มาระโก 14:17-42

มาระโก 14:17-42 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​ถึง​ตอนเย็น พระเยซู​มา​ถึง​บ้าน​หลัง​นั้น​พร้อม​กับ​พวก​ศิษย์​เอก​ทั้ง​สิบสอง​คน ใน​ขณะ​ที่​กำลัง​กิน​อยู่​นั้น พระเยซู​พูด​ว่า “เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า คน​หนึ่ง​ใน​พวก​คุณ​จะ​หักหลัง​เรา และ​เขา​ก็​นั่ง​กิน​อยู่​กับ​เรา​ที่​นี่​ด้วย” พวก​ศิษย์​รู้สึก​เป็น​ทุกข์​มาก ต่าง​คน​ต่าง​ก็​ถาม​พระองค์​ว่า “คง​ไม่​ใช่​ผมนะ​อาจารย์” พระเยซู​จึง​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “คน​หนึ่ง​ใน​พวก​คุณ​สิบ​สอง​คน​นี่​แหละ คน​ที่​จุ่ม​ขนมปัง​ใน​ชาม​เดียว​กับ​เรา บุตร​มนุษย์​จะ​ต้อง​ตาย​เหมือน​กับ​ที่​พระคัมภีร์ ได้​เขียน​ไว้​แล้ว แต่​คน​ที่​ได้​หักหลัง​บุตร​มนุษย์​นั้น​น่า​ละอาย​จริงๆ ถ้า​เขา​ไม่​ได้​เกิด​มา​ก็​คง​จะ​ดี​กว่า” ขณะ​ที่​กำลัง​กิน​อาหาร​อยู่​นั้น พระเยซู​ได้​หยิบ​ขนมปัง​ขึ้น​มา​ขอบคุณ​พระเจ้า จาก​นั้น​ก็​หัก​แบ่ง​ให้​พวก​ศิษย์​แล้ว​พูด​ว่า “รับ​ไป​กิน​สิ นี่​คือ​ร่างกาย​ของ​เรา” แล้ว​พระองค์​หยิบ​ถ้วย​ขึ้น​มา​ขอบคุณ​พระเจ้า​และ​ยื่น​ให้​กับ​พวก​ศิษย์ พวก​เขา​ก็​ได้​ดื่ม​จาก​ถ้วย​นั้น​ทุก​คน แล้ว​พระองค์​พูด​ว่า “นี่​คือ​เลือด​ของ​เรา พระเจ้า​ทำ​สัญญา​ขึ้น​มา​ด้วย​เลือดนี้ มัน​ได้​หลั่งไหล​ออก​มา​เพื่อ​คน​เป็น​จำนวน​มาก เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า เรา​จะ​ไม่​ดื่ม​เหล้า​องุ่น​อีก​เลย​จน​กว่า​จะ​ถึง​วัน​นั้น​ที่​เรา​จะ​ดื่ม​เหล้า​องุ่น​ใหม่​ใน​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า” เมื่อ​พวก​เขา​ได้​ร้องเพลง​สรรเสริญ​พระเจ้า​แล้ว ก็​ออก​ไป​ที่​ภูเขา​มะกอกเทศ พระเยซู​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “พวก​คุณ​จะ​ทิ้ง​เรา​ไป​กัน​หมด​ทุก​คน เพราะ​มี​คำ​เขียน​ไว้​แล้ว​ว่า ‘เรา​จะ​ฆ่า​คน​เลี้ยง​แกะ และ​แกะ​นั้น​ก็​จะ​กระเจิด​กระเจิง​ไป’ แต่​เมื่อ​เรา​ฟื้นขึ้น​จาก​ความตาย เรา​จะ​ล่วงหน้า​พวก​คุณ​ไป​ที่​แคว้น​กาลิลี​ก่อน” แต่​เปโตร​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “ถึง​คน​อื่น​จะ​ทิ้ง​อาจารย์​ไป​หมด ผม​ก็​จะ​ไม่​มี​วัน​ทิ้ง​อาจารย์​ไป​อย่าง​เด็ดขาด” พระเยซู​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “เรา​จะ​บอก​ให้​ว่า คืนนี้​แหละ​ก่อน​ไก่​ขัน​ครั้ง​ที่​สอง คุณ​จะ​พูด​ว่า​ไม่​รู้จัก​เรา​สาม​ครั้ง” แต่​เปโตร​ก็​ยัง​ยืนยัน​เสียงแข็ง​ว่า “ถึง​ผมจะ​ต้อง​ตาย​กับ​อาจารย์ ผม​ก็​ไม่​มี​วัน​พูด​ไม่​รู้จัก​อาจารย์” และ​พวก​ศิษย์​ทั้งหมด ก็​พูด​อย่าง​เดียว​กัน พวก​เขา​มา​ถึง​สถานที่​แห่ง​หนึ่ง​เรียกว่า เกทเสมนี พระเยซู​บอก​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “นั่ง​คอย​อยู่​ที่​นี่​นะ เรา​จะ​ไป​อธิษฐาน” พระองค์​พา​เปโตร ยากอบ และ​ยอห์น​ไป​ด้วย แล้ว​พระองค์​ก็​เริ่ม​โศกเศร้า​เสียใจ​และ​เป็น​ทุกข์​ยิ่ง​นัก จึง​บอก​พวก​เขา​ว่า “เรา​ทุกข์ใจ​มาก​จน​แทบ​จะ​ตาย​อยู่​แล้ว ให้​ตื่น​และ​เฝ้า​ระวัง​อยู่” พระองค์​เดิน​ห่าง​ออก​ไป​อีก​หน่อย​หนึ่ง แล้ว​ซบ​หน้า​ลง​กับ​พื้นดิน อธิษฐาน​ว่า ถ้า​เป็น​ไป​ได้​ขอ​ให้​เวลา​แห่ง​ความ​ทุกข์ยาก​นี้​ผ่าน​พ้น​ไป​จาก​พระองค์ พระองค์​พูด​ว่า “อับบา พระบิดา ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​เป็น​ไป​ได้​สำหรับ​พระองค์ ขอ​ช่วย​เอา​ถ้วย แห่ง​ความ​ทุกข์ยาก​นี้​พ้น​ไป​จาก​ลูก​ด้วย​เถิด