วิวรณ์ 19:1-16
วิวรณ์ 19:1-16 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
หลังจากนั้นผมได้ยินเสียงดังกึกก้อง เหมือนเสียงของคนจำนวนมากบนสวรรค์ร้องว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าเป็นผู้มีชัย พระองค์เต็มไปด้วยสง่าราศี และฤทธิ์อำนาจ การตัดสินโทษของพระองค์นั้นถูกต้องและยุติธรรม พระองค์ได้ลงโทษหญิงโสเภณีที่ยิ่งใหญ่ เธอได้ทำให้โลกนี้เสื่อมไป เพราะการทำบาปทางเพศของเธอ พระองค์ได้แก้แค้นให้กับทาสของพระองค์ที่ถูกเธอฆ่าตาย” พวกเขายังพูดอีกว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์ ควันไฟจะลอยขึ้นมาจากนครนั้นตลอดไป” จากนั้นพวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่องค์ และสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตน ก็ก้มลงกราบไหว้พระเจ้าที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ และพูดว่า “อาเมน สรรเสริญพระยาห์เวห์” แล้วมีเสียงดังมาจากบัลลังก์ว่า “ท่านทั้งหลายที่เป็นทาสของพระองค์ที่นับถือพระเจ้า ทั้งผู้ยิ่งใหญ่และผู้ต่ำต้อย มาสรรเสริญพระเจ้าของเรากันเถอะ” จากนั้นผมได้ยินเสียงเหมือนเสียงของคนจำนวนมาก เสียงนั้นดังเหมือนกับเสียงของน้ำตกและเสียงฟ้าร้องกึกก้อง เสียงนั้นพูดว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ขึ้นครองราชย์ ให้เราชื่นชมยินดีและมีความสุข และสรรเสริญพระองค์เถิด เพราะว่าเวลาแห่งการสมรสของลูกแกะได้มาถึงแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์ก็ได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว เธอได้รับผ้าลินินที่สะอาดสดใสเป็นประกายซึ่งเธอจะใช้ใส่” (ผ้าลินินที่งดงามนั้นหมายถึงสิ่งดีๆที่คนของพระเจ้าได้ทำ) แล้วทูตสวรรค์นั้นพูดกับผมว่า “เขียนลงไปว่า คนที่ได้รับเชิญมาในงานเลี้ยงสมรสของลูกแกะนั้น ถือว่ามีเกียรติจริงๆ” และพูดอีกว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นคำพูดที่แท้จริงของพระเจ้า” ผมได้ก้มลงแทบเท้าเพื่อกราบไหว้ทูตสวรรค์องค์นั้น แต่ท่านพูดว่า “อย่าทำอย่างนั้น เพราะเราเป็นเพื่อนทาสของคุณและพี่น้องคนอื่นๆของคุณที่ซื่อสัตย์ในความจริงที่พระเยซูได้เปิดเผยให้รู้ ดังนั้นให้กราบไหว้พระเจ้า เพราะความจริงที่พระเยซูได้เปิดเผยนั้น เป็นสิ่งที่ดลใจให้พวกผู้พูดแทนพระเจ้าพูด” จากนั้นผมเห็นประตูสวรรค์เปิดออก โอ้โหดูสิ มีม้าสีขาวตัวหนึ่ง และผู้ขี่ม้านั้นมีชื่อว่า “ซื่อสัตย์และเที่ยงแท้” เพราะพระองค์พิพากษาและทำสงครามอย่างยุติธรรม ตาของพระองค์นั้นดูคล้ายเปลวไฟที่ลุกโชน มีมงกุฎอยู่หลายอันบนศีรษะของพระองค์ มีชื่อหนึ่งเขียนอยู่บนร่างกายของพระองค์ แต่มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่รู้ความหมายของชื่อนั้น พระองค์ใส่เสื้อคลุมที่ถูกจุ่มลงไปในเลือด และคนก็เรียกพระองค์ว่า “พระคำของพระเจ้า” พวกกองทัพแห่งสวรรค์ขี่ม้าสีขาวตามพระองค์มา พวกเขาแต่งกายด้วยผ้าลินินสีขาวที่ใสสะอาด มีดาบอันคมกริบออกมาจากปากของพระองค์ ดาบนี้เอาไว้ใช้ต่อสู้กับชนชาติต่างๆ พระองค์จะปกครองคนพวกนั้นด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะเหยียบย่ำองุ่นในบ่อย่ำองุ่นแห่งความโกรธของพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น มีชื่อเขียนอยู่ที่เสื้อคลุมและที่ต้นขาของพระองค์ว่า “กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง องค์เจ้าชีวิตเหนือเจ้าทั้งปวง”
