพราะเห็นแก่พี่น้องของข้าพเจ้า คือเชื้อชาติของข้าพเจ้าตามเนื้อหนัง พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ได้รับสิทธิ์เป็นบุตรของพระเจ้า เห็นพระสิริของพระองค์ และเขาได้รับบรรดาพันธสัญญา ทั้งการประทานธรรมบัญญัติ พิธีนมัสการพระเจ้า และพระสัญญาต่างๆ ทั้งอัครปิตาก็เป็นของพวกเขาด้วย และพระคริสต์ก็มาจากเขาทางเนื้อหนัง คือพระองค์ผู้ทรงรับการสรรเสริญว่าเป็นพระเจ้าเหนือสารพัดเป็นนิตย์ อาเมน แต่ไม่ใช่ว่าพระวจนะของพระเจ้าได้ล้มเหลวไป เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาจากอิสราเอลนั้น เป็นคนอิสราเอลแท้ และไม่ใช่ทุกคนที่เป็นลูกของอับราฮัมเป็นเชื้อสายแท้ของท่าน แต่ว่า เขาจะเรียกเชื้อสายของท่านทางสายอิสอัค หมายความว่าคนที่เป็นลูกของพระเจ้านั้นไม่ใช่ลูกของเนื้อหนัง แต่เป็นลูกของพระสัญญา จึงจะถือว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายได้ เพราะพระสัญญามีว่าดังนี้ “เราจะมาตามฤดูกาล และนางซาราห์จะมีบุตรชาย ” และไม่ใช่เท่านั้น แต่ว่านางเรเบคาห์ก็ได้มีบุตรสองคนจากสามีคนเดียวคืออิสอัคบรรพบุรุษของพวกเรา แม้ก่อนบุตรนั้นเกิดมา และยังไม่ได้ทำดีหรือชั่ว (เพื่อพระประสงค์ของพระเจ้าในการทรงเลือกนั้นจะตั้งมั่นคงอยู่ ไม่ใช่ตามการประพฤติ แต่ตามซึ่งพระองค์ทรงเรียก) พระองค์จึงตรัสแก่นางนั้นว่า “พี่จะปรนนิบัติน้อง ”
โรม 9:1-12 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ข้าพเจ้าพูดตามความจริงในพระคริสต์ ข้าพเจ้าไม่ได้มุสา ใจสำนึกผิดชอบของข้าพเจ้าเป็นพยานฝ่ายข้าพเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย ว่า ข้าพเจ้ามีความทุกข์หนักและเสียใจเสมอมิได้ขาด เพราะว่าข้าพเจ้าปรารถนาจะให้ข้าพเจ้าเองถูกสาปให้ตัดขาดจากพระคริสต์ เพราะเห็นแก่พี่น้องของข้าพเจ้า คือญาติของข้าพเจ้าตามเนื้อหนัง พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ได้รับการทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้าและสง่าราศี และบรรดาพันธสัญญา และการทรงประทานพระราชบัญญัติ และการปรนนิบัติพระเจ้าและพระสัญญาทั้งหลาย ทั้งบรรพบุรุษก็เป็นของเขาด้วย และพระคริสต์ก็ได้ทรงถือกำเนิดตามเนื้อหนังในเชื้อชาติของเขา พระองค์ผู้ทรงอยู่เหนือสารพัด ผู้ซึ่งพระเจ้าจะทรงโปรดอวยพระพรเป็นนิตย์ เอเมน แต่มิใช่ว่าพระวจนะของพระเจ้าได้ไร้ประโยชน์ไป เพราะว่าเขาทั้งหลายที่เกิดมาจากอิสราเอลนั้นหาได้เป็นคนอิสราเอลแท้ทุกคนไม่ และมิใช่ว่าทุกคนที่เป็นเชื้อสายของอับราฮัมเป็นบุตรแท้ของท่าน แต่ว่า ‘เขาจะเรียกเชื้อสายของเจ้าทางสายอิสอัค’ คือว่าเขาเหล่านั้นที่เป็นบุตรตามเนื้อหนังจะนับเป็นบุตรของพระเจ้าไม่ได้ แต่บุตรแห่งพระสัญญานั้นจึงจะนับเป็นเชื้อสายได้ เพราะพระวจนะแห่งพระสัญญามีว่าดังนี้ ‘คราวนี้เราจะมาและนางซาราห์จะมีบุตรชาย’ และมิใช่เท่านั้น แต่ว่านางเรเบคาห์ก็ได้มีครรภ์กับชายคนหนึ่งด้วย คืออิสอัคบรรพบุรุษของเรา (แม้ก่อนบุตรนั้นบังเกิดมา และยังไม่ได้กระทำดีหรือชั่ว เพื่อพระดำริของพระเจ้าในการทรงเลือกนั้นจะตั้งมั่นคงอยู่ ไม่ใช่ตามการกระทำ แต่ตามซึ่งพระองค์ทรงเรียก) พระองค์จึงตรัสแก่นางนั้นว่า ‘พี่จะปรนนิบัติน้อง’