แต่​ขอ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ใจ​พระบิดา ไม่​ใช่​ตาม​ใจ​ลูก” แล้ว​พระองค์​ก็​เดิน​กลับ​มา เห็น​พวก​ศิษย์​นอนหลับ​อยู่ พระองค์​จึง​พูด​กับ​เปโตร​ว่า “ซีโมน ยัง​จะ​หลับ​อยู่​อีก​หรือ คุณ​จะ​ตื่น​เป็น​เพื่อน​เรา​สัก​ชั่วโมง​ไม่​ได้​เลย​หรือ พวก​คุณ​ต้อง​เฝ้า​ระวัง​และ​อธิษฐาน จะ​ได้​ไม่​แพ้​ต่อ​การยั่วยวน ถึง​แม้​จิตใจ​อยาก​จะ​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​ถูกต้อง แต่​ร่างกาย​ก็​ยัง​อ่อนแอ​อยู่” พระองค์​เดิน​ไป​อธิษฐาน​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​และ​พูด​เหมือน​เดิม พอ​เดิน​กลับ​มา ก็​เจอ​พวก​ศิษย์​ยัง​นอนหลับ​อยู่ เปลือกตา​เขา​หนัก​อึ้ง​ลืม​ไม่​ขึ้น เขา​ไม่​รู้​จะ​พูด​อะไร​กับ​พระองค์ ต่อมา​พระองค์​ก็​เดิน​กลับ​มา​ดู​พวก​เขา​อีก​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม และ​พูด​ว่า “ยัง​นอน​หลับ​พักผ่อน​กัน​อยู่​อีก​เหรอ นอน​พอ​แล้ว ชั่วโมง​ที่​บุตร​มนุษย์​จะ​ถูก​หักหลัง​ให้​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​พวก​คน​บาปนั้น​มา​ถึง​แล้ว ลุก​ขึ้น​ไป​กัน​เถอะ นั่นไง คน​ที่​หักหลัง​เรา​มา​ถึง​แล้ว”

มาระโก 14:17-42 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน ขณะกำลังประทับและเสวยอาหารอยู่นั้น พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา เป็นคนที่ร่วมรับประทานอาหารกับเรา” พวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์และทูลถามพระองค์ทีละคนว่า “เป็นข้าพระองค์หรือ?” พระองค์จึงตรัสตอบพวกเขาว่า “เป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนนี้ เป็นคนที่จิ้มในชามเดียวกับเรา เพราะบุตรมนุษย์จะต้องไปตามที่เขียนไว้เกี่ยวกับท่าน แต่วิบัติแก่คนที่ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้นไม่ได้เกิดมาจะดีกว่า” ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา เมื่อขอพระพรแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า “จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา” แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย เมื่อขอบพระคุณแล้วจึงส่งให้พวกเขา พวกเขาก็รับไปดื่มทุกคน แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเราซึ่งเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่จะต้องหลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลของเถาองุ่นอีกต่อไปจนกว่าจะถึงวันนั้น คือวันที่เราจะดื่มใหม่ในแผ่นดินของพระเจ้า” เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว พวกเขาก็พากันไปที่ภูเขามะกอกเทศ พระเยซูตรัสกับพวกสาวกว่า “พวกท่านทุกคนจะทิ้งเรา เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’ แต่หลังจากพระเจ้าทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนพวกท่าน” เปโตรทูลพระองค์ว่า “แม้ว่าทุกคนจะทิ้งพระองค์ แต่ข้าพระองค์จะไม่ทิ้งพระองค์” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ในวันนี้คือในคืนนี้เอง ก่อนไก่ขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แต่เปโตรทูลยืนยันว่า “แม้ว่าข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย” เหล่าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน แล้วพระเยซูกับเหล่าสาวกมายังที่แห่งหนึ่งชื่อเกทเสมนี