วิวรณ์ 19:1-16 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนกับเสียงของมหาชนที่ดังสนั่นอยู่ในสวรรค์ กล่าวว่า “ฮาเลลูยา ความรอด พระสิริ และฤทธานุภาพเป็นของพระเจ้าของเรา เพราะการพิพากษาของพระองค์เที่ยงตรงและยุติธรรม พระองค์ทรงพิพากษาหญิงแพศยาตัวเอ้ ผู้ทำให้แผ่นดินโลกเสื่อมทรามด้วยการล่วงประเวณีของนาง และพระองค์ทรงแก้แค้นหญิงคนนั้น ในเรื่องโลหิตของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์” คนเหล่านั้นร้องอีกเป็นครั้งที่สองว่า “ฮาเลลูยา ควันไฟของนครนั้นพลุ่งขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์” และพวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ ก็ทรุดตัวลงนมัสการพระเจ้าผู้ประทับบนพระที่นั่ง และร้องว่า “อาเมน ฮาเลลูยา” และมีเสียงออกมาจากพระที่นั่งว่า “ผู้รับใช้ทุกคนของพระเจ้า และบรรดาคนที่เกรงกลัวพระองค์ ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา” แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนอย่างเสียงมหาชน เหมือนอย่างเสียงน้ำมากหลาย และเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องกึกก้องว่า “ฮาเลลูยา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่ คือพระเจ้าของเราผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ขอให้เรายินดีและเปรมปรีดิ์ และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะงานอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกมาถึงแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์ก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว และโปรดให้เจ้าสาวสวมใส่ ผ้าป่านเนื้อละเอียด มันระยับและสะอาด เพราะว่าผ้าป่านเนื้อละเอียดนั้นคือการประพฤติอันชอบธรรมของธรรมิกชน” และทูตสวรรค์องค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า “จงเขียนลงไปว่า ความสุขมีแก่คนทั้งหลายที่ได้รับเชิญมาในงานเลี้ยงอภิเษกสมรสของพระเมษโปดก” และท่านบอกอีกว่า “ถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำที่สัตย์จริงของพระเจ้า” แล้วข้าพเจ้าก็ทรุดตัวลงแทบเท้าของท่านเพื่อจะนมัสการท่าน แต่ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “อย่าทำแบบนี้ เราเป็นผู้ร่วมรับใช้เช่นเดียวกับท่านและพี่น้องของท่านที่ยึดถือคำพยานของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้าเถิด” เพราะว่าคำพยานของพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการเผยพระวจนะ แล้วข้าพเจ้าเห็นสวรรค์เปิดออก และ นี่แน่ะ มีม้าสีขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า “ซื่อสัตย์และสัตย์จริง” พระองค์ทรงพิพากษาและทรงต่อสู้ด้วยความชอบธรรม พระเนตรของพระองค์เหมือนอย่างเปลวไฟ และบนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎหลายอัน พระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้ซึ่งไม่มีใครรู้จักเลยนอกจากพระองค์เอง พระองค์ทรงฉลองพระองค์ที่ได้จุ่มในเลือด และพระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ “พระวาทะของพระเจ้า” กองทัพทั้งหลายในสวรรค์นุ่งห่มผ้าป่านเนื้อละเอียด สีขาวสะอาด ขี่ม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป มีพระแสงคมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงใช้มันฟาดฟันประชาชาติต่างๆ และพระองค์จะทรงครอบครองเขาทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะทรงย่ำบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธรุนแรงของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า “กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย”
