สดุดี 27:1-14
สดุดี 27:1-14 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระยาห์เวห์คือแสงสว่างและผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องไปหวาดกลัวใครอีก พระยาห์เวห์คือที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องไปหวั่นเกรงใครอีก ถ้าคนชั่วโจมตีข้าพเจ้าและพยายามที่จะกินเลือดกินเนื้อข้าพเจ้า พวกปรปักษ์และศัตรูเหล่านั้นก็จะสะดุดล้มลง แม้ว่าจะมีกองทัพตั้งค่ายล้อมข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าจะไม่กลัว ถึงแม้พวกเขามาบุกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยังคงไว้วางใจพระยาห์เวห์อยู่ดี ข้าพเจ้าขอเพียงสิ่งหนึ่งจากพระยาห์เวห์ เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากได้มากที่สุด คือ ขอให้ได้อาศัยอยู่ในวิหารของพระองค์ทุกวันตลอดชีวิต เพื่อข้าพเจ้าจะได้สัมผัสถึงความปรานีของพระยาห์เวห์ และแสวงหาการทรงนำของพระองค์ในวิหารของพระองค์ เพราะพระองค์จะได้ปกป้องข้าพเจ้าไว้ในที่กำบังของพระองค์ในวันที่มีภัยอันตราย พระองค์จะซ่อนข้าพเจ้าไว้ในเต็นท์ของพระองค์ พระองค์จะยกข้าพเจ้าไว้ในที่ปลอดภัยบนผาสูง และตอนนี้ พระยาห์เวห์จะยกหัวของข้าพเจ้าขึ้นเหนือพวกศัตรูที่ล้อมรอบข้าพเจ้าอยู่ ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาพร้อมเสียงโห่ร้องยินดีในวิหารของพระองค์ และข้าพเจ้าจะร้องเพลงและเล่นดนตรีเพื่อถวายเกียรติให้กับพระยาห์เวห์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังเสียงของข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์ โปรดเมตตา และตอบข้าพเจ้าด้วยเถิด จิตใจของข้าพเจ้าบอกข้าพเจ้าว่า “แสวงหาหน้าของพระยาห์เวห์สิ” ดังนั้น พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจึงแสวงหาหน้าของพระองค์อยู่ ดังนั้น ขออย่าซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า โปรดอย่าผลักไสข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ไปด้วยความโกรธ พระองค์ผู้ที่ช่วยข้าพเจ้าเสมอ โปรดอย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าไป พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า โปรดอย่าละทิ้งข้าพเจ้าไป ถึงแม้พ่อแม่จะทิ้งข้าพเจ้าไป แต่พระยาห์เวห์ก็จะรับเลี้ยงข้าพเจ้า ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดสอนทางของพระองค์ให้กับข้าพเจ้า โปรดนำข้าพเจ้าไปตามทางที่ราบรื่น เพราะข้าพเจ้ามีศัตรูมากมาย อย่ามอบข้าพเจ้าไปให้ศัตรูทำตามใจชอบ พยานเท็จยืนขึ้นใส่ร้ายข้าพเจ้า และพวกเขาพยายามทำลายข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ข้าพเจ้าจะได้เห็นพระพรทั้งหลาย ที่พระยาห์เวห์จะให้กับข้าพเจ้าในแผ่นดินของคนเป็นนี้ ให้ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์ ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ ให้ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์
สดุดี 27:1-14 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
พระยาห์เวห์ทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า? พระยาห์เวห์ทรงเป็นที่กำบังอันแข็งแกร่งแห่งชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเกรงผู้ใดเล่า? เมื่อพวกคนชั่วมาหาข้าพเจ้า เพื่อจะกินเนื้อข้าพเจ้า คือบรรดาคู่อริและศัตรูของข้าพเจ้า พวกเขาจะสะดุดและล้มลง แม้กองทัพตั้งค่ายสู้ข้าพเจ้า ใจข้าพเจ้าจะไม่กลัว แม้สงครามถาโถมใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังวางใจพระเจ้าอยู่ ข้าพเจ้าทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระยาห์เวห์ ซึ่งข้าพเจ้าจะเสาะแสวงหา คือที่ข้าพเจ้าจะได้อยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ตลอดวันคืนแห่งชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อจะดูความงามของพระยาห์เวห์ และเพื่อจะพินิจพิจารณาอยู่ในพระวิหารของพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในที่ประทับของพระองค์ ในยามยากลำบาก พระองค์จะทรงกำบังข้าพเจ้าไว้ในที่กำบังแห่งพลับพลาของพระองค์ พระองค์จะทรงตั้งข้าพเจ้าไว้สูงบนศิลา และบัดนี้ศีรษะของข้าพเจ้าจะเชิดขึ้น เหนือบรรดาศัตรูของข้าพเจ้าที่อยู่รอบข้าง