พระองค์ตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะที่เราไปอธิษฐาน” พระองค์ก็พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล้วพระองค์ทรงเป็นทุกข์และหนักพระทัยอย่างยิ่ง จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่ที่นี่เถิด” แล้วเสด็จต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่ดินอธิษฐานว่าถ้าเป็นได้ขอให้ชั่วโมงนี้ผ่านพ้นไปจากพระองค์ พระองค์ทูลว่า “อับบา (พ่อ) ทุกสิ่งเป็นได้สำหรับพระองค์ ขอโปรดให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” เมื่อเสด็จกลับมา พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพวกสาวกนอนหลับอยู่ จึงตรัสกับเปโตรว่า “ซีโมนเอ๋ย ท่านยังนอนหลับหรือ? จะเฝ้าอยู่สักชั่วโมงเดียวไม่ได้หรือ? ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อจะไม่ถูกการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง” พระองค์จึงเสด็จไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง ตรัสถ้อยคำเหมือนครั้งก่อน เมื่อเสด็จกลับมาอีกก็ทอดพระเนตรเห็นพวกสาวกนอนหลับอยู่ เพราะตาของพวกเขาลืมไม่ขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าจะทูลพระองค์อย่างไร เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สาม พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังจะนอนพักเหนื่อยต่อไปอีกหรือ? พอเถอะ นี่แน่ะ เวลาที่บุตรมนุษย์ถูกมอบไว้ในมือของคนบาปนั้นมาถึงแล้ว ลุกขึ้นไปกันเถิด คนที่ทรยศเรามาใกล้แล้ว”

มาระโก 14:17-42 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ครั้นถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์​จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน เมื่อกำลังเอนกายลงรับประทานอาหารอยู่ พระเยซู​จึงตรั​สว​่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา คือคนหนึ่งที่รับประทานอาหารอยู่กับเรานี่​แหละ​” ฝ่ายพวกสาวกก็เริ่มพากันเป็นทุกข์ และทูลถามพระองค์​ที​ละคนว่า “คือข้าพระองค์​หรือ​” และอีกคนหนึ่งถามว่า “คือข้าพระองค์​หรือ​” พระองค์​จึงตรัสตอบเขาว่า “เป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนนี้ คือเป็นคนจิ้มในจานเดียวกั​นก​ับเรา เพราะบุตรมนุษย์จะเสด็จไปตามที่​ได้​มี​คำเขียนไว้ถึงพระองค์นั้นจริง แต่​วิบัติ​แก่​ผู้​ที่​ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้​นม​ิ​ได้​บังเกิดมาก็จะเป็นการดีต่อคนนั้นเอง” ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซู​ทรงหยิบขนมปังมา ทรงขอบพระคุ​ณ แล​้วหักส่งให้​แก่​เหล่​าสาวกตรั​สว​่า “จงรั​บก​ินเถิด นี่​เป็นกายของเรา” แล​้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วย ขอบพระคุณและส่งให้​เขา เขาก็รับไปดื่​มท​ุกคน แล​้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “​นี่​เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อคนเป็​นอ​ันมาก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่​มน​้ำผลแห่งเถาองุ่นนี้ต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง คือวั​นที​่เราจะดื่มใหม่ในอาณาจักรของพระเจ้า” เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว พระองค์​กับเหล่าสาวกก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ พระเยซู​จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ท่านทั้งหลายจะสะดุดใจเพราะเราในคืนนี้​เอง ด้วยมีคำเขียนไว้​ว่า ‘เราจะตี​ผู้​เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’ แต่​เมื่อทรงชุบให้เราฟื้นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิ​ลีก​่อนหน้าท่าน” เปโตรทูลพระองค์​ว่า “​แม้​คนทั้งปวงจะสะดุดใจ ข้าพระองค์จะไม่​สะดุดใจ​” พระเยซู​จึงตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในวันนี้ คือคืนนี้​เอง ก่อนไก่จะขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แต่​เปโตรทูลแข็งแรงทีเดียวว่า “​ถึงแม้​ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์​ก็​จะไม่ปฏิเสธพระองค์​เลย​” เหล่​าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน พระเยซู​กับเหล่าสาวกมายังที่​แห่งหน​ึ่งชื่อเกทเสมนี และพระองค์ตรัสแก่สาวกของพระองค์​ว่า “จงนั่งอยู่​ที่นี่​ขณะเมื่อเราอธิษฐาน” พระองค์​ก็​พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล​้วพระองค์ทรงเริ่มวิตกยิ่งและหนักพระทัยนัก จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่​ที่นี่​เถิด​” แล​้วพระองค์เสด็จดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่​ดิ​นอธิษฐานว่า ถ้าเป็นได้​ให้​เวลานั้นล่วงพ้นไปจากพระองค์ พระองค์​ทูลว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า พระองค์​ทรงสามารถกระทำสิ่งทั้งปวงได้ ขอเอาถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์​เถิด แต่​ว่าอย่าให้เป็นตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่​ให้​เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” พระองค์​จึงเสด็จกลับมาทรงพบเหล่าสาวกนอนหลั​บอย​ู่ และตรัสกับเปโตรว่า “​ซี​โมนเอ๋ย ท่านนอนหลับหรือ จะคอยเฝ้าอยู่สักชั่วเวลาหนึ่งไม่​ได้​หรือ ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อท่านจะไม่ต้องถูกการทดลอง จิ​ตใจพร้อมแล้​วก​็​จริง แต่​เนื้อหนังยั​งอ​่อนกำลัง” พระองค์​จึงเสด็จไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง ทรงกล่าวคำเหมือนคราวก่อน ครั้นพระองค์เสด็จกลับมาก็ทรงพบสาวกนอนหลั​บอย​ู่​อีก (เพราะตาเขาลืมไม่​ขึ้น​) และเขาไม่​รู้​ว่าจะทูลประการใด เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สามพระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “​เดี๋ยวนี้ ท่านจงนอนต่อไปให้หายเหนื่อย พอเถอะ ดู​เถิด เวลาซึ่​งบ​ุตรมนุษย์ต้องถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือของคนบาปนั้นมาถึงแล้ว ลุ​กขึ้นไปกันเถิด ดู​เถิด ผู้​ที่​จะทรยศเรามาใกล้​แล้ว​”

มาระโก 14:17-42 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ครั้นถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน เมื่อกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะอายัดเราไว้ คือคนหนึ่งที่นั่งรับประทานอาหารอยู่กับเรานี่แหละ>> ฝ่ายพวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์ และทูลถามพระองค์ทีละคนว่า <<คือข้าพระองค์หรือ>> พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า <<เป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนนี้ คือเป็นคนจิ้มในชามเดียวกันกับเรา เพราะบุตรมนุษย์จะเสด็จไปตามที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ ว่าด้วยพระองค์นั้น แต่วิบัติแก่ผู้ที่จะอายัดบุตรมนุษย์ไว้ ถ้าคนนั้นมิได้บังเกิดมาก็จะดีกว่า>> ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา เมื่อถวายคำสาธุการแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า <<จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา>> แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยโมทนาพระคุณ และส่งให้เขา เขาก็รับไปดื่มทุกคน แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า <<นี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิต แห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อคนเป็นอันมาก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีก จนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มใหม่ในแผ่นดินของพระเจ้า>> เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว เขาก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ พระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า <<ท่านทุกคนจะทิ้งเรา ด้วยมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า <เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป> แต่เมื่อทรงชุบให้เราฟื้นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนหน้าท่าน>> เปโตรทูลพระองค์ว่า <<แม้คนทั้งปวงจะทิ้งพระองค์ ข้าพระองค์จะทิ้งก็หามิได้>> พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในคืนนี้เอง ก่อนไก่จะขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง>> แต่เปโตรทูลแข็งแรงทีเดียวว่า <<ถึงแม้ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย>> เหล่าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน พระเยซูกับเหล่าสาวกมายังที่แห่งหนึ่งชื่อเกทเสมนี พระองค์ตรัสแก่สาวกของพระองค์ว่า <<จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะเมื่อเราอธิษฐาน>> พระองค์ก็พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล้วพระองค์ทรงวิตกยิ่งและหนักพระทัยนัก จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า <<ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่ที่นี่เถิด>> แล้วเสด็จดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่ดินอธิษฐานว่า ถ้าเป็นได้ให้การย์แห่งกาลนี้ล่วงพ้นไปจากพระองค์ พระองค์ทูลว่า <<อับบา พระบิดาเจ้าข้า พระองค์อาจทรงกระทำสิ่งทั้งปวงได้ ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่ว่าอย่าให้เป็นตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์>> จึงเสด็จกลับมา ทรงเห็นเหล่าสาวกนอนหลับอยู่ และตรัสกับเปโตรว่า <<ซีโมนเอ๋ย ท่านนอนหลับหรือ จะคอยเฝ้าอยู่สักทุ่มเดียวไม่ได้หรือ ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง>> พระองค์จึงเสด็จไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง ทรงกล่าวคำเหมือนคราวก่อน ครั้นเสด็จกลับมาก็ทรงเห็นสาวกนอนหลับอยู่ เพราะตาเขาลืมไม่ขึ้นและเขาไม่รู้ว่าจะทูลประการใด เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สาม พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า <<ท่านยังจะนอนต่อไปให้หายเหนื่อยอีกหรือ พอเถอะ นี่แน่ะเวลาซึ่งบุตรมนุษย์ต้องถูกอายัดไว้ในมือคนบาปนั้นมาถึงแล้ว ลุกขึ้นไปกันเถิด ผู้ที่อายัดเรามาใกล้แล้ว>>

มาระโก 14:17-42 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