โรม 9:1-12 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ข้าพเจ้าพูดความจริงในพระคริสต์ ข้าพเจ้าไม่ได้มุสา ใจสำนึกผิดชอบของข้าพเจ้าเป็นพยานฝ่ายข้าพเจ้า โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า ข้าพเจ้ามีความทุกข์หนักและความเจ็บร้อนในใจเสมอมิได้ขาด เพราะถ้าเป็นประโยชน์ข้าพเจ้าปรารถนาจะให้ข้าพเจ้าเองถูกสาป และถูกตัดขาดจากพระคริสต์เพราะเห็นแก่พี่น้องของข้าพเจ้า คือญาติของข้าพเจ้าตามเชื้อชาติ พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ได้รับการทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า และพระสิริของพระเจ้าปรากฏแก่เขา และเขาได้รับบรรดาพันธสัญญา และการทรงประทานธรรมบัญญัติ และพิธีนมัสการพระเจ้า และพระสัญญา ทั้งอัครปิตาก็เป็นของเขาด้วย และพระคริสต์ก็ได้ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ในเชื้อชาติของเขา สาธุการแด่พระเจ้าผู้เป็นใหญ่เหนือสารพัดเป็นนิตย์ อาเมน แต่มิใช่ว่าพระวจนะของพระเจ้าได้ล้มเหลวไป เพราะว่าเขาทั้งหลายที่เกิดมาจากอิสราเอลนั้น หาได้เป็นคนอิสราเอลแท้ทุกคนไม่ และมิใช่ว่าทุกคนที่เป็นเชื้อสายของอับราฮัมเป็นบุตรแท้ของท่าน แต่ว่า เขาจะเรียกเชื้อสายของท่านทางสายอิสอัค หมายความว่าคนที่เป็นบุตรของพระเจ้านั้นมิใช่บุตรทางเนื้อหนัง แต่บุตรตามพระสัญญา จึงจะถือว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายได้ เพราะพระสัญญามีว่าดังนี้ เราจะมาตามฤดูกาล และนางซาราห์จะมีบุตรชาย และมิใช่เท่านั้น แต่ว่านางเรเบคคาก็ได้มีครรภ์กับชายคนหนึ่งด้วย คืออิสอัคบรรพบุรุษของเรา แม้ก่อนบุตรนั้นบังเกิดมา และยังไม่ได้กระทำดีหรือชั่ว เพื่อพระดำริของพระเจ้าในการทรงเลือกนั้นจะตั้งมั่นคงอยู่ ไม่ใช่ตามการประพฤติ แต่ตามซึ่งพระองค์ทรงเรียก พระองค์จึงตรัสแก่นางนั้นว่า พี่จะปรนนิบัติน้อง
โรม 9:1-12 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ข้าพเจ้าพูดความจริงในพระคริสต์ ข้าพเจ้าไม่ได้กำลังมุสา จิตสำนึกของข้าพเจ้ายืนยันโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า ข้าพเจ้าทุกข์โศกยิ่งนักและปวดร้าวใจไม่หยุดหย่อน เพราะข้าพเจ้าปรารถนาว่าถ้าเป็นไปได้ให้ข้าพเจ้าเองถูกสาปแช่งและถูกตัดขาดจากพระคริสต์เพื่อพี่น้องของข้าพเจ้าผู้เป็นคนเชื้อชาติเดียวกับข้าพเจ้า คือประชากรอิสราเอล พวกเขาได้เป็นบุตรของพระเจ้า ได้รับพระเกียรติสิริของพระเจ้า ได้รับพันธสัญญา บทบัญญัติ พิธีนมัสการในพระวิหาร และพระสัญญาต่างๆ พวกเขามีบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ และเมื่อพระคริสต์ทรงเป็นมนุษย์ พระองค์ก็สืบเชื้อสายมาจากพวกเขา พระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเหนือสรรพสิ่งทรงได้รับการสรรเสริญเป็นนิตย์! อาเมน ไม่ใช่ว่าพระดำรัสของพระเจ้าได้ล้มเหลวไป เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สืบเชื้อสายจากอิสราเอลเป็นอิสราเอล ทั้งไม่ใช่ทุกคนที่สืบเชื้อสายของอับราฮัมจะเป็นลูกหลานของอับราฮัม แต่ตรงกันข้าม “พงศ์พันธุ์ของเจ้าจะนับทางอิสอัค” กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าบุตรของพระเจ้าไม่ใช่บุตรตามสายเลือด แต่เป็นบุตรตามพระสัญญาจึงถือว่าเป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม เพราะพระสัญญาระบุไว้ว่า “เมื่อถึงเวลาที่กำหนดเราจะกลับมาและซาราห์จะให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง” ไม่เพียงเท่านั้น แต่บุตรทั้งหลายของเรเบคาห์ก็มีบิดาคนเดียวกันคืออิสอัคบรรพบุรุษของเรา แต่ก่อนที่บุตรฝาแฝดนั้นจะเกิดมา หรือก่อนที่พวกเขาจะทำสิ่งดีหรือชั่วใดๆ ทั้งนี้เพื่อว่าพระประสงค์ของพระเจ้าในการทรงเลือกจะคงอยู่ คือไม่ใช่โดยการประพฤติ แต่โดยพระองค์ผู้ทรงเรียก พระองค์จึงตรัสกับนางว่า “พี่จะรับใช้น้อง”