และข้าพเจ้าจะถวายเครื่องสัตวบูชาในพลับพลาของพระองค์ด้วยการโห่ร้องยินดี ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและเล่นดนตรีสดุดีพระยาห์เวห์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงฟัง เมื่อข้าพระองค์ร้องทูล ขอทรงพระกรุณาและตรัสตอบข้าพระองค์เถิด ใจของข้าเอ๋ย พระองค์ตรัสกับเจ้าว่า “จงแสวงหาหน้าของเรา” ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์ ขออย่าซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์ อย่าทรงผลักไสผู้รับใช้ของพระองค์ออกไปด้วยความกริ้ว พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ขออย่าทรงละข้าพระองค์หรือทิ้งข้าพระองค์ แม้บิดาและมารดาของข้าพระองค์ทอดทิ้งข้าพระองค์ แต่พระยาห์เวห์จะทรงยกข้าพระองค์ขึ้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ และขอทรงนำข้าพระองค์ไปบนวิถีราบ เนื่องจากศัตรูของข้าพระองค์ ขออย่าทรงมอบข้าพระองค์ให้คู่อริทำตามใจชอบ เพราะพยานเท็จได้ลุกขึ้นสู้ข้าพระองค์ และเขาหายใจออกมาเป็นความทารุณ ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ข้าพเจ้าจะเห็นความดีของพระยาห์เวห์ ในแผ่นดินของคนเป็น จงรอคอยพระยาห์เวห์ จงเข้มแข็ง และให้จิตใจของท่านกล้าหาญเถิด เออ จงรอคอยพระยาห์เวห์
สดุดี 27:1-14 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
พระเยโฮวาห์ทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า พระเยโฮวาห์ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งแห่งชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องเกรงใคร เมื่อคนชั่วได้เข้ามาหาข้าพเจ้าเพื่อจะกินเนื้อข้าพเจ้า คือปฏิปักษ์และคู่อริของข้าพเจ้า เขาได้สะดุดและล้มลง แม้กองทัพตั้งค่ายสู้ข้าพเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าจะไม่กลัว แม้ข้าพเจ้าจะได้รับภัยสงคราม ข้าพเจ้ายังไว้ใจได้อยู่ ข้าพเจ้าทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระเยโฮวาห์ซึ่งข้าพเจ้าจะเสาะแสวงหาเสมอ คือที่ข้าพเจ้าจะได้อยู่ในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ตลอดวันเวลาชั่วชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อจะดูความงามของพระเยโฮวาห์ และเพื่อจะพินิจพิจารณาอยู่ในพระวิหารของพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงซ่อนข้าพเจ้าในที่กำบังของพระองค์ในยามยากลำบาก พระองค์จะปิดข้าพเจ้าไว้ในที่ซ่อนเร้นแห่งพลับพลาของพระองค์ พระองค์จะทรงตั้งข้าพเจ้าไว้สูงบนศิลา และบัดนี้ศีรษะของข้าพเจ้าจะเชิดขึ้นเหนือศัตรูของข้าพเจ้าที่อยู่รอบข้าง ฉะนั้นข้าพเจ้าจะถวายเครื่องสัตวบูชาแห่งการโห่ร้องในพลับพลาของพระองค์ ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและร้องเพลงสรรเสริญแด่พระเยโฮวาห์ โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงสดับเมื่อข้าพระองค์ร้องทูลด้วยเสียงของข้าพระองค์ ขอทรงกรุณาและตรัสตอบข้าพระองค์ พระองค์ตรัสแล้วว่า “จงหาหน้าของเรา” จิตใจของข้าพระองค์ทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ข้าพระองค์จะแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์” ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์ อย่าผลักไสผู้รับใช้ของพระองค์ออกไปเสียด้วยความกริ้ว พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ของข้าพระองค์ โอ ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ขออย่าทรงทิ้งข้าพระองค์ หรือสละข้าพระองค์เสีย แม้บิดาและมารดาของข้าพระองค์ทอดทิ้งข้าพระองค์ แต่พระเยโฮวาห์จะทรงยกข้าพระองค์ขึ้น โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอสอนมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ และทรงนำข้าพระองค์ไปบนวิถีราบ เหตุด้วยศัตรูของข้าพระองค์ ขออย่าทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับปฏิปักษ์ให้เขาทำตามใจชอบ เพราะพยานเท็จได้ลุกขึ้นสู้ข้าพระองค์ และเขาหายใจออกมาเป็นความทารุณ ข้าพเจ้าคงหมดสติไปนอกจากข้าพเจ้าเชื่อว่า ข้าพเจ้าจะเห็นความดีของพระเยโฮวาห์ที่ในแผ่นดินของคนเป็น จงรอคอยพระเยโฮวาห์ จงเข้มแข็ง และพระองค์จะทำให้จิตใจของท่านกล้าหาญ เออ จงรอคอยพระเยโฮวาห์เถิด