พอพลบค่ำพระเยซูเสด็จมาพร้อมกับสาวกทั้งสิบสองคน ขณะที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหารพระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าคนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา คือผู้ที่กำลังรับประทานอาหารกับเรา” เหล่าสาวกก็เสียใจและทูลพระองค์ทีละคนว่า “ไม่ใช่ข้าพระองค์แน่ใช่ไหม?” พระเยซูตรัสว่า “เขาเป็นหนึ่งในสาวกสิบสองคน เป็นคนที่หยิบอาหารจุ่มในชามเดียวกับเรา บุตรมนุษย์จะต้องไปตามที่มีเขียนไว้แต่วิบัติแก่ผู้นั้นที่ทรยศบุตรมนุษย์! ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาก็ยังจะดีกับตัวเขาเองมากกว่า” ขณะรับประทานอาหารพระเยซูทรงหยิบขนมปัง ทรงขอบพระคุณพระเจ้าแล้วหักส่งให้เหล่าสาวกพร้อมทั้งตรัสว่า “จงรับไปรับประทานเถิด นี่เป็นกายของเรา” แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ทรงขอบพระคุณพระเจ้าและยื่นให้กับพวกเขา และพวกเขาทุกคนก็ดื่ม พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่คือโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งหลั่งรินเพื่อคนเป็นอันมาก เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นนี้อีกจนกว่าจะถึงวันนั้นที่เราดื่มใหม่ในอาณาจักรของพระเจ้า” เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้วพวกเขาก็ออกไปยังภูเขามะกอกเทศ พระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกว่า “พวกท่านจะทิ้งเราไปกันหมด เพราะมีเขียนไว้ว่า “ ‘เราจะฟาดฟันคนเลี้ยงแกะ และแกะจะกระจัดกระจายไป’ แต่หลังจากที่เราเป็นขึ้นเราจะไปยังกาลิลีก่อนหน้าท่าน” เปโตรประกาศว่า “ถึงใครๆ ทิ้งพระองค์ไปหมดแต่ข้าพระองค์จะไม่ทิ้งพระองค์” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าวันนี้คืนนี้ก่อนไก่ขันสองหนท่านเองจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แต่เปโตรยังยืนยันแข็งขันว่า “ถึงแม้ข้าพระองค์ต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่มีวันปฏิเสธพระองค์” แล้วสาวกที่เหลือก็พูดแบบเดียวกัน พวกเขามายังที่แห่งหนึ่งเรียกว่าเกทเสมนี พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะที่เราไปอธิษฐาน” พระองค์ทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปกับพระองค์ด้วย ทรงเศร้าโศกและเป็นทุกข์ยิ่งนัก พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จิตวิญญาณของเราท่วมท้นด้วยความเศร้าโศกทุกข์หนักแทบจะตาย จงเฝ้าระวังอยู่ที่นี่” พระองค์ทรงดำเนินเลยไปอีกหน่อยหนึ่งแล้วซบลงที่พื้นและทรงอธิษฐานว่าหากเป็นไปได้ขอให้ชั่วโมงนั้นผ่านพ้นไปจากพระองค์ พระองค์ทรงทูลว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับพระองค์ ขอทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพระองค์ อย่างไรก็ตามอย่าให้เป็นไปตามใจของข้าพระองค์แต่ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์” แล้วพระองค์ทรงกลับมาหาสาวกเหล่านั้นและพบว่าพวกเขานอนหลับอยู่จึงตรัสกับเปโตรว่า “ซีโมน ท่านหลับอยู่หรือ? จะคอยเฝ้าระวังอยู่สักชั่วโมงเดียวไม่ได้เชียวหรือ? จงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อท่านจะไม่ตกเข้าไปอยู่ในการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริงแต่กายยังอ่อนกำลัง” แล้วพระองค์เสด็จไปอธิษฐานอย่างเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเสด็จกลับมาก็พบว่าพวกเขายังคงหลับอยู่เพราะเขาง่วงมากจนลืมตาไม่ขึ้น พวกเขาไม่รู้จะทูลพระองค์ว่าอย่างไร เมื่อทรงกลับมาเป็นครั้งที่สามพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังนอนหลับพักผ่อนอยู่อีกหรือ? พอเถอะ! ถึงเวลาแล้ว ดูเถิด บุตรมนุษย์กำลังจะถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือของคนบาปแล้ว ลุกขึ้น! ไปกันเถิด! ผู้ทรยศเรามาแล้ว!”