วิวรณ์ 19:1-16 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังกึกก้องของฝูงชนจำนวนมากในสวรรค์ร้องว่า “อาเลลูยา ความรอด สง่าราศี พระเกียรติ และฤทธิ์เดชจงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา ‘เพราะว่าการพิพากษาของพระองค์เที่ยงตรงและชอบธรรม’ พระองค์ได้ทรงพิพากษาลงโทษหญิงแพศยาคนสำคัญนั้น ที่ได้กระทำให้แผ่นดินโลกชั่วไปด้วยการล่วงประเวณีของนาง และ ‘พระองค์ได้ทรงแก้แค้นผู้หญิงนั้นเพื่อทดแทนโลหิตแห่งพวกผู้รับใช้ของพระองค์’” คนเหล่านั้นร้องอีกครั้งว่า “อาเลลูยา ‘ควันไฟที่เกิดจากนครนั้นพลุ่งขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์’” และพวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนกับสัตว์ทั้งสี่นั้น ก็ได้ทรุดตัวลงนมัสการพระเจ้า ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นและร้องว่า “เอเมน อาเลลูยา” และมีเสียงออกมาจากพระที่นั่งว่า “‘ท่านทั้งหลายที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และผู้ที่ยำเกรงพระองค์ ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา’” แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงดุจเสียงฝูงชนเป็นอันมาก ดุจเสียงน้ำมากหลาย และดุจเสียงฟ้าร้องสนั่นว่า “อาเลลูยา เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ทรงครอบครองอยู่ ขอให้เราทั้งหลายร่าเริงยินดีและถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะว่าถึงเวลามงคลสมรสของพระเมษโปดกแล้ว และมเหสีของพระองค์ได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว และทรงโปรดให้เธอสวมผ้าป่านเนื้อละเอียด สะอาดและขาว เพราะผ้าป่านเนื้อละเอียดนั้นเป็นความชอบธรรมของพวกวิสุทธิชน” และทูตสวรรค์องค์นั้นสั่งข้าพเจ้าว่า “จงเขียนไว้เถิดว่า ความสุขมีแก่คนทั้งหลายที่ได้รับเชิญมาในการมงคลสมรสของพระเมษโปดก” และท่านบอกข้าพเจ้าว่า “ถ้อยคำเหล่านี้เป็นพระดำรัสแท้ของพระเจ้า” แล้วข้าพเจ้าได้ทรุดตัวลงแทบเท้าของท่านเพื่อจะนมัสการท่าน แต่ท่านได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “อย่าเลย ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนผู้รับใช้เหมือนกับท่าน และพวกพี่น้องของท่านที่ยึดถือคำพยานของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้าเถิด เพราะว่าคำพยานของพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการพยากรณ์” แล้วข้าพเจ้าได้เห็นสวรรค์เปิดออก และดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า “สัตย์ซื่อและสัตย์จริง” พระองค์ทรงพิพากษาและกระทำสงครามด้วยความชอบธรรม พระเนตรของพระองค์ดุจเปลวไฟ และบนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎหลายอัน และพระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้จักเลย นอกจากพระองค์เอง พระองค์ทรงฉลองพระองค์ที่จุ่มเลือด และพระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ “พระวาทะของพระเจ้า” เหล่าพลโยธาในสวรรค์สวมอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อละเอียด ขาวและสะอาด ได้นั่งบนหลังม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป มีพระแสงคมออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงฟันฟาดบรรดานานาประชาชาติด้วยพระแสงนั้น และพระองค์จะทรงครอบครองเขาด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะทรงเหยียบบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธอันเฉียบขาดของพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า “พระมหากษัตริย์แห่งมหากษัตริย์ทั้งปวงและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งปวง”