สดุดี 27:1-14 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
พระเจ้าทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า พระเจ้าทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งแห่งชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องเกรงใคร เมื่อคนทำชั่วเข้ามาหาข้าพเจ้า เพื่อจะกินเนื้อข้าพเจ้า คือปฏิปักษ์และคู่อริของข้าพเจ้า เขาจะสะดุดและล้มลง แม้กองทัพตั้งค่ายสู้ข้าพเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าจะไม่กลัว แม้ข้าพเจ้าจะได้รับภัยสงคราม ข้าพเจ้ายังไว้ใจได้อยู่ ข้าพเจ้าทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าจะเสาะแสวงหาเสมอ คือที่ข้าพเจ้าจะได้อยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า ตลอดวันเวลาชั่วชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อจะดูความงามของพระเจ้า และเพื่อจะพินิจพิจารณาอยู่ในพระวิหารของพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงซ่อนข้าพเจ้าในที่กำบังของพระองค์ ในยามยากลำบาก พระองค์จะปิดข้าพเจ้าไว้ภายใต้ร่มพลับพลาของพระองค์ พระองค์จะทรงตั้งข้าพเจ้าไว้สูงบนศิลา และบัดนี้ศีรษะของข้าพเจ้าจะเชิดขึ้น เหนือศัตรูของข้าพเจ้าที่อยู่รอบข้าง และข้าพเจ้าจะถวายเครื่องสัตวบูชาในพลับพลาของพระองค์ด้วยการโห่ร้อง ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและถวายสดุดีแด่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงฟัง เมื่อข้าพระองค์ร้องทูล ขอทรงกรุณาและตรัสตอบข้าพระองค์ พระองค์ตรัสแล้วว่า <<จงหาหน้าของเรา>> จิตใจของข้าพระองค์ทูลพระองค์ว่า <<ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์แสวงพระพักตร์ของพระองค์>> ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์ อย่าผลักไสผู้รับใช้ของพระองค์ออกไปเสียด้วยความกริ้ว พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ขออย่าทรงทิ้งข้าพระองค์หรือสละข้าพระองค์เสีย แม้บิดาและมารดาของข้าพระองค์ทอดทิ้งข้าพระองค์ แต่พระเจ้าจะทรงยกข้าพระองค์ขึ้น ข้าแต่พระเจ้า ขอสอนมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ และทรงนำข้าพระองค์ไปบนวิถีราบ เหตุด้วยศัตรูของข้าพระองค์ ขออย่าทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับ ปฏิปักษ์ให้เขาทำตามใจชอบ เพราะพยานเท็จได้ลุกขึ้นสู้ข้าพระองค์ และเขาหายใจออกมาเป็นความทารุณ ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ข้าพเจ้าจะเห็นพระคุณของพระเจ้า ที่ในแผ่นดินของคนเป็น จงรอคอยพระเจ้า จงเข้มแข็ง และให้จิตใจของท่านกล้าหาญเถิด เออ จงรอคอยพระเจ้า
สดุดี 27:1-14 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องเกรงกลัวผู้ใด? องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่กำบังแข็งแกร่งสำหรับชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องหวาดกลัวผู้ใด? เมื่อคนชั่วรุกเข้ามา จะกินเลือดกินเนื้อข้าพเจ้า เมื่อศัตรูและปฏิปักษ์จู่โจมข้าพเจ้า พวกเขาจะสะดุดและล้มลง แม้กองทัพรุมล้อมข้าพเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าก็จะไม่หวาดกลัว แม้ศึกสงครามจู่โจมข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยังจะเชื่อมั่น สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าทูลขอองค์พระผู้เป็นเจ้า สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าใฝ่หา คือการที่ข้าพเจ้าจะได้อยู่ในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อชื่นชมความงามขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเพื่อแสวงหาพระองค์ในพระวิหารของพระองค์ เพราะในยามทุกข์ยาก พระองค์จะทรงปกปักรักษาข้าพเจ้าไว้อย่างปลอดภัยในที่ประทับของพระองค์ พระองค์จะทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มพลับพลาของพระองค์ และจะทรงตั้งข้าพเจ้าไว้สูงบนศิลา แล้วข้าพเจ้าจะได้รับการเชิดชูเหนือบรรดาศัตรูที่รุมล้อมข้าพเจ้า ในพลับพลาของพระองค์ ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาพร้อมด้วยเสียงโห่ร้องยินดี ข้าพเจ้าจะขับร้องและบรรเลงเพลงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดฟังเมื่อข้าพระองค์ร้องทูล ขอทรงกรุณาและตอบข้าพระองค์เถิด ใจของข้าพระองค์บอกว่า “จงแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์!” ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์จะแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์ ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์จากข้าพระองค์ โปรดอย่าทรงผลักไสผู้รับใช้ของพระองค์ออกไปด้วยความกริ้ว เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยของข้าพระองค์ตลอดมา ข้าแต่พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ ขออย่าทรงทอดทิ้งหรือละจากข้าพระองค์ไป แม้บิดามารดาทอดทิ้งข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรับข้าพเจ้าไว้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสอนทางของพระองค์แก่ข้าพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในทางตรง เนื่องจากมีผู้ข่มเหงข้าพระองค์ ขออย่าทรงปล่อยข้าพระองค์ให้เป็นไปตามความปรารถนาของศัตรู เพราะพยานเท็จลุกขึ้นมากล่าวหาข้าพระองค์ และระบายความโหดร้ายทารุณออกมา ข้าพเจ้ายังคงเชื่อมั่นในข้อนี้ คือข้าพเจ้าจะได้เห็นความดีขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในดินแดนของผู้มีชีวิต จงรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงเข้มแข็งและกล้าหาญ จงรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
สดุดี 27:1-14 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระผู้เป็นเจ้าเป็นแสงสว่างและความรอดพ้นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลัวใครเล่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่หลบภัยของชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะหวั่นกลัวผู้ใด เวลาคนชั่วต่อต้านเพื่อทำร้าย ดั่งจะกลืนกินข้าพเจ้า เวลาฝ่ายตรงข้ามและศัตรูโจมตีข้าพเจ้า พวกเขาจะพลาดและล้มลง แม้จะมีกองทัพตีวงล้อมข้าพเจ้า ใจข้าพเจ้าก็ไม่หวาดหวั่น แม้จะมีใครก่อศึกรุกรานข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยังจะมีความมั่นใจ มีสิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าวอนขอจาก พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งข้าพเจ้าแสวงหา คือขอให้ได้อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ชั่วชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อทอดสายตาดูความงามสง่าของพระผู้เป็นเจ้า และใคร่ครวญอยู่ในพระวิหารของพระองค์ เพราะพระองค์จะซ่อนข้าพเจ้าไว้ ในที่กำบังของพระองค์ในยามคับขัน พระองค์จะช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัยอยู่ในกระโจมของพระองค์ และยกข้าพเจ้าไว้บนศิลาสูง มาบัดนี้ศีรษะข้าพเจ้าจะถูกยก ให้สูงเหนือศัตรูรอบข้าง และข้าพเจ้าจะมอบเครื่องสักการะโดยส่งเสียงร้องแสดงความยินดีในกระโจมของพระองค์ ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและบรรเลงเพลงแด่พระผู้เป็นเจ้า โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังในยามข้าพเจ้าตะโกนร้อง โปรดเมตตาข้าพเจ้า และตอบข้าพเจ้า ใจข้าพเจ้าบอกว่า “มาเถิด มาแสวงหาพระองค์เถิด” โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ โปรดอย่าซ่อนหน้าของพระองค์ไปเสียจากข้าพเจ้าเลย ขออย่าผลักไสผู้รับใช้ของพระองค์ในเวลาที่พระองค์กริ้ว พระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า อย่าขับไล่ข้าพเจ้า อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้า โอ พระเจ้าแห่งความรอดพ้นของข้าพเจ้า ถึงแม้ว่าบิดามารดาทอดทิ้งข้าพเจ้าไป พระผู้เป็นเจ้าก็จะรับข้าพเจ้าไว้ โอ พระผู้เป็นเจ้า สอนข้าพเจ้าให้รู้วิถีทางของพระองค์เถิด และนำข้าพเจ้าไปบนทางเรียบ เหตุเพราะศัตรู อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้าม ด้วยว่า พวกพยานเท็จได้ลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า และทุกลมหายใจของเขาคือความโหดร้าย ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะเห็นความกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า ในดินแดนของคนเป็น จงรอคอยพระผู้เป็นเจ้า จงเข้มแข็งและมีใจกล้าหาญ จงรอคอยพระผู้เป็นเจ้า