มาระโก 14:17-42 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

เมื่อ​ถึง​เวลา​เย็น​พระ​องค์​จึง​มา​กับ​สาวก​ทั้ง​สิบ​สอง ขณะ​ที่​เอน​กาย​ลง​รับประทาน​กัน​ที่​โต๊ะ พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เจ้า​จะ​ทรยศ​เรา เขา​คือ​คน​ที่​กำลัง​รับประทาน​ร่วม​กับ​เรา” พวก​เขา​เริ่ม​เศร้า​ใจ​และ​พูด​กับ​พระ​องค์​ที​ละ​คน​ว่า “เป็น​ข้าพเจ้า​หรือ​เปล่า” พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “เป็น 1 ใน 12 คน​ที่​จิ้ม​ขนมปัง​ร่วม​กับ​เรา​ใน​ถ้วย​นี้ เพราะ​ว่า​บุตรมนุษย์​ต้อง​ไป​ตาม​ที่​มี​บันทึก​ไว้​เกี่ยว​กับ​ท่าน แต่​วิบัติ​จะ​เกิด​กับ​คน​ที่​ทรยศ​บุตรมนุษย์ ถ้า​คน​นั้น​ไม่​ได้​มา​เกิด​ก็​จะ​ดี​กว่า” ขณะ​ที่​เขา​เหล่า​นั้น​กำลัง​รับประทาน​กัน​อยู่ พระ​องค์​หยิบ​ขนมปัง​มา กล่าว​ขอบคุณ​พระ​เจ้า แล้ว​ก็​บิ​เป็น​ชิ้น ยื่น​ให้​แก่​พวก​เขา​พลาง​กล่าว​ว่า “จง​รับ​เถิด นี่​เป็น​กาย​ของ​เรา” เมื่อ​พระ​องค์​หยิบ​ถ้วย​และ​กล่าว​ขอบคุณ​พระ​เจ้า​แล้ว พระ​องค์​จึง​ยื่น​ให้​แก่​พวก​สาวก และ​เขา​ทุก​คน​ก็​ดื่ม​กัน และ​พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “นี่​เป็น​โลหิต​แห่ง​พันธ​สัญญา​ของ​เรา ซึ่ง​หลั่ง​ออก​ให้​แก่​คน​จำนวน​มาก เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า เรา​จะ​ไม่​ดื่ม​น้ำ​จาก​ผล​ของ​เถา​องุ่น​อีก​จน​กว่า​จะ​ถึง​วัน​นั้น คือ​วัน​ที่​เรา​จะ​ดื่ม​ใหม่​ใน​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า” หลัง​จาก​ที่​ได้​ร้อง​เพลง​สรรเสริญ​กัน​แล้ว​ก็​พา​กัน​ออก​ไป​ยัง​ภูเขา​มะกอก พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ทุก​คน​จะ​ละ​ทิ้ง​เรา เพราะ​มี​บันทึก​ไว้​ว่า ‘เรา​จะ​ฟาดฟัน​ผู้​เลี้ยง​ดู​ฝูง​แกะ และ​บรรดา​แกะ​จะ​กระจัด​กระจาย​ไป’ แต่​หลัง​จาก​ที่​เรา​ได้​ฟื้น​คืน​ชีวิต​แล้ว เรา​จะ​ไป​ล่วงหน้า​พวก​เจ้า​ยัง​แคว้น​กาลิลี” แต่​เปโตร​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ถึง​แม้​ว่า​ทุก​คน​จะ​ละ​ทิ้ง​พระ​องค์ ข้าพเจ้า​ก็​จะ​ไม่​ทำ​เช่น​นั้น” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า ใน​คืน​วัน​นี้​เอง​ก่อน​ไก่​จะ​ขัน 2 ครั้ง เจ้า​จะ​ปฏิเสธ 