วิวรณ์ 19:1-16 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ต่อจากนี้ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังกึกก้องดุจเสียงฝูงชนจำนวนมากในสวรรค์ร้องว่า <<อาเลลูยา ความรอด พระสิริ และฤทธิ์เดชจงมีแด่พระเจ้าของเรา เพราะว่าการพิพากษาของพระองค์เที่ยงตรงและยุติธรรม พระองค์ได้ทรงพิพากษาลงโทษหญิงแพศยาคนสำคัญนั้น ที่ได้กระทำให้แผ่นดินโลกชั่วไปด้วยการล่วงประเวณีของนาง และพระองค์ได้ทรงแก้แค้นผู้หญิงนั้น เพื่อทดแทนโลหิตแห่งผู้รับใช้ของพระองค์>> คนเหล่านั้นร้องอีกเป็นครั้งที่สองว่า <<อาเลลูยา ควันไฟที่เกิดจากนครนั้นพลุ่งขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์>> และพวกผู้ปกครองทั้งยี่สิบสี่คนกับสัตว์ทั้งสี่นั้น ก็ได้ทรุดตัวลงนมัสการพระเจ้าผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น และร้องว่า <<อาเมน อาเลลูยา>> และมีเสียงออกมาจากพระที่นั่งว่า <<ท่านทั้งหลายที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ที่ยำเกรงพระองค์ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยจงสรรเสริญพระเจ้าของเรา>> แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงดุจเสียงฝูงชนเป็นอันมาก ดุจเสียงน้ำมากหลาย และดุจเสียงฟ้าร้องสนั่นว่า <<อาเลลูยา เพราะว่าพระเจ้าของเราผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดทรงครอบครองอยู่ ขอให้เราทั้งหลายร่าเริงยินดีและเต้นโลดถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะถึงเวลามงคลสมรสของพระเมษโปดกแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์ได้เตรียมพร้อมแล้ว>> ทรงโปรดให้เจ้าสาวสวมผ้าป่านเนื้อละเอียดใสบริสุทธิ์ เพราะผ้าป่านเนื้อดีนั้นได้แก่ การประพฤติอันชอบธรรมของพวกธรรมิกชน>> และทูตสวรรค์องค์นั้นสั่งข้าพเจ้าว่า <<จงเขียนไว้เถิดว่า ความเจริญสุขมีแก่คนทั้งหลาย ที่ได้รับเชิญมาในการมงคลสมรสของพระเมษโปดก>> และท่านบอกข้าพเจ้าว่า <<ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นพระวจนะแท้ของพระเจ้า>> แล้วข้าพเจ้าได้ทรุดตัวลงแทบเท้าของท่านเพื่อจะนมัสการท่าน แต่ท่านได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า <<อย่าเลย ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนผู้รับใช้เหมือนกับท่าน และพวกพี่น้องของท่านที่ยึดถือคำพยานของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้าเถิด>> เพราะว่าคำพยานกล่าวถึงพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการเผยพระวจนะ แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นสวรรค์เปิดออก และ ดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า <สัตย์ซื่อและสัตย์จริง> พระองค์พิพากษาและทรงกระทำสงครามด้วยความเป็นธรรม พระเนตรของพระองค์ดุจเปลวไฟ และบนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎหลายอัน และพระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้จักเลย นอกจากพระองค์เอง พระองค์ทรงฉลองพระองค์ที่จุ่มเลือด และพระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ <พระวาทะของพระเจ้า> เหล่าพลโยธาในสวรรค์สวมอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อละเอียดขาวบริสุทธิ์ ได้นั่งบนหลังม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป มีพระแสงคมออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงฟันฟาดบรรดานานาประชาชาติ ด้วยพระแสงนั้น และพระองค์จะทรงครอบครองเขาด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะทรงเหยียบบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธอันเฉียบขาดของพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า <<จอมกษัตริย์และจอมเจ้านาย>>