3 ครั้ง​ว่า​เจ้า​ไม่​รู้จัก​เรา” แต่​เปโตร​พูด​อย่าง​หนักแน่น​ว่า “ถึง​แม้​ข้าพเจ้า​จะ​ต้อง​ตาย​ไป​ด้วย​กับ​พระ​องค์ ข้าพเจ้า​ก็​จะ​ไม่​ปฏิเสธ​พระ​องค์” และ​ต่าง​ก็​พูด​เป็น​เสียง​เดียว​กัน​อย่าง​นั้น​ทุก​คน พระ​เยซู​และ​เหล่า​สาวก​มา​ยัง​ที่​แห่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​เรียก​ว่า​เกทเสมนี พระ​องค์​กล่าว​กับ​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า “จง​นั่ง​ลง​ที่​นี่​ขณะ​ที่​เรา​อธิษฐาน” พระ​องค์​พา​เปโตร ยากอบ​และ​ยอห์น​ไป​ด้วย และ​พระ​องค์​เจ็บปวด​รวดร้าว​และ​หนักใจ​มาก พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “จิตใจ​ของ​เรา​เป็น​ทุกข์​เจียน​ตาย จง​อยู่​ตรง​นี้ และ​เฝ้าคอย​เถิด” พระ​องค์​เดิน​เลย​พวก​เขา​ไป​เล็ก​น้อย​แล้ว​ซบ​หน้า​ลง​ที่​พื้น​ดิน แล้ว​อธิษฐาน​ว่า​ถ้า​เป็น​ไป​ได้ ขอ​ให้​เวลา​นั้น​ล่วง​พ้น​ไป​จาก​พระ​องค์ พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “อับบา พระ​บิดา ทุก​สิ่ง​เป็น​ไป​ได้​สำหรับ​พระ​องค์ โปรด​เอา​ถ้วย​นี้​ไป​จาก​ข้าพเจ้า​เถิด ถึง​กระนั้น ขอ​อย่า​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​ข้าพเจ้า แต่​ขอ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​พระ​องค์​เถิด” พระ​องค์​มา​พบ​ว่า​พวก​เขา​กำลัง​นอน​หลับ​กัน จึง​กล่าว​กับ​เปโตร​ว่า “ซีโมน เจ้า​นอน​หลับ​หรือ เจ้า​จะ​คอย​เฝ้า​สัก​ชั่วโมง​เดียว​ไม่​ได้​หรือ จง​คอย​เฝ้า​และ​อธิษฐาน​เถิด​ว่า พวก​เจ้า​จะ​ไม่​ตก​อยู่​ใน​สิ่ง​ยั่วยุ ฝ่าย​วิญญาณ​มี​ความ​ตั้งใจ​ดี แต่​ฝ่าย​เนื้อหนัง​กลับ​อ่อนแอ” พระ​องค์​เดิน​ออก​ไป​อธิษฐาน​อีก กล่าว​คำ​อธิษฐาน​เหมือน​เดิม แล้ว​พระ​องค์​กลับ​มา​อีก​ก็​พบ​ว่า​พวก​เขา​นอน​หลับ​กัน เพราะ​ง่วง​จน​ลืม​ตา​ไม่​ขึ้น​เลย​และ​ไม่​รู้​ว่า​จะ​ตอบ​พระ​องค์​อย่างไร พระ​องค์​กลับ​มา​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม และ​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ยัง​นอน​หลับ​และ​พักผ่อน​อยู่​หรือ พอ​แล้ว ถึง​เวลา​แล้ว ดู​เถิด บุตรมนุษย์​กำลัง​ถูก​ทรยศ​ส่ง​มอบ​ไว้​ใน​มือ​ของ​พวก​คน​บาป จง​ลุก​ขึ้น ไป​กัน​เถิด ดู​สิ คน​ทรยศ​เรา​เข้า​มา​ใกล้​แล้ว”