วิวรณ์ 19:1-16 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงกึกก้องราวกับเสียงผู้คนเป็นอันมากในสวรรค์ร้องตะโกนว่า “ฮาเลลูยา! ความรอดมาจากพระเจ้าของเรา พระองค์ทรงพระเกียรติสิริและเดชานุภาพ เพราะบรรดาการพิพากษาของพระองค์เที่ยงธรรมและเที่ยงแท้ พระองค์ทรงตัดสินโทษหญิงโสเภณีตัวฉกาจนั้นแล้ว ผู้ซึ่งทำให้โลกเสื่อมทรามด้วยการล่วงประเวณีของนาง พระองค์ทรงให้นางชดใช้เลือดของผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว” และพวกเขาร้องตะโกนอีกครั้งว่า “ฮาเลลูยา! ควันไฟจากนครนั้นพลุ่งขึ้นสืบๆ ไปเป็นนิตย์” ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่หมอบกราบนมัสการพระเจ้าผู้ประทับบนพระที่นั่ง และร้องว่า “อาเมน ฮาเลลูยา!” แล้วมีเสียงหนึ่งดังจากพระที่นั่งกล่าวว่า “ท่านทั้งปวงที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ที่ยำเกรงพระองค์ ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา” จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงคล้ายเสียงผู้คนมากมายเหมือนเสียงน้ำเชี่ยวกรากและเหมือนเสียงฟ้าร้องกึกก้องตะโกนว่า “ฮาเลลูยา! เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ของเราทรงครอบครองอยู่ ให้เราทั้งหลายชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ และถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์! เพราะถึงกำหนดอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์เตรียมตัวพร้อมแล้ว ทรงให้เจ้าสาวสวมชุดผ้าลินินเนื้อดี ที่สะอาดสดใสแล้ว” (ผ้าลินินเนื้อดีหมายถึงการประพฤติอันชอบธรรมของประชากรของพระเจ้า) แล้วทูตสวรรค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า “จงเขียนว่า ‘ความสุขมีแก่บรรดาผู้ที่ได้รับเชิญมายังงานเลี้ยงฉลองอภิเษกสมรสของพระเมษโปดก!’ ” และทูตนั้นกล่าวอีกว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นพระวจนะแท้ของพระเจ้า” ถึงตรงนี้ข้าพเจ้าหมอบลงแทบเท้าทูตสวรรค์เพื่อนมัสการ แต่ทูตนั้นกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “อย่าทำเช่นนั้น! เราเป็นเพื่อนผู้รับใช้ร่วมกับท่านและร่วมกับพี่น้องของท่านที่ยึดมั่นในคำพยานเรื่องพระเยซู จงนมัสการพระเจ้า! เพราะคำพยานเรื่องพระเยซูนั้นคือหัวใจของการเผยพระวจนะ” ข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์เปิดอยู่และมีม้าขาวตัวหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ผู้ทรงม้านั้นคือพระผู้สัตย์ซื่อและเที่ยงแท้ พระองค์ทรงพิพากษาและสู้ศึกด้วยความยุติธรรม พระเนตรของพระองค์ดุจไฟโชติช่วง บนพระเศียรมีมงกุฎหลายอัน ทรงมีพระนามจารึกไว้บนพระกาย ไม่มีผู้ใดรู้จักพระนามนั้นเลยนอกจากพระองค์เอง ทรงฉลองพระองค์ซึ่งได้จุ่มในเลือด และพระนามของพระองค์คือพระวาทะของพระเจ้า บรรดากองทัพสวรรค์สวมอาภรณ์ผ้าลินินเนื้อดีขาวสะอาดนั่งบนหลังม้าขาวกำลังตามเสด็จพระองค์ไป พระแสงคมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ทรงใช้พระแสงนี้ฟาดฟันประชาชาติ “พระองค์จะทรงปกครองพวกเขาด้วยคทาเหล็ก” พระองค์ทรงเหยียบย่ำองุ่นในบ่อย่ำแห่งพระพิโรธเกรี้ยวกราดของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ที่เสื้อคลุมและต้นขาจารึกพระนามของพระองค์ว่า กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย เจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย
วิวรณ์ 19:1-16 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังกระหึ่มดุจดังเสียงฝูงชนจำนวนมากในสวรรค์ร้องว่า “ฮาเลลูยา ความรอดพ้น พระบารมี และอานุภาพ เป็นของพระเจ้าของเรา เพราะการพิพากษาของพระองค์จริงและยุติธรรม พระองค์ได้กล่าวโทษหญิงแพศยาที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งนำพาให้แผ่นดินโลกทำบาปด้วยการผิดประเวณีของนาง พระองค์เรียกคืนจากนางเพื่อชดเชยให้แก่โลหิตของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์” และเขาเหล่านั้นร้องอีกว่า “ฮาเลลูยา ควันไฟที่ไหม้ตัวนางลอยขึ้นชั่วนิรันดร์กาล” บรรดาผู้ใหญ่ 24 ท่านกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ ก็ได้หมอบลงนมัสการพระเจ้าผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ และเขาเหล่านั้นร้องว่า “อาเมน ฮาเลลูยา” และมีเสียงจากบัลลังก์ว่า “ท่านทั้งหลายที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย ท่านที่เกรงกลัวพระองค์ ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย จงสรรเสริญพระเจ้าของเราเถิด” แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงที่ดูเหมือนว่ามาจากฝูงชนจำนวนมาก และเป็นเสียงกึกก้องประดุจเสียงน้ำตก และเหมือนเสียงฟ้าคำรามดังสนั่นหลายครั้ง ร้องว่า “ฮาเลลูยา เพราะพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจอมโยธาของเราครองบัลลังก์อยู่ ขอให้พวกเราชื่นชมยินดีและดีใจ และถวายพระบารมีแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาสมรสของลูกแกะ และเจ้าสาวของพระองค์ได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว เธอได้รับผ้าป่านเนื้อดีสีขาวและบริสุทธิ์ เพื่อสวมใส่” ด้วยว่าผ้าป่านเนื้อดีเป็นสัญลักษณ์แห่งการกระทำอันชอบธรรมของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ครั้นแล้วทูตสวรรค์พูดกับข้าพเจ้าว่า “จงเขียนว่า ‘บรรดาผู้ที่ได้รับเชิญไปรับประทานในงานเลี้ยงสมรสของลูกแกะก็เป็นสุข’” และพูดอีกว่า “นี่เป็นคำพูดอันแท้จริงของพระเจ้า” ข้าพเจ้าก็หมอบลงที่แทบเท้าของท่านเพื่อนมัสการท่าน แต่ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “อย่าทำอย่างนั้น เราเป็นเพื่อนผู้ร่วมรับใช้ด้วยกันกับท่าน และกับพี่น้องของท่านที่ยึดมั่นในคำยืนยันของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้า เพราะคำยืนยันของพระเยซูคือวิญญาณแห่งการเผยความ” ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็เห็นสวรรค์เปิดออก ดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่ม้าตัวนั้นชื่อ “องค์ผู้รักษาคำมั่นสัญญา” และ “องค์ผู้สัตย์จริง” พระองค์กล่าวโทษและทำศึกสงครามด้วยความเที่ยงธรรม พระองค์มีดวงตาประดุจเปลวไฟ บนศีรษะมีมงกุฎหลายองค์ มีชื่อเขียนไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดทราบนอกจากผู้นั้นเอง สวมเสื้อตัวนอกที่จุ่มโลหิต และชื่อของผู้นั้นคือ “คำกล่าวของพระเจ้า” เหล่ากองทัพแห่งสวรรค์ที่กำลังขี่ม้าขาว ก็ติดตามพระองค์ไป สวมผ้าป่านเนื้อดีสีขาวและบริสุทธิ์ ดาบคมที่ออกมาจากปากของพระองค์ฟาดฟันประเทศทั้งปวง “พระองค์จะปกครองพวกเขาด้วยคทาเหล็ก” และจะย่ำเครื่องคั้นน้ำองุ่นของความโกรธกริ้วแห่งการลงโทษของพระเจ้าจอมโยธา พระองค์มีชื่อเขียนไว้ที่เสื้อตัวนอกกับที่ต้นขาของพระองค์ว่า “กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และพระผู้เป็นเจ้าเหนือเจ้าทั้งปวง”